Share

บทที่ 33

last update Last Updated: 2025-02-20 09:47:23

ฉือฟางอินรีบไล่ความคิด ที่มีต่อฉือหย่งหลิงออกไป นางไม่ควรเอาความคิดตนเอง ไปเกี่ยวข้องกับคนใจร้ายคนนั้น ให้เสียบรรยากาศงานเลี้ยง ที่ชาวตั้งใจจัดให้นางกับเฉียนเอ๋อร์ หลังจากมื้ออาหารและดนตรีผ่านไป ก็ถึงเวลาที่ของการร่ำสุราชมการแสดงของเหล่านางรำ ที่หั้วชินอ๋องสั่งให้คนจัดหามาให้ เพื่อให้แน่ใจว่าคณะนางรำที่จ้างวานในคืนนี้ จะไม่สร้างความเดือนร้อน ให้กับคนหมู่บ้านหั้วห่าวได้ในภายหลัง

“ฮ้าว...อือ...”

“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าง่วงนอนแล้วหรือ”

          เจ้าตัวน้อยดิ้นเอาตัวหันเข้าหาอกอุ่น พยายามใช้มือน้อยๆ ลูบไปมาที่อกอุ่นของนาง เป็นการแสดงให้รู้ว่าเวลานี้ เขาทั้งง่วงและหิวเต็มทีแล้ว หลังจากที่นั่งดูผู้ใหญ่กินอาหารอยู่นาน

“ฮูหยิน ท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ”

“เฉียนเอ๋อร์ดูท่าจะง่วงนอนเต็มที จะเป็นไรหรือไม่หากข้าจะขอตัวกลับเรือนก่อน”

“แต่การแสดงพึ่งจะเริ่มขึ้นเองนะเจ้าคะ อีกอย่างตามธรรมของหมู่บ้านแล้ว คืนนี้ท่านจะต้องร่ำสุรา เพื่อถวายแก่เทพซาฮว๋าด้วยเจ้าคะ”

พลันได้ยินจินซีหลันกล่าวดังนั้น ใบหน้าของฉือฟางอินก็ฉายแววหนักใจขึ้นมาทันที การร่ำสุราตามธรรมเนียมหมู่บ้านนี้ จินซือโจวได้บอกกับนางเอาไว้ก่อนแล้ว แต่เป็นตัวนางเองที่มัวแต่ตื่นเต้น จนลืมสิ่งที่ตนเองจะต้องทำในไป

“เอาอย่างนี้ดีไหมเจ้าคะ ท่านพาคุณชายน้อยไปพักผ่อนที่เรือนแม่เฒ่าลี่ก่อนดีไหมเจ้าคะ”

เรือนของแม่เฒ่าลี่ ห่างจากลานแห่งนี้เพียงไม่กี่ก้าว หากว่าหลังเฉียนเอ๋อร์ กินนมจนหลับสนิทแล้ว จะฝากเขาไว้กับแม่เฒ่าลี่และท่านน้าอี้ซวาง ให้ช่วยดูแลระหว่างที่นางต้องร่ำสุรา ตามธรรมเนียมหมู่บ้านก็คงจะไม่เป็นไร

“เช่นนั้นข้าขอตัวสักครู่”

“ให้ข้าพาไปนะเจ้าคะ”

“ไม่ต้องหรอกท่านป้า ท่านอยู่ในงานคอยดูแลคนอื่นๆ ดีกว่า ข้าเดินไปเองได้”

“เจ้าค่ะฮูหยิน เดินระวังนะเจ้าคะ”

ฉือฟางอินลุกจากที่นั่งอย่างระมัดระวัง แล้วเดินตรงไปยังเรือนของแม่เฒ่าลี่ เมื่อเดินไกลจากบริเวณงานเลี้ยงมาเรื่อยๆ จนเสียงดนตรีในงานค่อยๆ เบาลง นางก็ได้ยินเสียงใครบางคน กำลังพูดคุยกันอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ บริเวณที่นางต้องเดินผ่านไปยังบ้านของแม่เฒ่าลี่

จึงพยายามเดินให้เบาที่สุด เพราะไม่อยากรบกวนคนทั้งสอง  แต่ทว่าตอนที่กำลังจะเดินผ่านไปแล้ว ฉือฟางอินกลับต้องหยุดเท้าของตัวเอง เพราะเสียงสนทนาที่ได้ยินนั้น เป็นเสียงของฉือหย่งหลิงและจินซีจ่าว ด้วยความอยากรู้ว่าทั้งสองคน กำลังสนทนาเรื่องอะไรกันอยู่

 “นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ท่านมีสิ่งใดจะฝากฝังอีกหรือไม่ขอรับ”

“เรื่องความปลอดภัย ข้ามั่นใจว่าที่นี่ปลอดภัยสำหรับเฉียนเอ๋อร์ ส่วนเรื่องความเป็นอยู่ของเขา ข้าคิดว่าจะให้คนพาแม่นมหลี่ แม่นมประจำตัวของเขา เข้ามาดูแลด้วยอีกคน”

