เข้าสู่ระบบจะทำยังไง...เมื่อเขาดันไปตกหลุมรักผู้หญิงที่คิดว่าเป็นคู่ขาของเพื่อนรัก และจะทำยังไง เมื่อคำปฏิญาณของกลุ่ม เป็นห่วงมัดคอทำให้เขาต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ "เรื่องเดียวที่เราจะไม่ทำ ก็คือเอาผู้หญิงต่อจากเพื่อน ถึงแม้ว่าเพื่อนจะไม่เอาแล้วก็ตาม" วรายุ เหมบดินทร์...วาโย อายุ 26 ปี ทายาทโชว์รูมรถหรูนำเข้าและเป็นเจ้าของสนามแข่งรถชื่อดัง เฌอนารีน สิริวศินทร์...เฌอ อายุ 21
ดูเพิ่มเติม@SoSay Pub
ผัวะ!!
โอ๊ยยย...
“ของกู ไอ้สัส!!” ผมฟาดฝ่ามือลงกลางกระบาล ไอ้ยูตะ น้องชายตัวดีที่คลานตามกันมาเต็มแรงจนมันร้องลั่น เพราะมันทำเนียนล้วงมือเข้ามาในโหลคุกกี้สุดโปรดของผมโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ขี้หวงฉิบหาย” มันค้อนขวับพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบหลังผู้หญิงที่นั่งถัดไปในตอนที่ผมยกมะเหงกขึ้นกลางอากาศ
“เมียจ๋า ไอ้เฮียแกล้งเค้า”
“โธ่ๆๆ น่ารักตายห่าละ ไอ้สัส!!” อาการผมแสดงออกชัดเจนว่าหมั่นไส้ขั้นสุด บีบเสียงซะขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ขนาด มิณ เป็นเมียมันแท้ๆ ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นศีรษะไปมาด้วยความเอือมระอา
“มึงก็รู้ว่ามันหวงขนาดไหน ไม่เคยได้แดกสักปี ยังจะอยากโดนด่า” นี่เป็นเสียงของ ไอ้หมอไวน์ นายแพทย์หนุ่มหล่อ เก่งรอบด้าน มากไปด้วยประสบการณ์และยังเป็นทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง ที่มีแต่นางพยาบาลแสนสวยพากันรุมล้อม ขนาดคนไข้สาวๆ ก็ยังแกล้งป่วยเพื่อมาหามัน
ส่วนผมก็หันมาสนใจโหลคุกกี้ในอ้อมกอดต่อ ปกติผมไม่ได้ชอบกินขนมอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่คุกกี้เนี่ย ผมจะได้กินแค่ปีละสองครั้งเท่านั้นเอง วันเกิดแล้วก็วันวาเลนไทน์ มันถูกส่งมาเกือบห้าปีได้แล้วมั้ง แรกๆ ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่พอได้ลองชิมกลายเป็นผมเฝ้ามันทุกปีเฉยเลย แล้วก็อย่าหวังว่าใครจะได้แตะ
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าใครส่งมาให้แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย เพราะผมกลัวว่าจะรับรักเธอไม่ได้น่ะสิ ผมชอบคุกกี้ของเธอแต่ไม่ได้แปลว่าผมต้องชอบเธอหรอกนะ ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
“มึงไม่อยากรู้จริงเหรอวะ ว่าใครส่งมา”
ผมละสายตาจากคุกกี้ชิ้นสุดท้าย มองไปยังต้นเสียง ไอ้แม็กซ์ เพื่อนอีกคนในกลุ่ม ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย และมาดทะเล้นขี้เล่นของมัน ยังเป็นแรงดึงดูดสาวน้อย สาวใหญ่เข้าหาได้ดีมากๆ อีกด้วย
