Share

บทที่ 14

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“นี่คือ?” จางเอ้อร์ยังไม่เข้าใจ

“ยาสมุนไพรที่ข้าไปซื้อมาจากร้านขายยา ใช้ทาที่ขา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาได้”

จางเอ้อร์ตกตะลึง ก้มมองขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของเขายากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขาข้างนี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแผ่นหินกระแทกในขณะที่เขาพยายามหาเลี้ยงชีพ

ปกติแล้วการเดินไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าเดินมาก ๆ ก็จะเริ่มเดินกะเผลก

การคุมตัวนักโทษนั้นจริง ๆ แล้วค่อนข้างไม่สะดวก แต่คนชั้นต่ำอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรื่องมาก

แม่นางกู้กลับสังเกตเห็น

ยิ่งไปกว่านั้น นางมาสายเพราะไปจัดยาให้เขา

จางเอ้อร์ก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เขาหยิบยาที่กู้หว่านเยว่ยื่นให้มาอย่างลวกๆ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

นอกจากหัวหน้าแล้ว แม่นางกู้เป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้

“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็ดูแลข้าเหมือนกัน” กู้หว่านเยว่เป็นคนแบบนี้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ถ้าคนอื่นดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่า

ในเมื่อจางเอ้อร์ไว้ใจนาง นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง

“นางจิ้งจอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าใช้มนตร์เสน่ห์อะไรกับพวกนักการน่ารังเกียจพวกนี้!”

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นกู้หว่านเยว่พูดคุยกับจางเอ้อร์ ก็กำหมัดแน่น

เห็นได้ชัดว่านางมีเสน่ห์มากกว่ากู้หว่านเยว่มาก แต่นักการพวกนี้กลับตะคอกใส่นาง ทว่ากลับยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับกู้หว่านเยว่

ไม่รู้ว่าคิดอะไร นางยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง หลังจากที่กลับไปนางจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่จิ่ง ดูสิว่าพี่จิ่งจะมองนางอย่างไร หึ ๆ

ระหว่างทาง กู้หว่านเยว่ดูเหมือนกำลังแกล้งหลับ แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางเข้าไปอยู่ในมิติ มองไปยังกองสิ่งของที่ปล้นมาจากห้องใต้ดิน นางก็ครุ่นคิดอย่างหนัก

สุดท้ายก็ตัดสินใจแกล้งตายต่อหน้าซูจิ่งสิง ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ความลับเรื่องมิติ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ แค่ไม่ยอมรับก็พอแล้ว

ถ้าเขามีแผนร้าย นางก็จะกำจัดเขาแล้วหนีไป

ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็ตามทุกคนกลับไปยังโรงเตี๊ยม

ซูจิ่งสิงเห็นนาง ก็พูดเพียงประโยคเดียว “ขนมาหมดแล้วหรือ?”

“อืมๆ!”

นางกู้หว่านเยว่ลงมือ จะมีของที่ขนไม่หมดได้อย่างไร? ขณะที่กำลังรอฟังต่อ ก็เห็นซูจิ่งสิงทำหน้าพึงพอใจ หลับตาลง ไม่พูดอะไรอีก

กู้หว่านเยว่ที่เตรียมคำพูดไว้อย่างเต็มที่ ?

“ท่านจะไม่ถามอะไรหน่อยหรือ?” ของเยอะขนาดนั้น ไม่ถามถึงที่มาที่ไปหน่อยหรือ?

“ไม่ถาม ข้าเชื่อใจเจ้า”

กู้หว่านเยว่คาดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่งสิงจะพูดว่าเชื่อใจนาง หลังจากที่ตกตะลึงเล็กน้อยก็ยิ้มออกมา แต่ซูจิ่งสิงไม่ถาม ก็ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองเวลาอธิบาย

“หว่านเยว่ กิน กินข้าว...” เวลานี้นางหยางยกข้าวสวยร้อน ๆ มาหนึ่งชาม พร้อมกับลูบมือ “จิ่นเอ๋อเป็นคน ทำ”

กู้หว่านเยว่หันไปมอง

ซูจิ่นเอ๋อยิ้มให้นางอย่างเขินอาย “ข้าเห็นพวกเขาไปยืมครัวของโรงเตี๊ยมใช้กัน ข้าก็เลยไปยืมมาทำกับข้าวบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ทำ พี่สะใภ้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง...”

กู้หว่านเยว่ลองชิมคำหนึ่ง ข้าวผัดผักที่ไม่มีน้ำมัน แถมยังไหม้เล็กน้อย รสชาติก็ไม่ได้เรื่องจริง ๆ

แต่พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูจิ่นเอ๋อมองมาที่นางด้วยสีหน้าตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำไปหมด นางหลุดหัวเราะออกมา แล้วยกนิ้วโป้งให้

“ไม่อร่อย แต่ความตั้งใจดีเยี่ยม!”

“พี่สะใภ้ ท่านพูดอะไรดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือ!”

ซูจิ่นเอ๋อแกล้งกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้รับคำชมจากกู้หว่านเยว่

ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นฉากนี้ก็รู้สึกแสบตา นางตัดสินใจเข้าไปหาเรื่องกู้หว่านเยว่ เดินไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิงแล้วพูดอย่างมีเลศนัย

“พี่ชาย พี่สะใภ้เก่งจริง ๆ ไม่เหมือนข้าที่ไร้ความสามารถ นักการพวกนั้นดีกับพี่สะใภ้มาก ตอนกลับมาก็ยังช่วยพี่สะใภ้ขนของด้วยนะ”

เมื่อเห็นแผนการยุยงแสนโฉ่งฉ่างของนางชาเขียว* แล้ว กู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกลนักก็หัวเราะหึ ๆ ก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้วรอดูความสนุกสนาน

ซูจิ่งสิงหลับตา “หว่านเยว่ของพวกเราเก่งอยู่แล้ว”

“...” พี่ชายไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือเปล่า?

หลี่ซือซือพูดติดขัด ก่อนจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น “พี่สะใภ้กับนักการที่ชื่อจางเอ้อร์ส่งสายตาให้กัน แถมยังจับมือกันอีก ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก...

โอ๊ย พี่ชาย ข้าไม่ได้หมายความว่าพี่สะใภ้ใจง่าย มีอะไรกับนักการคนนั้น ท่านอย่าเข้าใจพี่สะใภ้ผิดนะ”

“พรวด!” ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็ทนไม่ไหว เกือบจะพ่นข้าวออกมาเพราะหัวเราะ

วันนี้นางได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกว่านางชาเขียวที่ชอบเสี้ยม

หลี่ซือซือเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างไม่พอใจ แล้วหันกลับไปมองซูจิ่งสิงอย่างเว้าวอน “พี่ชาย ตอนนี้ท่านบาดเจ็บ ข้ากลัวว่าบางคนจะไม่ซื่อสัตย์...”

“เจ้าพูดจบหรือยัง?”

ซูจิ่งสิงทนเสียงรบกวนของหลี่ซือซือไม่ไหวแล้ว จึงลืมตาขึ้น หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่แอบหัวเราะอยู่ไม่ไกล เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจนใจ ผู้หญิงคนนี้ชอบดูเรื่องตลกจริง ๆ

คำพูดเย็นชาหลุดออกมา

“ไสหัวไป”

“พี่ชาย ท่าน...”

หลี่ซือซือขอบตาแดงก่ำ นางพูดจาแย่ ๆ ขนาดนี้แล้ว พี่ชายยังเชื่อกู้หว่านเยว่อีก

เขาถูกกู้หว่านเยว่ทำของใส่หรือเปล่านะ?!

