ใบข้าวยังไม่ได้เจอหยางหลงเหวินอีกตั้งแต่ออกมาจากห้องทำงานของเขา เมื่อเลิกงานในเย็นวันนั้น เธอก็รีบนั่งรถเมล์ตรงดิ่งกลับห้องเช่า ตอนอยู่ที่โรงแรมเธอทั้งเครียดทั้งตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลง ตอนนี้เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา ซื้อข้าวไข่เจียวให้ตัวเองกล่องนึงและแวะซื้ออาหารเปียกอีกซอง
เมื่อไขประตูห้อง ร่างเล็กๆ สีดำร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา แต่เธอระวังอยู่แล้วจึงคว้ามันไว้ได้ทันท่วงที
“เจ้าจิ๋ว! จะหนีไปไหนอีกแล้ว!!!”
ที่แท้ร่างเล็กๆ สีดำนั่นก็คือแมวจรตัวน้อย ตัวเล็กชนิดอุ้มได้ด้วยมือเดียว เมื่อสองสัปดาห์ก่อนมีเสียงลูกแมวร้องลั่นซอย คนในซอยช่วยกันตามหาจึงได้เห็นแมวน้อยสีดำตัวหนึ่งกำลังร้องเรียกหาแม่ เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง แสดงว่าคงติดท้องรถใครมาแน่ๆ
ไม่รู้ทำอีท่าไหน ใบข้าวจึงกลายเป็นคนที่รับเจ้าจิ๋วมาเลี้ยงจนได้ ห้องเช่าเล็กๆ พอมีที่ให้แมวน้อยและเจ้าของก็ไม่ว่าอะไรเพราะคนในซอยนี้เลี้ยงแมวกันหลายบ้าน เจ้าจิ๋วจึงได้มาอยู่กับใบข้าวด้วยประการฉะนี้
จิ๋วกินอาหารเปียกที่ใบข้าวเทให้อย่างหิวโหย หญิงสาวก็ทรุดตัวนั่งใกล้ๆ กินข้าวไข่เจียวของตัวเองไปเหมือนกัน ระหว่างที่กินไป ใจก็ลอยไปถึงหยางหลงเหวิน
ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าได้เจอเขาอีกครั้ง...
เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าแต่ก่อนมาก...ก็แน่ล่ะสิ ผ่านมาตั้งสิบปีแล้วนะ เขาดูภูมิฐาน หล่อเหลาและมีอำนาจ
ดูจากเรื่องที่เขาสั่งผ่านหัวหน้า ก็พอจะเดาได้แล้วว่าหลงเหวินคนนี้ไม่เหมือนคนเดิมที่เธอเคยรู้จักเมื่อสิบปีก่อน...
เธอเองก็เหมือนกัน ใบข้าวคิดอย่างเหม่อลอย เธอเองก็ไม่ใช่เด็กสาวผู้ร่าเริงคนเดิมอีกแล้วเหมือนกัน
* * * * *
รุ่งเช้าวันถัดมา หัวหน้าแม่บ้านที่ชื่อสุภัทราถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นใบข้าวมาเข้ากะตามปกติ เพราะหน้าที่การงานของคนทั้งแผนกขึ้นอยู่กับแม่บ้านคนใหม่คนนี้แล้ว สุภัทรารีบเดินมาหา พร้อมยื่นถุงพลาสติกที่ข้างในมีเครื่องแบบแม่บ้านของบริษัท
“พี่เร่งมาให้แล้วจ้ะ ซักมาให้เรียบร้อยเลยด้วยนะ น้องข้าวเอาไปเปลี่ยนได้เลย”
“ขอบคุณนะคะหัวหน้า”
“หัวนงหัวหน้าอะไร เรียกพี่ภัทก็ได้ ใครๆ ก็เรียกพี่แบบนั้น”
“ค่ะพี่ภัท”
ใบข้าวตอบแล้วรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดและขึ้นลิฟต์พนักงานไปยังชั้น 28 ตามที่ได้รับมอบหมาย
ปกติทุกชั้น เมื่อออกจากลิฟต์ก็จะเห็นโต๊ะของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ประจำชั้นละหนึ่งคน แต่นี่เป็นห้องประธานบริษัทแท้ๆ โต๊ะ รปภ. กลับว่างเปล่า...
