วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกของมหาวิทยาลัยแอล หลิว ถิงถิงได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ที่หอพักนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เธอมีรูมเมทอีกสองคน คนแรกคือจ้าวซือซือ เพื่อนสนิทจากโรงเรียนเดิม ส่วนอีกคนคือเฉิน เหม่ยหาน เฉินเหม่ยหานเป็นคนเมืองเค ซึ่งอยู่ห่างไปจากเมืองแอลค่อนข้างไกล เธอเป็นสาวแว่นและเป็นเด็กเรียนพอสมควร
“ถิงถิง เธอใช่ไหมที่เป็นเด็กในอุปการะของคุณชายซือ” นักศึกษาสาวคนหนึ่งเอ่ยถามหลิวถิงถิงขึ้น หลังจากที่เข้ามานั่งเรียนคาบแรก หลิว ถิงถิงพยักหน้ารับ “เธอเคยเจอคุณชายซือตัวจริงไหมอะ ฉันได้ยินมาว่าคุณชายซือหล่อมากเลยนะ แถมอายุเพิ่งจะ30ปีนี้เอง” เพื่อนสาวในห้องเอ่ยถาม “ไม่จ้ะ ฉันยังไม่เคยเจอเขาเลย” ถิงถิงตอบพร้อมกับส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้ “เห้อ น่าเสียดายจัง ฉันได้ยินว่ารุ่นพี่เคยเห็นตัวจริงแล้ว หล่อมากเลยแหละ น่าเสียดายที่เธอเป็นเด็กทุนของเขาแท้ๆกลับยังไม่เคยเจอตัวจริง” สาวสวยคนนั้นบ่นออกมาก่อนที่จะเดินจากไป “ท่าทางจะบ้า ก็แค่คนที่เขาให้ทุนปะวะ เขาจะต้องมาเจอทำไมกัน” เป็นจ้าวซือซือที่อดจะหัวเสียแทนเพื่อนรักไม่ได้ “ไม่เอาน่า ซือซือ เขาก็แค่อยากรู้เลยมาถามเราแค่นั้นเอง” ถิงถิงบอก ก่อนที่จะสนใจหนังสือเรียนในมือต่อไป เฉิน เหม่ยหาน ลอบมองใบหน้าสวยหวานของเพื่อนสาวคนใหม่อย่างรู้สึกดี เพื่อนคนนี้น่าคบ เธอจะคบหลิวถิงถิงเอาไว้ คาบแรกผ่านไปอย่างราบรื่น ชีวิตวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยของเด็กสาววัย18ย่าง19 มันย่อมเป็นอะไรที่แปลกใหม่ โดยเฉพาะการที่ต้องแยกจากครอบครัวออกมาอยู่หอพักกันตามลำพัง สำหรับคนอื่นถือว่าอาจจะเป็นเรื่องที่ลำบาก แต่สำหรับหลิวซือซือ เธอรู้สึกมีความสุขที่ได้ออกมาอยู่ข้างนอก เพราะบ้านที่เคยอบอุ่นนั้น มันไม่ได้มีความอบอุ่นมาเนิ่นนานแล้ว ความอบอุ่นมันได้กลายเป็นอดีตตั้งแต่ที่เธอสูญเสียมารดาไป บิดาก็มีภรรยาใหม่แทบจะทันที ราวกับว่าคนทั้งคู่นั้นแอบคบหาดูใจกันมาก่อนแล้ว ใหม่ๆหยินเยว่ภรรยาใหม่ของบิดานั้นดีกับเธอมาก จนสองปีถัดมาที่หยินเยว่มีหลิวซือเยว่ที่กลายเป็นน้องสาวต่างมารดา เธอก็หมดความสำคัญ จากแม่เลี้ยงที่แสนดีกลายเป็นแม่เลี้ยงที่เอาแต่กดขี่และโขกสับเธอ ณ โรงอาหารของมหาวิทยาลัยแอล สาวน้อยหน้าหวานกำลังต่อแถวเพื่อรอซื้ออาหารอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกสองคน หลิวถิงถิง เป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เธอจะตกเป็นเป้าสายตา และเป็นที่สนใจของหนุ่มๆในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่เพราะหลายๆคนรู้ว่าเธอเป็นเด็กทุน มีฐานะทางบ้านไม่ดี ผู้ชายส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะเลิกสนใจในตัวเธอ ผิดกับเพื่อนรักอย่างจ้าวซือซือที่เป็นลูกคุณหนู ฐานะทางบ้านร่ำรวย เรียกว่าติดอันดับท๊อปเท็นของเมืองแอลเลยก็ว่าได้ หนุ่มๆจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาจีบเธอแทน ถึงแม้จะชอบหลิวซือซือมากกว่าก็ตาม “ซือซือ พี่ซื้อน้ำมาฝากครับ” เสียงทุ้มดังมาจากรุ่นพี่ปีสามรูปหล่อดาวของคณะวิศวะ แก้วน้ำส้มถูกวางลงบนโต๊ะที่สามสาวใช้นั่งทานอาหาร จ้าวซือซือเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่จะขอบคุณด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันซื้อทานเองได้ วันหลังไม่ต้องลำบากนะคะ” จ้าวซือซือบอกพร้อมกับจ้องใบหน้าหล่อของรุ่นพี่ “อะ..