อันชิงเหมยเป็นคู่หมั้นของเสิ่นหว่านอี้ เขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักนางมีนางเพียงผู้เดียว ให้รอเขากลับมาเราจะแต่งงานกันทันที ผ่านไป1ปีเสิ่นหว่านอี้ชนะศึกกลับมา แต่เขากลับพาสตรีนางหนึ่งมาด้วย บอกว่านางคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเขาไว้ " ข้าหยางซือหรูเป็นภรรยาของพี่หว่านอี้" นางเจ็บปวดน้ำตาคลอ บุรุษผู้นี้ลืมสิ้นแล้วคำสัญญา มีเพียงนางที่หลงเชื่อคำสัญญาเลื่อนลอยอยู่ผู้เดียว " เหมยเอ๋อ ตำแหน่งฮูหยินเอกยังเป็นของเจ้า ส่วนนางเป็นเพียงฮูหยินรองเท่านั้น เจ้าช่วยเมตตานางหน่อยได้ไหม" " ไม่ต้องให้นางเป็นฮูหยินรองหรอก ให้นางเป็นฮูหยินเอกเถิด ข้าอันชิงเหมยผู้นี้ขอถอนหมั้น ต่อไปเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก" อันชิงเหมยเดินไปใกล้หยางซือหรู "บุรุษหน้าบากขาเป๋ผู้นี้ข้ายกให้" ต่อมาชินอ๋องผู้เกรียงไกรกลับมาจากแดนใต้ขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ เขาชี้ไปที่นาง " ข้าจะแต่งกับนาง " เสิ่นหว่านอี้ร้อนรนเดินไปขวางหน้าขอร้องนางด้วยนัยตาแดงกร่ำ " เหมยเอ๋อ ให้โอกาสข้าสักครั้งได้ไหม " " คนอย่างข้าเลิกแล้วก็คือเลิก ไม่นิยมกลับไปกินของเก่า ใครบอกว่าสตรีต้องมีบุรุษเพียงคนเดียว "
View More"คุณหนู คุณหนูเจ้าขา" เสียงสาวใช้คนสนิทร้องเรียกมาแต่ไกล จนอันชิงเหมยที่กำลังปักถุงหอมอยู่ ต้องละสายตาเงยหน้าขึ้นมามอง
" มีอะไร แล้วทำไมวิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างนั้นเล่า วิ่งเร็วแบบนั้น เดียวก็หกล้มหรอก "
" ข่าวดี ข่าวดีเจ้าค่ะคุณหนู ท่านรอง ท่านรองแม่ทัพ กลับมาแล้วเจ้าค่ะ ตอนข้าไปตลาดขบวนเคลื่อนผ่าน เห็นท่านรองแม่ทัพนั่งอยู่บนหลังม้า ผู้คนแห่ไปต้อนรับกันเยอะแยะไปหมดเลยเจ้าค่ะ นี่ขบวนก็น่าจะใกล้ถึงจวนของเราแล้ว "
ซีหว่านพูดไปหอบก็หอบไป
เสิ่นหว่านอี้ ท่านกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไม ถึงไม่ส่งจดหมายมาบอกข้าก่อน หรือว่าเขาต้องการให้ข้าแปลกใจนะ
นึกถึงอดีต เสิ่นหว่านอี้เป็นเพียงนายกองเล็กๆ แต่เพราะสร้างผลงานในการรบครั้งก่อน นำกองกำลังบุกตีฝ่าวงล้อมข้าศึก ไปช่วยกองทัพเอาไว้ได้ทัน ทำให้ได้รับชัยชนะ แต่ศึกครั้งนั้นก็ทำให้รองแม่ทัพฟู่ต้องตาย ส่วนแม่ทัพอันบิดาของนาง ก็ได้เขารับคมหอกคมดาบแทน จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหนัก นอนรักษาตัวอยู่แรมเดือน ขาของเขาถูกตัดเส้นเอ็นขาดไปบางส่วน แม้จะหายดีแต่ก็ไม่เหมือนเดิม ขาของเขาเวลาเดินก็จะกะโผลกกะเผลก
