สาริกามองตามหลังบุตรชายจนสุดสายตาพร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความรู้สึกขัดใจ ก่อนจะดึงสายตากลับมาหน้าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"เธอเห็นรึยังเมษาว่าทำไมฉันถึงต้องให้เธอสวมรอยเป็นคู่หมั้นของลูกชายฉัน" "ค่ะ แล้วคุณสาริกาจะให้ฉันทำยังไงต่อไปคะในเมื่อคุณเจ้านายยืนยันขนาดนี้แล้ว การจะทำให้ทั้งสองคนเลิกกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ" เมษาตอบกลับสาริกาด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหนักใจ จากเหตุการณ์เมื่อกี้แล้วการทำให้ชายหนุ่มกับคนรักเลิกกันมีแนวโน้มว่ายากเพราะดูทั้งสองจะรักกันมาก ๆ ขนาดสาริกาพูดออกไปแบบนั้นแล้วเขายังต่อต้านเลย และที่สำคัญเหมือนว่าชายหนุ่มจะโกรธเคืองเธอมากด้วยดูจากสายตาวาวโรจน์ที่เขาใช้มองเธอตอนที่รู้ว่าเธอคู่หมั้นของเขา เห็นทีการทำงานของเธอจะไม่ราบรื่นเสียแล้วสิ หนทางการเป็นอิสระของเธอยิ่งไกลออกไป "มันไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ยากเกินความสามารถเธอใช่ไหม" สาริกาย้อนถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สวนทางกลับสายตาที่ส่งกดดันอย่างหนัก "ฉันให้สิทธิ์เต็มที่เธอจะทำยังไง หรือใช้วิธีไหนก็ได้แยกทั้งคู่ออกจากกัน" "บอกตามตรงนะคะว่าฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำยังไงดี ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องความรัก หรือการมีแฟนมาก่อนค่ะ" แน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับมอบหมายมันเป็นงานหินมาก ๆ สำหรับเมษาเพราะตั้งแต่โตมาเธอไม่เคยมีความรักหรือมีแฟนเลย ชีวิตของเธอมีแค่งานกับครอบครัวเท่านั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี "เฮ้อ..ฉันคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่ให้เธอทำงานนี้" คำบอกกล่าวจากเด็กสาวทำเอาสาริกาถึงกับปวดขมับดูท่าแล้วเรื่องนี้คงไม่พ้นจากเธอที่ต้องคิดหาวิธีเอง หากให้เด็กสาวคิดเองทำเองคงพังพินาศกันหมด เธอมองหน้าเด็กสาวพลางใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อคิดอะไรได้ "อันดับแรกเธอต้องย้ายมาอยู่บ้านนี้ก่อนจะได้อยู่ใกล้ชิดลูกชายฉัน" "จะดีเหรอคะ" เมษาเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจต่อให้บ้านหลังนี้จะใหญ่โต และสุขสบายเธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่สักนิด หนำซ้ำทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากกว่า ไหนจะต้องอยู่ร่วมกับสาริกา ไหนจะลูกชายของท่านที่ดูเหมือนไม่ชอบเธออีก "เธอมีหน้าที่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ งั้นวันนี้เธอก็อยู่ที่นี่เลยแล้วกันฉันจะให้แม่บ้านจัดห้องใกล้ ๆ กับห้องเจ้านายให้ ส่วนแม่กับน้องของเธอฉันจะโทรไปบอกพวกเขาเอง" สาริกาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกแม่บ้านให้มาหา แล้วจัดการสั่งให้พาเด็กสาวขึ้นไปยังห้องพัก เมษาเองทำได้แค่ก้มหน้ารับคำสั่งลุกเดินตามแม่บ้านขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน "นี่ห้องของคุณค่ะ" แม่บ้านอายุราว ๆ สามสิบต้น ๆ บอกล่าวกับเมษาหลังจากเดินมาหยุดหน้าห้องห้องหนึ่ง เมื่อเมษาพยักหน้ารับแม่บ้านจึงเอ่ยต่ออีกครั้งพร้อมพยักเพยิดหน้าไปที่ห้องข้าง ๆ "ส่วนห้องข้าง ๆ เป็นห้องของคุณเจ้านายค่ะ" "อ่อค่ะ" เมษาไม่รู้จะตอบอะไรดีจึงขานรับไปเพียงสั้น ๆ ก่อนจะก้าวตามแม่บ้านเข้าไปภายในห้องซึ่งเป็นห้องพักของตัวเอง วินาทีแรกที่ก้าวเข้ามาในห้องเธอรู้สึกอึ้งเล็กน้อยเพราะมันกว้างขว้างมาก ๆ แทบจะเป็นบ้านหนึ่งหลังเลยก็ว่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือของใช้ และของตกแต่งภายในห้องที่ดูก็รู้ว่าราคาแพงแน่ ๆ ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น หรือดีใจสักนิด เหตุผลที่เธอเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะอะไรก็รู้ ๆ กันอยู่หากเลือกได้เธออยากจะกลับไปหาแม่กับน้องสาวมากกว่าถึงไม่สะดวกสบายกายแต่ก็สบายใจ "หากขาดเหลือ หรือต้องการอะไรบอกได้เลยนะคะ" แม่บ้านกล่าวทิ้งท้ายกับเมษาอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปปล่อยให้เมษาได้มีเวลาส่วนตัว "เฮ้อ.." เมษามองตามหลังแม่บ้านจนประตูถูกปิดลงเธอจึงถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะก้าวเท้าไปนั่งลงปลายเตียงด้วยสมองที่หนักอึ้ง หลังจากนี้เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องพบเจอกับอะไรบ้างสิ่งเดียวที่ทำได้คงมีแค่ทำใจให้พร้อมกับทุกสถารณ์ที่ต้องเจอ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนั่งจมอยู่กับความคิดอันทุกข์ระทมจนเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก็อก! ก็อก! "คุณหญิงให้มาตามค่ะ" ตามด้วยเสียงของแม่บ้านคนเดิมเมษาสะบัดศีรษะไล่ความคิดมากมายในสมองออก "ค่ะ" เปล่งเสียงตอบไปพร้อมกับลุกเดินออกจากห้อง เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นสาริกายังนั่งอยู่ที่เดิม แต่เพิ่มเติมคือมีผู้ชายอายุน่าจะเยอะกว่าสาริกานั่งอยู่ด้วยข้าง ๆ นึกสงสัยไม่น้อยแต่ก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยไว้ เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามผู้ใหญ่ทั้งสอง ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ผู้ชายคนนั้นไปตามมารยาท "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีหนู" หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบปลาย ๆ รับไหว้เด็กสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่สาริกาจะได้เอ่ยให้คนทั้งสองได้รู้จักกัน "นี่คุณประวีสามีฉัน ส่วนเด็กคนนี้ชื่อเมษาค่ะคนที่ฉันโทรเล่าให้คุณฟังว่ามาสวมรอยเป็นคู่หมั้นของตานาย" ประโยคแรกเธอเอ่ยแนะนำสามีของตัวเองที่เพิ่งกลับมาจากดูงานต่างประเทศให้เด็กสาวรู้จัก ประโยคหลังเธอหันไปบอกกล่าวกับคนเป็นสามี "อ่อ" สิ้นเสียงบอกกล่าวของภรรยาประวีก็ตวัดสายตามองสำรวจใบหน้าเด็กสาวอย่างพินิจ เขาพอรับรู้ความเป็นมาของเด็กสาวจากภรรยาบ้างแล้วบอกตามตรงว่าชีวิตของเด็กสาวตรงหน้าน่าสงสารมากทีเดียว ดูจากสายตาที่เจือไปด้วยความเศร้า