แต่ใบข้าวก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก รปภ. อาจไปเข้าห้องน้ำก็ได้ เธอสนใจแค่หน้าที่ของเธอ เมื่อสมัครเข้ามาเป็นแม่บ้าน หน้าที่ก็คือดูแลความสะอาดของห้องทำงานท่านประธานให้เอี่ยมอ่อง
ใบข้าวไม่รู้ว่าบ้านช่องของหยางหลงเหวินคือที่ไหน แต่ที่แน่ๆ นี่คงยังเช้าเกินไปเพราะห้องทำงานเงียบกริบ แต่เหมือนจะมีคนมาเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้แล้วเพราะเปิดประตูเข้ามาก็เย็นฉ่ำ
เมื่อวานตอนที่เข้ามาครั้งแรก เธอยังไม่ทันได้มองไปรอบๆ ห้อง ตอนนี้จึงถือโอกาสสำรวจห้องทำงานของคนที่นั่งตำแหน่งสูงสุดของเมร่าแกรนด์บางกอก...ห้องกว้างขวางกินพื้นที่เกินครึ่งชั้น โต๊ะทำงานประธานตั้งโดดเด่น มีชั้นหนังสือ ชุดรับแขกและโต๊ะประชุมเล็กๆ อีกด้านเป็นมุมบาร์มีเครื่องดื่มทั้งน้ำเปล่า กาแฟ น้ำผลไม้ ไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์...
ตอนเป็นนักศึกษา หยางหลงเหวินไม่แตะต้องแอลกอฮอล์เลยแม้แต่น้อย เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แต่ตอนนี้เขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วก็คงมีบ้างล่ะมั้ง...หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่ผนังกระจกขนาดใหญ่ที่คงจะเป็นกระจกนิรภัยกรองแสง มองเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานคร ใบข้าวหยิบขวดสเปรย์แล้วเริ่มทำความสะอาดผนังกระจก เช็ดไปเช็ดมาก็เผลอยืนนิ่งมองดูวิว
กระทั่งมีมือคู่หนึ่งสอดมาที่เอว เธอก็อุทานเสียงสูง ผ้าเช็ดกระจกกับขวดสเปรย์ร่วงหลุดมือ
“เหม่ออะไรอยู่”
เป็นหยางหลงเหวินนี่เอง เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่ได้ยินเสียงเลยสักนิด
“คุณหยาง!”
“หรือว่ายืนรอให้ฉันเข้ามากอด...”
“เปล่านะ!”
ใบข้าวดิ้น แต่หยางหลงเหวินไม่ยอมปล่อย เห็นชัดว่าแม่บ้านคนนี้ไม่รู้เลยว่าในห้องทำงานของเขา ผนังอีกด้านคือห้องพักส่วนตัวเหมือนเพนท์เฮาส์ขนาดย่อม และเขานอนที่นี่ เขาเห็นจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่เธอออกจากลิฟต์มาแล้ว
ช่างไม่รู้ตัวบ้างเลยว่าตัวเองกำลังเป็นกวางน้อยเดียวดายที่เดินดุ่มเข้าถ้ำเสือ...ไม่สิ ถ้ำมังกรต่างหาก แถมยังเป็นมังกรที่พร้อมจะพ่นไฟแล้วทุกเมื่อ
“คุณกำลังล่วงละเมิดทางเพศพนักงานนะคุณหยาง ฉันเอาเรื่องคุณได้นะ!”
ใบข้าวกัดฟันพูด นึกชื่นชมที่ตัวเองเสียงไม่สั่น
แค่หวังว่าคนที่กอดเธออยู่แนบหลังคงสัมผัสไม่ได้ว่าหัวใจเธอกำลังเต้นแรงแค่ไหน
“ก็ทำสิ ฉันไม่ว่าหรอก ถ้าใครถามฉันจะได้บอกไปตรงๆ ว่า...ฉันก็แค่คิดถึงเธอและอยากกอดอยากหอมตามประสาคนเป็นแฟนเก่า”
“คุณหยาง!”