“แต่เอ…ท่านแม่ทัพเคยกล่าวไว้มิใช่หรือขอรับ ว่าคนในจวนของท่านที่ไม่ได้เป็นคนจากหมู่บ้านหั้วห่าว พวกเขามิได้รู้ถึงการมีอยู่ของหมู่บ้านมิใช่หรือขอรับ”

“ใช่ แต่แม่นมหลี่มาจากสกุลที่สืบเชื้อสาย การเป็นแม่นมให้กับจวนสกุลฉือมานาน นางจึงเป็นคนที่ไว้ใจได้”

“แต่ว่าในหมู่บ้านนี้ ก็มีแม่เฒ่าลี่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ การเป็นแม่นมในวังหลวงอยู่แล้วนะขอรับ สตรีคนอื่นๆ ในหมู่บ้านต่างก็ได้ความรู้ในการเลี้ยงเด็กจากนางกันมาเกือบทุกคน ข้าน้อยว่ามิต้องลำบากให้แม่นมหลี่ต้องหลบซ่อนตัวจากผู้อื่น เพื่อมาอยู่ที่นี่หรอกขอรับ 

ข้าเชื่อว่าแม่เฒ่าลี่ ท่านแม่ของข้าและสตรีในหมู่บ้านคนอื่นๆ สามารถช่วยฮูหยิน ดูแลคุณชายน้อยได้อย่างดีขอรับ แต่ความจริงถึงไม่มีคนอื่นๆ คอยช่วย ฮูหยินก็สามารถดูแลคุณชายได้ดีอยู่แล้วนะขอรับ”

“นางน่ะหรือจะเป็นแม่ที่ดีให้ลูกได้ น่าขันสิ้นดี”

“ทำไมท่านแม่ทัพถึงพูดเช่นนั้นล่ะขอรับ หากนางมาได้ยินเข้า จะเสียใจเอาได้นะขอรับ”

ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามคำพูดที่จินซีจ่าวเอ่ยออกมาจริงๆ เพราะแม้ฉือฟางอินจะพยายาม ทำเป็นไม่สนใจคนผู้นั้นอย่างไร แต่ส่วนลึกภายในใจก็ไม่อาจห้ามให้ตนเอง ไม่เจ็บปวดกับคำพูดของฉือหย่งหลิงไม่ได้ วาจาร้ายกาจของเขายังคงดังอยู่ในหูเช่นนั้น ราวกับจะย้ำเตือนให้นางเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีวันจบสิ้น 

แต่เอาเถิด ในเมื่อการกลับมาเกิดใหม่ในชีวิตนี้ เป้าหมายสำคัญที่สุดสำหรับนาง ก็คือการเป็นแม่ที่ดีให้กับเฉียนเอ๋อร์ แม้จะเจ็บปวดกับวาจาร้ายๆ ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่เพื่อเจ้าก้อนหมั่นโถวที่กำลังดูดนมจากอกนางอยู่นี้แล้วนั้น ต่อให้คนผู้นั้นจะใจร้ายกว่านี้ก็ไม่เป็นไร นางจึงข่มความเสียใจเอาไว้ แล้วรีบพาเฉียนเอ๋อร์ไปยังเรือนของแม่เฒ่าลี่ทันที

“ท่านแม่เฒ่า ข้ามาขอรบกวนท่านเจ้าค่ะ”

ที่เรือนของแม่เฒ่าได้ถูกตกแต่งไปด้วย โคมไฟและดอกไม้ เหมือนกับในงานเลี้ยง เนื่องจากแม่เฒ่าลี่ไม่สามารถ เข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วยได้ จินซือโจวจึงสั่งให้ชาวบ้าน ช่วยกันจัดพื้นที่หน้าเรือนแม่เฒ่าลี่ ให้เหมือนกับในงานเลี้ยง

“ไม่รบกวนๆ มาๆ เข้ามาสิ เจ้าหนูน้อยหลับไปแล้วหรือ”

“หลับแล้วเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็พาเข้าไปนอนในห้องเถิด ข้าให้อี้ซวางเตรียมที่นอนเอาไว้ให้เขาแล้ว”

“มีคนมาบอกท่านก่อนแล้วหรือเจ้าคะ ว่าข้าจะพาเฉียนเอ๋อร์มาหาท่านที่นี่”

“ไม่มีผู้ใดบอก แต่ข้ารู้ ว่าอย่างไรแล้ว เจ้าจะต้องมาหาข้าอย่างแน่นอน”

ฉือฟางอินไม่อาจเข้าใจในคำของแม่เฒ่าลี่ ว่าเหตุใดแม่เฒ่าถึงได้รู้ว่านางจะต้องมาที่นี่ ภายในใจได้แต่ภาวนา ขออย่าให้เกิดมีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างนี้เลย แต่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่โดยที่รู้ว่ามีคนผู้หนึ่ง จงเกลียดจงชังนางอยู่ ไหนจะเมื่อครู่นี้ ที่ได้ยินฉือหย่งหลิงพูดจาไม่รักษาน้ำใจกันนั่นอีก เท่านี้นางก็ใช้ชีวิตยากพอแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status