ใบหน้าหม่นหมองก็พอเดาได้ว่าตอนนี้เด็กสาวไม่ได้มีความสุขหรือยินดีอะไรเลย เขานึกเห็นใจทั้งเด็กสาว และบุตรชายที่ถูกผู้เป็นแม่ขัดขวางความรัก แต่เขาก็ขัดขวางผู้เป็นภรรยาไม่ได้เช่นกัน ขณะที่เมษาทำได้แค่ส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้ประวีพลางเสสายตามองไปทางอื่นเพราะรู้สึกประหม่ากับสายตาของท่านที่มองมาอย่างสำรวจ ไม่รู้ว่าในใจของท่านกำลังคิดอะไรอยู่จะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีหรือไม่ "ทำตัวตามสบายนะ" ประวีเหมือนจะอ่านความคิดของเด็กสาวออกจึงบอกกล่าวหวังให้เด็กสาวคลายความตึงเครียด และความเกรงใจลง "ค่ะ" เมษาเพียงขานรับเบา ๆ ต่อให้ประวีจะบอกว่าให้ทำตัวตามสบายเธอก็อดเกรงใจไม่ได้อยู่ดีด้วยสถานะของเธอที่เข้ามาอยู่ สำหรับประวีท่านดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีเลยทีเดียว ทว่าพอเหลือบมองหน้าสาริกากลับให้ความรู้สึกคนละแบบกันเลย หากให้เปรียบสาริกาคงเป็นนางยักษ์ ส่วนประวีเป็นเทวดามันให้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ "คุณขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะเดินทางกลับมาเหนื่อย ๆ" สาริกาที่นั่งจ้องหน้าเมษาด้วยแววตาดุมาสักพักปรายตาไปเอ่ยกับสามีด้วยความเป็นห่วง ครั้นคนเป็นสามีลุกเดินขึ้นห้องไปเธอก็เอ่ยกับเด็กสาวต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน "เธอจงระลึกไว้เสมอว่าเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยฐานะอะไร อย่าตีตัวเสมอนายเด็ดขาด" "ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ" คำพูดจากปากสาริกายิ่งตอกย้ำให้เมษารู้ว่าสาริกาเป็นนางยักษ์ไม่เกินจริง บางทีเธอก็ยากจะตอกกลับไปเหลือเกินว่าหากท่านกลัวเธอจะตีตัวเสมอนาย หรือกังวลว่าเธอจะคิดจับลูกชายทำไมไม่ยกเลิกงานที่ให้เธอทำไปเลย แต่ก็นั่นแหละเธอทำได้แค่คิดในใจเพราะชีวิตของแม่กับน้องค้ำคออยู่ "ดีมาก" สาริกายกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจเพราะไม่ว่าจะสั่ง หรือพูดอะไรไปเด็กสาวก็ทำตามอย่างว่าง่ายไม่เคยหือไม่เคยอือเลยสักครั้ง "ฉันขอกลับไปหาแม่กับน้องที่บ้านสักแป๊บได้ไหมคะ" ภายในห้องโถงถูกปกคลุมด้วยความเงียบนานนับนาทีก่อนเมษาจะรวบรวมความกล้าลองขอสาริกากลับไปหาแม่กับน้องสาวดู เธออยากจะไปบอกกล่าวกับทั้งสองด้วยตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องมาอยู่บ้านสาริกาถึงแม้สาริกาจะบอกว่าเป็นคนบอกเอง สาริกามองค้อนเด็กสาวน้อย ๆ เธอเพิ่งชมไปเมื่อกี้เองว่าเด็กสาวว่าง่าย แต่ไม่ถึงนาทีก็มีคำร้องขอขึ้นมาแล้ว "จะไปก็ไปให้ลุงดินไปส่ง แล้วรอรับกลับมาเลยแล้วกัน" เธอเลือกตัดความรำคาญโดยการปล่อยให้เด็กสาวได้กลับไปหาแม่กับน้องสาวเพราะหลังจากนี้เด็กสาวอาจจะไม่ได้ไปหาทั้งสองอีกจนกว่างานจะสำเร็จเพื่อป้องกันบุตรชายของเธอเกิดความสงสัย แล้วตามสืบจนความลับแตก "ขอบคุณค่ะ" เมษารีบยกมือไหว้ขอบคุณสาริกาด้วยความดีอกดีใจ จากนั้นก็รีบลุกเดินตัวปลิวออกจากบ้านไปด้วยกลัวว่าสาริกาจะเปลี่ยนใจ“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