Share

บทที่ 32

last update Last Updated: 2025-02-20 09:46:37

สิ่งที่จินซีจ่าวกล่าวมานั้น ทำให้ฉือหย่งหลิงชะงักไป หากนับรวมเวลาสองวัน ขี่ม้าเร็วเดินทางจากแดนเหนือ ก็เป็นเวลาห้าวันแล้ว ทหารที่อยู่ทางนั้นคงจะพักฟื้นร่างกาย จนใกล้พร้อมที่จะทำทำสงคราม กับกบฏชายแดนอีกครั้งแล้ว หั้วชินอ๋องถึงได้ส่งสารมาเรียกตัวเขากลับไป

“สามวัน”

“อะไรหรือขอรับ”

“ส่งสารกลับไปให้ท่านอ๋อง อีกสามวันข้าจะกลับไป”

เมื่อกล่าวจบแม่ทัพหนุ่มก็ใช่วิชาตัวเบา กระโดดจากระเบียงหอประจำการ ไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งทันที ทิ้งให้จินซีจ่าวยืนงงกับท่าทีของผู้เป็นนายอยู่เพียงลำพัง เพราะหากเป็นเมื่อก่อน ท่านแม่ทัพก็คงจะรีบขึ้นควบม้า มุ่งหน้ากลับไปยังแดนเหนือทันที ตามนิสัยของผู้ที่ในชีวิตนี้สนใจแต่สนามรบ และการตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง การลอบสังหารบิดามารดาเท่านั้น

แต่ดูท่าในวันนี้ ท่านแม่ทัพคงจะมีเรื่องอื่นให้คิด เพอ่มขึ้นมาแล้วแล้วกระมัง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ขอต่อเวลา อยู่ที่นี่ไม่อีกสามวันเช่นนี้อย่างแน่นอน

 “หึ ข้าน้อยจะรอดู ว่าท่านจะหลอกตัวเอง ว่าไม่ได้สนใจใยดี ฮูหยินของท่านไปได้อีกนานแค่ไหน”

ณ เรือนผู้นำหมู่บ้าน…

“ท่านแม่นี่ก็ดึกแล้ว เหตุใดท่านถึงยังไม่นอน”

จินซือจูสังเกตเห็นตะเกียงในห้องโถงยังคงเปิดอยู่ ทั้งที่เวลานี้เป็นเวลาที่คนในบ้าน ควรจะเข้านอนกันหมดแล้ว นางจึงได้ออกจากห้องมาดูว่าเป็นผู้ใดที่อยู่ด้านนอก ถึงได้เห็นว่ามารดาของตน กำลังนั่งทำบางสิ่งอยู่

“แม่กำลังปักผ้าอยู่น่ะ แล้วเจ้าล่ะ ยังไม่นอนอีกหรือ”

“ข้าเห็นไฟข้างนอกยังไม่ดับ ข้าก็เลยลุกออกมาดู ท่านแม่กำลังปักผ้าอะไรหรือเจ้าคะ”

“ก็ปักผ้าที่จะเอาไปตัดชุดใส่ ในงานเลี้ยงต้อนรับฮูหยินฉือฟางอิน กับคุณชายน้อยเฟิ่งเฉียนนะสิ นี่แม่ก็เตรียมไว้ให้เจ้าด้วยนะ เป็นลายดอกเหมยฮวาตรงนี้ เจ้าว่างามหรือไม่”

“งามเจ้าค่ะ ข้ามิเห็นรู้ว่าท่านปักลายดอกไม้อื่น ที่ไม่ใช่ลายดอกบัวได้ด้วย”

“อ้อ ลายดอกเหมยฮวานี่ เมื่อตอนบ่ายฮูหยินฉือฟางอิน เป็นคนสอนแม่กับท่านป้าท่านน้าคนอื่นๆ ในหมู่บ้านน่ะ”

“ฮูหยินฉือฟางอินอีกแล้วหรือเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินบุตรสาวกล่าววาจาเสียงแข็ง จินซีหลันจึงได้เงยหน้าขึ้นมามองบุตรสาว ที่กำลังใช้สายตาจ้อง มาที่ลายดอกเหมยฮวาไม่วางตา พร้อมกับกำมือทุกของข้างเอาไว้แน่น

“ซือจู บุรุษในแดนตะวันออกนั้นมีอีกมากมายนัก”

“ท่านแม่…”

“แม่แค่อยากบอกให้เจ้ารู้ไว้ ว่าชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่าย เหมือนอย่างตำราชีวิตรักเล่มเก่า ที่เจ้าเคยอ่านหรอกนะ การแกร่งแย่งชิงดีไม่เคยนำพาความสุขมาให้ใคร ตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังไม่สาย แม่อยากเห็นเจ้ามีความสุข มากกว่าการต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต เพราะเลือกทางเดินผิด เจ้าเข้าใจที่แม่พูดหรือไม่”