ด้วยความชอบของเขาในครั้งนั้น กอปรกับตำแหน่งรองแม่ทัพว่าง หลังพิธีศพของรองแม่ทัพฟู่ ฮ่องเต้ก็ได้มีราชโองการประทานยศเลื่อนขั้นให้ นายกองเสิ่นหว่านอี้ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพ
ช่วงที่เขาบาดเจ็บพักรักษาตัว นางได้แวะเวียนไปดูแลเขาที่จวนแทบทุกวัน เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตบิดาของนาง ด้วยความใกล้ชิด ทำให้เขากับนางมีใจให้กัน บิดาของนางก็ดูออก จึงเอ่ยปากยกนางให้หมั้นหมายกับเขา
เมื่อเขาหายดี จึงได้ส่งแม่สื่อมาทาบทามขอหมั้นพร้อมสินสอดอีกหลายหีบ ทรัพย์สินเงินทองล้วนได้มาจากที่ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลให้ เขาเอามามอบให้นางทั้งหมด
ตั้งแต่นั้นมาทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็รับรู้ ว่าเขากับนางเป็นคู่รักที่หมั้นหมายกันแล้ว นางไม่รังเกียจเขา ที่เวลาเขาเดิน ขาจะลากพื้นต้องเดินกะโผลกกะเผลก เขาเองก็ดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี มาหานางที่จวนทุกวัน การกระทำของเขาเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด
จนกระทั่งเกิดศึกที่เมืองหนานหยาง ทำให้เขาต้องออกศึก นางจำคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้กับนางก่อนไปได้ดี
" เหมยเอ๋อ พี่ไปครานี้ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่ แต่พี่อยากให้เจ้าจำเอาไว้ ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน แต่ใจของพี่จะอยู่ที่เจ้า "
" เจ้าจงรอพี่ เสร็จศึกกลับมาครานี้ เราจะแต่งงานกันทันที พี่สัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเจ้า จะมีเพียงเจ้าเป็นภรรยาของพี่แค่คนเดียว "
" คุณหนู รีบไปหน้าจวนเร็วเถอะเจ้าค่ะ ไปรอรับท่านรองแม่ทัพกัน "
ซีหว่านจูงมืออันชิงเหมยเร่งเดินไปหน้าจวน
เมื่อมาถึงหน้าจวน ขบวนกองทัพก็มาถึงพอดี อันชิงเหมยสบตากับตาคมของเสิ่นหว่านอี้ที่หันมามองนางพอดี เสิ่นหว่านอี้กระตุกเชือกม้าดึงเข้าข้างทาง กระโดดลงจากหลังม้า เดินยิ้มเข้ามาหานาง
" เหมยเอ๋อ พี่กลับมาแล้ว "
" ท่านไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม "
อันชิงเหมยใช้สายตาสำรวจทั่วตัวของคนรัก เขาดูซูบไป ผอมลงนิดหน่อย ผิวก็คล้ำลงไปมาก รอยบากที่หน้านั่นเป็นรอยแผลเป็นใหม่แน่ นางเอามือลูบแผลเป็นบนใบหน้าของเขาเบาๆ เสิ่นหว่านอี้จับมือของนางมากุมเอาไว้
" แผลนี้ ข้าได้มาเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้มันกลายเป็นแผลเป็นแบบนี้ เจ้ารังเกียจพี่หรือเปล่าที่พี่อัปลักษณ์ "
