Share

ชายาข้ามภพ
ชายาข้ามภพ
Penulis: หลินซินเหยียน

บทที่ 1

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-01 03:50:00

ในวันเกิดอายุครบสามสิบสิบปี 'หยางเพ่ยเพ่ย' แพทย์ทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เธอได้รับภารกิจให้เข้าช่วยเหลือเพื่อนทหารจากสังกัดเดียวกันที่พลาดพลั้งให้กับฝ่ายตรงข้ามระหว่างปฏิบัติหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ

ผู้ที่เธอต้องเข้าช่วยเหลือนั้นคือหนึ่งในเพื่อนสนิทที่ฝึกมาพร้อมกันตั้งแต่สมัยที่เริ่มเป็นทหาร ด้วยความร้อนใจและไม่ทันระมัดระวังเธอจึงถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเข้า

"ปัง!"

ในชั่วพริบตากระสุนนั้นได้วิ่งทะลุผ่านขั้วหัวใจของเธอ เพ่ยเพ่ยรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่สามารถจะบรรยายได้ เมื่อภาพตรงหน้าค่อยๆ เลือนรางลงจนทุกอย่างกลายเป็นสีขาวสว่างจ้า เพ่ยเพ่ยวรู้สึกว่าร่างของตัวเองนั้นเบาหวิวและกำลังล่องลอยไปตามคลื่นกระแสของอะไรสักอย่าง ความรู้สึกแบบนี้ช่างประหลาดเหลือเกิน

"นี่เราตายไปแล้วหรอ"

เสียงพึมพำแผ่วเบาเปล่งออกมาก่อนที่เธอจะลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมาอย่างช้าๆ

เพ่ยเพ่ยกวาดสายตามองไปรอบตัว เมื่อปรับสายตาที่พร่ามัวให้เริ่มคงที่ได้แล้วเธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า บรรยากาศรอบตัวของเธอเหมือนกับฉากในละครโบราณย้อนยุคที่เธอเคยดูจากในละครหลังข่าวไม่มีผิดเพี้ยน

นี่เราอยู่ที่ไหน หรือว่าจะเป็นกองถ่ายละครกัน

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน จากสนามรบแล้วมาอยู่กลางกองถ่ายเนี่ยนะ เธอคิดว่ามันไม่เมคเซ้นส์เอาเสียเลย

หรือว่าจะเป็นภาพหลอนจากฤทธิ์มอร์ฟีน อืม…นี่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว

เพ่ยเพ่ยกะพริบตาช้าๆ ด้วยความเหนื่อยล้า ยังไม่ทันที่สติจะกลับมาเต็มร้อยก็ต้องประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้สบเข้ากับดวงตาคมกริบคู่หนึ่ง สายตาอันเย็นชาของบุรุษผู้นั้นมันทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว

ใบหน้าของเขางดงามราวภาพวาด คางเป็นสันได้รูปอย่างที่บุรุษพึงมี ผมที่ยาวดำขลับดุจน้ำหมึก คิ้วหนาดกดำรูปกระบี่ที่รับกับใบหน้าเป็นอย่างดี ปากสีแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวชวนให้เธอตกตะลึง แต่ดวงตาสีดำอันแกร่งกร้าวที่มองมาที่เธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

บุรุษผู้นั้นจ้องมองเธอจนตาแทบไม่กะพริบ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธออย่างไรอย่างนั้น

บุรุษแปลกหน้าสวมชุดจีนโบราณ ผ้าไหมชั้นดีสีแดงปักลวดลายมังกรสีทอง รอยตัดเย็บที่ไร้ที่ตินั้นบ่งบอกได้ถึงราคาที่ไม่ธรรมดาของงานประณีตชิ้นนี้

ชุดจีนโบราณที่เผยให้เห็นรูปร่างอย่างชัดเจนเช่นนี้ช่างเข้ากับบุคลิกและรูปร่างสูงอกผายไหล่ผึ่งของเขานัก ยิ่งสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ของเขายิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขาม

