เมื่อฟู่เฉินกลับมาถึงบริษัท สิ่งที่มาต้อนรับเขาไม่ใช่การต้อนรับที่อบอุ่นจากพนักงาน กลับได้รับการต้อนรับด้วยเอกสารกองโตเท่าภูเขาและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนรนเขารู้ดีว่า ในช่วงที่ตัวเองไม่อยู่ สถานการณ์ของบริษัทย่ำแย่จนถึงที่สุดฟู่เฉินขัดจังหวะเลขาเฉิน เขาไม่มีอารมณ์คุยเรื่องที่น่าสิ้นหวังแบบนี้เขาแค่อยากรู้ว่า เขายังพอมีความหวังที่จะแก้ไขอะไรได้อยู่ไหม“ช่วงที่ฉันไม่อยู่ นายได้ทำตามที่ฉันสั่งไหม?” ฟู่เฉินถาม“ครับ ประธานฟู่” เลขาเฉินตอบกลับอย่างรวดเร็ว“ผมทำตามที่คุณสั่งด้วยการทำให้เสถียรภาพของราคาหุ้นส่วนหนึ่งมั่นคงมากขึ้น แล้วก็เพิ่มความแข็งแกร่งทางการตลาด แต่...”“แต่อะไร?” ฟู่เฉินขมวดคิ้วแน่นขึ้น“แต่ประธานหนิงรุกหนักเกินไป เรา...เราเริ่มจะรับมือไม่ไหวแล้วครับ” เสียงของเลขาเฉินเบาลงยิ่งขึ้นอีกฟู่เฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงาน มองดูเอกสารกองโตราวกับภูเขาที่ทับถมกันอยู่ รู้สึกปวดหัว เขารู้ เขาต้องรีบดำเนินการตามแผนการให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นฟู่ซื่อกรุ๊ปได้จบเห่แน่ “แจ้งหัวหน้าแต่ละแผนกให้มาประชุมที่ห้องประชุมอีกสิบนาที!”ฟู่เฉินกล่าว“ครับ ประ
“งั้นก็ได้” สวีจ้าวพยักหน้า “พี่ ถ้าพี่มีอะไรจะให้ผมทำก็บอกผมได้เลย”“อืม” สวีจือหรูกล่าว “ช่วงนี้นายก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ดูแลฉันให้ดีๆ แล้วช่วยฉันจับตาดูฟู่เฉินด้วย อย่าให้เขาติดต่อกับหนิงหนานเสว่”“ได้ ผมรู้แล้ว” สวีจ้าวกล่าวเมื่อฟู่เฉินกลับไปถึงที่บริษัท เขาก็เรียกประชุมด่วนในทันที“ทุกท่าน ช่วงนี้สถานการณ์ของบริษัทล่อแหลมมาก” ฟู่เฉินนั่งอยู่ที่ตำแหน่งหลักในห้องประชุม สีหน้าเคร่งเครียด “เราต้องรีบดำเนินการตามมาตรการให้เร็วที่สุดเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในตอนนี้”“ประธานฟู่ คุณมีแผนอะไร?” ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งถาม“ผมได้เตรียมมาตรการรับมือไว้ประมาณหนึ่งแล้ว” ฟู่เฉินกล่าว “ก่อนอื่น เราต้องรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นและทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา ต่อจากนั้น เราต้องทำการตลาดให้แข็งแกร่งขึ้น ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูญเสียไปกลับคืนมา และสุดท้ายก็คือ เราจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภายในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท”“ประธานฟู่ มาตรการพวกนี้ก็ดูดีนะ แต่จะรายละเอียดจะทำยังไงกันล่ะครับ?” ผู้ถือหุ้นอีกรายถาม “ผมจะรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง” ฟู่เฉินกล่าว “ผมจะกำหนดรายละเอียดขอ