“เรียกฉันเหมือนเมื่อก่อนสิ แล้วฉันจะปล่อย”
เสียงกระซิบของหยางหลงเหวินคลอเคลียอยู่เหนือขมับ มันทำให้เธอร้อนผ่าวไปหมด
“ไม่...ตอนนี้คุณเป็นเจ้านายของฉัน”
“เจ้านายที่เป็นอดีตคนรัก ฉันอนุญาตให้เธอเรียกฉันเหมือนเคย เสี่ยวหลง เสี่ยวเหวิน หยางหยาง หรือมังกรก็ได้ ตามแต่เธอถนัด”
“คุณหยาง ประธานหยาง...”
เธอยังดื้อดึงแล้วก็ได้ยินเสียงเขาฮึดฮัดขัดใจ พริบตาก็หมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้าเขา วันนี้เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มและแววตาที่เข้มดำยิ่งกว่า
“ตามใจ อยากเรียกอะไรก็เรียก ส่วนฉันจะเรียกเธอเหมือนเดิม...เสี่ยวเผิง”
เขาไม่พูดเปล่าแต่ยังก้มลงมาใกล้ ปัดริมฝีปากผ่านเธอไปอย่างแผ่วเบาโดยไม่ให้ตั้งตัว ใบข้าวตัวแข็งทื่อ รู้ตัวอีกทีเขาก็ถอยออกไปยืนห่างแล้วหนึ่งก้าว นึกว่าเขาจะจูบเธอเสียแล้ว...
นี่เรากำลังเสียดายอยู่หรือเปล่านะ
เห็นแก้มแดงๆ ของคนตรงหน้า มุมปากของหยางหลงเหวินก็ยกขึ้นเล็กน้อย เขายังมีนัดสำคัญเช้านี้ ยังทำตามใจตัวเองทั้งหมดไม่ได้
แต่ก่อนจะออกจากห้องทำงานไปก็ยังไม่วายสั่ง
“รอฉันอยู่ที่นี่ เมื่อฉันกลับมา ฉันต้องเจอเธอ...”
“แล้วถ้าไม่เจอล่ะ”
ใบข้าวลองกลั้นใจถาม ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงให้ความรู้สึกหนาวยะเยือก
“ถ้าเธอไม่อยู่ ฉันจะไล่แม่บ้านออกทั้งแผนก ถ้าอยากพิสูจน์ว่าฉันทำจริงมั้ย จะลองดูก็ได้นะ”
หยางหลงเหวินตั้งใจจะบอกตรงๆ ว่าเขาเปลี่ยนแผนเรื่องที่จะว่าจ้างนักบริหารมืออาชีพมาดูแลเมร่าแกรนด์แทนจางเจี๋ยที่ถูกเรียกตัวกลับไต้หวัน แต่เมื่อเห็นว่าใครที่รอเขาอยู่ในห้องประชุม หลงเหวินก็สั่งให้ทุกคนออกไปไม่เว้นแม้แต่อาเฟยเหลือไว้เพียงเขากับ “เธอ” คนนั้นตามลำพัง“ไม่ได้เจอกันนานนะคะ ประธานหยาง”ไป๋อวี่ชิงส่งยิ้มอ่อนหวานเยือกเย็นมาให้ ลูกสาวคนเล็กของสกุลไป๋อยู่ในชุดสูทสีขาวสวยสง่าราวนางพญา ทั้งที่อายุเพียง 28 ปีเท่านั้น“ปู่ส่งคุณมาใช่ไหม”ประธานหนุ่มถามทันทีอย่างไม่มีอารัมภบท ไป๋อวี่ชิงหัวเราะเบาๆ“ที่จริงฉันก็ตั้งใจจะมาทักทายคุณอยู่แล้ว แต่พอรู้ว่าผู้อำนวยการเฟยกำลังมองหาบริหารมืออาชีพมาบริหารเมร่าแกรนด์ ฉันก็เลยเสนอตัว”“แล้วเจ้าเฟยก็ไม่บอกสักคำ”เขาเอ่ยเสียงเย็น สีหน้าเคร่งขรึม“อย่าโทษเขาเลยค่ะ เขาไม่ทราบมาก่อนว่าฉันจะมา...”หยางหลงเหวินถอนหายใจและดึงเก้าอี้ลงนั่งอย่างไม่ต้องการพิธีรีตอง“ขึ้นไปพบผมที่ห้องทำงานก็ได้ ไม่เห็นต้องมาถึงนี่”“ก็อยากคุยเรื่องงานเหมือนกันนี่คะ”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว“คุณหนูชิงชิงสนใจจะมาบริหารโรงแรมเล็กๆ ของหยางกรุ๊ปจริงๆ น่ะหรือ ผมไม่มีเงินจ้างคุณหรอกนะ อีกอ