“ไม่!!” ผมยืนยันคำตอบเสียงหนักแน่น
“ไม่อยากรู้จริงเหรอว้า~” ยัง...ไอ้แม็กยังเซ้าซี้ไม่เลิก
“ไม่เสือก!” ผมเน้นชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะยัดคุกกี้ชิ้นสุดท้ายเข้าปากตัวเอง
น่าแปลกที่ปีนี้มันถูกส่งมาก่อนวาเลนไทน์และมันยังเยอะกว่าทุกครั้งอีกด้วย เพราะปกติผมกินวันเดียวก็หมดแหละ แต่นี่เกือบอาทิตย์เพิ่งจะหมด จากนั้นผมจัดการปิดโหลแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างดีก่อนจะปัดมือทำความสะอาดให้เรียบร้อย
ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วใช้เท้าแหวกทางไอ้พวกเวรทั้งหลายเพื่อเดินไปเปิดประตูห้อง VIP พวกผมมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่นๆ เพราะเจ้าของที่นี่คือ ไอ้ดิน รุ่นน้องคนสนิทและยังเป็นเพื่อนรักของไอ้ยูตะอีกด้วย
ความจริงผมมีเพื่อนรักอีกคน ไอ้ฟิวส์ มันหล่อแต่แม่งโคตรเงียบ…เงียบจนผมลืมไปเลยว่ามีมันอยู่ในห้องด้วย แต่ช่างพวกมันก่อนเหอะ...ตอนนี้ได้เวลานัดสำคัญแล้ว แต่พอประตูเปิดออกผมก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีคนเดินสวนเข้ามาซะก่อน และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ธาม เพื่อนรักอีกคนของไอ้ยูตะ ส่วนผู้หญิงที่มันจูงเข้ามานั้น ก็ โรส คุณหนูแสนสวย ที่พิชิตใจเจ้าชายน้ำแข็งไปได้ในที่สุดนั้นเอง พากันไปเซอร์ไพรส์ห่าอะไรก็ไม่รู้...ไร้สาระ
ยังจะเสือกมายักคิ้วให้อีก มีความสุขกันเหลือเกินนะพวกมึง แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง กูจะรอสมน้ำหน้าไอ้พวกมีเมียทั้งหลาย เหอะๆ กูจะไม่เอาผู้หญิงคนไหนมาเป็นห่วงมัดคอแบบพวกมึงเด็ดขาด
ครืดดดด~ ครืดดดด~
ผมเดินผิวปากออกมาจากห้องอย่างสบายใจพลางล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงเลื่อนสไลด์รับสาย น้องผิงผิงคนสวย
[ผิง รออยู่ห้องแล้วค่ะ]
“อืม ไม่เกินสิบนาทีถึง”
ติ๊ด!
ผมวางสายยัดมือถือเก็บเข้ากระเป๋าเหมือนเดิมและไม่รอช้า บึ่งตรงไปยังเป้าหมายที่รอผมอยู่ตอนนี้ทันที อยากปลดปล่อยจะตายห่าอยู่แล้ว ผมชอบซื้อกินมากกว่าเอาเป็นตัวตน ขี้เกียจวุ่นวาย จ่ายเงินก็จบ และก็อีกแบบคือผมไม่ต้องเสียอะไรเลย ผู้หญิงถวายตัวให้ผมเองแบบน้องผิงผิงนี่ไง โทรตามผมยิกๆ เลย เด็กพวกนี้รู้จักข้อปฏิบัติในการร่วมเตียงของผมเป็นอย่างดี ถ้าขืนงี่เง่าขึ้นมาล่ะก็ ผมเขี่ยทิ้งแบบไม่ไยดีเหมือนกัน
@อพาร์ตเมนต์ JJ
ก๊อกๆๆ