“…”

“ซือจู”

“ข้าขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ”

จินซีหลันได้แต่ทอดถอนใจ สิ่งที่นางกล่าวอาจจะดูใจร้ายกับบุตรสาวของตน เพราะนางเองก็เกิดมาเป็นสตรี ย่อมเข้าใจความรู้สึกของาตรีด้วยกัน เมื่อยามปักใจรักใคร่ในชายคนใดไปแล้ว ก็ยากที่จะตัดใจไปจากเขา แต่ทว่ารักครั้งนี้เป็นรักที่ผิด ในฐานะที่นางเป็นแม่นางจึงควรต้องสั่งสอนบุตรสาว ไม่ให้เข้าไปทำลายครอบครัวของใคร

เช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศในหมู่บ้าน คึกคักเป็นพิเศษตั้งแต่เช้า ชาวบ้านทุกต่างวางมือจากงานของตนเอง เพื่อมาช่วยกันจัดเตรียมงานเลี้ยง ที่จะเกิดขึ้นคืนนี้กันอย่างขะมักเขม้น จนฉือฟางอินที่เป็นแขกสำคัญในงาน อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ นางจึงอุ้มเฉียนเอ๋อร์ออกจากเรือนมาหาชาวบ้าน เพราะมาช่วยพวกเขาเตรียมงานอีกแรง แต่เมื่อมาถึงแล้วนางกลับทำได้แค่นั่งดูเท่านั้น

“ไม่ได้เจ้าค่ะ งานนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อท่านกับคุณชาย ท่านอยู่เฉยๆ จนกว่างานจะเริ่มเถิดนะเจ้าคะ”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉือฟางอินได้แต่พยักหน้ารับ แล้วปลีกตัวกลับเรือนไป เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานเลี้ยง เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนค่ำ งานเลี้ยงต้อนรับจึงได้เริ่มขึ้น แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ดื่มดำ กับรสชาติของอาหารและสุรา

ฉือฟางอินในฐานะที่เป็นแขกคนสำคัญในงาน นางจะต้องทำพิธีกราบไหว้เทพซาฮว๋า เทพเจ้าแห่งป่าเขาที่ชาวบ้านในแดนตะวันออก ต่างให้ความเคารพนับถือ เพื่อฝากตัวให้เทพเจ้าซาฮว๋า ช่วยคุ้มครองนางและบุตรชาย จากนั้นก็เป็นช่วงเวลา ของธรรมเนียมประจำหมู่บ้าน โดยชาวบ้านทุกคนจะเดินมาทักทาย พร้อมกับมอบดอกไม้ให้ฉือฟางอินทีละคนจนครบ จากนั้นก็ได้เวลานั่งล้อมวงกินอาหาร และดื่มสุราเฉลิมฉลอง

“ฮูหยินลองกินนี่สิเจ้าคะ นี่คือไก่อบสมุนไพรสูตรเฉพาะของแดนตะวันออกเจ้าค่ะ”

“ได้สิท่านป้า อื้ม รสชาติดีมากทีเดียว”

“เช่นนั้นก็กินเยอะๆ เลยนะเจ้าคะ อาหารมากมายนี้ พวกเราตั้งใจทำให้ท่าน อย่างสุดฝีมือเลยเจ้าค่ะ”

“ขอบใจพวกท่านทุกคนมาก ว่าแต่ข้าไม่ยักรู้ว่าบุรุษที่นี่ จะมีความสามารถ ทางด้านการแสดงเครื่องสายด้วย”

 “เป็นความสามารถเฉพาะตัว ของบุรุษแดนตะวันออกเจ้าค่ะ พวกเขาล้วนแล้วแต่เก่ง เรื่องการแสดงดนตรีกันทุกคน”

เป็นความรู้ใหม่ที่ฉือฟางอินได้รู้ ในตลอดระยะเวลาเกือบสองปี ที่นางใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในฐานะฮูหยินของฉือหย่งหลิง เพราะความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาที่ไม่ลงรอยกัน นางจะหวังให้คนผู้นั้นมาอธิบายสิ่งใดให้นางฟังได้อย่างไร แค่จะพูดดีด้วยก็ยังไม่สามารถทำได้เลยสักครั้ง

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว นางก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคนอย่างฉือหย่งหลิงนั้น จะสามารถเล่นดนตรีได้อย่างบุรุษเหล่านี้หรือไม่ ‘จิ้! แล้วข้าอยากรู้เรื่องของคนผู้นั้นทำไมกัน!’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status