ใบข้าวยังไม่ได้เจอหยางหลงเหวินอีกตั้งแต่ออกมาจากห้องทำงานของเขา เมื่อเลิกงานในเย็นวันนั้น เธอก็รีบนั่งรถเมล์ตรงดิ่งกลับห้องเช่า ตอนอยู่ที่โรงแรมเธอทั้งเครียดทั้งตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลง ตอนนี้เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา ซื้อข้าวไข่เจียวให้ตัวเองกล่องนึงและแวะซื้ออาหารเปียกอีกซองเมื่อไขประตูห้อง ร่างเล็กๆ สีดำร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา แต่เธอระวังอยู่แล้วจึงคว้ามันไว้ได้ทันท่วงที“เจ้าจิ๋ว! จะหนีไปไหนอีกแล้ว!!!”ที่แท้ร่างเล็กๆ สีดำนั่นก็คือแมวจรตัวน้อย ตัวเล็กชนิดอุ้มได้ด้วยมือเดียว เมื่อสองสัปดาห์ก่อนมีเสียงลูกแมวร้องลั่นซอย คนในซอยช่วยกันตามหาจึงได้เห็นแมวน้อยสีดำตัวหนึ่งกำลังร้องเรียกหาแม่ เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง แสดงว่าคงติดท้องรถใครมาแน่ๆไม่รู้ทำอีท่าไหน ใบข้าวจึงกลายเป็นคนที่รับเจ้าจิ๋วมาเลี้ยงจนได้ ห้องเช่าเล็กๆ พอมีที่ให้แมวน้อยและเจ้าของก็ไม่ว่าอะไรเพราะคนในซอยนี้เลี้ยงแมวกันหลายบ้าน เจ้าจิ๋วจึงได้มาอยู่กับใบข้าวด้วยประการฉะนี้จิ๋วกินอาหารเปียกที่ใบข้าวเทให้อย่างหิวโหย หญิงสาวก็ทรุดตัวนั่งใกล้ๆ กินข้าวไข่เจียวของตัวเองไปเหมือนกัน ระหว่างที่กินไป ใจก็ลอยไปถึงหยางหลงเหวินยังไม
“หยาง...ปล่อยฉันก่อนเถอะนะ ฉันหายใจไม่ออก”ใบข้าวพูดอู้อี้อยู่กับอกเขา เธอควรจะเป็นฝ่ายใจเต้นแรงแท้ๆ แต่เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างสูงปราดเปรียวที่กอดเธออยู่มีอาการสั่นนิดๆ ความตื่นเต้นของเธอก็ค่อยๆ หายไปหลงเหวินยอมคลายอ้อมแขน แต่ยังจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของเธอเอาไว้“ตอบคำถามฉันมาให้หมด ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะได้ออกจากห้องนี้”“เธออยากรู้อะไรล่ะ”“ทั้งหมด ตั้งแต่สิบปีก่อน และตลอดสิบปีมานี้...ฉันอยากรู้ทั้งหมด”“แต่ฉันไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ”หญิงสาวฝืนหัวเราะ ไม่กล้าสบตาเขา“เอาแบบนี้ดีไหม ให้ฉันกลับไปทำงานของตัวเองก่อน แล้วว่างๆ เราค่อยมาคุยกัน”“เมื่อกี้คนคนนั้นบอกว่าเธอเพิ่งมาทำงาน?”“ใช่ ฉันเพิ่งมาทำได้แค่สามวัน วันนี้วันที่สี่...” แล้วก็เจอนายนี่แหละ!!! ยังไม่อยากจะเชื่อเลย“เธอทำงานแผนกแม่บ้านจริงๆ เหรอ ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันใช่ไหม”“เห็นชุดฉันไหมล่ะ”ใบข้าวพูดยิ้มๆ ตั้งใจให้เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องตลก แต่หลงเหวินไม่ยักขำ คิ้วเข้มของเขายิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้น“ทำไมเธอมาทำงานแม่บ้าน ภาษาของเธอน่าจะทำให้เธอได้ทำงานที่ดีกว่านี้”“งานแม่บ้านก็ดี...”ใบข้าวตอบ ดึงตัวออกจากมือเขา