ผมยกมือขึ้นเคาะประตูห้องที่ผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ประตูถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดนอนสุดแสนจะบางจนเห็นทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าบางนั้น ฟันที่เรียงกันสวยกัดปากล่างตัวเองเบาๆ อย่างยั่วยวน พร้อมส่งสายตาเชิญชวนมาให้ ผู้หญิงอะไรยั่วเก่งชะมัด จิ๊ๆๆ กวางน้อยอยู่ตรงหน้า มีเรอะ…ที่เสืออย่างผมจะไม่ตะครุบ อยากขยี้จะแย่อยู่แล้ว
ปึงงงง
ทันทีที่ประตูปิดลง เธอก็พุ่งเข้าหมายจะจูบแต่ผมเบือนหน้าหนีซะก่อน ผมไม่ชอบจูบกับผู้หญิงแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าเธอสะอาดแค่ไหนและผมก็ป้องกันตัวเองทุกครั้งไม่มีพลาด
เมื่อเธอพลาดเป้าหมายแรก ก็เบี่ยงไปที่ซอกคอผมแทน มือเล็กจัดแจงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมออกทีละเม็ดจนหมดแล้วลูบไล้ปัดป่ายไปจนทั่วแผงอกแกร่ง ผู้หญิงพวกนี้รู้หน้าที่เป็นอย่างดีโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร
“อืม~”
ผมครางขึ้นในลำคอทันทีที่มือเล็กเลื่อนลงไปลูบคลำลูกชายผมที่มันคับแน่นอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ราคาแพงและตอนนี้มันพร้อมรบเต็มที่แล้วด้วย และผมคงจะได้ปลดปล่อยแน่ๆ ถ้าไม่ติดว่า เสียงเคาะประตูดังขึ้นซะก่อน
ก๊อกๆๆๆ
“ไม่ต้องสนใจ” ผมพูดขึ้นเสียงเข้มพลางดันร่างบางไปที่เตียงทันที ใครจะมาก็ช่างแม่ง ผมไม่สนทั้งนั้น แต่...
“ผิง! เปิดประตูให้พ่อหน่อย ทำอะไรอยู่” เสียงที่ดังมาจากด้านนอกทำให้เธอและผมหยุดการกระทำ หันขวับมองบานประตูแทบจะพร้อมกัน เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากคนใต้ร่างอย่างเลื่อนลอย แถมหน้าเธอยังถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“พะ...พ่อ ซวยแล้ววว”
“เวรเอ๊ย!” ผมสบถออกมาด้วยโทนเสียงไม่แตกต่าง แล้วผละออกจากร่างบางทันที ก่อนจะยกมือขึ้นยีผมอย่างหัวเสีย มาทำอะไรตอนนี้วะ ปัญหาเกิดแน่ๆ ถ้าพ่อยัยน้องผิงผิงนี่เข้ามาเจอสภาพเราสองคนแบบนี้ มีหวังโดนจับแต่งแหงๆ เสียงเคาะประตูก็ยังคงเร่งเร้าไม่หยุด
“หลบไหน” ผมถามเจ้าของห้องพลางจ้องหน้าเธอเขม็ง
“ละ...หลบไหนดีอะ อ๋อ ระเบียง...”
สิ้นเสียงลุกลี้ลุกลนของผิงผิง ผมก็พุ่งตัวออกไปนอกระเบียงด้วยความเร็วแสง โดยเธอยังตามมาจัดระเบียบผ้าม่านแล้วลงกลอนอย่างดี แต่ผมไม่ได้โล่งอกเลยสักนิด ถ้าไม่อยู่ในห้องนี้น่าจะปลอดภัยกว่า...ไวกว่าความคิดคือผมปีนระเบียงโดดข้ามไปห้องข้างๆ เรียบร้อยแล้ว
เฮ้ย!!!
ผมสะดุ้งโหย่งเมื่อหันมาจ๊ะเอ๋เข้ากับเจ้าของห้องที่ผมเพิ่งปีนข้ามมาถึงหมาดๆ เวรแล้วไง นึกว่าไม่มีคนอยู่ ซวยบรรลัยเลยกู
อร๊ายยยย...อุ๊บบบ!
