"คู่หมั้น!"
คำว่าคู่หมั้นจากปากผู้เป็นแม่ทำเอาเจ้านายถึงกับเบิกตากว้างพรวดพราดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ คู่หมั้นของเขาอย่างนั้นเหรอนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเขาไปมีคู่หมั้นตั้งแต่ตอนไหน คำถามมากมายผุดขึ้นในสมอง "นี่มันอะไรกันครับแม่ คู่หมั้นอะไรกัน" ไม่ใช่แค่เจ้านายที่ตกใจส้มแฟนของเขาก็ตกใจเช่นกันที่จู่ ๆ แฟนตัวเองก็มีคู่หมั้นโผล่มา ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรรู้สึกยังไงดี ทว่าในตอนนี้เธอก็ทำได้แค่เก็บความรู้สึกเก็บความสงสัยเอาไว้นั่งฟังต่อไปเงียบ ๆ ไว้ค่อยถามเจ้านายทีหลังเพราะเธอยังเชื่อมั่นในตัวเขา ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศเป็นไปอย่างอึมครึม ก่อนที่สาริกาจะตอบคำถามบุตรชายด้วยสีหน้าท่าทางสบาย ๆ ไม่มีแว่วทุกขร้อนใด ๆ "ลูกจำไม่ได้เหรอที่แม่เคยบอกว่าพ่อได้หมั้นหมายลูกสาวของเพื่อนพ่อไว้ให้ลูกในตอนที่ลูกยังเด็ก ๆ อยู่ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือหนูลียานี่ไง วันนี้พ่อของลียาเลยส่งหนูลียามาทวงสัญญา" "..." "ลูกเองก็เคยเจอหนูลียาแล้วนิเมื่อสิบปีก่อน ก่อนที่หนูลียาจะย้ายไปอยู่เกาหลีทำไมถึงจำไม่ได้ แต่ก็ไม่แปลกเพราะลูกเคยเจอกับน้องตอนเด็ก ๆ ตอนนี้น้องเขาโตเป็นสาวแถมยังสวยด้วยเป็นธรรมดาที่ลูกจะจำไม่ได้" เจ้านายยิ่งขมวดคิ้วชนกันหนักกว่าเดิมกับคำพูดของผู้เป็นแม่สายตายังคงจับจ้องหน้าผู้หญิงที่ท่านบอกว่าเป็นคู่หมั้นของเขา พยายามทบทวนเรื่องราวในอดีต ก่อนความทรงจำบางอย่างจะผุดขึ้นในสมอง ใช่เขาเคยเจอเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าลียาจริง ๆ ตอนนั้นเธอน่าจะสิบขวบส่วนเขาก็อายุสิบห้า แต่หน้าตาของลียาในอดีตไม่ใช่แบบนี้ เท่าที่จำได้เธอหน้าตาออกหมวย ๆ ผิวขาวอมชมพูไม่ใช่หน้าตาสวยคม และผิวขาวเหลืองอย่างตอนนี้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน คนเราพอโตขึ้นจะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนแบบนี้ได้เลยเหรอไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ นอกเสียจากว่าเธอศัลยกรรมเพราะที่เกาหลีเลื่องชื่อเรื่องศัลยกรรมอยู่แล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลยสิ่งสำคัญคือเรื่องการหมั้นกับความรู้สึกของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเขาตอนนี้ต่างหาก เขากลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่ไปหลอกเธอ รีบหันไปบอกกล่าวกับเธอด้วยความร้อนรนใจ "ส้มอย่าเพิ่งเข้าใจพี่ผิดนะ " "ค่ะ ยังไงส้มขอตัวพาลูกออกไปรอด้านนอกนะคะไม่อยากให้ลูกต้องมารับรู้เรื่องของผู้ใหญ่ค่ะ" ส้มเอ่ยอย่างใจเย็นแม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถาม และความรู้สึกไม่โอเค แต่ยังไงเธอก็ต้องนึกถึงลูกเป็นอันดับแรกจึงขอแยกตัวออกไป ไม่อยากให้ลูกต้องมารับรู้เรื่องของผู้ใหญ่ "แม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับแม่ก็รู้นิว่าวันนี้ผมพาแฟนมาไหว้แม่ แม่จงใจทำให้แฟนผมเข้าใจผิดใช่ไหมครับ" ทันทีที่แฟนสาวหายหลังไปเจ้านายก็โวยวายใส่ผู้เป็นแม่ยกใหญ่ สายตาจ้องมองท่านด้วยความผิดหวังระคนไม่พอใจ "จะให้แม่ทำยังไงในเมื่อวันนี้คู่หมั้นของลูกกลับมาทวงคำสัญญาแล้ว จะให้พ่อกับแม่ผิดสัญญากับฝ่ายนั้นเหรอตานาย" แน่นอนว่าสาริกาไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของบุตรชายสักนิดในเมื่อเธอต้องการให้มันเป็นแบบที่บุตรชายพูดอยู่แล้ว ทว่าจะให้ยอมรับไปตรง ๆ ก็กะไรอยู่จึงแสร้งตีสีหน้าหนักใจออกไปทำเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น เจ้านายถึงกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่นึกหัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อยพานทำให้นึกโมโหคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผู้เป็นแม่ไปด้วย เขาตวัดสายตามองหน้าเธอด้วยแววตาดุดัน ก่อนจะเอ่ยออกไปตรง ๆ ไม่คิดจะรักษาน้ำใจกันสักนิด "ไหน ๆ เจ้าตัวก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยแล้วผมขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกันว่าเรื่องการหมั้นระหว่างเราขอให้ยกเลิกไปเพราะมันเป็นแค่คำมั่นของผู้ใหญ่ และมันก็นานมาแล้วไม่จำเป็นต้องถือเป็นจริง ตอนนี้ผมมีคนรักแล้วและกำลังจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หวังว่าคุณคงเข้าใจ" คำพูดของเจ้านายทำเอาเมษาถึงกับอึกอักเพราะไม่รู้ว่าควรตอบ หรือทำสีหน้ายังไงดีในเมื่องานที่เธอต้องทำคือทำให้เขากับแฟนเลิกกัน แน่นอนว่าต่อให้เธอไม่อยากทำก็มิอาจปฏิเสธได้ "ไม่ได้ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับหนูลียาตามคำสัญญาที่ผู้ใหญ่ได้ให้กันไว้" สาริการีบตอบแทนเมื่อเห็นว่าเด็กสาวเอาแต่อึกอักกลัวว่าจะทำให้บุตรชายเห็นถึงความผิดปกติได้ "ไม่ครับคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วยคือส้มเท่านั้น" เจ้านายยังคงยืนยันคำเดิมไม่ว่ายังไงคนที่เขาจะใช้ชีวิตคู่ด้วยมีเพียงส้มคนเดียวเท่านั้น เขาไม่มีวันยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด "แม่ไม่ยอมรับแม่หม้ายลูกติดอย่างผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้หรอกนะ ผู้หญิงที่จะมาเป็นลูกสะใภ้แม่ต้องไม่มีตำหนิและบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างหนูลียาเท่านั้น" ในที่สุดสาริกาก็หมดความอดทนอดกลั้นกับความดื้อรั้นของบุตรชายเผลอหลุดปากพูดความจริงออกไป "ผมไม่คิดเลยนะครับว่าแม่จะมีความคิดแบบนี้" เจ้านายได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความผิดหวัง เขาคิดมาตลอดว่าแม่ของตัวเองเป็นคนใจกว้างจิตใจดี ทว่าวันนี้เขาได้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ แต่อย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมให้ท่านจูงจมูกได้ "งั้นผมก็ขอยืนยันคำเดิมเหมือนกันว่าผมจะไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด" เปล่งเสียงเอ่ยไปอย่างดุดันสายตาจ้องมองหน้าหญิงสาวที่นั่งข้างกายผู้เป็นแม่เขม็งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ว่าจบก็ผลุนผลันเดินออกจากห้องโถงไปไม่สนใจเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ที่ดังตามหลังสักนิด“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