เอ๊ะ!...เดี๋ยวก่อนนะ นั่นไม่ใช่ชุดจีนโบราณเหมือนในละครหรอ

ไม่เพียงแต่ฉากสถานที่แบบโบราณในห้องนี้ แต่เขายังแต่งชุดโบราณอีกด้วย เพ่ยเพ่ยเริ่มก้มหน้ามองดูร่างของตนเองดูบ้าง และก็ต้องประหลาดใจที่เธอเองก็ใส่ชุดจีนโบราณสีแดงสดเช่นเดียวกันกับเขา

บุรุษลึกลับผู้นั้นแสยะยิ้มมองนางอย่างเหยียดหยามพร้อมกับส่งสายตาเย็นชามาให้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยน้ำเสียงเย้ยหยันออกมา

"หึ…คุณหนูแห่งสกุลหยางอันยิ่งใหญ่เช่นเจ้า ไม่คิดเลยว่าจะใช้ยาปลุกกำหนัดเพื่อมัดใจบุรุษ สิ้นไร้หนทางถึงเพียงนี้เชียวรึ"

เพ่ยเพ่ยเมื่อได้ยินดังนั้นก็เริ่มรู้สึกสับสนมึนงงไปหมด

ห๊ะ! นี่มันอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเราย้อนยุคมาเหมือนที่เคยอ่านในนิยาย

ไม่หรอกน่า! อาจจะเป็นแค่ความฝันก็ได้ แล้วที่เขาพูดเมื่อกี้มันหมายความว่าอะไร คุณหนูหยางอะไรกัน

เพ่ยเพ่ยได้แต่คิดหาเหตุผลอยู่ในใจ ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมึนงงไปหมดแล้ว

นี่มันสถานการณ์อะไรเนี่ย กองถ่ายละครคงไม่สมจริงขนาดนี้มั้ง

บุรุษลึกลับผู้นั้นจ้องเธอตาไม่กะพริบ สายตาของเขามองมาที่เธออย่างรังเกียจ ระหว่างที่เพ่ยเพ่ยกำลังรู้สึกสับสน อยู่ๆ ความทรงจำของใครบางคนก็ทะล้นทะลักเข้ามาในหัวของเธออย่างไม่ขาดสายจนเธอรู้สึกมึนงงไปหมด

และแล้วเธอก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างได้ในไม่ช้า ภาพในหัวของเธอเหล่านี้มันคือความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแน่ๆ นี่เธอคงตายไปแล้วและวิญญาณก็ข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้เหมือนในนิยายที่เธอชอบอ่านฆ่าเวลายามว่าง

ฮือ...นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ตอนอ่านนิยายมันก็สนุกดีหรอก แต่ฉันไม่ได้อยากสนุกแบบนี้นี่นา ให้ตายเถอะ!

เพ่ยเพ่ยถึงกับสบถในใจ เธอควรดีใจหรือเสียใจดีที่เธอยังไม่ตาย

ในความทรงจำที่เพ่ยเพ่ยพึ่งได้รับมานี้เจ้าของร่างนี้มีนามว่า 'หยางเพ่ยเพ่ย' ซึ่งเป็นชื่อแซ่เดียวกันกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน หยางเพ่ยเพ่ยผู้นี้เป็นบุตรสาวคนเดียวของ 'หยางหลี่เหลียน' เสนาบดีฝ่ายขวาแห่งแคว้นอู๋ ขุนนางผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เขาจงรักภักดีต่อองค์ฮ่องเต้เพียงผู้เดียวเท่านั้น

หยางเพ่ยเพ่ยมีพี่ชายอีกสองคน นางเป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูลหยาง ทั้งสามคนเป็นบุตรธิดาที่เกิดจากมารดาคนเดียวกันคือ 'จางซูหนี่ว์' หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า ‘หยางฮูหยิน’