เธอเอามือขึ้นปิดตาและกรีดร้องสุดเสียง ส่งผลให้ผมต้องพุ่งเข้าชาร์จ มือข้างหนึ่งส่งไปอุดปาก ส่วนแขนอีกข้างล็อกตัวเธอไว้แน่น พลางดันคนตัวเล็กกลับเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ ฝ่าเท้าถูกใช้เลื่อนประตูปิดสนิท เพราะกลัวห้องข้างๆ จะได้ยิน ถ้าความแตกเป็นเรื่องแน่
“อื้อออ อ่อยอะ” เธอส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอพลางดิ้นขลุกอยู่ในอ้อมกอดผม แรงเยอะซะด้วย เหอะ! แต่ผมแค่จะขอผ่านทางเพื่อออกจากที่นี่เฉยๆ เอง ไม่ได้จะทำร้ายใครสักหน่อย
“ชู่วววว์ เงียบ! ฉันจะปล่อยเธอ แต่อย่าร้องนะ” ผมบอกสาวน้อยในอ้อมกอดด้วยโทนเสียงที่อ่อนโยนที่สุด เพื่อไม่ให้เธอตกใจกลัวมากไปกว่านี้ และเหมือนเธอจะเข้าใจนะ ผมเห็นว่าเธอนิ่งเงียบ เลยค่อยๆ คลายมือออกแต่ยังไม่ทันหลุดดี ยัยตัวเล็กออกแรงผลักผมแล้ววิ่งไปที่ประตูพร้อมจะตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยดะ...อุ๊บบบ”
แต่ผมอาศัยช่วงขาที่ยาวกว่า ก้าวได้ไวกว่า ดึงเจ้าของห้องตัวน้อยเข้าสู่อ้อมกอดแน่นจนแผ่นหลังแนบชิดแผงอกแข็งแรง พร้อมยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เธอส่งเสียง และพาเธอถอยให้ห่างจากประตูมากที่สุด
“แม่งเอ๊ย! บอกให้เงียบ!!” ผมตะคอกเสียงลั่นด้วยความหงุดหงิด คือเธอแม่งไม่ฟังเลยและผมก็ไม่ใช่คนมีความอดทนขนาดนั้นไหม
“อื้อออ...อ่อย อื้ออออ” ยัง...ยังดิ้นไม่หยุด
“จิ๊! ทำไมดื้อจังวะ จับกดแม่งเลยดีมะ”
สิ้นเสียงผม คนตัวเล็กชะงักไปในทันที ยืนนิ่งแข็งทื่อไม่ไหวติง เหอะ! คำขู่ของผมได้ผลเฉย เล่นซะเหนื่อยเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะ แรงเยอะชะมัด
“เออ! เงียบได้สักทีซินะ ถ้าขืนยังดื้ออีกละก็ ฉันทำจริงๆ แน่!” ผมข่มขู่เธอหนักขึ้นไปอีก แต่บางทีก็อาจจะไม่ได้แค่ขู่ ถ้าเธอยังกระตุ้นอารมณ์ผมอยู่แบบนี้ ผู้หญิงอะไรตัวหอมเป็นบ้าหรือผมอาจจะแค่ค้างจากยัยน้องผิงผิงนั่น มันก็เลยมีแต่เรื่องอย่างว่าแล่นเข้าหัวผมเต็มไปหมด เวรจริงๆ ยิ่งกอดไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ผมเลยปล่อยเธอให้เป็นอิสระและหันกลับมาจัดการติดกระดุมเสื้อตัวเองทันที วันนี้แม่ง ซวยสุดๆ ค้าง กู ค้างเหี้ยๆ
แกร่งงงง!!