สุดท้ายก็ทนสายตาเย็นชาของซูจิ่งสิงไม่ไหว นางจึงปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไป

ซูจิ่งสิงหลับตาลงด้วยความรังเกียจ

“พี่ซือซือ ทำไมพูดอะไรแปลก ๆ” ซูจื่อชิงย่นจมูก ด้วยความที่เขายังเด็กจึงไม่เข้าใจว่านางชาเขียวคืออะไร รู้สึกเพียงว่าหลี่ซือซือแปลกมาก

ซูจิ่นเอ๋อก็กะพริบตาอย่างงุนงง นางจำได้ว่าพี่ซือซือ เป็นคนอ่อนโยนและใจกว้างมาก เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้?

ทางด้านนี้ นางจินเห็นหลี่ซือซือร้องไห้กลับมา จึงสะกิดมือลูกชายคนโตอย่างซูเช่อ ให้เขาเข้าไปปลอบ

“ข้าไม่ไป ข้าไม่อยากไป”

ซูเช่อหันหลังให้เตียง แค่มองหลี่ซือซืออีกแวบเดียวก็รู้สึกอึดอัดแล้ว

นางจินแสดงสีหน้าสับสน ก่อนหน้านี้ทั้งสองดูเหมือนจะชอบพอกัน จึงหาโอกาสจัดการเรื่องแต่งงานไปด้วยเลย

แม้จะถูกเนรเทศ แต่เรื่องสำคัญในชีวิตจะช้าไม่ได้

เหตุใดหลังจากออกไปซื้อของกลับมา ลูกชายก็มองหลี่ซือซือเหมือนกับเห็นผี

นางจินสมองไม่ค่อยดี และก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูหร่านหร่านกลับเหลือบมองหลี่ซือซือแวบหนึ่ง แล้วมองไปทางบ้านสาม จากนั้นพูดด้วยเสียงเบา ๆ

“ท่านแม่ ถ้าพี่ใหญ่ไม่อยากไปก็ช่างเถอะ”

นางจินพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงยอมแพ้ มองซูอวี่ของบ้านรองที่เข้าไปประจบประแจงหลี่ซือซือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

หลังจากทานอาหารเสร็จ นักการก็เร่งให้ทุกคนออกเดินทาง

เมืองอูอวิ๋นเป็นเพียงจุดพักชั่วคราว ไม่สามารถอยู่นานเกินไป มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง

แม้จะเป็นกระท่อมที่แข็งกระด้าง แต่ก็ยังเป็นบ้านที่พอจะเป็นที่กำบังได้ เมื่อทุกคนได้ยินว่าต้องไป ก็พากันคร่ำครวญด้วยความอาลัย

“ให้พวกเขารีบเก็บข้าวของแล้วออกเดินทาง ได้ยินมาว่าสุสานหลวงถูกโจรกรรม พวกเรารีบไปก่อนดีกว่า จะได้ไม่โดนลูกหลง”

ซุนอู่กำชับเหล่านักการ

เขาเพิ่งจะทราบข่าวการโจรกรรมสุสานหลวงเมื่อครู่นี้เอง

สุดยอดจริง ๆ ได้ยินมาว่าสุสานหลวงทั้งสุสานถูกปล้นจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว ไม่เหลืออะไรเลย

โจรพวกนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ

เมืองอูอวิ๋นไม่ควรอยู่ต่อ รีบไปกันเถอะ

เมื่อนักการได้รับคำสั่งแล้ว ก็หยิบแส้ออกมาเร่งให้ทุกคนออกเดินทาง ดังนั้น กลุ่มคนจึงออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังนอกเมือง

เส้นทางข้างหน้าคงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยก็สามสี่วันจะไม่เจอเมืองเลย

นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต้องนอนกลางดินกินกลางทรายเป็นเวลาสามถึงสี่วัน

ตอนกลางคืน ทุกคนเหนื่อยมากจนล้มนอนลงกับพื้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของกู้หว่านเยว่ ทุกคนแทบจะเบิกตากว้างออกมาด้วยความตกใจ

