เมื่อพูดถึงการปรนนิบัติ เซียวอวี้ถึงได้เห็นว่าสีหน้าของนางมีการเปลี่ยนแปลง
ถึงแม้ว่าความเปลี่ยนนั้นจะเล็กน้อยมาก ก็ยังไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้
นั่นเป็นสีหน้าของความตื่นตระหนก ขัดแย้ง และต่อต้านขัดขืน
เซียวอวี้โกรธจนหัวเราะ
“ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดได้เพียง ‘เพคะ’ หรอกรึ”
แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูลำบากใจอยู่บ้าง
นางอ้าปาก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร
ยามนี้พูดให้น้อยจึงจะดี
โชคดีที่เซียวอวี้ทนการปฏิบัติอย่างเย็นชาของนางไม่ไหว ไม่นานก็จากไป
สองวันต่อมา
เฉียวม่อก็มาถึงเมืองหลวงและรับตำแหน่งเป็นองครักษ์อารักขาประตู
นางเข้าวังเพื่อแสดงความขอบคุณเป็นสิ่งแรก
ความรู้สึกที่เซียวอวี้มีต่อนางนั้นย้อนแย้งเป็นอย่างมาก
ด้านหนึ่ง หากไม่ใช่นางเปิดเผยข้อมูลออกมา เขาไม่มีทางหาฮองเฮาพบได้เร็วขนาดนี้
ทว่าอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่หักหลังคนอื่นย่อมไม่ใช่คนดี
เขาไม่เคยโอ้อวดว่าตนเป็นสุภาพบุรุษผู้มีคุณธรรม ทว่าเขาดูถูกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้
ก่อนที่เฉียวม่อจะออกจากวัง คนของตำหนักหย่งเหอก็ส่งคนมารับนาง
นางเดาไว้แต่แรกแล้ว
เมื่อเข้ามาในตำหนักหย่งเหอก็พบเพียงศิษย์พี่ผู้เดียวเท่านั้น
นางยังคงถวายคำนับอย่างเคารพนบนอบ
“ถวายบังคมฮองเฮาเพค