Share

ตอนที่6 น้ำตาแห่งความสุข

“เสี่ยวเฉิน หลานรักน้องสาวไหม” เมิ่งหลิงยกมือลูบหัวเล็ก ๆ ของหลานชายถามขึ้น หลังจากที่ได้กินยาอาการของหล่อนก็ดีขึ้นมาก

“รักฮับ” เจ้าตัวพูดขึ้นก่อนจะนอนหลับตามน้องสาวไปอีกคน

ในระหว่างนี้พ่อแม่ของพวกเขาก็กำลังแยกสิ่งของที่ลูกสาวคนใหม่ของพวกเขาเสกออกมา (ตามความเข้าใจของคนทั้งคู่) “แม่ครับ! คุณเป็นยังไงบ้าง”

นางหลิงหันไปส่งตาเขียวให้บุตรชาย “ดีขึ้นแล้ว แกเบาเสียงลงหน่อยไม่ได้เหรอ”

เมื่อถูกมารดาตำหนิเช่นนี้หรูจื่อจึงรีบยกมือปิดปากของตัวเองอีกครั้งโดยมีภรรยามองเขามองด้วยรอยยิ้มขำ

“คุณคะ สิ่งของพวกนี้เราควรซ่อนเอาไว้ให้ดี” จ้าวเหยาพูดขึ้นอย่างกังวล

ทั้งนี้เป็นเพราะบ้านหลังนี้มักมีคนนอกเข้ามาโดยที่ไม่เคยบอกกล่าว “เรื่องนี้เป็นความผิดของแม่เอง” นางหลิงโทษตัวเอง

“ไม่ใช่หรอกครับ พวกเราไม่ได้ทำผิด” หรูจื่อปฏิเสธความคิดของมารดา

“แต่การที่ลูกต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งและพวกเราต้องถูกส่งมาลงโทษก็เพราะว่าครอบครัวของเราเป็นนักวิชาการ” น้ำเสียงของเมิ่งหลิงหม่นลง

“แม่ครับ การที่พ่อเป็นครูไม่นับว่าเป็นเรื่องผิดอะไรเลยเพียงแต่แม่ก็รู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร แม่เชื่อผมเถอะนะครับอีกไม่นานพวกเราจะต้องกลับไปที่นั่นได้อย่างสง่าผ่าเผย” หรูจื่อ โอบไหล่ของมารดาเอาไว้แน่นพลางเอ่ยปลอบ

“แต่พ่อของลูก” น้ำตาของเมิ่งหลิงไหลอาบร่องแก้มตอบยามเมื่อนึกถึงสามีผู้ล่วงลับ

“แม่ครับ เมื่อถึงวันแห่งความสุขผมจะทำให้ความฝันของพ่อเป็นจริง ผมจะกลับไปเรียน หากผมทำไม่ได้ก็ยังมีเสี่ยวเฉินกับอ้ายอ้ายนี่ครับ ผมสัญญาว่าจะทำให้ครอบครัวของเรามีความสุขให้ได้” หรูจื่อพูดออกมาแม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจถึงข่าวที่พรรคพวกบอกมาก็ตาม กระนั้นเกิดเป็นคนควรมีความหวังไม่ใช่หรือ

บทสนทนาของสองแม่ลูกได้ถูกเป๋าเอ๋อร์บันทึกเอาไว้อย่างไม่ตกหล่นเพื่อเอาไว้ให้เจ้านายตัวเล็กฟัง

เวลาผ่านไปสามชั่วโมงในที่สุดเจ้าตัวเล็กอ้ายอ้ายก็ลืมตาตื่น “แอ้!” (น่าอายชะมัด) เจ้าตัวคิด

“อ้ายอ้ายเด็กดี แม่จะเช็ดทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าให้นะลูก” จ้าวเหยาวางงานในมือมาคลำก้นของบุตรสาวและเมื่อพบว่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปตุงหล่อนก็จัดการแกะออกอย่างไม่รังเกียจอีกทั้งยังนำน้ำอุ่นมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้ลูกสาวคนใหม่ด้วย

“แม่ครับ ผมคิดว่าควรบอกเรื่องอ้ายอ้ายให้ผู้ใหญ่บ้านรู้” หรูจื่อนำเรื่องนี้พูดขึ้นหลังมื้ออาหารเย็น

“แม่เองก็เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งแม่จะนำเรื่องนี้ไปบอกเขาก็แล้วกัน”