*นางชาเขียว ใช้เปรียบเทียบผู้หญิงที่ดูเหมือนไร้เดียงสา แต่จริง ๆ แล้วร้ายลึก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Toy M
ในซีรีย์ระหว่าทางนางเอกช่วยรักษาพระเอกเอายาฆ่าเชื่อใส่ในถุงน้ำให้พระเอกกินตลอดและรักษาจนพระเอกเดินได้ นิยายทำไมไม่มี
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สะใจ ขนทองไปให้หมด เยี่ยม ให้ฮ่องเต้ร่ำไห้ไป จะเอาผิดใครก็ไม่ได้
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกทุกตอนค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1716

    เส้นทางนี้ล้วนเต็มไปด้วยป่าทึบที่มีพืชพันธุ์สีเขียวชอุ่ม ทั้งสองคนปรึกษาแล้วว่าจะไม่แวะพัก จะเดินทางต่อในคืนนั้นเลย“องค์หญิงน้อย ระวังตัวด้วย ทางนี้โจรเยอะ”นอกจากกองกำลังหลากหลายเมืองบนที่ราบแห่งความโกลาหลแล้ว เหล่าทหารรับจ้างและโจรก็ยังแบ่งออกเป็นสองพรรคสองพวกอีกด้วยแม้ว่าระหว่างโจรเหล่านี้จะไม่มีการติดต่อกัน แต่กลับมีให้เห็นทั่วทุกหนแห่ง สามถึงห้าคนก็สามารถตั้งกลุ่มได้แล้วโดยเฉพาะป่าทึบที่มีต้นไม้นับไม่ถ้วนแห่งนี้ อาจจะมีพวกโจรบุกเข้ามาตอนไหนก็ได้“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ ลงมาจากรถม้าซะ!”ในขณะที่กำลังคุยกัน จู่ ๆ ก็มีชายปริศนาจำนวนสามสี่คนปิดหน้าพุ่งออกมาจากในป่าชิงเยี่ยน ....เขาเป็นคนปากอัปมงคลจริง ๆครั้นกู้หว่านเยว่เห็นม้าหยุดกะทันหัน น้ำเสียงที่เคลือบแคลงสงสัยก็ดังออกไปจากรถม้า “เกิดอะไรขึ้น”ชิงเยี่ยนเกาศีรษะอย่างรู้สึกผิด“พูดถึงโจร โจรก็ออกมาทันที....”ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน โจรกลุ่มนั้นก็หมดความอดทนเสียงตะคอกของผู้นำดังขึ้น “ข้าสั่งให้พวกเจ้าลงมาไม่ได้ยินหรือไร? มัวชักช้าอะไรกันอยู่!”คนที่เหลือมองดูรถม้าคันนี้ด้วยสายตาละโมบโลภมากสำหรับบนที่ราบแห่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1715

    กู้หว่านเยว่ย้อนนึกถึงแผนที่ที่ชิงเยี่ยนให้นางดูเมื่อครู่ จากเมืองเฟิงย่ไปถึงพระราชวังเป่ยตี้ ทั้งหมดต้องผ่านสิบหกเมือง หนึ่งคูเมืองใหญ่นางตัดสินใจแล้ว ระหว่างผ่านสิบเจ็ดสถานที่แห่งนี้ จะระเบิดทุกหนแห่งให้เละมอบบทเรียนอันลึกซึ้งให้แคว้นเป่ยตี้ขณะเดียวกัน หน้าประตูเมืองลั่วหรงกำลังพาขบวนคนทางด้านหลังออกจากเมืองอย่างยิ่งใหญ่เมื่อครู่ตอนเขาอยู่ในโรงเตี๊ยมได้ยินว่าเกิดเรื่องกับองค์ชายรองภายในจวนผู้ว่าการ สังเกตเห็นว่าเมืองเฟิงเย่กำลังจะตกอยู่ในความโกลาหล ไม่อาจอยู่นานได้ นี่จึงรีบพาคนจากไปตอนเดินทางมาถึงหน้าประตูเมือง หางตาของเขาก็มองเห็นชิงเยี่ยน“สหายน้อย เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง?”ลั่วหรงยกมือขึ้นสั่งหยุดขบวนคน เร่งฝีเท้ามาหยุดข้างกายชิงเยี่ยน สายตากวาดหาเงาร่างของกู้หว่านเยว่“พี่สาวของเจ้าเล่า?”ชิงเยี่ยนอายุยังน้อย อีกทั้งยังเชื่อฟังกู้หว่านเยว่ ลั่วหรงย่อมเห็นเขาเป็นน้องชายของกู้หว่านเยว่“นาง นางมีธุระจากไปก่อนแล้วขอรับ”ชิงเยี่ยนหาข้ออ้างอย่างหนึ่งแม้ว่าลั่วหรงมีท่าทีสนิทสนม แต่เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนฉลาดแต่เขากังวลฐานะถูกเปิดเผย“จากไปก่อนแล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1714

