ชุนเอ๋อร์หย่าขาดจากสามี หอบลูกวัยห้าหนาวมาอยู่หมู่บ้านสาวสองพันปีสุดพิศวง มีความสุขอยู่ได้เพียง 15 ปีเท่านั้น บุตรชายเพียงคนเดียวก็ขอไปฝึกวิชาต่างแดน ทำให้นางต้องเลี้ยงไก่ ปลูกผัก ปักผ้า รอวันเวลาที่บุตรชายสำเร็จวิชากลับมาหานาง ตอนแรกนางคิดว่าบุตรชายทำงานคุ้มกันภัยธรรมดา จนกระทั่งย้อนอดีคไปดูชีวิตในสิบปีที่ผ่านมาของบุตรชาย และตอนนั้นเองที่ทราบทราบสถานะที่แท้จริงของเขา ...ประมุขพรรคมาร!
View Moreบทนำ
‘หมู่บ้านสาวสองพันปี’
อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเมืองหลวง แหล่งพักพิงใหม่ที่หวงชุนเอ๋อร์อยู่อาศัยกับบุตรชายตัวน้อยวัย 5 หนาว
นางเพิ่งหย่าขาดกับสามี!
ตอนนี้ชุนเอ๋อร์กำลังนั่งอ่านตำราในศาลาใกล้บ้าน บางเวลาก็หวนคิดถึงยามที่ตนอาศัยอยู่ในจวนหลังใหญ่
แต่สุดท้ายครอบครัวก็ไม่ได้เป็นดั่งใจฝัน จนนางต้องหอบลูกมาอาศัยอยู่ชนบท
“ท่านแม่ขอรับ”
เสียงใสของร่างจ้ำม่ำที่กำลังวิ่งเข้ามาในศาลา ทำลายความเศร้าหมองที่กำลังครอบงำจิตใจชุนเอ๋อร์
“เฟิงเอ๋อร์ ระวังล้ม”
ไม่เพียงเอ่ยเตือนด้วยความร้อนใจ ร่างบางยังลุกขึ้นจากที่นั่งรอรับบุตรชายเข้าสู่อ้อมกอด
“มีเรื่องน่ายินดีหรือเฟิงเอ๋อร์ เหตุใดดูตื่นเต้น”
ชุนเอ๋อร์ย่อกายลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับหวงหลันเฟิง แขนเรียวโอบกอดร่างจ้ำม่ำ แก้มป่อง เนื้อตัวนุ่มนิ่มเข้าสู่อ้อมอก
ในเวลาที่นางทุกข์ใจ เขาเท่านั้นที่สามารถเยียวยาใจนางได้!
“ท่านแม่เป็นอันใดหรือขอรับ”
เด็กชายวัย 5 หนาวสัมผัสได้ถึงความเศร้าใจของมารดา มือป้อมเอื้อมไปลูบแก้มเนียน เอ่ยถามเสียงเบา
“ไม่เป็นไร มีเฟิงเอ๋อร์อยู่ทั้งคน แม่ไม่เป็นไร”
ชุนเอ๋อร์รีบปรับอารมณ์เป็นยิ้มแย้มแจ่มใส
หลันเฟิงเห็นมารดาดูสดใสขึ้นแล้วจึงแย้มยิ้ม มือเล็กหยิบวัตถุรูปทรงวงรีขึ้นมาแล้วยื่นให้มารดาด้วยความภาคภูมิใจ
“เฟิงเอ๋อร์เก็บไข่มาได้หนึ่งฟองขอรับ เรานำไข่ฟองนี้ไปให้ไก่ของท่านป้าข้างบ้านฟักดีหรือไม่ แล้วเราก็เลือกลูกไก่ที่เป็นตัวเมียกลับมา”
ชุนเอ๋อร์ผงะไปเมื่อได้ยินแผนการใช้ไข่ไก่ของเขา
“ลูกคิดเองหรือ”
หลันเฟิงส่ายหน้า ชี้นิ้วไปยังหนังสือนิทานที่ชุนเอ๋อร์เพิ่งอ่านจบ“เปล่าขอรับ นั่นต่างหาก”
“เฟิงเอ๋อร์เอามาจากหนังสือนิทานเล่มนั้น”
“ขอรับท่านแม่”
บุตรชายนางเป็นเด็กอัจฉริยะ อายุเพียงแค่ 5 หนาวก็สามารถอ่านเขียนตัวอักษรท่องตำราได้แล้ว
ความฉลาดเฉลียวของหลันเฟิงเป็นสิ่งเดียวที่เขาได้รับสืบทอดมาจากบิดา ชายคนนั้นก็เป็นเด็กอัจฉริยะ
ดีว่าหลันเฟิงหน้าตาคล้ายนาง มิเช่นนั้นนางคงทำใจไม่ได้ หากเห็นหน้าบุตรชายเป็นภาพทับซ้อนกับอดีตสามี