สวีจือหรูขว้างไอแพ็ตที่อยู่ในมือลงไปบนพื้นอย่างเดือดดาล หน้าจอแตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันทีใบหน้างดงามบูดบึ้ง ภายในสายตาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดกลัวเธอให้สวีจ้าวออกไปก่อน ส่วนตัวเธออยู่ต่อเพื่อจัดการกับฟู่เฉินสวีจือหรูอยู่ภายในห้องเพียงลำพัง ภายในใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวายและเป็นกังวลเธอเดินไปที่ด้านหน้าหน้าต่าง มองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้มนอกหน้าต่าง พึมพำกับตัวเองว่า “หนิงหนานเสว่ อย่าเพิ่งรีบได้ใจไป ฉันจะไม่ให้เธอไม่อยู่อย่างเป็นสุขหรอก!”หลังจากนั้นไม่กี่วัน สวีจือหรูแสร้งทำเป็น “รู้ดีถึงคุณธรรม” พยายามเกลี้ยกล่อมฟู่เฉินให้กลับบริษัท“อาเฉิน คุณกลับไปเถอะ” สวีจือหรูนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดราวกับอยู่ในสภาพที่อิดโรย “เรื่องของบริษัทเป็นเรื่องด่วน คุณอยู่ที่นี่กับฉันตลอดไปไม่ได้หรอก”“แต่ร่างกายของคุณ...” ฟู่เฉินมองสวีจือหรูด้วยความกังวล “ฉันไม่เป็นไรค่ะ” สวีจือหรูฝืนยิ้ม “คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”“ไม่ได้ ผมเป็นห่วง” ฟู่เฉินกล่าว “ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณดีกว่า”“อาเฉิน ฟังฉันนะ” สวีจือหรูจับมือฟู่เฉิน “ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงฉัน แต่เรื่องของบริษัทจะเสียเวลามากกว่านี้ไม่
เขาคิดอยู่เสมอว่าเขากับหนิงหนานเสว่เป็นคนที่คล้ายกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียวการฟื้นตัวของเจียงเหยียนเชินทำให้ทุกคนโล่งใจ โดยเฉพาะหนิงหนานเสว่ ในที่สุดก็ความกระวนกระวายใจก็สงบลงแต่สวีจือหรูที่อยู่ที่บ้านพักตากอากาศที่ห่างออกไป กลับกำลังกระสับกระส่ายราวกับเสือติดจั่น นั่งไม่ติดสวีจ้าวไปสืบข่าวมาได้ว่าบรรดาพวกพ้องที่เธอส่งไปทั้งหมดได้ถูกจับเข้าคุกหมดแล้ว ไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียวหนิงหนานเสว่ไม่เป็นอะไรก็แล้วไป ที่เกิดเรื่อง ตอนนี้ก็หายดีแล้ว ทุกอย่างที่พวกเขาทำจึงสูญเปล่า“อะไรนะ? นายบอกว่าเจียงเหยียนเชินฟื้นตัวแล้วเหรอ?” เสียงของสวีจือหรูแหลมจนราวกับว่ามันจะบาดแก้วหู “นายบอกว่าคนพวกนั้นเก่งมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมแค่กับผู้หญิงคนเดียวก็จัดการไม่ได้?”“หนิงหนานเสว่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่แม้แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียวพวกมันก็จัดการไม่ได้ ให้เงินพวกมันไปเยอะแยะขนาดนั้นจะไปมีประโยชน์อะไรกัน?”“นั่นมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลยนะ!”สวีจ้าวแอบย่องเข้าไปในบ้านพักตากอากาศ หลบหูตาของฟู่เฉินแล้วไปเจอกับสวีจือหรู เขาทำหน้าเศร้า ลดเสียงให้เบาลงแล้วกล่าวว่า “พี่ ผมพยายามเต็มที