“เขาจะไม่พูดมากใช่ไหมครับ” หรูจื่อค่อนข้างกังวล

“แม่จะบอกเขาว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของสหายในกองทัพของลูก เขาต้องการให้ลูกตอบแทนโดยการรับเธอเป็นบุตรดีไหม” คำพูดของเมิ่งหลิงทำให้หรูจื่อพยักหน้า

ทั้งนี้เป็นเพราะเรื่องของทหารผู้ใหญ่บ้านหรือว่าบุคคลอื่นไม่ค่อยอยากก้าวก่าย อีกทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ก็ห่างจากเมืองมณฑลค่อนข้างไกลยิ่งกับเมืองหลวงด้วยแล้วคงไม่กล้าฝันดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาสืบเรื่องของอ้ายอ้าย

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ครับ โชคดีนะครับที่เมื่อไม่กี่เดือนมีทหารมาป้วนเปี้ยนในหมู่บ้าน ดังนั้นพวกเขาอาจจะเพียงแค่คิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่เกิดมาจากความพลั้งเผลอ” หรูจื่อ เสนอความเห็น

“อืม แม่ก็คิดอย่างลูกนั่นแหละ แต่ใครกันนะกล้าทิ้งเด็กน่ารักและวิเศษอย่างอ้ายอ้ายได้ลงคอ” เมิ่งหลิงถอนหายใจ

ส่วนเจ้าของชื่อนั้นก็กำลังจ้องมารดาของตนตาแป๋วทั้งที่ภายในหัวสมองกำลังคิดทบทวนเรื่องที่ได้ยิน

‘เป๋าเอ๋อร์ นายว่าพ่อแม่ฉันเป็นใคร’

‘ไม่ทราบครับ เพราะหลังจากผมใช้ไทม์แมชชีนก็เจอเข้ากับร่างนี้แล้ว และก็อีกอย่างผมคิดว่าเจ้าของร่างเดิมคงหมดลมหายใจไปได้สักพักแล้วด้วย’ คำตอบของเป๋าเอ๋อร์ทำให้หรูฟู่ซิงตัวชาวาบ

“แง ๆ” จู่ ๆ เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของแม่ก็ร้องไห้ออกมา คราวนี้คนทั้งบ้านต่างก็วุ่นวายเลยทีเดียว

“น้อง โอ๋ ๆ” เสี่ยวเฉินตัวน้อยพยายามปลอบน้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ลูกสาว เงียบนะคะ/นะครับ” ทั้งพ่อและแม่ต่างสลับกันอุ้มเอ่ยเอาใจ

“พวกเธอส่งหลานมาให้แม่” เมิ่งหลิงยื่นมือทั้งสองข้างเพื่อไปรับห่อผ้าของหลานตัวเล็ก

“ฮึก ๆ” หยาดน้ำยังคงคลอหน่วย จมูกของเจ้าตัวแดงก่ำ

“หลานรัก ร้องทำไมหรือลูก” นางเมิ่งส่งเสียงเล็กเสียงน้อยถามพลางโยกห่อผ้าในมือเบา ๆ

“ย่าฮับ ให้ผมดูบ้าง” เสี่ยวเฉินเอามือน้อยดึงชายเสื้อของย่าพูดขึ้น

“ได้สิลูก” เมื่อคนเป็นพี่ได้เห็นน้ำตาของน้องสาวเขาก็เบะปากตาม

“น้องเจ็บตรงไหน” น้ำเสียงไม่ชัดดังขึ้นอย่างสงสารน้องน้อย

“แอ้ ๆ (ฮึก ๆ หนะ..หนูไม่เป็นไร แต่พี่ชายถ้าหนูเป็นวิญญาณพี่ยังจะรักหนูไหม)”

“วิญญาณคืออะไร” น้ำเสียงไม่ชัดดังขึ้นด้วยความฉงนแต่สำหรับผู้ใหญ่หลังจากได้ยินพวกเขากลับพากันหวาดกลัวและตื่นตระหนก

“เสี่ยวเฉิน ลูก/หลานพูดกับใคร” คนทั้งสามต่างถามคนตัวน้อยออกมาพร้อมกัน

“กับน้องสาวฮับ น้องถามว่าถ้าเธอเป็นวิญญาณผมจะรักน้องอยู่ไหม”

ผู้ใหญ่สามคนต่างแลกเปลี่ยนสายตากันไปมา “อ้ายอ้าย ลูกไม่ใช่วิญญาณแต่เป็นเทพต่างหาก” หรูจื่อรีบพูดออกมาจากความรู้สึกของตน