“ก็ลองดู ไข่ฟองนี้เฟิงเอ๋อร์เป็นคนเก็บมาได้ ฉะนั้นเฟิงเอ๋อร์จัดการทุกอย่างด้วยตนเองเลย”
หลันเฟิงยิ้มดีใจ ริมฝีปากเล็กจุมพิตแก้มใสของมารดาเบา ๆ
“ขอบคุณขอรับท่านแม่”
ชุนเอ๋อร์หอมแก้มป่องของบุตรชายกลับ
“เฟิงเอ๋อร์ขอตัวไปจัดการกับไข่ฟองนี้ก่อนนะขอรับ”
“จ้ะ” ชุนเอ๋อร์มองตามลูกน้อยไปจนสุดสายตา
ใบหน้างดงามยิ้มทั้งน้ำตา เพราะหากไม่มีหลันเฟิง ไม่แน่ว่านางอาจจะตายไปตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้วก็ได้
หลายเดือนก่อนชุนเอ๋อร์แอบพาหลันเฟิงหลบหนีจากจวนของอดีตสามี ได้รับการช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่นับถือคนหนึ่งในการหลบหนีออกมา
ก่อนจากนางได้ทิ้งหนังสือหย่าพร้อมกับจดหมายสั่งลาเอาไว้ให้เขาด้วย นางไม่รู้ว่าเขาจะตามหานางหรือไม่
ไม่ตามก็ดี! หรือต่อให้เขามาตามนางกลับ นางก็ไม่กลับไปหาเขา
นางอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่...
ณ หมู่บ้านสาวสองพันปีสุดพิศวง!
๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบุรุษร่างใหญ่โตทำตัวเหมือนหมาตัวน้อยคอยเดินตามต้อย ๆ ทำเขาขนลุกขนพองไปทั้งตัว ไม่เพียงอี้เฟยที่โดนชุนเอ๋อร์ปฏิเสธมาเท่านั้น มู่หรงเซว่ฮวาก็โดนหลันเฟิงปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน นั่นทำให้คนนอกอย่างสามหนุ่ม โจวฉือเหอ เกาจี้เฉินและซ่งเหวยไม่รู้จะนับถือคนที่ตามตื้อหรือคนที่โดนปฏิเสธดี ‘คนใจแข็ง’ กับ ‘คนตื้อเท่านั้นที่ครองโลก’ ส่วนจางจงกว่าน หลังจากที่รู้ความจริงก็นอนไม่หลับไปหลายคืน สิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจเขาเห็นทีจะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือการเห็นอี้เฟยถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องมันควรจบลงแค่นั้น ‘ไม่มีใครได้ลงเอยกับใคร’ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ชุนเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายไม่ปกติ หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็กำลังจะเดินเข้ามาที่ห
๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป “ทำกันแรงเกินไปแล้ว กะจะฆ่ากันให้ตายเลยหรืออย่างไร!” ลู่ฮูหยินร้องไห้สะอึกสะอื้นให้กับอาการบาดเจ็บของบุตรชาย ในหัวนึกถึงภาพที่หลันเฟิงใช้พลังมารซัดลู่จั๋วหรานเพียงครั้งเดียวก็กระเด็นตกเวลาทีจนกระอักเลือด แค่คิดนางก็ยิ่งโกรธหลันเฟิง! นี่ไม่เพียงทำให้สำนักเยว่ซือเสียชื่อที่ทายาทของสำนักเสียท่าได้เร็วขนาดนี้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มชื่อเสียงให้กับหลันเฟิงอีกด้วย