โม่ชิงเหยียน จ้องมองใบหน้าซีดด้วยความตกใจร่างบางที่สั่นในอ้อมแขนของเขา ร่างยังอ่อนแรงและใจยังสั่นสะท้านจากเหตุการณ์เฉียดตาย พลัน… แขนแข็งแรงของไป๋เหวินหลงก็กระชากหว่านชิงหลุดติดมือ รุนแรงเกินกว่าจะยื้อไว้ทัน โม่ชิงเหยียนขยับมือแต่ไม่เร็วพอ…ไปกว่าไป๋เหวินหลงใบหน้าเครียดเขม็งของแม่ทัพหนุ่มผู้เคยเป็นดั่งภูผาแกร่งปรากฏชัดตรงหน้า“เป็นเจ้าใช่หรือไม่!!” เสียงตะคอกลั่นก้องกลางลาน ดวงตาคมกริบของเขาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ“เป็นเจ้าที่ทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ ส่งมือสังหารเข้ามาทำร้ายน้องทั้งสองของเจ้า”หว่านชิงอ้าปากค้าง ยังไม่หายตกใจก็ถูกถาโถมด้วยข้อกล่าวหาไร้เหตุผลจนแทบล้มทั้งยืน หว่านชิงเบิกตากว้าง ทั้งตกตะลึง ทั้งเจ็บใจ ทั้งน้อยใจ เสียงหว่านชิงสั่นเครือ แต่ตะโกนกลับไปดังลั่น“ท่านไม่ชอบข้า ก็อย่าใส่ร้ายข้า! อย่างไรข้าจะจ้างคนมาฆ่าน้องตัวเอง! มีแรงจูงใจอะไรกัน!? แต่หากข้าทำจริงๆ อย่างที่ท่านว่า…ท่านตาบอดหรือไร ข้าหว่านชิงคนนี้ใช้ร่างขวางคมกระบี่แทนหยางหลิน”หว่านชิงพูดด้วยเสียงดังลั่น เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำทุกคำ แต่ไป๋เหวินหลงกลับจ้องตานางอย่างดุดัน น้ำเสียงเย็นยะเยียบราวกับจะแช่แข็งหัวใจ“นั่นน่
ก่อนหน้านี้…ใต้เงาไม้ที่ทอดยาวข้างทางเดินในสวนหลวง หว่านชิงและหยางหลินเดินเคียงกันด้วยจังหวะก้าวที่แสนสบายอารมณ์ ลมเย็นพัดแผ่วผ่านปลายแขนเสื้อ หว่านชิงเหลียวไปมองน้องชายที่กำลังเดินพลางเตะหินก้อนเล็กเล่นอย่างคนที่อารมณ์ดี แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือยิ้ม“หยางหลินน้องรัก เจ้าเอาของขวัญของพี่ไปให้เขารึยัง?”หยุดเดินครู่หนึ่ง พลางเอียงคอถามอย่างฉงน หยางหลินนิ่งคิด“พี่สาวหมายถึงหยกใช่ไหม” หว่านชิงพยักหน้าขึ้นลง“หรือว่า...ท่านแม่ทัพเขาไม่ชอบหยกกันนะ? ทำไมดูเหมือนเขาโกรธข้าเลยล่ะ?”หยางหลินเหลือบมองพี่สาวก่อนถอนหายใจเบาๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเข้าใจ“ให้ไปแล้วขอรับท่านพี่...ที่ดูเป็นแบบนั้นไม่แน่ว่าเพราะถูกบังคับให้งานเลี้ยงน้ำชา” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนพูดต่อ “ความจริงแล้ว...ท่านน้านะน่ะ เขาไม่ชอบที่จะวุ่นวายกับใครเท่าไร”“อ้อออ~” หว่านชิงลากเสียงยาวอย่างเข้าใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างยอมรับในนิสัยเฉพาะตัวของอีกฝ่าย แต่ทว่า...ฟึ่บ!เสียงกระทบกันของลมและร่างกายดังขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เงาร่างหนึ่งพุ่งวูบออกจากพุ่มไม้ด้านข้าง มือสังหารในชุดดำทะยานเข้าหาหยางหลินด