เสียงโลหะบางอย่างตกกระทบพื้นจังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นจากกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้าย พบว่าเจ้าของห้องตัวน้อยยืนทำหน้าเหวออยู่ตรงซิงค์ล้างจานในโซนห้องครัวซึ่งไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนเท่าไหร่ ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนแทบถลนออกจากเบ้าพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง
เดี๋ยวนะ...ท่าทางแบบนั้นเหมือนเธอตกตะลึงอะไรสักอย่าง หึ และผมว่าผมรู้นะ ว่าเธอกำลังตะลึงกับอะไร ผมขยับเท้าเข้าไปหาเธอ ก่อนจะหยุดในระยะประชิด แต่ดูเหมือนสติเธอจะเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว ผมค่อยๆ โน้มหน้าลงไปให้อยู่ระดับเดียวกันพร้อมเอ่ยแซวขึ้นแบบขำๆ
“ตะลึงในความหล่อของฉันขนาดนั้นเลยเหรอสาวน้อย หึ!”
เขาตั้งใจไปทำเรื่องแบบนั้นคนเดียว ทั้งหมดนี่เขาวางแผนไว้อยู่แล้วซินะ ถึงฉันจะยังไม่ค่อยเก็ทแต่มันน่าจะเกี่ยวข้องกับพวกที่เขาเจอที่โรงพยาบาลแล้วก็คนที่ทำร้ายฉันเสี่ยกิมที่เขาพูดถึง คงเป็นใครสักคนที่มีอำนาจและคงไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วย“มึงนี่แม่ง…” เฮียฟิวส์สบถออกมา นี่คงเป็นเรื่องใหญ่ของเรื่องใหญ่ของเรื่องใหญ่มากแน่ๆ ปกติฉันแทบไม่ได้ยินเขาพูดเลยนะ เฮียวาโยทำเรื่องอลังการมากขนาดไหนกันนะเนี่ย“แต่มึงก็ควรบอกไง พวกกูจะได้ไปช่วย” เฮียดินพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าก่อนหน้านี้เยอะเลย เขาคงเย็นลงบ้างแล้วหลังจากได้ฟังเหตุผลของเฮียวาโยและอันนี้ฉันเห็นด้วยนะ อย่างน้อยเขาก็ควรบอกใครไว้บ้างสักคนก็ยังดี“แต่กูก็ไม่ได้เป็นไรหนิ เชื่อใจกูหน่อยดิวะ”“เออ…มึงมันดวงดี” เฮียแม็กซ์ว่าพร้อมกับหลุดขำออกมาเบาๆ ดูสถานการณ์ตอนนี้จะดีขึ้นแล้ว เหมือนทุกคนจะหายใจหายคอได้คล่องขึ้นบ้าง“กูเก่ง” เฮียวาโยเถียง“นี่ขนาดปากมันแตกนะ” เฮียแม็กซ์ว่าพลางหันไป
“อ่ะ…ซี้ด”“เจ็บด้วยเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้วถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ความจริงฉันจงใจกดแรงมือลงไปที่รอยฟกช้ำข้างโหนกแก้มเขาตอนทายานิดหน่อย ก็นึกว่าร่างกายเขาจะทนต่อความเจ็บปวดได้ดีซะอีก เห็นชอบแอบไปตีกับคนอื่นบ่อยๆ น่าโมโหจริงเชียว“ใจร้ายชะมัด” เฮียวาโยบ่นพึมพำแต่ก็ต้องทนให้ฉันทายาต่อด้วยความจำยอม ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันลอบหัวเราะเยาะ ก่อนจะแสร้งหันไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนเพราะสายตาพิฆาตของคนเอาแต่ใจไล่ตวัดมองทีละคน ทีละคน“สรุป