อันชิงเหมยส่ายหน้า ต่อให้เขาต้องพิการหรืออัปลักษณ์กว่านี้ นางก็ยังรักเขาเหมือนเดิม
" พี่ต้องเข้าวังไปเฝ้าฮ่องเต้ ตอนเย็นๆพี่จะมาหาเจ้า"
" ไม่ต้องเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปหาท่านที่จวนท่านเอง ข้าทำขนมเอาไว้มาก ตั้งใจจะเอาไปฝากท่านป้าอยู่พอดี "
" งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ"
" เจ้าค่ะ"
อันชิงเหมย เหลือบไปเห็นรถม้าจอดอยู่ไม่ไกลผ้าม่านในรถเปิดออก หญิงสาวนางหนึ่งชะโงกหน้าออกมามอง สายตาสบเข้ากับนางพอดี ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือเปล่า นางเห็นแววตาไม่พอใจปรากฎออกมา ก่อนที่สตรีนางนั้นจะปิดผ้าม่านลง รถม้าก็เคลื่อนไปพร้อมกับเสิ่นหว่านอี้
" ข้าเห็นรถม้าคันนั้น มาพร้อมกับขบวนกองทัพด้วย พอท่านรองแม่ทัพมาหาคุณหนู รถม้าก็ไปจอดรออยู่ตรงมุมนั้น ในรถม้านั่นมีสตรีนางหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ เหตุใดจึงมาด้วยกันได้ "
พอซีหว่านพูดมาแบบนั้น นางก็รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ
อันซือหรูมาที่จวนของเสิ่นหว่านอี้ มีการตกแต่งจวนรอรับการกลับมาของเสิ่นหว่านอี้ นางเดินเข้าไปที่ห้องโถง เท้าสองข้างก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้สบตากับสตรีคนนั้นอีกครั้ง สตรีที่อยู่บนรถม้า เหตุใดนางถึงได้มาอยู่ที่นี่ นางเป็นใครกัน
" เหมยเอ๋อมาแล้วเหรอ มาๆมานั่งตรงนี้ "
เสิ่นเย่วชิง มารดาของเสิ่นหว่านอี้กวักมือเรียกอันชิงเหมยไปนั่งข้างๆ นางเดินไปนั่งลงตามคำชวน สายตายังคงจับจ้องหญิงคนนั้นไม่วาง หญิงคนนั้นก็มองนางไม่ยอมถอนสายตาเช่นกัน ต่างคนต่างไม่ยอมละสายตาไปไหน ไม่มีคำพูดจาใดๆมีแต่สายตาเชือดเฉือนกัน จนบรรยากาศเริ่มตึงเครียด
เสิ่นเย่วชิงเลิ่กลั่ก นางไม่รู้จะบอกกับอันชิงเหมยอย่างไรดี เรื่องที่บุตรชายของนางพาสตรีอีกคนมาด้วย เอาไว้ให้เขาอธิบายกับนางเองละกัน นางได้แต่ภาวนาให้บุตรชายของนางกลับมาเร็วๆ
สวรรค์ช่วยนางแล้ว เสิ่นหว่านอี้มานู่นแล้ว
ท่านพี่ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะได้มากินข้าวกัน"" ได้ งั้นข้าไปอาบน้ำก่อน"มองดูอวิ๋นชางเดินกลับไปหยิบไก่และตะกร้าใส่ผักหายเข้าไปในบ้าน อันชิงเหมยยิ้มบางๆ นางไม่คิดว่านางกับเขาจะมีวันนี้ วันที่ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมา ตอนนั้นนางคิดว่านางตายไปแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นบิดากับพี่ชายของนางจ้องมองอยู่ข้างๆ หรือว่าพวกเขากลัวว่านางจะเหงาเลยตายเป็นเพื่อนนาง" ท่านพ่อ พี่ใหญ่ นี่พวกท่านก็ตายเหมือนกันรึ"" หือตายอะไรกัน พวกข้ายังไม่ตาย เจ้าก็ด้วย"อันซูหลุนประคองนางลุกขึ้น" ท่านพ่อใช้เกล็ดปลาชุบชีวิตเจ้า"" เกล็ดปลาอะไรเจ้าคะ"" ไม่รู้เหมือนกัน แต่เป็นของแม่เจ้า ตอนนั้นข้ากำลังจะพาเจ้ากลับไปที่แคว้นเยี่ยน ตอนกลางคืนข้าฝันเห็นแม่ของเจ้ามาหา นำเกล็ดปลามาให้"อันซูหลุนนึกถึงความฝันเมื่อคืนก่อน ภรรยาของเขาที่จากไป นางเดินขึ้นมาจากในน้ำ ส่งยิ้มบางๆให้เขา แล้วเข้าไปนั่งลงข้างๆอันชิงเหมย ลูบหัวของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะแบมือออกมา มีแสงสีทองสว่างวาบ พอแสงนั้นหายไปก็มีเกล็ดปลาอยู่บนมือของนาง นางยื่นเกล็ดปลาให้เขา " สิ่งนี้จะช่วยลูกของเราได้ "แล้วเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็พบว่ามีเ
อันซูหลุนเดินเข้าไปคว้าแขนอันเฟยเทียน" นี่มันอะไรกัน เหตุใดน้องสาวเจ้ากับองค์ชายเหลียวนั่น"มู่เฉิงฮ่องเต้มองดูเหตุการณ์แล้วพยักหน้า นั่นมันนางทาสคนนั้นนี่ คนที่ทำให้อวิ๋นชางหลงใหล นางเป็นทั้งบุตรสาวและน้องสาวของแม่ทัพแคว้นเยี่ยน ยังเคยเป็นชายาของสวี่หานอีก หึหึ เขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่นางหนีไปจากวังหลวงครั้งนั้นแล้ว เข่อเล่อเล่าให้เขาฟัง ในเมื่อนางเป็นคนสำคัญของแม่ทัพทั้งสาม ถ้าอย่างงั้นก็มู่เฉิงคว้าดาบจากทหารคนหนึ่งวิ่งเข้าไปเขวี้ยงดาบพุ่งตรงไปที่กลางหลังของอันชิงเหมย สวี่หานเห็นดาบที่ลอยมาก็รีบลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก จะวิ่งไปปัดดาบออก อันเฟยเทียนกับอันซูหลุนก็วิ่งเข้าไปจะปัดดาบออกเช่นกันแต่ช้าไป" ไม่ " " ไม่" "ไม่"ฉึก ดาบแทงทะลุกลางหลังอันชิงเหมย นางล้มลงซบอวิ๋นชาง" เหมยเอ๋อ เหมยเอ๋อ "อันเฟยเทียนแย่งอันชิงเหมยมาจากอวิ๋นชาง อวิ๋นชางที่ประคองตัวเองไม่อยู่ก็ล้มลง แต่ยังตะเกียกตะกายไปจับมืออันชิงเหมย" อะ องค์ชาย"เห็นทั้งสองเอื้อมมือหากัน อันเฟยเทียนรำคาญทนดูไม่ได้ จึงจับมืออันชิงเหมยไปใส่มืออวิ๋นชาง" เหมยเอ๋อ "สวี่หานที่ล้มลุกคลุกคลาน ก็นอนคว่ำเอื้อมมือไขว่คว้านางเช่นกัน