เอ่อ ค่ะ..ครับ” หนุ่มหล่อรู้สึกหน้าเสียทันทีก่อนที่จะหันหน้าไปมองสาวสวยหน้าหวานที่กำลังนั่งทานอาหารอย่างไม่สนใจคนรอบข้างมากนัก นี่สินะหลิวถิงถิง เขาลอบมองเธอก่อนที่จะได้ยินเสียงกระแอมไอจากผู้หญิงที่เขาสนใจมาตั้งแต่ต้น “อะแฮ่ม... ขอโทษค่ะ มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่ขอเวลาส่วนตัวให้พวกเราด้วยค่ะ” จ้าวซือซือพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เฉินเหม่ยหานมองเพื่อนสาวอย่างทึ่งๆไม่คิดว่าจ้าวซือซือจะกล้าพูดกับรุ่นพี่แบบนี้ แถมอีกฝ่ายยังมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ ในขณะที่หลิวถิงถิงก็ตั้งใจทานอาหารอย่างไม่สนใจใคร เธอไม่ชอบทำให้ตัวเองเป็นที่สนใจและเธอไม่ชอบเสวนากับพวกผู้ชาย หลินเจียอีได้สติจึงดึงสายตากลับมาสนใจที่จ้าวซือซืออีกครั้ง “ถ้างั้นพี่ขอตัวก่อนครับ” หลินเจียอีเอ่ยลา จ้าวซือซือพยักหน้ารับ หลินเจียอีเดินจากไปหลังจากที่โดนปฏิเสธ ใช่จ้าวซือซือมีสิทธ์ที่จะปฏิเสธ เพราะเธอก็จัดได้ว่าสวยและรวยมากของเมืองแอล “เจ๋งอะ ซือซือ ฉันนี่อดทึ่งในตัวเธอไม่ได้จริงๆฮ่าๆ” เฉินเหม่ยหานเอ่ยขึ้นกลั้วหัวเราะ “ก็คนไม่ชอบอะ มาเรียนไม่ได้มาสร้างสัมพันธไมตรีกับพวกผู้ชาย” จ้าวซือซือตอบพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แคร์ “แกก็ตรงเกินไปแล้วล่ะซือซือ ถ้าพี่เค้าไม่พอใจขึ้นมา ตอนรับน้องล่ะโดนแกล้งแย่เลย” หลิวถิงถิงเอ่ยขึ้นอย่างกังวล “อย่ากังวลไปเลยนะถิงถิง ฉันไม่กลัวหรอก อีกอย่างพี่เขาอยู่วิศวะไม่ได้มาเกี่ยวอะไรกับคณะของเราหรอก” จ้าวซือซือเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันก็ได้แต่หวังว่าอย่างนั้นนะซือซือ” หลิวถิงถิงเอ่ยพร้อมส่ายหน้างามไปมาอย่างเหนื่อยใจกับความที่เป็นคนตรงๆของเพื่อนรัก สามสาวนั้นไม่ได้เรียนคณะเดียวกัน หลิวถิงถิงนั้นเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จ้าวซือซือนั้นเรียนคณะนิเทศศาสตร์ และเฉินเหม่ยหานนั้นเรียนคณะจิตวิทยา เรียกได้ว่าคนละคณะแต่ก็มาสนิทกันได้อย่างง่ายดาย ด้วยทั้งสามคนพักอยู่หอพักเดียวกัน ห้องเดียวกัน เป็นรูมเมทกัน เฉินเหม่ยหานนั้นเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง แต่ก็เข้ากับทั้งสองสาวได้เป็นอย่างดี เพราะหลิวถิงถิงกับจ้าวซือซือนั้นเป็นคนจริงใจน่าคบ ที่สำคัญเวลาที่อยู่ในหอพักทั้งสองสาวจะไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือของเพื่อนสาวคนใหม่คนนี้เลย จึงทำให้คบหากันได้แบบสบายใจ ทางด้านคุณชายซือที่ตอนนี้กำลังมาตรวจงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตอนเหนือของเมืองแอล เขามีนัดทานอาหารกับบุตรสาวของคู่ค้าในตอนเย็น ทั้งๆที่ไม่อยากไปแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เสียทีเดียว เพราะคู่ค้าคนนี้ค่อนข้างสำคัญ แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาเจอกับเขารับรองว่าเธอจะเผ่นแทบไม่ทัน “คุณชายซือครับ ชุดที่ให้เตรียมมาส่งแล้วครับ” ต้าฉินเข้ามารายงานผู้เป็นนาย “อืม.... เอาเข้ามาเลย นี่เหลืออีกกี่ชั่วโมงจะถึงเวลานัด” ซือมู่อันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขณะที่สายตายังจับจ้องมองแทปแลตราคาแพงของตนอยู่ “อีกสองชั่วโมงครับ” ต้าฉินบอกขณะเดินกลับมาจากนำชุดที่แม่บ้านนำมาส่งให้ที่หน้าประตูเข้าไปเก็บด้านในห้องแต่งตัวของโรงแรมเรียบร้อยแล้ว “นายครับคืนนี้จัดไหมครับ” จางหลงเอ่ยถามอย่างรู้ใจ “อืม เหมือนเดิม อย่าให้มีปัญหาตามมาทีหลังอย่างเดียว แค่จ่ายเงินแล้วก็ให้จบกัน” เสียงเย็นชาดังออกมาจากปากบางสีกุหลาบ จางหลงรับคำสั่งก่อนที่จะไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านาย เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติของหนุ่มโสดเช่นเขา ผู้ชายในวัยกลัดมันเช่นเขาถ้าไม่ได้ปลดปล่อยเลยก็คงจะแย่ เขาไม่นิยมรับเลี้ยงดูใคร แต่เขานิยมครั้งเดียวจบและไม่กลับไปกินซ้ำอีก ถึงแม้อีกฝ่ายจะสวยเด็ด ลีลาดีขนาดไหน ก็ไม่มีใครทำให้เขาเปลี่ยนใจได้สักคน พอได้เวลานัด ซือมู่อันในชุดสูทสีดำทั้งตัว ทรงผมจัดแต่งอย่างดูดี ใบหน้าคมคายหล่อเหลา จมูกโด่งรับด้วยปากบางสีกุหลาบ ทุกท่วงท่าอิริยาบถของเขาทำให้สาวๆที่เป็นลูกค้าของร้านอาหารต่างมองมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน ด้านหลังมีสองบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเช่นเจ้านายยืนคุมเชิงอยู่ รอเพียงไม่นานก็มีชายสูงวัยร่างท้วมเดินเคียงคู่มากับผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีทอง ขับกับผิวขาว ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจากแบรนด์ดังจนเข้ม เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีดำ ความสวยและเซ็กซี่ของเจ้าหล่อนไม่ได้ทำให้คุณชายซือนั้นหวั่นไหวแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ ผู้หญิงแบบเธอเขาเห็นมานักต่อนัก คนแบบเขามันไม่มีหัวใจ หากใครหวังความรักจากคนเย็นชาแบบเขาก็คงต้องผิดหวังไปตามๆกัน“ยินดีด้วยนะลี่หลิน คุณจางหลง ในที่สุดก็จะลงเอยกันเสียที” เจ้าของร้านคนสวยเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวทันทีที่เห็นคู่รักเดินเข้ามาในงานเลี้ยงขนาดเล็กภายในร้านของเธอ วันนี้ร้านของเธอปิดทำการขายหนึ่งวัน และได้นำขนมบางส่วนไปให้เด็กๆ ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ทาน ส่วนสามีสุดหล่อแถมสายเปย์ก็มอบทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในนามของตระกูลซือ“จ้ะ ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน” ลี่หลินเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาจับมือเพื่อนสาวคนสวยที่ราศีคุณนายจับ ผิวขาวเนียนผุดผ่องตามประสาคนไม่ค่อยโดนแสงแดด“มันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า จริงไหมคะคุณจางหลง” ซือถิงถิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเอ่ยถามบอดี้การ์ดมือซ้ายของสามีหนุ่มยิ้มๆ “ใช่ครับคุณนาย” จางหลงตอบพร้อมยิ้มกว้างออกมา ‘อันที่จริงก็เพราะคุณนายหนีไปทำงานที่เมืองเอ็มอยู่กับลี่หลินนั่นแหละครับผมถึงได้เจอเธอ’ จางหลงคิดในใจหากแต่เขาไม่พูดออกมาเพราะการหนีไปครั้งนั้นของเธอทำให้คุณชายซือผู้ที่เคยเย็นชาของเขากลับกลายเป็นคุณชายซือผู้คลั่งรักและแสนอบอุ่นกับภรรยาและลูกๆ ทั้งสองในวันนี้ สองหนุ่มสาวทักทายเจ้าของร้านคนสวยอยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้