เฮียไปกัดกับใครมา” เป็นเฮียยูตะที่เปิดประเด็นและฉันเชื่อว่าทุกคนก็อยากรู้ ตอนถามเขาเดินมานั่งบนโต๊ะกลางในระยะที่จ้องหน้าเฮียวาโยได้พอดีเป๊ะทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ ทุกสายตาจับจ้องไปที่คนก่อเรื่องเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนคนถูกถามกลับกลอกตาไปมาซ้ายทีขวาทีก่อนจะเอื้อมมือหยิบแก้วมาหยิบชงเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะโดยไม่สนใจพวกเราเลยสักนิดน้ำสีน้ำตาลเข้มในแก้วถูกกลืนจนหมดในคราวเดียวและเหมือนจะยังไม่พอ เขายังคงชงเหล้าต่อแ
[Chernarin Talk]ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก จากที่ผล็อยหลับไปพักใหญ่ คงเป็นเพราะที่โหมออกกำลังกายอย่างหนักเมื่อช่วงเย็น ฉันหลับสนิทจนไม่รู้ว่าร่างกายถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่บนเตียงคิงไซซ์นี่ตอนไหนแขนเล็กค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่งพร้อมกับบิดร่างกายไปมาเพื่อบรรเทาความเมื่อยล้า ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความมืด มีเพียงแสงจากด้านนอกที่ลอดผ่านช่องประตูเข้ามาเล็กน้อย พอให้มองเห็นรำไรเท่านั้น ฉันหยิบมือถือมาต่อสายหาเจ้าของห้องทันทีที่ไม่เห็นเขาตื้ดดด ตื้ดดดดแต่ทว่า เขาปล่อยให้ฉันรอจนสายถูกตัด และมันก็ยังเป็นเหมือนเดิมเมื่อกดต่อสายไปใหม่คิ้วบางขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ฉันรีบลุกจากเตียง ออกมาข้างนอกเพื่อตามหาแต่ก็ไม่เห็น ทุกห้อง ทุกซอก ทุกมุมห้องทำงาน ห้องรับแขก หรือแม้แต่ห้องรวมตัวของบรรดาเพื่อนเขา ก็ไร้วี่แวว แถมข้างบนนี้ไม่มีใครอยู่ให้ฉันถามเลยสักคนไลน์ไปก็ไม่อ่าน โทรก็ไม่รับ เขาหายไปไหนนะหรือบางทีเขาอาจจะยังทำงานอยู่ที่สนามด้านล่างติ้งงงฉันก้าวออกมาหยุดอยู่หน้าลิฟต์ มองซ้ายที ขวาที หาทาง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...[มีอะไร]“มึงเปลี่ยนมาใช้โกดังของเสี่ยกิมเป็นที่เก็บของแล้วเหรอวะ”[เปล่า… ทำไม?]รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้น คำตอบกลับจากปลายสาย ทำให้ผมรู้สึกเป็นต่อขึ้นมาอีกครั้ง“พอดีกูผ่านมาทางโกดังเก่าของเสี่ยกิมอะ เห็นพวกแม่งกำลังขนอะไรสักอย่างขึ้นตู้คอนเทนเนอร์ ก็เลยโทรถามดู เผื่อมึงจะส่งคนมาดู”ติ๊ดมือถือถูกโยนไปอยู่บนเบาะคนนั่งทันทีที่ไร้ประโยชน์คนเราเวลาถูกต้อนจนมุม มันก็ไม่ต่างจากหมาหรอก มันสู้สุดใจ มันกัดหมดไม่สนหน้าไหนทั้งนั้นนี่คงเป็นทางเลือกเดียวที่ผมมีอยู่ตอนนี้ ได้เวลาจบเรื่องเหี้ยๆ นี่สักทีนะ ไอ้แบล็ค…มังกรเหนือ เป็นชื่อที่รู้จักกันในวงการมาเฟียอย่างแพร่หลาย มีทั้งอำนาจ เงิน ธุรกิจสีเทานับร้อย ทั้งในและต่างประเทศ มีสมาชิกกระจัดกระจายอยู่ทุกพื้นที่ ที่ผมรู้และคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็เพราะป๊าไอ้ดินเป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊ง และคนที่เพิ่งวางสายจากผม ก็คือไอ้กร พี่ชายต่างแม่ของมัน ซึ่งได้ตำแหน่งรองหัวหน้าแก๊งไปครองหมาดๆ เพราะไอ้ดินมันไม่อยากเดินสายนี้เ
