หลินอู๋ยิ้มเล็กน้อย พูดขึ้นว่า “จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว เลยเข้ามาน่ะ”ความจริงเธอไม่ค่อยวางใจเท่าไร การประชุมยังดำเนินได้ไม่ถึงครึ่ง เธอก็ออกจากซวิ่นตู้แล้วเธอรู้ดีว่า หรงฉือจะเข้าร่วมงานประชุมในวันนี้ เฟิงถิงเซินไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมด้วยซ้ำ แต่เขาก็เป็นไปตามที่เธอคาดเดาไว้ ยังอุตส่าห์ลงมาจากชั้นบนเพื่อมานั่งฟังหรงฉือประชุมพอคิดแบบนี้แล้ว เธอรู้สึกเจ็บปวดปนขมขื่น และสีหน้าก็แข็งทื่ออยู่หลายส่วนเฟิงถิงเซินดูเวลาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อีกประมาณสิบนาทีผมยังมีประชุมทางวิดีโอ และกว่าจะเสร็จคงต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ คุณจะขึ้นไปนั่งรอที่ชั้นบนกับผมก่อนไหม?”หลินอู๋ “ได้”ตอนบ่าย หลินอู๋กลับมาถึงบ้านตระกูลหลิน คุณยายซุนเห็นเธอ ก็พูดขึ้นว่า “ทำไมกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะ? ไม่ออกไปกินข้าวกับถิงเซินเหรอ?”“เขายังมีงานต้องทำค่ะ”“อย่างนั้นเหรอ”หลินอู๋รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย หลังเธอเปลี่ยนรองเท้า อยากจะขึ้นไปพักผ่อน ซุนเยว่ชิงเห็นสีหน้าที่อยู่บนใบหน้าของเธอ ก็ถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ช่วงนี้เห็นอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ”หลินอู๋ชะงักไปอย่างไม่เป็นที่สังเกต ก่อนจะพูดโดยทำเหมือน
หรงฉือกับเฟิงถิงซินเดินเคียงกันออกจากห้องผู้ป่วย หลังเดินมาไกลพอสมควรแล้ว หรงฉือก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดว่า “คุณอยากจะพูดอะไร พูดมาตอนนี้ได้เลย”เฟิงถิงเซินเอียงศีรษะมองหรงฉือแล้วพูดว่า “อาการป่วยของคุณย่ายังไม่คงที่ เรื่องหย่า ผมอยากจะเลื่อนไปอีกสองสามวัน”หรงฉือกลับไม่ได้มองเขา ได้ยินเฟิงถิงเซินพูดแบบนี้ สีหน้าของเธอก็ดูไม่แปลกใจเลยหลังนิ่งเงียบไปสองวินาที เธอพูดขึ้นว่า “เข้าใจแล้ว”“ขอบคุณมาก” ตอนที่เธอก้าวเท้าจะออกไป เฟิงถิงเซินก็พูดขึ้นอีกว่า “มีอะไรที่คุณต้องการไหม? เพื่อแสดงความขอบคุณ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคุณทำเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ หรือทำให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริง”หรงฉือได้ยินแบบนั้น ก็หยุดฝีเท้าลง แต่พูดเสียงเรียบโดยไม่ได้หันกลับมาว่า “ไม่ต้องหรอก สิ่งที่ฉันต้องการ คุณคงรับปากให้ไม่ได้”พูดจบ รู้สึกว่าตัวเองพูดแบบนี้อาจจะทำให้เขาคิดว่าเธอหวังให้เขาตอบรับความรู้สึกของเธอ เธอจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “ที่ฉันพูดว่า ‘คุณคงรับปากไม่ได้’ นั้น ไม่ได้หมายความตามที่คุณเข้าใจ”เฟิงถิงเซินได้ยิน กลับยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย มองไปที่ใบหน้าครึ่งเสี้ยวของหรงฉือที่ห่างจากเขาไปสองก้าว แล้