" คุณหนูมีข่าวการศึกขอรับ"เหอซานกับฮ่าวหยูเดินเข้ามารายงาน" ในเวลานี้ทัพเยี่ยนสามารถตีเอาเมืองทั้ง6คืนได้แล้ว พวกทัพเหลียวถูกขับไล่ออกจากแคว้นเยี่ยนแล้วขอรับ"" งั้นก็หมายความว่าสงครามจะจบแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะคุณหนู แบบนี้คุณหนูก็จะได้พบบิดากับพี่ชายของคุณหนูแล้ว"" เจ้าก็จะได้เจอกุนซือหม่าด้วยใช่ไหมหล่ะ"" เหอซานอย่ามาทำเป็นรู้ดี "" เหอะ ข้าพูดถูกหล่ะสิ"" แต่ข้าคิดว่าศึกครั้งนี้ไม่น่าจะจบลงง่ายๆ"" อืม ข้าก็คิดแบบเดียวกับฮ่าวหยู"และสิ่งที่นางคิดก็เป็นจริง ฮ่องเต้มีคำสั่งให้ตีเเคว้นเหลียวยึดเป็นเมืองขึ้น ทัพเยี่ยนที่นำโดยแม่ทัพทั้ง6 เข้าล้อมแคว้นเหลียวตีเมืองต่างๆของแคว้นเหลียวมาได้หลายเมืองสงครามกินเวลายืดเยื้อมาครึ่งปี แม้ทัพเยี่ยนจะยึดเมืองต่างๆของแคว้นเหลียวมาได้มากกว่าครึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถตีเมืองที่เหลือได้ สวี่หานนำทัพล้อมเมืองหลวงเอาไว้อยู่หลายเดือนก็ยังไม่สามารถตีฝ่าเข้าไปถึงตัวเมืองได้ ในเวลากลางคืนป่าเขาเต็มไปด้วยฝูงหมาป่า มีทหารหลายคนถูกพวกมันรุมกัด เป็นอุปสรรคสำหรับการรบในเวลากลางคืน สวี่หานจึงเรียกแม่ทัพทั้ง6รวมตัวหารือวางแผน และเตรียมบุกโจมตีพร้อมกันจากทุกด้าน ด้วย
ฝูกุ้ยอิงคุกเข่าโขกหัวยอมรับผิดต่อหน้าสวี่หาน ฝูหวั่นเห็นฮูหยินของตนทำแบบนั้นก็ไม่อาจทนเห็นนางต้องรับโทษคนเดียวได้จึงคุกเข่าลงข้างๆโขกหัวรับผิดด้วย" ท่านอ๋องโปรดอภัย เป็นความผิดของข้าที่ไม่ดูแลพวกเขาให้ดีทำให้ท่านต้องเดือดร้อน โปรดลงโทษข้าแทนเถอะ"ฝูชิงเย่วก็คุกเข่าอีกคน" ข้าเป็นคุณชายใหญ่ของจวนนี้ ความผิดครั้งนี้ข้าขอรับโทษแทนทุกคนเอง"เห็นทุกคนออกมารับผิดแทน ฝูซือฟานก็น้ำตาไหล ส่วนตงฟางได้แต่มองดูเฉยๆเอ้อเจินกระซิบถามฝูอวี้หนิว" เจ้าไม่ไปคุกเข่ากับพวกเขาเรอะ"" ไม่หล่ะ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดจะไปรับโทษแทนคนอื่นทำไม ใครทำก็รับไปเองสิ "" โอ้ "เอ้อหวังมองหน้าฝูอวี้หนิว ช่างมีความคิดแตกต่างจากคนอื่นในครอบครัวจริงๆ" พอแล้ว ท่านอ๋องยังไม่ได้พูดอะไรพวกท่านก็พากันขอรับโทษ"เฉาซื่อพูดขึ้นมาก่อนจะหันไปมองสวี่หาน ที่นั่งจิบชาสบายๆ ดูจากสายตาไม่ได้มีอารมณ์โกรธแต่อย่างใด" พวกเจ้าอยากรู้ไหมว่าทำไมยาปลุกกำหนัดถึงไม่ได้ผล"ทุกคนหันไปมองหน้าเฉาซื่อด้วยความอยากรู้" เพราะมันใช้กับท่านอ๋องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยาปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์แรงขนาดไหน หรือมนต์เสน่ห์เล่ห์กลก็ทำอะไรท่านอ๋องไม่ได้"" ทำไม"ตงฟางถ