“เสือก!!” ผมตอบกลับแบบฉะฉาน ชัดถ้อยชัดคำ ไอ้ห่าเนี่ยมันเก่งเรื่องยั่วโมโหระดับเทพเลยล่ะ มันเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมอารมณ์ขึ้นได้ทุกครั้งที่เจอมัน โคตรอยากเอาส้นตีนยัดปากเลย แต่ความรุนแรงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้ ผมเรียนรู้มาจากประสบการณ์ล้วนๆ แต่บางทีมันก็ยั้งไม่ไหวไง“โอ้โห... ทำไมเพื่อนวาพูดจาหมาไม่แดกเลยล่ะครับ” ดูคำพูดคำจามันแต่ละคำดิ๊ เล่นเสียงเล่นหน้าเล่นตา จนน่าหมั่นไส้ ใครมันจะไปทนไหว“มีเหี้ยไรก็รีบๆ พูดมา อย่าลีลา”“ใจเย็นดิว้าาาา กูก็แค่เหงา อยากมาลองสนามเล่นๆ”“ที่อื่นก็มี มาทำเหี้ยไรที่นี่” สนามมันก็มีนะความจริง...ถึงจะเล็กกว่าผมก็เถอะ“ก็กูอยากลองกับมึงไง”“แต่กูไม่อยาก” ถามไหม...เคยถามผมสักคำไหม ว่าผมอยากเล่นกับมันรึเปล่า เอาแต่ใจสัส!“เอ้าเหรอ...?” มันทำหน้าเหมือนเพิ่งรู้แต่จริงๆคือมันรู้อยู่แก่ใจแล้วนั่นแหละ ก่อนมันจะมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนของตัวเองทั้งสองข้างแล้วเลิกคิ้วถามผมได้แบบกวนตีนสุดๆ“กูนึกว่าไม่กล้า”
พูดจบเขาก็ดึงศีรษะกลับมาตั้งตรงก่อนจะขมวดคิ้วเอียงคอเล็กน้อยเพื่อให้ได้องศาพอดีกับใบหน้าฉัน นี่น่าจะเป็นการคาดคั้นเอาคำตอบซินะ ฉันที่อึ้งและเอ๋อกับประโยคของเขาตอนแรก บัดนี้ความร้อนเห่อขึ้นหน้าแบบที่ไม่รู้ที่มาที่ไป สายตากลอกกลิ้งไปมาแบบไม่รู้ว่าควรจะโฟกัสไปที่จุดไหนดี แล้วไหนจะมือไม้นี่อีก ทุกอย่างมันดูยุ่งยากเกะกะไปหมดเลยอ่าาาา>/////<“เอ่อออ….” พอจะเริ่มขยับริมฝีปากตอบก็ต้องเม้มเข้าหากันอีกครั้งจากแรงกดดันรอบข้างนั่นแหละ...หนูรู้แล้วว่าเฮียอยากได้คำตอบ แต่ทำไมต้องจ้องขนาดนี้ด้วยเล๊าณ ตอนนี้ฉันยังประมวลผลประโยคก่อนหน้าอยู่เลย ถ้าคิดแบบเจ้าหญิงที่เดินเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ การกระทำแบบนี้มันดูไม่ดีเลยนะ ไม่เป็นกุลสตรีตามแบบฉบับหญิงไทยเอาซะเลย พ่อแม่รู้โดนตีตายแน่เลย... แต่ในความเป็นจริงคือฉันกับเขา เราเคย…. แต่ก็นั่นแหละ มันจะดูง่ายไปไหมล่ะ โอ้ยยยย...ฉันควรจะตอบว่าไงดี“คิดไรเยอะแยะวะ!”“...” เดี๋ยวนะ เขาหมายถึงฉันไม่ควรคิดยังงั้นเหรอ…?สิ้นเสียงเขา ร่างฉันก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นพร้อมท
ความคิดเห็น