“ก็ได้” ซ่งซือหลี่ถอนหายใจ “ในเมื่อพวกเธอพูดแบบนั้น งั้นฉันจะทำตามที่พวกเธอบอก”“เสี่ยวลี่ ขอบคุณนะ” หนิงหนานเสว่กล่าว “ฉันรู้ว่านายอยากจะแก้แค้นมาก แต่เราต้องใจเย็นลงก่อน อย่าให้ความแค้นเข้ามาครอบงำจิตใจได้”“ฉันรู้” ซ่งซือหลี่พยักหน้า “ฉันจะให้ความร่วมมือกับแผนการของเธออย่างเต็ม”“ดี” หนิงหนานเสว่ยิ้ม “ฉันเชื่อว่าเราจะทำสำเร็จแน่!”ทั้งสามคนปรึกษาหารือเกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติม จากนั้นจึงแยกย้ายกลับไปทำงานของตนหลังงานเลี้ยงจบลง หนิงหนานเสว่ก็กลับไปที่ห้องทำงานและเริ่มจัดการกับกองเอกสารที่ทับถมกัน เจียงเหยียนเชินเดินเข้ามาพร้อมนมร้อนในมือแก้วหนึ่ง “เสว่เอ๋อร์ ดื่มนมสักหน่อย แล้วก็รีบพักผ่อนเถอะ” เจียงเหยียนเชินยื่นแก้วนมร้อนให้หนิงหนานเสว่ “ช่วงนี้เธอคงเหนื่อยมาก ต้องดูแลร่างกายให้ดีนะ”“อืม ขอบคุณค่ะ รุ่นพี่” หนิงหนานเสว่รับแก้วนมมา จากนั้นก็ดื่มไปเข้าไปหนึ่งอึก “รุ่นพี่ก็รีบพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะค่ะ”“ฉันไม่เหนื่อย” เจียงเหยียนเชินกล่าว “ฉันจะจัดการกับเอกสารพวกนี้เป็นเพื่อนเธอเอง”“ไม่ต้องหรอกค่ะรุ่นพี่ ตอนนี้ร่างกายรุ่นพี่เพิ่งหายดี พี่พักผ่อนให้มากเถอะค่ะ” หนิงหนานเสว่ก
“รุ่นพี่...” หนิงหนานเสว่มองเจียงเหยียนเชิน ในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้งซ่งซือหลี่ยืนอยู่ไม่ไกล มองดูความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างหนิงหนานเสว่และเจียงเหยียนเชิน ในใจเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นมาเขาทั้งดีใจกับพวกเขา และก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยงานเลี้ยงฉลองดำเนินมาได้ครึ่งทาง หนิงหนานเสว่กำลังจะยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อฉลองช่วงเวลาแห่งชัยชนะที่หาได้ยากนี้กับทุกคน แต่เจียงเหยียนเชินกลับยื่นมือออกมาขวางเธอไว้“เสว่เอ๋อร์ ช่วงนี้เธอเหนื่อยเกินไปแล้ว ดื่มน้อย ๆ หน่อยดีกว่า” น้ำเสียงของเจียงเหยียนเชินเต็มไปด้วยความเป็นห่วงหนิงหนานเสว่มองสายตาที่เป็นห่วงของเจียงเหยียนเชิน ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอพยักหน้า วางแก้วไวน์ในมือลง แล้วหยิบแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาแทน“ค่ะ ฉันฟังรุ่นพี่นะคะ” หนิงหนานเสว่ยิ้มแล้วพูดการกระทำของเจียงเหยียนเชินอยู่ในสายตาของซ่งซือหลี่ เขายกแก้วไวน์ขึ้น แล้วเดินไปข้าง ๆ หนิงหนานเสว่“หนิงหนานเสว่ ฉันดื่มให้เธอ” ซ่งซือหลี่กล่าว “ยินดีด้วยที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้”หนิงหนานเสว่ยกแก้วน้ำผลไม้ในมือขึ้น ชนแก้วกับซ่งซือหลี่“ขอบใจนะ เสี่ยวลี่” หนิงหนานเสว่กล่าว “ถ้าไม