“ใช่ ๆ พ่อของหลานพูดถูกต่อให้หลานเป็นวิญญาณก็เป็นวิญญาณของเทพ” เมิ่งหลิงจึงพูดออกมาบ้าง

“วิญญาณคือไรฮับ” เจ้าตัวน้อยยังคงกังขา

“คือสิ่งที่น้องของลูกเป็น ดังนั้นเรื่องนี้ลูกห้ามบอกคนอื่นนะครับ” หรูจื่อไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจึงได้บอกเขาออกไปแบบนั้น

“อืม ผมไม่บอกหรอก น้องสาวไม่ว่ายังไงพี่ก็รักน้องที่สุด” คำตอบแสนซื่อของเด็กชายได้เรียกน้ำตาของหรูฟู่ซิงออกมาอีกครั้ง

“ลูกสาวแม่ อย่าร้องเลยนะเจ้า แม่เห็นแล้วใจจะขาด ลูกตัวอุ่นนุ่มนิ่มถึงเพียงนี้จะเป็นวิญญาณได้อย่างไร”

“แม่ของลูกพูดถูก ลูกน่ารักถึงเพียงนี้จะเป็นสิ่งนั้นได้อย่างไร” หรูจื่อยกนิ้วปาดน้ำตาให้คนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม

“หลานของย่าไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ย่าก็จะปกป้องเจ้าเอง” เมิ่งหลิงเองก็หาได้น้อยหน้าทั้งลูกชายลูกสะใภ้

หรูฟู่ซิงคิดว่าครอบครัวนี้ดีที่สุดดังนั้นหล่อนจึงได้ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาซึ่งแต่ละคนก็มองเธออย่างโง่งม

นี่จึงนับว่าเป็นน้ำตาแห่งความสุขของเธอก็ว่าได้ (ในโลกนั้นกำพร้า มาโลกนี้ก็ยังเป็นกำพร้าแต่ทว่ากลับโชคดีที่ได้มาเป็นลูกหลานของคนบ้านนี้) เจ้าตัวคิดพลางมองใบหน้าของคนในครอบครัวก่อนจะหลับคาอ้อมแขนของย่าไปอีกครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่101 ครอบครัวพบหน้า

    ค่ำคืนนั้นครอบครัวจ้าวทั้งหมดมารวมตัวกันที่สถานีรถไฟปักกิ่ง บรรยากาศคึกคักของผู้โดยสารที่กำลังเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ เติมเต็มสถานีให้มีชีวิตชีวาจ้าวเซิงเดินนำหน้า เขาถือกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ ขณะที่หลิวเหวยจินและจ้าวเหยาต่างช่วยกันดูแลของใช้ที่จำเป็นเมื่อถึงเวลา รถไฟเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา เสียงล้อเหล็กบดกับรางดังก้อง ครอบครัวทั้งหมดนั่งรวมกันในโบกี้ชั้นสอง หลิวเหวยจินมองออกไปนอกหน้าต่างสายตาเต็มไปด้วยความหวังและความกังวล“ถ้าเธอเป็นลูกของเรา... ฉันจะไม่ยอมให้เธอต้องเผชิญความทุกข์ยากอีกต่อไป” หลิวเหวยจินพูดพึมพำกับตัวเอง“จิน เธอจะไม่ต้องทำสิ่งนี้คนเดียว พวกเราจะทำมันด้วยกัน” จ้าวเซิงพูดพร้อมกับจับมือเธอเอาไว้แน่นจ้าวเหยามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ก็รู้สึกยินดีที่ครอบครัวของพี่ชายกำลังจะได้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งยามเช้าเมื่อแสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่อง รถไฟมาถึงจุดหมายในที่สุด เสียงหวูดดังบอกให้ทุกคนเตรียมตัวลงจากขบวน หลิวเหวยจินสูดลมหายใจลึกเธอรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกันจ้าวเซิงยกกระเป๋าขึ้นบ่าก่อนจะหันมองภรรย