    มีคนต่างพากันร้องตะโกน วิ่งออกไปอย่างร้อนรน วุ่นวายไปทั้งจวนตอนนี้กู้หว่านเยว่มาถึงถนนใหญ่แล้วนึกถึงเรื่องใหญ่ชวนให้ตกตะลึงพรึงเพริดที่นางได้ทำภายในจวนผู้ว่าการเมื่อครู่ คาดว่าอีกไม่นานจะต้องมีหน่วยลาดตระเวนประกาศจับนางถึงตอนนั้น ภาพวาดของนางก็จะถูกติดเต็มถนนใหญ่และตรอกเล็กตรอกน้อยกู้หว่านเยว่หาตรอกไร้ผู้คนพบ เข้าไปภายในมิติปลอมตัวเป็นผู้ชายภายในมิติ อีกทั้งยังแปลงโฉมเป็นผู้ชายถึงออกมาอีกครั้ง“เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาเห็นข้า ก็น่าจะจำไม่ได้แล้ว”กู้หว่านเยว่หยิบคันฉ่องออกมาหนึ่งบาน ส่องใบหน้าตนนางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นโยนคันฉ่องเข้ามิตินึกได้ว่าระหว่างเดินทางอาหารแห้งที่พวกเขาเตรียมไว้ถูกกินหมดแล้ว เสบียงอาหารภายในมิติและอาหารของเมืองเฟิงเย่แตกต่างกันมาก ระหว่างกู้หว่านเยว่เดินทางออกจากเมืองก็แวะตลาดแห่งหนึ่ง ซื้ออาหารแห้งที่จำเป็นระหว่างเดินทางบางส่วนรอจนกระทั่งนางซื้ออาหารแห้งออกมา ทั่วทั้งเมืองเฟิงเย่ก็วุ่นวายเละเป็นโจ๊กหนึ่งหม้อ“พวกเจ้าได้ยินแล้วหรือไม่? คนของเมืองตงโจวกลับมาแก้แค้นแล้ว”“หา เกิดเรื่องใดขึ้น?”“ของลับขององค์ชายรองเป่ยตี้ถูกตัดไปแ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1713