หลังจากนั้นสองวัน ช่วงพักเที่ยงระหว่างที่หรงฉือและกู้เหยียนกำลังไปกินข้าวที่โรงอาหาร จู่ ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเป็นสายเรียกเข้าจากเฟิงถิงเซินหรงฉือเห็นแล้วลังเลเล็กน้อยจึงกดรับ“ฮัลโหล”“คุณย่าฟื้นแล้ว”หรงฉือตื่นเต้นดีใจทันที พลางกล่าว “ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้”“โอเค”หลังจากที่วางสายแล้ว หรงฉือพูดกับกู้เหยียนที่ยืนรอเธออยู่ด้านข้าง “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันมีธุระ คงไปทานข้าวที่แคนทีนไม่ได้แล้ว ”กู้เหยียนมองหมายเลขโทรศัพท์ในมือถือของเธอ เห็นว่าเธอคงมีเรื่องเร่งด่วนจริง จึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับ”หรงฉือพยักหน้า รีบสาวเท้าออกไปด้วยความรวดเร็วตอนที่เธอถึงโรงพยาบาล เฟิงถิงเซิน เฟิงจิ่งซิน เฟิงถิงหลิน ซางเชี่ยน เฟิงหลินซง ต่างอยู่ที่นี้กันหมดแล้วเมื่อเห็นเธอมา เฟิงจิ่งซินพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมอกเธอทันที เฟิงถิงเซินก็มองมาทางเธอเช่นกัน จากนั้นจึงหันหน้าไปพูดกับคุณย่าเฟิงว่า “คุณย่าครับ เสี่ยวฉื่อมาแล้ว”เมื่อรู้ว่าหรงฉือมาหาแล้ว คุณย่าเฟิงเผยรอยยิ้มออกมาทันที พยายามมองไปทางประตูทางเข้าหรงฉือรุดหน้าขึ้นมาจับมือคุณย่าไว้“คุณย่าคะ”คุณย่าเฟิงแตะมือเธอเบา ๆ อยากพูดคุยด้วย แต่ไม่ยังไม่ทั
คุณย่าซุนและคณย่าหลินต่างไม่คิดว่าเฮ่อฉางปั่วที่ท่าทีเกรงอกเกรงใจกับพวกเธอ แต่กลับกล้าปฏิเสธซุนลี่เหยาต่อหน้าพวกเธออย่างเด็ดขาดแบบนี้แน่นอนว่าคุณย่าซุนยังคงหวังให้ซุนลี่เหยาและเฮ่อฉางปั่วได้ลงเอยกันเธอเผยรอยยิ้มพยายามใช้คำพูดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น “เรื่องนี้เหยาเหยาทำผิดไปจริง ๆ พวกเราจะอบรมสั่งสอนเธอให้ดี ขอโทษด้วยจริง ๆที่เข้ามารบกวนการคุยเรื่องงานของเธอ วันหลังฉันจะให้เสี่ยวอู๋พาเหยาเหยาไปขอโทษเธอเป็นอย่างเป็นทางการ...”“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ” เฮ่อฉางปั่วมองเจตนาเธอออกพลางกล่าว “เรื่องของความรู้สึก...”พูดถึงตรงนี้ เขาชะงักเล็กน้อย พลางหันไปชำเลืองมองหรงฉืออย่างแนบเนียน หยุดไปเพียงอึดใจเดียวจึงกล่าวต่อ “ไม่สามารถฝืนกันได้ ผมและคุณซุนก็ไม่ได้เหมาะสมกันขนาดนั้น ผมฝากคุณย่าซุนเกลี้ยกล่อมเธอว่าอย่าเสียเวลาเอาเรื่องสำคัญในชีวิตของตัวเองมาฝากไว้กับผมด้วยนะครับ”เมื่อพูดดังนี้แล้ว คุณย่าเข้าใจทุกอย่างกระจ่างแล้วเธอมองไปที่หรงฉือที่จิบชาด้วยท่าทีเฉยเมยสีหน้าเรียบนิ่งโดยตลอด คิดว่าที่จริงแล้วเธอกำลังนั่งดูเรื่องขายขี้หน้าของพวกเธอตระกูลซุนอยู่เธอยิ้มเจื่อน ๆ เค้นเสียงหัวเ