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่105 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    รถไฟแล่นผ่านทิวเขาและแม่น้ำ เสียงล้อเหล็กบดไปบนรางดังก้องเข้ากับจังหวะหัวใจของผู้โดยสาร อ้ายอ้ายชี้ไปยังภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกเบาบางพร้อมกับพูดขึ้นให้ฟางหนิงฟังด้วยความชื่นชมทิวทัศน์ตรงหน้า“ดูสิ เหมือนในภาพวาดเลย!”ฟางหนิงพยักหน้า “ใช่เลย เหมือนมาก”เสียงหัวเราะพูดคุยของเด็ก ๆ ดังขึ้นเนื่องจากการเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาต่างมณฑล และในที่สุดการเดินทางยาวนานหลายชั่วโมงก็สิ้นสุดลงในช่วงเช้ามืดของวันใหม่รถไฟหยุดลงที่สถานีใหญ่ในเฉินตู เสียงประกาศดังก้องไปทั่วสถานีพร้อมกับเสียงผู้คนที่เร่งรีบเดินไปมาด้วยจุดหมายปลายทางของตัวเอง ครูจิงหยุนฉิงนำเด็ก ๆ ลงจากขบวนรถไฟ ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความตื่นเต้นและความพร้อม“เด็ก ๆ ระวังอย่าแยกกลุ่มนะ ไปเก็บของที่โรงแรมก่อนแล้วพวกเราจะไปสนามแข่ง” ครูจิงหยุนฉิงพูดขึ้นพร้อมกับโบกมือเรียกเด็ก ๆ ให้เดินตามอ้ายอ้ายหันมองรอบตัว เธอรู้สึกทึ่งกับเมืองเฉินตูที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตึกสูงทันสมัยตั้งตระหง่านคู่กับอาคารเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์จีนดั้งเดิมท้องถนนคลาคล่ำไปด้วยรถราที่วิ่งสวนกันไปมา ผู้คนสวมเสื

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่104 พร้อมสนับสนุน

    อ้ายอ้ายที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปิดภาคการศึกษา เธอไม่เคยหยุดนิ่งต่อการทำนู่นนี่นั่นซึ่งภาพเหล่านี้พ่อจ้าวแม่จ้าวมักจะเห็นจนเริ่มชินตา“อ้ายอ้ายนั่นหลานจะไปไหนหรือลูก” แม่จ้าวถามขึ้นเมื่อเห็นหลานสาวขึ้นค่อมจักรยานและกำลังจะปั่นออกไปข้างนอก“เธอบอกว่าจะไปหาอาหย่งที่โรงงานแปรรูปการเกษตรที่เขาเพิ่งจะเข้ามาดูแลเมื่อไม่นาน” เมิ่งหลิงเป็นคนตอบแทนหลานสาวที่กำลังหันมาโบกมือให้ผู้สูงวัยทั้งสามคนด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้า“หนูไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับค่ะ” เจ้าตัวกล่าวจบก็ปั่นจักรยานออกจากบ้านเมิ่งหลิงมองตามหลานสาวไปด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะหันกลับมามองพ่อจ้าวแม่จ้าว“อ้ายอ้ายเธอเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นค่ะ ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอก็ตั้งใจทำเต็มที่”แม่จ้าวพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “ฉันเห็นด้วยกับคุณค่ะ เด็กคนนี้ไม่เคยอยู่เฉยเลย เธอเหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราทุกคนในบ้านด้วย”พ่อจ้าวหัวเราะอย่างเห็นพ้อง “จริง ลูกสาวของเซิงกับจินไม่ธรรมดาเลย โตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะเจอเรื่องร้ายแรงในอดีตแต่เธอกลับเติบโตขึ้นมาได้ดี เรื่องนี้ผมต้องขอบคุณสหายเมิ่

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่103 หนูขอเวลาได้ไหมคะ

    จ้าวเซิงสบตากับหลิวเหวยจินครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจลึก ใบหน้าของเขาฉายแววรู้สึกผิดอย่างชัดเจน เขาค่อย ๆ หันกลับมามองอ้ายอ้าย เด็กหญิงที่นั่งรอคำตอบด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้“อ้ายอ้าย...” น้ำเสียงของจ้าวเซิงเริ่มต้นด้วยความยากลำบากใจ“พ่ออยากจะขอโทษลูกจากหัวใจจริง ๆ พ่อรู้ว่าลูกต้องเจ็บปวดและสับสน แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะพ่อกับแม่ไม่รักลูก” เขาหยุดไปครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมความกล้า“ตอนที่ลูกเกิด พ่อไม่คิดว่าจะมีคนทำร้ายลูกรวมถึงครอบครัวของเราจากความหวังดี” จ้าวเซิงพูดเสียงเบาขณะที่หลิวเหวยจินซับน้ำตาและพยักหน้าเสริม“แม่ไม่คิดว่าเพราะความอิจฉาของผู้หญิงคนหนึ่งจะทำร้ายลูกและครอบครัวของเราได้มากถึงเพียงนี้แม้ว่าอ้ายอ้ายจะเห็นใจพวกเขาทว่าความจริงที่ไม่อาจละเลยนั่นก็คือเด็กคนนี้ซึ่งเป็นเจ้าของร่างเดิมได้ตายจากพวกเขาสองคนไปแล้วแม้ว่าเธอจะมาอาศัยอยู่กระนั้นเธอก็อยากรู้เรื่องให้กระจ่างจ้าวเซิงหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะเล่าความจริงออกมา “ผู้หญิงคนหนึ่ง... คนที่พ่อเคยช่วยเหลือในอดีต เธอหลงรักพ่อและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พ่อมา แต่พ่อไม่