    กู้หว่านเยว่หัวเราะออกมาอย่างซุกซน เหินบินขึ้นชายคาเรือน เสียงร้องแตกตื่นของทหารดังอยู่ทางด้านหลัง“แย่แล้ว แย่แล้ว องค์ชายรอง...”“เกิดเรื่องแล้ว ของลับขององค์ชายรองถูกตัดไปแล้ว!”“เป็นฝีมือของผู้หญิงคนนั้น รีบจับตัวนางมาเร็วเข้า” หนึ่งในทหารมองเห็นเงาร่างตอนหนีไปและมีดเปื้อนเลือดในมือของกู้หว่านเยว่ รีบชี้เงาด้านหลังนางพลางร้องตะโกนทันใดนั้น ทหารกลุ่มใหญ่เข้ามาล้อมกู้หว่านเยว่ไว้“เกิดเรื่องอันใดขึ้น องค์ชายรองเป็นอะไรไป?” ผู้ว่าการวิ่งเหยาะๆ เข้ามา ยังลื่นล้มกลางทางอีกด้วยได้ยินว่าเกิดเรื่องกับข่าหมี่ เขาตกใจจนจิตวิญญาณหลุดลอย ยังคิดว่าข่าหมี่ได้รับบาดเจ็บ หวังเพียงให้อาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรงจนกระทั่งได้ยินว่าของลับของข่าหมี่ถูกคนตัดไปแล้ว เบื้องหน้าพลันมืดสนิทจนเกือบหมดสติไป“แย่แล้ว แย่แล้ว!”“องค์ชายข่าหมี่เป็นองค์ชายที่ฝ่าบาทของพวกเราโปรดปรานที่สุด ภายภาคหน้ายังต้องรับสืบทอดแคว้นเป่ยตี้ บัดนี้เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ภายใต้การปกครองของข้า ฝ่าบาทจะต้องฆ่าข้าแน่!”ผู้ว่าการทรุดลงบนพื้น เขานึกบางอย่างขึ้นได้ จู่ๆ ก็ชี้ไปทางกู้หว่านเยว่“จับผู้หญิงคนนั้น จะต้องจับน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1712

    ช่วยด้วย พวกนางอยากกลับบ้านไปหามารดากู้หว่านเยว่โบกมือเบาๆ “เอาแส้ให้ข้า”ข่าหมี่ถูกฮ่องเต้แคว้นเป่ยตี้อบรมอย่างเข้มงวดตั้งแต่เด็ก หากไม่เป็นไปตามความต้องการก็จะถูกลากไปลงโทษภายในห้องมืดเล็กเริ่มแรกเขาต่อต้านอย่างรุนแรงทว่าหลังคุ้นชินแล้ว กลับชมชอบความรู้สึกถูกคนตี“สมเป็นคนงามที่ข้าถูกใจตั้งแต่แรกพบ กล้าหาญยิ่งนัก”ข่าหมี่หรี่ตามองกู้หว่านเยว่แวบหนึ่ง วางแส้ลงในมือนางภายภาคหน้ายามย้อนคิดถึงเรื่องนี้ เขาอาจเสียใจต่อการกระทำของตนไปชั่วชีวิตกู้หว่านเยว่รับแส้ไป เหล่าผู้หญิงทางด้านหลังรีบหลบไปไกลๆ“ดูท่าแล้วเจ้าชอบความรู้สึกถูกคนตียิ่งนัก”นางง้างแส้ขึ้น ฟาดลงบนร่างกายของข่าหมี่อย่างแรง“โอ้!”ข่าหมี่ร้องออกมาอย่างสุขสม เรี่ยวแรงนี้มากอยู่บ้าง แต่นี่คือครั้งแรก เขายังไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติ“เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา” กู้หว่านเยว่ฟาดลงไปแรงๆ อีกครั้ง“โอ้ อ๊า!” ข่าหมี่กระโดดขึ้นมา สีหน้าน่าสงสารอยู่บ้างฟาดลงไปแรงๆ อีกครั้ง“อ๊า เจ็บเหลือเกิน!”ข่าหมี่ปิดก้น เริ่มกระโดดอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าบิดเบี้ยวอย่างมาก“อย่า...” ตีไปแล้วยังไม่ได้พูดออกมา กู้หว่านเยว่ไล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1711