เมื่อจบการพูดคุย เยี่ยนอิงรีบเดินเข้าไปใกล้ฮองเฮา เอื้อมมือแตะเบาๆ ที่แขนมารดาอย่างห่วงใย“ท่านแม่ ลูกไปส่งด้านในเถิดท่านจะได้พักผ่อน”ฮองเฮาหลันซือยิ้มบางแล้วส่ายหน้าน้อยๆ“ไม่เป็นไรหรอก เจ้ากลับไปพร้อมทุกคนเถอะ แม่กลัวว่าจะมืดค่ำเกินไป หากเจ้ากลับช้า เดี๋ยวหม่าอิ๋นฉิงจะดูแลแม่เอง”ฮองเฮาหันไปยังแม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านหลังแล้วกล่าวอย่างเรียบง่ายแต่ไม่ไร้จุดประสงค์“วานท่านแม่ทัพไป๋... ช่วยส่งองค์หญิงทั้งสองกลับด้วยนะ ลำบากท่านแล้ว”ไป๋เหวินหลงพยักหน้ารับคำสั้นๆทั้งสี่คน แม่ทัพไป๋ หว่านชิง เยี่ยนอิง และหยางหลิน จึงพากันเดินไปตามทางอุทยานหลวง บรรยากาศอบอุ่น แสงตะวันที่ใกล้ลับฟ้าส่องลอดกิ่งไม้มาอย่างอ่อนโยน เสียงหัวเราะแว่วเบาๆ จากบทสนทนา ที่จะว่าฝืนใจก็เกือบจะใช่ จนเมื่อเดินมาถึงทางแยก หว่านชิงยิ้มบาง หยุดยืนแล้วเอ่ยอย่างสบายๆ“ข้าไปก่อนนะ”“พี่สาว ท่านจะไปไหนน่ะ”เสียงทุ้มใสของหยางหลินดังขึ้นพร้อมคิ้วเรียวที่ยกสูงอย่างสงสัย ขณะเดินมาหยุดอยู่ข้างพี่สาวผู้แสนสดใส หว่านชิงหันไปยิ้มกว้าง ดวงตาโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว “ข้าจะแวะไปคุยกับท่านราชครู... แก้เหงาสักหน่อย” ความจริงตั้งใจจะไปเล่าเรื่
ฮองเฮาหลันซือหันไปยิ้มอ่อนโยนให้แม่ทัพหนุ่มผู้เงียบขรึม พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แฝงความคุ้นเคย“ท่านแม่ทัพไป๋… ยังไงก็ต้องขอบคุณจริงๆ ที่มาร่วมวันนี้” ฮองเฮาหลันซือยิ้มจางๆ ดวงตาเปี่ยมด้วยความใส่ใจ “นึกว่าแม่ทัพเพิ่งกลับจากด่านชายแดน คงต้องวุ่นวายกับงานราชการ ไม่มีเวลามาพบข้าเสียอีก”ไป๋เหวินหลงพยักหน้าช้าๆ สีหน้าสงบเงียบไม่เผยความในใจ ดวงตาคมทอดมองไปยังจอกชาเบื้องหน้า“ข้าน้อยเพิ่งจะกลับจากชายแดนตั้งใจจะมาถวายพระพรหากแต่รอเวลาที่เหมาะสม” สายตานิ่งเฉยไมไ่ด้แสดงว่ารู้สึกเช่นไรฮองเฮาไม่ได้สนใจในความเย็นชานั้น กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งขึ้น น้ำเสียงแฝงความกังวลชัดเจนขึ้นมาเมื่อเอ่ยต่อ“ที่ด่านชายแดน… เป็นเช่นไรบ้าง? ท่านลุงซ่งอี้ซานของข้า เขาเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าสถานการณ์ที่นั่นจะไม่ทำให้เขาลำบากมากนัก…”แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเรียบแต่หนักแน่น“สถานการณ์ที่ชายแดนข้าน้อยจัดการจนเรียบร้อย ตอนนี้สงบสุขดี การไปครั้งนี้ของท่านซ่งอี้ซานเป็นเพียงการตรวจเยี่ยมและเปลี่ยนผลัดหน้าที่ของข้า คงไม่ลำบากนักสำหรับท่านซ่ง”ฮองเฮาพยักหน้าอย่างคลายใจ จิบชาช้าๆ แล้ววา
ไป๋เหวินหลงพูดแทรกขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงเรียบขรึมอย่างคนไม่สนใจจะอ้อมค้อมว่า“ชิงเหยียนเขาไม่มาหรอก”หว่านชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่หันไปมองเขาเลยสักนิด นางยังคงหันหน้าไปพูดกับเยี่ยนอิงและหยางหลินด้วยน้ำเสียงมั่นใจแฝงความอ่อนโยนว่า“ท่านอาจารย์จะต้องมาแน่ ถ้าข้าเป็นคนชวนเอง ข้ากับอาจารย์ดีกันแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”เยี่ยนอิงกับหยางหลินสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ พวกเขารู้ดีว่าคำพูดเช่นนี้จากหว่านชิงไม่ใช่เรื่องลมปาก หากนางพูดเช่นนั้น ย่อมหมายความว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆไป๋เหวินหลง เสมองไปทางอื่นเสีย แต่ในใจกลับคิดว่าหว่านชิงไปสนิทกับสหายโม๋ชิงเหยียนตอนไหนฮองเฮาเห็นบรรยากาศเริ่มตึงเครียดไป จึงรีบยิ้มบางๆ พลางพูดขึ้นว่า“จริงๆ แล้ววันนี้ ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มชาพูดคุยสังสรรค์ทั่วไปหรอก เพียงแต่แม่มีเรื่องบางอย่างอยากสอบถามท่านแม่ทัพนิดหน่อย ก็เลยถือโอกาสเรียกพวกเจ้ามาด้วย เพราะหากข้ากับท่านแม่ทัพอยู่กันเพียงลำพัง... ข้ากลัวท่านแม่ทัพจะอึดอัด”หว่านชิงหันไปยิ้มหวานให้ฮองเฮา ยิ้มที่ดูอ่อนน้อมชวนให้ชื่นชม อยู่ลึกๆ นางพูดเสียงใสว่า“เช่นนั้น... ท่านแม่
หว่านชิงเหมือนเริ่มจับบางอย่างได้แล้ว ข้าไม่ใช่คนโง่ คำพูดพวกนี้ยอมมองเจตนาออก ทุกคนรู้ดีว่าแม่ทัพไป๋เหวินหลงเป็นคนอย่างไร ไม่ชอบพูด ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ใครเข้าใกล้มีแต่ถูกเขาผลักไส การพูดแบบนี้กับเขาก็มีแต่จะได้รับปฏิกิริยาตอบกลับเป็นความรำคาญหรือหลีกหนี ฮองเฮาผู้เป็นอีกหนึ่งสายใหญ่ในวังจะไม่รู้ข้อมูลนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ครั้งนี้ฮองเฮากลับพูดแซวออกมาตรงๆ เหมือนคนโง่ไม่มองหน้าคนฟังทั้งสอง ชัดเจนว่าฮองเฮาแสร้งซื่อเพื่อพูดให้หว่านชิงดูไม่ดีในสายตาแม่ทัพไป๋เหวินหลง ไป๋เหวินหลงในซีรี่ย์ คือบุรุษองอาจแต่ไร้เดียงสาในเรื่องหญิงสาว ไม่ใช่หยิ่ง แต่ไม่รู้วิธีปฏิบัติเมื่อเข้าใกล้หญิงงามต่างหาก เขาจึงมักตอบสนองด้วยการนิ่งเฉย บึ้งตึงและเพราะแบบนั้น เขาถึงมักมองว่าหญิงใดก็ตามที่เข้าหาเขา ย่อมต้องหวังผลประโยชน์หรือหน้าตาเขาแน่ๆ เพราะขนาดเขาไม่ได้ใส่ใจพวกนางพวกนางยังตามเขา และไม่ว่าจะไปที่ไหนท่านแม่ทัพไป๋คนนี้จะต้องทำหน้านิ่งตีหน้าตายเพื่อกันพวกหญิงที่วิ่งเข้าหาเขาออกไปเห้อ... นี่สินะ ความทุกข์ของคนหล่อ ฮ่าฮ่าฮ่าแต่ประโยคของฮองเฮาเมื่อครู่ กลับเหมือนการผลักข้าให้กลับไปเล่นบทนางร้ายผู้ไล่ตื้อแม