ผู้คนทั้งเมืองชางหลางต่างรู้กันว่าบุตรสาวคนเล็กแห่งจวนเสนาบดีนั้นมีรูปโฉมงดงามล่มบ้านล่มเมือง แต่กลับเป็นที่กล่าวขานกันว่านางนั้นมีนิสัยที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ เพราะเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวในตระกูลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้รับการเอาอกเอาใจจากทั้งบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองมาโดยตลอด ไม่ว่านางต้องการอะไรทุกคนก็จะหามาให้ เรียกได้ว่าชีวิตอยู่สุขสบายมิเคยได้รับความยากลำบากใดมาตั้งแต่เกิด

ยามนี้นางอายุสิบหกหนาวและก็ถึงควรแก่เวลาที่จะต้องออกเรือนได้แล้ว บิดาจึงเริ่มคัดสรรคุณชายจากตระกูลใหญ่มากมายมาให้นางได้เลือกว่าอยากแต่กับใคร แต่นางกลับไม่สนใจบุรุษอื่นใดหรือคุณชายบ้านไหนเลย

หยางเพ่ยเพ่ยปักใจรักมั่นในตัวอ๋องหมิงหรือ 'อู๋เหยาหมิง' แต่เพียงผู้เดียว นางยืนกรานกับผู้เป็นบิดาอย่างหนักแน่น หากไม่ได้แต่งงานกับเขานางก็ไม่คิดจะออกเรือนไปกับผู้ใดทั้งสิ้น

ครั้งแรกที่นางได้เจอเขานางก็ตกหลุมรักในตัวเขาทันที เรียกว่าเป็นรักแรกพบเลยก็ว่าได้

ชินอ๋องอู๋เหยาหมิงเป็นอนุชาคนโปรดขององค์ฮ่องเต้ที่ประสูติจากมารดาเดียวกันหรือก็คือองค์ไทเฮาในตอนนี้นั่นเอง ไม่เพียงแต่รูปงามเป็นหนึ่งในแคว้นอู๋ ชื่อเสียงเรื่องความเก่งกาจในสนามรบของเขานั้นเรียกได้ว่าไม่มีใครไม่เกรงกลัวเมื่อได้ยินชื่อ ‘อ๋องหมิง’

เขาคือเทพสงครามที่ศัตรูต่างหวั่นเกรง แม่ทัพใหญ่ผู้เก่งกาจแห่งแคว้นอู๋ ไม่มีศึกใดที่เขานำทัพแล้วไม่ชนะ หญิงใดเลยจะไม่ปรารถนาอยากเป็นสตรีของบุรุษเยี่ยงอ๋องหมิง แม้ว่าบุคลิกอันเงียบขรึมและดุดันของเขาจะทำให้เขาดูน่าหวาดกลัวในสายตาของผู้คนก็ตาม

บิดาของหยางเพ่ยเพ่ยเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกันกับนางว่าอ๋องหมิงนั้นเหมาะสมยิ่ง หากบุตรสาวของเขาได้แต่งเข้าจวนอ๋องนั่นย่อมเป็นการดีที่จะคงไว้ซึ่งอำนาจของตระกูลหยาง เขาเป็นเอกทางบุ๋น หากมีอ๋องหมิงที่เป็นหนึ่งทางบู๊มาอยู่ข้างเดียวกัน เกรงว่าอำนาจของเสนาบดีฝ่ายซ้ายจะไม่สามารถเล่นงานตระกูลหยางของเขาได้

'หยางหลี่เหลียน' ต้องการให้บุตรชายคนโตของเขา 'หยางเฟย' สืบทอดตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายขวาต่อจากเขา จึงถือเป็นการดียิ่งหากว่าได้ผูกสัมพันธ์กับจวนอ๋องหมิง

หยางเพ่ยเพ่ยรักปักใจต่ออ๋องหมิงโดยมิได้สนใจข่าวลือที่ว่าอ๋องหมิงนั้นมีคนรักอยู่แล้ว นางคิดเพียงแต่ว่าหากได้แต่งงานกันไปแล้วอ๋องหมิงก็จะรักนางเอง เหมือนดังเช่นคู่แต่งงานหลายคู่ที่ผู้ใหญ่จัดการให้ตามความเหมาะสม คราแรกอาจจะไม่รู้จักกันแต่พอได้ร่วมหอลงโรงไปแล้วก็รักกันไปเอง