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่102 เหตุผล

    หลิวเหวยจินที่ยืนอยู่ข้างจ้าวเซิงมองภาพครอบครัวหรูด้วยรอยยิ้มอบอุ่นในดวงตา เธอสัมผัสได้ถึงความรักและความผูกพันที่ครอบครัวนี้มีให้กันหญิงสาวไม่สามารถหยุดความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นได้ ขณะนั้นเองอ้ายอ้ายที่เพิ่งผละจากอ้อมกอดของแม่ก็หันมามองหลิวเหวยจินด้วยความสงสัยเจ้านาย คุณกับผู้หญิงคนนี้มีบางอย่างเหมือนกัน จะให้ผมตรวจสอบดูไหมครับ จู่ ๆ เสียงของเป๋าเอ๋อร์ก็ดังขึ้นนายคิดว่าเธอคนนี้จะเป็นแม่ของฉันอย่างนั้นเหรอ อ้ายอ้ายบอกไม่ถูกว่าเธอรู้สึกเช่นไรทั้งนี้เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าเธอเป็นอะไรและเป็นใครแต่จะให้เธอปฏิเสธถ้าผู้หญิงกับจ้าวเซิงเป็นพ่อแม่ก็คงจะไม่ได้อีกเหมือนกันเพราะดูจากสีหน้าของพวกเขา เธอสามารถบอกได้ว่าคนทั้งสองนั้นย่อมรักลูกของตัวเองมากผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก แต่เจ้านายทั้งหมดทั้งมวลล้วนขึ้นอยู่กับคุณว่าจะยอมรับหรือเปล่า เป๋าเอ๋อร์เองก็เข้าใจถึงเรื่องราวนี้ดีฉันไม่รู้ นี่เป็นครั้งแรกที่หรูฟู่ซิงรู้สึกอับจนหนทาง เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แม้ว่าเธอจะยึดครองร่างนี้มาหลายปีแต่เธอก็รู

  • ฉันเกิดใหม่เป็นเด็กถูกทอดทิ้งยุค 70    ตอนที่100 เริ่มต้นการเดินทางแห่งความหวัง

    คล้อยหลังจ้าวเซิงเดินออกไป บรรยากาศในห้องพลันตกอยู่ในความเงียบ จ้าวเหยาเอามือกุมกันแน่น เธอเหลือบมองพ่อแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใบหน้าของแม่จ้าวดูสับสนปนด้วยความหวัง ขณะที่พ่อจ้าวยังคงนิ่งเงียบแต่แววตาฉายชัดถึงความกังวลบางอย่าง“พ่อกับแม่คิดว่ายังไงคะ?” จ้าวเหยาถามเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจจ้าวเจี้ยนถอนหายใจยาวก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ถ้าอ้ายอ้ายเป็นหลานของเรา...พ่อก็ดีใจที่เธอยังปลอดภัย แต่พ่อก็สงสารลูก พวกเธอผ่านอะไรมามากเกินไป”“แม่เองก็คิดแบบนั้น” แม่จ้าวเสริมน้ำเสียงสั่นเครือ “เหยาเหยา ถ้าทุกอย่างเป็นจริง อ้ายอ้ายจะต้องดีใจที่รู้ว่าเธอไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ลูกอย่ากังวลไปเลยนะไม่ว่าผลจะเป็นยังไงเราก็ยังจะรักเธอเหมือนเดิม”จ้าวเหยาพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้า เธอรู้สึกซาบซึ้งในความรักและความอบอุ่นของพ่อแม่“แม่คะ พ่อคะ ขอบคุณมากค่ะ หนูเองก็หวังว่าอ้ายอ้ายจะได้รับความรักจากทุกคนในครอบครัวนี้เพราะเธอเป็นเด็กดีมาก อีกอย่างนับตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ในครอบครัวของเราบ้านของเราก็มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามา อย่างขาของสามีฉันก็หายดีจนตอนนี้แทบจะมอง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status