เมื่อผู้คนรู้ว่าหลันเฟิงเป็นหัวหน้าพรรค รูปหล่อ ฝีมือดี ยิ่งเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้เขา บางคนจากที่ไม่เปิดใจยอมรับพรรคมาร ก็เปลี่ยนเป็นเปิดใจมากขึ้น “แค่ก ๆ ท่านแม่ขอรับ การแข่งขัน ย่อมมีแพ้มีชนะ ฝีมือลูกด้อยกว่า แพ้เช่นนี้ก็ถูกแล้ว” ลู่จั๋วหรานพูดด้วยน้ำ
๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่นใจ “เขากำลังไปทำแผล ข้าไปรบกวนเช่นนี้จะดีหรือ” “ดีสิเจ้าคะ ไปเจ้าค่ะ หากท่านแม่ไม่กล้าไปคนเดียว เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน” ได้รับการสนับสนุนถึงเพียงนี้ ชุนเอ๋อร์จึงพยักหน้ารับมีความมั่นใจมากขึ้น “เดี๋ยวข้ามานะเจ้าคะพี่เฉียน” เฉียนจิ่นหงพยักหน้า มองตามทั้งสองไปจนลับตาก่อนที่จะหายตัวไปจากอัฒจันทร์ ทำเอาคนที่จับจ้องมาที่เขาอยู่พอดีถึงกับขยี้ตา หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นมาว่า… “หรือเขาจะเป็นเทพเซียนจริงอย่างที่สตรีผู้นั้นกล่าวไว้ น่าคิด ๆ” ณ กระโจมทำแผล “แผลไม่ได้ลึกมาก แต่ระวังการขยับเขยื้อนด้วยจะดีที่สุด” หมอชราผู้ทำแผลให้อี้เฟยกล่าวเตือน ความหมายคือการประลองยุทธ์ในครั้งนี้เขาอย่าร่วมการแข่งขันอีกเลยจะดีกว่า “ข้าไ
๘๙การประลอง ทางด้านหลันเฟิงและสมาชิกพรรคมารไฮ้เซินทั้งเก้าคนที่จะต้องประลองยุทธ์กับเก้าสำนักถูกจัดให้นั่งล้อมเป็นวงกลมของเวทีการประลอง ทั้งสิบสำนักจะต้องต่อสู้กันแบบคู่ต่อคู่ ในห้าคู่นี้ สำนักไหนชนะมากกว่ากันสำนักนั้นจะเป็นฝ่ายเข้าสู่รอบต่อไป ฝั่งแพ้ตกรอบ ส่วนห้าสำนักสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบมาจะเป็นการแข่งเพื่อวัดความแข็งแกร่ง แต่ละสำนักจะต้องเลือกสองคนที่เก่งที่สุดในพรรคออกมายืนบนเวทีเพื่อสู้กับอีกแปดคนที่เป็นต่างพรรค รอบนี้สามารถงัดเอาวิชาเร้นลับ เคล็ดวิชาประจำตัวมาใช้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดเหมือนรอบแรกที่บังคับให้ใช้เฉพาะพลังยุทธ์และอาวุธธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ความตื่นเต้นอยู่ในรอบนี้ ใคร ๆ ก็อยากเห็นเคล็ดกระบวนวิชาลับของผู้อื่นทั้งสิ้น อยู่ที่ผู้เข้าแข่งขันแล้วว่าจะงัดออกมาให้ชมหรือไม่ ก่อนเข้ามาทุกคนก็คาดหวังว่าจะเห็นนัดล้างแค้นระหว่างสำหนักเยว่ซือกับพรรคมารไฮ้เซิน ไม่ต้องทนรอคอย เพราะสองสำนักนี้ได้สู้กันตั้งแต่รอบแรก จะเป็นใครที่เข้ารอบ จะเป็นใครที่ตกรอบ ต้องรอชม! “การประลองของคู่แรกระหว่างพรรคมา