แต่การที่เขาปรากฏตัวตรงนี้ ไม่ได้เจตนาจะไปด้วยหรือจงใจก่อกวนเพื่อทำลายบรรยากาศแต่อย่างใดเขามองไปทางหรงฉือ กล่าวด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “จะไปทานข้าวกับประธานเฮ่อหรือครับ?”หรงฉือ “ค่ะ”“อีกเดี๋ยวก็ยังจะกลับมาใช่ไหมครับ?”“ใช่ค่ะ”เธอยังมีงานบางอย่างที่ยังจัดการไม่เสร็จ ต้องกลับมาสะสางให้เรียบร้อยกู้เหยียนพยักหน้า “โอเคครับ งั้นอีกเดี๋ยวผมค่อยไปหาคุณแล้วกัน”กล่าวจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ชำเลืองมองเฮ่อฉางปั่วเล็กน้อย ก็เดินออกไปทันทีเฮ่อฉางปั่วรู้ดีว่ากู้เหยียนกำลังยั่วยุเขาอยู่กู้เหยียนกำลังบอกว่าเขาว่า เขาต้องพยายามแทบตายกว่าจะชวนหรงฉือออกไปด้วยได้ แต่เขารู้เรื่องเกี่ยวกับหรงฉือมากมาย เขามีโอกาสได้อยู่กับหรงฉือมากกว่า และไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหรงฉือแม้แต่น้อยเฮ่อฉางปั่วไม่หงุดหงิด ไม่ร้อนรนกับการยั่วยุของกู้เหยียนดูจากสถานการณ์ตอนนี้ หรงฉือยังดูไม่ได้มีใจให้ทั้งเขาและกู้เหยียนดังนั้น เขาและกู้เหยียนก็ไม่ได้มีใครได้เปรียบไปกว่าใครนักหรอกความจริงแล้วหากเลือกได้จริง เขาก็อยากให้หรงฉือมีใจให้เขาหรือไม่ก็กู้เหยียน ต่อให้คนนั้นจะไม่ใช่
หลังจากที่คุยเรื่องงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่ากู้เหยียนยังยืนอยู่ไม่ไปไหน มองไปที่เฮ่อฉางปั่วอย่างครุ่นคิด หรงฉือไม่รู้ว่าระหว่างเขาทั้งสองมีการติดต่อการส่วนตัวหรือไม่ จึงกล่าวถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”ก่อนหน้านี้กู้เหยียนเห็นว่าเฮ่อฉางปั่วชอบหรงฉือแต่ไม่ได้ตามจีบเธอ เขายังหลงคิดไปว่าเขาไม่ได้ชอบเธอแล้วเสียอีกแต่ดูจากที่เจอกันวันนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเฮ่อฉางปั่วชอบหรงฉืออย่างมาก และไม่มีท่าทีที่จะตัดใจแม้แต่น้อยดังนั้น เขาเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เฮ่อฉางปั่วอาจจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหรงฉือยังไม่ได้หย่า และอาจจะรู้ด้วยว่าสามีตัวจริงของ หรงฉือคือใครเมื่อคิดดังนั้น ที่จริงเขาก็อยากจะหาโอกาสสืบข้อมูลเกี่ยวกับสามีหรงฉือ แต่เมื่อหวนคิดถึงสายตาที่เฮ่อฉางปั่วมองเขาเมื่อครู่ เขาจึงคิดว่าต่อให้เฮ่อฉางปั่วจะรู้ว่าสามีหรงฉือคือใครจริง ๆ ก็คงไม่ใจดียอมบอกเขาหรอกอีกอย่าง หากเขาปริปากพูดออกไปจริง ก็เท่ากับเผยให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเขายังรู้จักหรงฉือไม่มากพอ...เรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย เขาย่อมไม่ทำอยู่แล้วเมื่อคิดดังนั้น กู้เหยียนละสายตามองกลับมา เผยรอยยิ้มจาง ๆ พลางกล่าวกับหรงฉือ “ไม่มีอะไรครับ ผมยังม