    “คนงามรู้ความยิ่งนัก”สายตาองค์ชายรองเป่ยตี้ลำพองใจ คิดว่ากู้หว่านเยว่หลงใหลในเสน่ห์ตนจนถอนตัวไม่ขึ้น“องค์หญิงน้อย!”ชิงเยี่ยนกระทืบเท้า มองกู้หว่านเยว่ติดตามขบวนคนลับหายไปจากตรงหน้าด้วยความกังวลใจไม่มีทางเลือกแล้ว เขาทำได้เพียงเก็บแผนที่หนังแกะเอาไว้ ล่วงหน้าไปหน้าประตูเมืองรอกู้หว่านเยว่กลับมาอย่างว่าง่ายองค์ชายรองเป่ยตี้แซ่ข่า ชื่อว่าข่าหมี่ เขาเกิดมามีรูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเครายาวเฟื้อย อาศัยอยู่ภายในจวนของผู้ว่าการเมืองเฟิงเย่ชั่วคราวกู้หว่านเยว่ลอบสืบข่าวฮ่องเต้เป่ยตี้โปรดปรานลูกชายคนรองคนนี้ที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงให้เขานำทหารมาไม่น้อย ในเวลาเดียวกันมีราวครึ่งหนึ่งรวมตัวกันที่ด้านนอกจวนผู้ว่าการ ยังมีอีกครึ่งหนึ่งไปสืบหาเบาะแสข่าหมี่คนนี้ลุ่มหลงในสตรี แต่ไม่ใช่พวกไร้ความสามารถ ตรงข้ามกันวิชายุทธ์ของเขาสูงอย่างมาก ดังนั้นจึงพาเหล่าสตรีมาอยู่ข้างกายโดยไร้กังวล ไม่ต้องกลัวพวกนางลอบแทงข้างหลัง“ยินดีกับองค์ชายรอง ได้หญิงงามมาใหม่อีกสองสามคน”ผู้ว่าการของเมืองเฟิงเย่ถลันขึ้นมาเอาใจเขาเองก็เป็นคนมีเส้นสาย หลังเมืองตงโจวถูกยึดครอง ข่าหมี่ก็แนะนำเขามาเป็นผู้ว่าการ เขาเป็น

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1710

    กู้หว่านเยว่นินทาในใจ ขณะที่หางตาเหลือบไปมองลั่วหรง ก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที หญิงสาวผู้นี้คงจะชอบลั่วหรง พอเห็นคนที่ชอบพูดคุยกับหญิงสาวคนอื่นจึงทนไม่ได้อันที่จริงกู้หว่านเยว่เกล้าผมเป็นมวยผมแบบสตรีที่แต่งงานแล้ว หากว่ามีชาวต้าฉีอยู่ที่นี่ เพียงมองปราดเดียวก็ย่อมรู้ว่านางแต่งงานแล้ว“หลันเตี๋ย เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? ไร้มารยาทเกินไปแล้ว” ลั่วหรงตวาดเสียงดังกิริยาท่าทางของกู้หว่านเยว่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดานางยังจะว่าคนอื่นเป็นคนบ้านนอกอีกหรือ?ล่วงเกินผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว!“พี่ใหญ่ลั่ว เหตุใดท่านจึงปกป้องนาง?” หลันเตี๋ยกัดริมฝีปากล่างอย่างไม่พอใจ“ข้าแค่พูดไปตามเหตุผล เจ้าจะไปหาเรื่องแม่นางคนหนึ่งเพื่ออะไรกัน?”“ข้าก็แค่ไม่ชอบหน้านาง”“...”“พวกเราไปกันเถอะ” ระหว่างที่ทั้งสองคนโต้เถียงกัน กู้หว่านเยว่ก็ดึงชิงเยี่ยนออกจากโรงเตี๊ยมไปอย่างเงียบ ๆ รอให้ลั่วหรงหันกลับมามองอีกครั้ง ที่นั่งตรงนั้นก็ว่างเปล่า หญิงงามหายไปแล้ว“ชิงเยี่ยน ดูเหมือนว่าอีกครึ่งเดือนพี่ใหญ่จะต้องไปที่พระราชวังเป่ยตี้อย่างแน่นอน พวกเราไม่ต้องตามหาอย่างไร้จุดหมายอีกต่อไปแล้ว ตรงไปยังพระ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1709