๘๘วันประลองยุทธ์ งานประลองยุทธ์ถูกจัดขึ้นที่สนามประลองที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวัง มีการเปิดประตูวังหลวงเอาไว้ให้ประชาชนได้เข้าชม เวทีการประลองอยู่ตรงกลางสุด สำนักยุทธ์ทั้งหมดสิบสำนักจากสี่แคว้นที่เข้าร่วมการประลองจะนั่งอยู่ข้างสนามใกล้ชิดกับเวทีประลองที่สุด ผู้ชมจะนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ล้อมส่วนของสนามไว้อีกที ส่วนที่นั่งของเชื้อพระวงศ์แคว้นหนานไฮ้จะอยู่สูงสุดตำแหน่งหันหน้าเข้าเวทีประลองพอดี หนึ่งในสิบสำนักยุทธ์ที่ทุกคนให้ความสนใจคงไม่พ้นสำหนักเยว่ซือ หนึ่งเพราะชื่อเสียงสำนักที่ดังไปทั่วสี่แคว้นใหญ่ สองเพราะสำนักนี้เพิ่งโดนหัวหน้าพรรคมารไฮ้เซินถล่มไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทุกคนจึงคาดหวังว่าจะเกิดเรื่องสนุกขึ้นระหว่างพวกเขา! ทางด้านทางเข้าของพระราชวัง มีประชาชนมารอยืนต่อแถวหลายลี้เพื่อตรวจหาอาวุธก่อนเข้าพระราชวัง เสียงเฮอึกทึกที่ดังออกมาข้างนอกบ่งบอกว่าการประลองยุทธ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ยังเข้าไปในพระราชวังไม่ได้ยิ่ง หนึ่งในคนที่ยืนต่อแถวรอก็คือชุนเอ๋อร์ ใบหน้างดงามโดดเด่นกว่าใครหันหลังให้ค
๘๗จะทรมานใจข้าไปถึงไหน งานประลองยุทธ์จะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก ตอนนี้สมาชิกพรรคมารไฮ้เซินกำลังสรุปกันเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะส่งใครขึ้นประลองบ้าง โดยเบื้องต้นมีหลันเฟิง จางจงกว่าน โจวฉือเหอ เกาจี้เฉิน ซ่งเหวยและสมาชิกพรรคอีกสี่คน ส่วนคนสุดท้ายที่วางตัวไว้ตั้งแต่แรกกลับไม่ยอมลงการประลอง เขาให้เหตุผลว่า ‘เดี๋ยวเสียโฉม’ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ ประชุมวันนี้เจ้าตัวกล่าวว่าขอลงการประลองด้วยคน สีหน้าที่พูดตอนนั้นดูห่อเหี่ยว ไม่มีชีวิตชีวา แตกต่างกับปกติที่มักจะมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กวนอารมณ์อยู่เสมอ “เจ้าเป็นอะไรอีกอี้เฟย ถ้าลงประลองแล้วทำสีหน้าซังกระตายแบบนี้อย่าลงเลย ขัดตาข้านัก!” จางจงกว่านมุ่นคิ้วเพราะขัดใจ คิดว่าอี้เฟยไม่อยากลงประลองยุทธ์ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าตนเป็นอะไร เขาจ้องหน้าจางจงกว่านนิ่ง ๆ ไม่่ต่อล้อต่อเถียงเหมือนเคย จากนั้นก็ถอนหายใจใส่ ในหัวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน… หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว ชุนเอ๋อร์ขอเวลาแวะร้านหนังสือชั่วครู่ หลันเฟิงตามใจแล้วรออยู่ด้านนอกร้านเพื่อให้มารดาได้มีเวลาอิสระในการเลือกซื้อ
Comments