" เฉาซื่อเจ้ามาก็ดีแล้ว ถึงท่านอ๋องจะเป็นนายของเจ้า แต่ฟางเอ๋อก็เป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าต้องอยู่ข้างนางถึงจะถูก"" ฝูฮูหยินท่านพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ"" เมื่อคืนพอท่านอ๋องกลับมา ฟางเอ๋อก็ลงมือต้มน้ำซุปแก้เมาค้างด้วยตัวเองแล้วนำไปให้ท่านอ๋อง ข้าก็คิดว่านางนำไปให้แล้วกลับเรือน ใครจะรู้ว่าตอนเช้าข้าไปหานางกลับพบแต่สาวใช้ของนางสองคน พวกนางบอกว่าฟางเอ๋อยังไม่กลับมาจากเรือนตะวันออกตั้งแต่เมื่อคืน พวกนางก็ไปด้วยแต่ถูกท่านอ๋องไล่กลับมา ข้าก็เลยมาตามนางที่นี่และขอให้ทุกคนมาเป็นพยาน ว่าท่านอ๋องล่อลวงนาง"" ใครล่อลวงใครรึ"ทุกคนหันควับไปมอง เห็นสวี่หานเดินมาพร้อมเอ้อเจินก็พากันงง ฝูกุ้ยอิงตกใจละล่ำละลักถาม" ท่าน ท่านอ๋อง เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่"" เมื่อคืนท่านอ๋องไปนอนที่ห้องของข้า ข้ากับเฉาซื่อนอนอยู่ด้วยกันกับท่านอ๋องทั้งคืน"เอ้อเจินตอบ " เป็นไปไม่ได้ ท่านอ๋องอยู่นี่ แล้วใครอยู่ในนั้น"ฝูกุ้ยอิงส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ ฝูซือฟานบอกว่ายาปลุกกำหนัดชนิดนี้แรงมาก เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะต้านทานอยู่ ตงฟางก็ทรวดทรงยั่วยวนขนาดนั้น ถ้าเปลื้องผ้าออกต่อให้ไม่ต้องใช้ยาปลุกกำหนัดก็ต้องเกิดอารมณ์อยู่แล้ว เว้นแต่คนคน
" เหมยเอ๋อ"สวี่หานเอ่ยชื่อนางด้วยเสียงแผ่วเบา ไม่ใช่แค่หลายวันที่ผ่านมา แต่ตั้งที่นางจากเขาไป เขาพยายามคิดว่าเขาทำอะไรผิด นางถึงต้องทำกับเขาเช่นนี้" เจ้ายังโกรธข้าเรื่องหว่านลู่ซืออยู่เหรอ ข้าสาบานได้ว่าข้าไม่เคยเกินเลยกับนาง เพียงเห็นนางเป็นสหายคนหนึ่งเท่านั้น หรือว่า"ภาพในอดีตแว่บเข้ามา ตอนที่เขากำลังเป่ายาให้หายร้อนป้อนหว่านลู่ซือด้วยตัวเอง" เหมยเอ๋อ เจ้าโกรธที่ตอนนั้นข้าป้อนยาให้นางใช่ไหม ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไร เห็นว่านางอ่อนแรง หมอหญิงคนอื่นก็ไม่ว่าง ข้าก็เลย""เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้วข้าลืมไปหมดแล้วและข้าก็ไม่ได้โกรธ มือของท่านปากของท่านจะเป่ายาหรือจะป้อนใครมันก็สิทธิ์ของท่าน"" ไม่ เหมยเอ๋อ เจ้ามีสิทธิ์โกรธข้า ข้าผิดเองข้ารู้ว่าข้าผิด ข้าไม่ควรดูแลหญิงอื่น ข้าไม่ควรดูแลนาง ไม่ควรป้อนยานาง "อันชิงเหมยลุกเดินหนี ไม่อยากฟังเขาพูดอีกเรื่องผ่านมานานเป็นปีแล้ว นางไม่รู้สึกอะไรแล้ว สวี่หานตามไปคว้าแขนนางแต่นางสะบัดออก" ท่านอ๋อง ข้ากับท่านไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว อยู่ให้ห่างๆจากข้าหน่อย"" ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไงสำหรับข้าเจ้ายังภรรยาของข้าอยู่ ในชีวิตนี้ข้าจะมีเจ้าเป็นภรรยาแค่คนเดีย
Comments