“ดิฉันชื่อใบ...”เธอกำลังตอบและเงยหน้าขึ้นมองเขาคำตอบนั้นชะงักไปทันที พร้อมๆ กับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจแค่เห็นสีหน้าแบบนี้ หยางหลงเหวินก็รู้ทันทีว่าเขาจำคนไม่ผิด เพราะถ้าไม่เคยรู้จักกัน เธอคงไม่ทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนี้“ใบข้าว...เธอนั่นเอง”“...มังกร...”หญิงสาวพลาดที่หลุดปากออกไป ไม่มีทางจะปฏิเสธได้อีกว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาคิดเพราะดันเรียกเขาด้วยชื่อที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่เคยเรียก“ใช่เธอจริงๆ”หยางหลงเหวินหัวเราะเครียดๆ ทั้งน้ำเสียงและชื่อเรียกที่เฉพาะเจาะจงนั้นทำให้หัวใจของเขารัวกระหน่ำใบข้าวถอยเท้าหนีอย่างไม่ตั้งใจ หยางหลงเหวินก้าวตามเธอก้าวหนีอีกสองก้าว เขาก็ก้าวยาวๆ ไปอีกครึ่งก้าวเธอก้าวถอยอีกครั้ง คราวนี้พลาดเหยียบน้ำที่ยังเช็ดไม่หมด ถึงกับลื่นหงายหลัง อีกนิดเดียวก้นคงจ้ำเบ้า...แต่หยางหลงเหวินไวกว่า คว้าเอวเธอไว้ได้ทัน พริบตาเดียวร่างผอมบางของเธอก็ถูกเขารัดแน่นท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของเฟยจื้อหรงและทีมเลขาฯ ที่อยู่ข้างหลัง“เป็นเธอจริงๆ ใช่เธอจริงๆ ใบข้าว”“ไม่ใช่ค่ะ”เธอได้สติ ปฏิเสธเบาๆ และผลักเขาออกหลงเหวินยอมปล่อยแขนออกอย่างเสียดาย แต่มือเลื่อนไปจับหัวไหล่เธอไว้
"พี่น่าจะบอกฉันก่อนว่าจะมา...!!!"จางเจี๋ย เอ่ยเป็นประโยคแรกเมื่อเขาผลักประตูห้องทำงานของตัวเองเข้าไปแล้วพบชายร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่เพิ่งมีคนโทรไปปลุกจางเจี๋ยเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เองว่าญาติผู้พี่ของเขามาถึงกรุงเทพฯ แล้ว และอยู่ที่โรงแรมแล้วด้วย จางเจี๋ยที่กำลังงัวเงียแทบจะสร่างเมาในพริบตา เขาผลักร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวคู่ขาออกไปแล้วรีบกระโจนอาบน้ำล้างหน้าแต่งตัวเพื่อลงมาที่ห้อง "ท่านประธาน" ทันทีบัดนี้ หยางหลงเหวิน ลูกพี่ลูกน้องก็ยืนอยู่ตรงนั้น อีกฝ่ายหันกลับมา สีหน้าเย็นชาเรียบเฉย มีเพียงคิ้วเข้มที่ยกขึ้นเล็กน้อย"เอ่อ...ถ้าฉันรู้ว่าพี่จะมา จะได้เตรียมตัวต้อนรับให้ดีกว่านี้" จางเจี๋ยบอกเก้อๆ"นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่บอกนายก่อน เพราะนายจะได้ไม่มีเวลาเก็บกวาดอะไรก็ตามที่ไม่อยากให้ฉันเห็น""แหม อะไรกันพี่ พูดอะไรอย่างนั้น"จางเจี๋ยหัวเราะแหยๆ ยกมือปาดเหงื่อทั้งที่หน้าผากยังแห้ง"พี่ไม่ไว้ใจฉันใช่ไหม ถึงได้มาหากันปุบปับแบบนี้...ฉันไม่คิดเลยนะว่าพี่จะยอมมา คุณตาสั่งให้พี่กลับมากรุงเทพฯ ตั้งหลายครั้งแต่พี่ก็ปฏิเสธทุกครั้ง""ครั้งนี้ฉันก็ไม่อยาก