หยางเพ่ยเพ่ยมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมากด้วยนางนั้นนับว่ามีรูปโฉมที่งดงามเป็นหนึ่งในแว่นแคว้น ความสามารถและชาติตระกูลของนางก็เพียบพร้อมมิได้ด้อยไปกว่าใคร อ๋องหมิงย่อมต้องไว้หน้าบิดาของนางอยู่บ้าง อย่างไรเสียเขาก็คงจะเปลี่ยนใจมารักนางได้ไม่ยาก

อ๋องหมิงเมื่อครั้งยังเยาว์วัยก็ถูกส่งออกจากเมืองหลวงไปร่ำเรียนศึกษาวิทยายุทธกับผู้เฒ่าฝูบนเทือกเขาหลิงซาน

ผู้เฒ่าฝูมีหลานสาวคนหนึ่งนามว่า 'ฝูเหวิน' นางนั้นร่างกายอ่อนแอและสุขภาพไม่สู้ดีมาตั้งแต่เด็กจึงทำให้นางมีรูปร่างบอบบาง ใบหน้าขาวแม้ไม่ผุดผาด แต่ด้วยดวงตาที่กลมโตชวนให้ผู้คนมองจึงทำให้นางดูอ่อนหวานราวเทพธิดาก็ไม่ปาน

ในสายตาของบุรุษทุกผู้ที่ได้พบเห็นนางล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฝูเหวินนั้นดูเป็นสตรีที่อ่อนโยนและน่าทะนุถนอมเป็นอย่างยิ่ง

อ๋องหมิงและฝูเหวินสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ฝูเหวินเองก็ปักใจรักอ๋องหมิงด้วยทั้งหมดที่เขาเป็น ในสายตาของนางเขาหล่อเหลาราวเทพเซียน ฐานะสูงส่งเหนือผู้ใด และวรยุทธที่เก่งกาจหาใครเทียบทำให้อ๋องหมิงกลายเป็นศิษย์เอกของผู้เฒ่าฝูอย่างมิต้องสงสัย และที่สำคัญเขาเองก็เอ็นดูนางยิ่งกว่าหญิงใดทั้งหมด การได้เป็นชายาเอกของเขาคือตำแหน่งที่นางใฝ่ฝันมาตลอด

อ๋องหมิงเองก็ดูจะเอ็นดูนางมากเช่นกัน ฝูเหวินเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดเขามากที่สุดหากไม่นับรวมพระมารดาและแม่นมของเขา ด้วยความโดดเดี่ยวเดียวดายที่ต้องจากพระบิดาและพระมารดามาร่ำเรียนวิชากับท่านผู้เฒ่าฝูตั้งแต่ยังเล็ก ฝูเหวินจึงนับเป็นผู้เดียวที่คอยปลอบประโลมและคอยเติมเต็มความอบอุ่นแก่เขายามที่เขารู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง

ทั้งสองดูสมัครรักใคร่กันเป็นอย่างมาก หลังจากที่ผู้เฒ่าฝูญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของฝูเหวินนั้นได้ลาจากโลกนี้ไป อ๋องหมิงอยากจะแต่งฝูเหวินเข้ามาอยู่ในตำหนักอ๋องกับเขาแต่ด้วยฐานะของฝูเหวินที่ไม่ได้มีครอบครัวมาจากตระกูลใหญ่และยังเป็นเด็กกำพร้า องค์ไทเฮาและฮ่องเต้องค์ก่อนจึงไม่อนุญาตให้เขาแต่งฝูเหวินเป็นชายาเอก และนางเองก็ไม่ยอมแต่งเข้ามาเป็นอนุด้วยเช่นกัน

