LOGINเพราะคำว่าบุญคุณ และครอบครัวค้ำคอเธอจึงต้องจำยอมสวมรอยเป็นคู่หมั้นในวัยเด็กของบุตรชายผู้มีพระคุณ แต่ความฉิบหายดันมาเยือนเมื่อเมื่อคู่หมั้นตัวจริงของชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้น "เธอเป็นใคร..?" "ฉันชื่อ...เมษา..." "เธอคงไม่ได้โง่จนไม่รู้ใช่ไหมว่าการสวมรอยเป็นคนอื่นมันผิดกฏหมาย" "ที่ฉันทำไปเพราะจำเป็นจริง ๆ อย่าแจ้งความจับฉันเลยนะ จะให้ฉันทำอะไรเป็นการชดใช้ก็ได้" "เธอคิดว่าควรชดใช้ ยังไงมันถึงจะเหมาะสมกับที่เธอเข้ามาสวมรอย เป็นคู่หมั้นฉันจนทำให้ฉันกับคนรักต้องเลิกกัน เธอคิดว่าตัวเองต้องชดใช้ยังไง" "ฉะ..ฉันไม่รู้..." "แต่ไม่ต้องห่วง เธอได้ชดใช้สมใจแน่...เมษา..."
View More"สู้ ๆ เมษยา..เธอต้องทำได้"
หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงพึมพำให้กำลังใจตัวเองอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความตื่นเต้นระคนกังวล อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เธอต้องทำงานที่สำคัญมาก ๆ นั่นคือการสวมรอยเป็นคู่หมั้นของบุตรชายผู้มีพระคุณ ซึ่งเธอไม่ได้อยากทำสักนิดเพราะรู้เต็มอกว่าการสวมรอยเป็นคนอื่นมันผิดกฎหมาย และต้องทำสิ่งผิดบาปอย่างทำให้สองคนที่รัักกันต้องเลิกกัน แต่ทว่าด้วยความจำเป็นบางอย่างทำให้เธอตกกระไดพลอยโจนเดินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เรียกความกล้า และความมั่นใจให้ตัวเอง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ "มาแล้วเหรอ" เสียงทักทายจากเจ้าของบ้านอย่างคุณหญิงสาริกาดังขึ้นทันทีที่เธอเดินเข้าไปถึงห้องโถงใหญ่ "สวัสดีค่ะคุณสาริกา" เธอยกมือไหว้ไปตามมารยาททั้งที่ความจริงหมดความเคารพ และความศัรทธาในตัวสาริกาไปแล้ว ก่อนหน้านี้เธอยกให้สาริกาเป็นผู้มีพระคุณ เธอเคารพนับถือสาริกามากเพราะท่านยื่นมือเข้ามาช่วยในวันที่เธอกับครอบครัวลำบาก เธอยังจำเหตุการณ์ในคืนนั้นเมื่อเดือนก่อนได้ดี.. เธอ แม่ และน้องสาวกำลังหนีหัวซุกหัวซุนจากเจ้าหนี้ของพ่อเลี้ยงเฮงซวยที่หวังจับเธอ แม่ และน้องสาวไปทำงานที่ซ่องชดใช้หนี้ คืนนั้นพวกเธอวิ่งหนีกันท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา แต่ก็หนีไม่รอดเพราะน้องสาวต่างพ่อที่เป็นโรคหัวใจตั้งแต่แรกเกิดดันอาการกำเริบจนไม่สามารถวิ่งหนีต่อได้ พวกเธอถูกแกงค์ทวงหนี้โหดตามทัน และจับตัวไว้ได้ ตอนนั้นเธอโคตรรู้สึกอัปยศอดสูในชีวิตคิดว่าทุกอย่างคงจบสิ้นลงแล้ว เธอกับแม่ถูกพวกแกงค์ทวงหนี้โหดลากตัวไป ขณะที่น้องสาวต่างพ่อถูกปล่อยทิ้งให้นอนหายใจรวยรินอยู่บนถนนราวกับหมา มันเป็นภาพที่เจ็บปวดหัวใจที่สุด.. นาทีนั้นเธอได้แต่วิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย หรือไม่ก็ขอให้หลุดพ้นจากเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้ เหมือนสวรรค์จะเมตตาเธอกับครอบครัวอยู่บ้างเพราะจู่ ๆ ก็มีรถหรูคันหนึ่งวิ่งฝ่าสายฝนมา เธอจึงไม่รอช้าวิ่งเข้าไปยื่นขวางหน้ารถแล้วขอความช่วยเหลือทำให้ได้พบกับสาริกา เธอขอร้องอ้อนวอนคนแปลกหน้าอย่างสาริกาจนท่านยอมช่วยด้วยการจ่ายหนี้จำนวนหนึ่งล้านให้ แล้วยังช่วยพาน้องสาวเธอส่งโรงพยาบาล ในวันที่น้องสาวเธอต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจด่วนก็เป็นสาริกาที่ยื่นมือเข้าช่วยเรื่องค่ารักษาอีกครั้ง แค่นั้นไม่พอท่านยังช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัยและหางานให้แม่เธอทำด้วย เธอซาบซึ้งในบุญคุณของสาริกามากเทิดทูนให้เธอเป็นนางฟ้า และสัญากับตัวเองแน่วแน่ว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณให้ได้ ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าทุกอย่างที่สาริกาทำล้วนมีผลประโยชน์แอบแฝงตั้งแต่ต้น มารู้ก็สายไปเสียแล้ว.. สาริกาเอาเรื่องบุญคุณมาอ้างให้เธอทำในสิ่งที่ผิด พอปฏิเสธก็โดนท่านขู่ว่าจะส่งเธอกับครอบครัวกลับไปให้พวกเจ้าหนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้จึงจำใจทำตามที่สาริกาต้องการ คือการสวมรอยเป็นคู่หมั้นในวัยเด็กของบุตรชายท่านที่กลับมาทวงคำสัญญา จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้บุตรชายของท่านกับคนรักที่เป็นแม่หม้ายลูกติดเลิกกันเพราะท่านรับไม่ได้ที่บุตรชายเพียงคนเดียวเลือกผู้หญิงมีตำหนิ "นั่งสิ" เสียงของสาริกาดังขึ้นอีกครั้งทำให้เมษาหลุดจากภวังค์ความคิด ก่อนจะเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟา สาริกาไล่สายตามองเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจในความว่านอนสอนง่ายของเด็กสาวที่ยอมแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว และทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่าง จากเด็กกะโปโลกลายเป็นสาวสวยสะพรั่ง เธอคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ยอมลงทุนช่วยไว้ในคืนนั้น เธอไล่สายตามองเด็กสาวอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ แล้วจึงเอ่ยต่อ "อย่าลืมที่คุยกันไว้ล่ะ จำเอาไว้ว่าเธอชื่อลียาเป็นคู่หมั้นของลูกชายฉัน อีกสักพักลูกชายฉันกับแฟนคงจะมาแล้ว" "ค่ะ" เมษาขานรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าสวนทางกลับหัวใจที่มันเต้นแรงจนเธอต้องประสานมือกันบนหน้าตักแน่นพยายามข่มความรู้สึกหลากหลายที่เริ่มประเดประดังเข้ามา ขณะเดียวกันก็ได้แต่ภาวนาขอให้ตัวเองทำงานนี้ได้สำเร็จภายในวันเดียวด้วยเถอะจะหลุดพ้นไปจากคนใจร้ายอย่างสาริกาสักที“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