5 ปีผ่านไป สองแฝดน้อยเติบโตมาเป็นเด็กดี และด้วยไอคิวและอีคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปเลยทำให้ทั้งสองเด็กน้อยถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ทั้งลู่ชิงและลู่เหลียนต่างเป็นที่รักของครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนๆ ทั้งชั้นเรียน เพราะความเก่ง ฉลาด และมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ถือว่าตนอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือสูงส่ง ลู่ชิงและลู่เหลียนมีเพื่อนตั้งแต่ตระกูลธรรมดาไปจนถึงลูกเจ้าของบริษัท“แม่ครับ วันนี้ผมขอไปเตะบอลกับต้าเฟยนะครับ” เสียงเล็กๆ ของบุตรชายเอ่ยดังขึ้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ต้าเฟยคือบุตรชายของต้าฉิน กับหลินหลิน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในทันทีทำให้สองเด็กน้อยมีอายุห่างกันแค่สิบเดือนเท่านั้น“แล้วลู่เหลียนจะไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ลู่ชิง” น้องสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีเอ่ยถามพี่ชายขึ้นเพราะต้าเฟยนั้นก็เป็นผู้ชาย เด็กวัยเดียวกันกับเธอนั้นไม่มีเลย มีก็แต่น้องซูหนี่ว์ บุตรสาวของคุณน้าซือซือ ซุปตาร์สาวเพื่อนของมารดาที่อายุน้อยกว่าเธอไปถึงสามปี น้องเพิ่งจะได้สองขวบ เพราะคุณน้าซือซือเพิ่งตกลงแต่งงานกับคุณลุงเจียอีที่ตามจีบคุณน้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เอาอย่างนี้ไหมคะลูก เดี๋ยวลู่เหลียนไปที
“ชอบเขาหรอวะจางหลง” ต้าฉินโพล่งถามขึ้นมาทันที จางหลงที่ยกน้ำขึ้นมากระดกพอดีน้ำแทบจะพุ่งพรวดออกจากปาก มือหนายกขึ้นมาเช็ดปากก่อนที่จะหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของไอ้เพื่อนสนิท “เออ...ว่าแต่อาการของข้ามันมองออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” จางหลงเอ่ยถามขึ้นเสียงหลง “มาก ไม่ค่อยแสดงออกเลยฮ่าๆๆ” “เออ..ใครมันจะไปเก็บความรู้สึกเก่งแบบแก ระวังเถอะ ระวังสุนัขคาบไปรับประทาน แม่นักข่าวสาวเพื่อนสนิทของแกน่ะ” จางหลงไม่ยอมให้เพื่อนมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียว เลยเอาความลับที่รู้มาแขวะเพื่อนกลับไปเช่นกัน ต้าฉินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกใจ “เฮ้ย!! แล้วแกรู้ได้ไงวะ ฉันไม่เคยแสดงออกเลยนะ” ต้าฉินอุทานพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “ก็แกน่ะคบผู้หญิงสักคนที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่หลินหลินคนเดียวที่แกคุยด้วย โถ่!! ไอ้ต้าฉินอย่าคิดว่าแกถือไพ่เหนือกว่าคนเดียวสิวะ ขนาดเรื่องนี้คุณชายยังรู้เลยฮ่าๆๆๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต้าฉินตาเบิกโพลงเขาไม่คิดว่าคุณชายผู้ที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ แต่ดันมารู้เรื่องของหัวใจที่เขาปิดบังเอาไว้สองหนุ่มหยอกล้อกันระหว่างที่นั่งคุมเชิงอยู่หน้าห้องพักฟื้นVVIPของคุณนายซือ
หกเดือนต่อมา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันที่สองแฝดน้อยได้กำหนดการในการลืมตามาดูโลก คุณนายใหญ่ดูจะเป็นผู้ที่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด ด้วยยังไม่รู้ว่าหลานๆ ของตนนั้นเป็นเพศไหน เพราะทั้งบุตรชายและสะใภ้ต่างอยากจะรอลุ้นในวันคลอดทีเดียว ผู้เป็นย่าจึงทำได้แค่เพียงรอคอยและเตรียมชื่อไว้ให้สองแฝดเท่านั้น ซือมู่อันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาคอยทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ภรรยาสาวมาเป็นอย่างดี แถมเขายังงดเรื่องบนเตียงมาได้เกือบสามเดือนแล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกน้อยทั้งสอง ซือถิงถิงเคยพูดเล่นให้เขาไปทำแบบเดิมช่วงที่เธอไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ แต่ผู้ชายแบบเขาก็ไม่มีทางผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับภรรยาเด็ดขาด เขาเลือกที่จะช่วยตนเองและออกกำลังกาย แทนการไปปลดปล่อยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะพี่ตงตง ถิงถิงเข้าห้องคลอดไปนานหรือยังคะ” เสียงหวานจากซุปตาร์สาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้เอ่ยทักทายครอบครัวของเพื่อนสนิท ก่อนที่จะถามถึงเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อ้าว สวัสดีจ้ะหนูซือซือ เข้าไปได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นว่าจะคลอดเองนะ แม่ก็อดท