แต่อ๋องหมิงก็หาได้สนใจไม่ อ๋องหมิงพาฝูเหวินเข้ามาอยู่ในตำหนักของเขาอย่างเปิดเผย แม้จะไม่ได้แต่งเข้าเป็นชายา แต่นางก็ยังสามารถอยู่ในตำหนักของอ๋องหมิงได้ เรื่องนี้ทุกคนในตำหนักทราบดี ไม่เว้นแม้แต่ชาวบ้านเองก็ยังพากันพูดปากต่อปากไปทั่วเมืองชางหลางถึงเรื่องนี้

มีเพียงหยางเพ่ยเพ่ยที่แม้จะได้ยินเรื่องนี้มาบ้างแล้วแต่ก็ยังทำเป็นไม่สนใจ เพราะนางมั่นใจว่าอ๋องหมิงจะต้องเปลี่ยนใจมารักนางได้อย่างแน่นอน สำหรับนางแล้วฝูเหวินผู้นั้นไม่มีอะไรที่สามารถเทียบชั้นกับนางได้เลย

หยางเพ่ยเพ่ยจึงรบเร้าบิดาของนางให้ไปทูลเรื่องสมรสกับองค์ฮ่องเต้ เสนาบดีหยางเองก็ไม่ลังเลที่จะไปทูลขอสมรสพระราชทานด้วยถูกบุตรสาวรบเร้าอย่างหนักและเห็นว่าอ๋องหมิงเองก็เหมาะสมกับบุตรสาวของเขา หากว่าบุตรสาวได้แต่งเข้าตำหนักอ๋องอำนาจของตระกูลหยางก็จะไม่มีวันสั่นคลอน

ฮ่องเต้และองค์ไทเฮาก็เห็นด้วยเพราะฮ่องเต้ยังต้องการขุมพลังอำนาจของเสนาบดีหยางมาไว้คานอำนาจกับเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่พักหลังมานี้เริ่มมีอำนาจมากขึ้นจนเป็นที่น่าหวั่นเกรง เสนาบดีฝ่ายซ้ายหรือเสนาบดีเกาคือบิดาของเกากุ้ยเฟยสนมเอกของพระองค์ และยามนี้ตระกูลเกาก็มีอำนาจล้นมือจนพระองค์เริ่มหวาดระแวง

ฮองเฮาเองก็เห็นด้วยว่าต้องหยุดอำนาจของตระกูลเกาเอาไว้ก่อนที่จะส่งผลร้ายต่อองค์รัชทายาทซึ่งเป็นโอรสของพระนาง ฮ่องเต้จึงได้มีราชโองการพระราชทานสมรสให้กับอ๋องหมิงและหยางเพ่ยเพ่ยบุตรีของเสนาบดีหยาง

แรกเริ่มเมื่ออ๋องหมิงได้ทราบเรื่องสมรสพระราชทานก็ค้านหัวชนฝา แต่ด้วยเพราะองค์ไทเฮานั้นไม่ยินยอม อย่างไรก็ต้องให้หยางเพ่ยเพ่ยแต่งเข้าเป็นชายาเอกของอ๋องหมิงให้จงได้

ตระกูลหยางถือเป็นญาติห่างๆ ขององค์ไทเฮาทั้งยังเป็นการช่วยฮ่องเต้ในการคานอำนาจกับขุนนางฝ่ายต่างๆ อ๋องหมิงซึ่งเป็นคนรักพี่รักน้องและมิได้ฝักใฝ่ในบัลลังก์จึงต้องยอมแต่งงานอย่างจำใจเพื่อช่วยพระเชษฐา

อ๋องหมิงตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีวันแตะต้องชายาผู้นี้ หากนางอยากแต่งเข้ามานักก็เชิญ แต่อย่าได้หวังว่าจะได้ความรักจากเขา ยิ่งพอได้ทราบว่าเป็นนางเองที่เป็นคนไปรบเร้าบิดาให้มาขอร้องเสด็จพี่ของเขาเรื่องการสมรสครั้งนี้เขาก็ยิ่งเกลียดนางมากขึ้นไปอีก เขาเกลียดนักพวกสตรีที่วิ่งไล่ตามบุรุษ 'ช่างหน้าไม่อาย'
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 111