    ลั่วหรงหันกลับไป ก็เห็นสตรีใบหน้างดงามเปล่งปลั่งคนหนึ่ง กำลังเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้ากังวลแม้จะดูสกปรกไปบ้าง แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามบริสุทธิ์จนน่าตกตะลึงได้น้ำเสียงก็ไพเราะอ่อนหวาน ยิ่งทำให้ลั่วหรงรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง เขาจึงตอบคำถามอย่างอารมณ์ดีซึ่งนาน ๆ จะเป็นที“เมื่อครึ่งเดือนก่อน เมืองสุดท้ายของตงโจวถูกตีแตก ฝ่าบาทแห่งตงโจวทรงนำทัพคุ้มกันราษฎรที่เหลือล่าถอยไป หน่วยลาดตระเวนของเป่ยตี้ค้นหามาครึ่งเดือนแล้ว แทบจะพลิกแผ่นดินหา ก็ยังไม่เจอตัวว่าอยู่ที่ใด”“เช่นนี้ พวกเราก็แค่ว่าง ๆ จึงลองเดากันเล่น ๆ ว่าฝ่าบาทแห่งตงโจวนั่นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่”“เป็นเช่นนี้นี่เอง”กู้หว่านเยว่แสร้งทำเป็นพยักหน้าอย่างใจเย็น แต่ในใจกลับปั่นป่วนราวกับคลื่นยักษ์ถาโถมนางกับชิงเยี่ยนสบตากันแวบหนึ่ง ต่างเห็นความเศร้าและความโล่งใจในแววตาของอีกฝ่ายสิ่งที่เศร้าคือแคว้นตงโจวล่มสลายไปแล้ว กล่าวได้ว่าพวกเขามาช้าไปก้าวหนึ่งที่โชคดีก็คือจงหลี่ยังมีชีวิตอยู่ ถึงขนาดที่ยังคุ้มครองราษฎรกลุ่มหนึ่งให้หนีออกไปได้เพียงแต่ฟังจากความหมายของชายผู้นี้แล้ว พี่ใหญ่คงไปซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ลับตาคนมาก แม้แต่หน่วย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1708

    เจ้าของแผงลอยถ่มน้ำลายลงพื้นเขาเหวี่ยงแส้ เฆี่ยนตีทั้งสองคนอย่างแรงสองสามที จากนั้นก็ลากตัวหญิงผู้นั้นไปด้านหลังโดยตรง“ท่านแม่ อย่าทำร้ายท่านแม่ของข้านะ”เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้แทบใจจะขาดเจ้าของแผงลอยผู้นั้นแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา ก่อนจะชักดาบใหญ่ที่เอว แล้วฟันเด็กหญิงจนตายในดาบเดียวสีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปสายตาของชิงเยี่ยนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ทาสไม่มีสิทธิมนุษยชน พวกเขาอยากจะฆ่าก็ฆ่า เหมือนกับฆ่าเป็ดฆ่าไก่ ฆ่าแล้วก็ไม่ต้องรับโทษอะไร เพียงแค่เผาศพทิ้งเพื่อไม่ให้เกิดโรคระบาดก็พอแล้ว”“ไม่!”ผู้หญิงคนนั้นเห็นลูกสาวถูกฆ่า ก็ร้องไห้คร่ำครวญออกมา แต่กลับถูกเจ้าของแผงลอยลากตัวไปยังหลังม่านผ้าเก่า ๆ ครู่ต่อมา ก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนแทบขาดใจดังออกมาจากด้านหลัง ไม่ต้องเข้าไปดูก็รู้ว่าเป็นภาพเหตุการณ์แบบไหน“บัดซบ คนพวกนี้รังแกกันเกินไปแล้ว”กู้หว่านเยว่สบถออกมาคำหนึ่ง เตรียมที่จะพุ่งเข้าไปสั่งสอนเจ้าของแผงลอยผู้นั้นแล้วชิงเยี่ยนรั้งนางไว้“องค์หญิงน้อย ใจเย็น ๆ ก่อนพ่ะย่ะค่ะหากต่อสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ก็จะเป็นการเรียกให้ทหารยามที่ประตูเมืองพวกนั้นแห่กันมาที่นี่ทหารยามกั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status