หลิวถิงถิงเขินจนหน้าแดง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของสามีหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และหันไปมองสองบอดี้การ์ดหนุ่มข้างหลังก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองไปทางอื่นเลยถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งใจที่สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ทันเห็น แต่หารู้ไม่ว่าริมฝีปากหนาของทั้งจางหลงและต้าฉินยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่แผนกบัญชีและการเงิน ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างสง่างาม พร้อมด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างจางหลงที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณนายซือ สี่สาวและสองหนุ่มมองมาที่หญิงสาวในสถานะใหม่อย่างตกตะลึง ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อต้อนรับคุณนายซือ“สวัสดีค่ะพี่จินหยูและพี่ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ผู้จัดการแผนกมองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มอย่างตื่นเต้นและดีใจ“พี่สบายดีค่ะ น้องถิงถิง เอ่อ...คุณนายซือก็สบายดีใช่ไหมคะ” หญิงสูงวัยกว่าทักทายกลับก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาของท่านประธาน“เรียกว่าถิงถิงเหมือนเดิมก็ได้ค่ะพี่จินหยู พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้น้องถิงถิง..เอ
เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนกอดก่ายอยู่บนเรือนร่างหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามีหมาดๆ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านค่ำคืนที่บ่งบอกว่าเธอและเขาคือคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์ วงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นการเตือนว่าเช้านี้ทั้งสองชีวิตได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงแล้ว ร่างหนาของซือมู่อันค่อยๆ ขยับร่างระหงของภรรยาสาวที่ยังนอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสุข มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอิ่มของภรรยาสาวเอาไว้ก่อนที่สายตาคมที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นส่งไปยามมองไปที่ใบหน้าสวย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ในเวลาต่อมาร่างหนาในชุดคลุมสีขาวเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว มื้อนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับภรรยาคนสวยของเขา ขณะที่มือเรียวยาวของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังจับตะหลิวคนโจ๊กร้อนๆ อยู่ที่หน้าเตา ช่วงเอวสอบก็ถูกลำแขนเสลาสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางสีกุหลาบยกยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่น“กำลังทำอะไรอยู่คะ...คุณสามี” เสียงหว