    -จวนตระกูลหยาง- "มากันแล้ว มากันแล้วขอรับ!" เสียงพ่อบ้านทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกทุกคนในเรือนไปพร้อมๆ กัน ทุกคนวางมือจากงานที่ทำอยู่อย่างลนลานก่อนจะรีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูจวนเพื่อนต้อนรับอ๋องหมิงและพระชายา ระหว่างเดินทางอ๋องหมิงให้ม้าเร็วมาแจ้งตระกูลหยางล่วงหน้าแล้วว่าเขากำลังพาเพ่ยเพ่ยกลับมาชางห

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 110

    เพ่ยเพ่ยมองทั้งสามและพิจารณาถึงสิ่งที่อี้ซินบอก ใช่แล้ว คนเคร่งขรึมหน้าตาไร้อารมณ์เช่นเขาความจริงแล้วไม่น่าจะมีเด็กที่ไหนอยากเล่นด้วยเลยต่างหาก อาจเป็นเพราะสัมพันธ์พ่อลูกที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาดกระมัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลารับสำรับเย็น ไม่น่าเชื่อว่า อาหารพื้นๆ ในเรือนหลังไม่ใหญ่แต่อาหารมื้อนี้สำหรับ

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 109

    "ท่านพ่อ ท่านแม่ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที พวกเรารอตั้งนานแล้วนะ" เด็กทั้งสองเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่หยุด อี้ซินมีสีหน้าซีดเผือด นางพยายามห้ามนายน้อยและคุณหนูอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สองแฝดผู้เอาแต่ใจก็หาได้ฟังใครไม่ หลังจากที่รอบิดากับมารดามาตั้งแต่เช้า กระทั่งพวกเขารับสำรับเช้าเสร็จแล้วแต่ท่านพ่อท่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 108

    "เมื่อกี้เจ้าจูบข้าก่อน" อ๋องหมิงมองเพ่ยเพ่ยพร้อมกับมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น หัวใจกระตุกเพราะนางไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน ทุกครั้งมีเพียงเขาที่เป็นฝ่ายจูบนางก่อนและเกือบทุกครั้งคือการบังคับให้นางต้องรับจูบจากเขา "ใช่เพคะ มิได้หรือ" "ทำไมจะมิได้ เปิ่นหวางชอบ" เพ่ยเพ่ยมอบจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากของเขาอีกครั

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 107

    "แล้วหม่อมฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าหม่อมฉันพูดอันใดไปบ้าง ท่านอ๋องก็บอกหม่อมฉันสิเพคะ" "เจ้าจับหน้าเปิ่นหวาง เรียกข้าว่าอ้ปป้าแล้วยังบอกว่าหากได้จูบอ้ปป้าสักครั้งจะตั้งใจทำงาน" "หา! หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะกล่าวเช่นนั้นออกมา" แต่ภาษาวัยรุ่นแบบนั้น ไม่ใช่แกแล้วเขาจะคิดเองได้หรือไงเล่ายัยบ้า เมื่อคิดได้เช่

  • ชายาข้ามภพ   บทที่ 106

    "เจ้าพูดอะไรของเจ้า ยิ่งฟังเจ้าข้าก็ยิ่งงง ท่านอ๋องเคยไปรังแกเจ้าด้วยรึ" "หึ เจ้าอยากโดนรุมซ้อมดูบ้างไหมล่ะ คนของเขาเท้าหนักๆ กันทั้งนั้น เพราะอารมณ์หึงหวงอย่างมิมีเหตุผลของเขาอย่างไรล่ะ" อย่าให้เขาบรรยายเลย บุรุษยุคนี้ หน้าใหญ่ใจโต ถือว่าตนมีอำนาจก็ไม่เห็นหัวใครทั้งนั้น กดทุกคนให้อยู่ต่ำหมดไม่ว่า

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status