Share

บทที่ 15

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
กู้หว่านเยว่คนนี้ถึงกับสร้างบ้านด้วยมือเปล่าในถิ่นทุรกันดาร!

เห็นเพียงนางหยิบเชือกป่านออกมา ผูกไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้นที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นก็หยิบผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่มาคลี่ออก ผูกปลายทั้งสองข้างเข้ากับเชือก และใช้ก้อนหินทับด้านล่างไว้กับพื้น เพียงเท่านี้เต็นท์ขนาดเล็กก็สร้างเสร็จแล้ว

“ไปกัน จื่อชิงและท่านแม่ช่วยกันพยุงท่านพ่อเข้าไปข้างใน จิ่นเอ๋อ เจ้าเอาผ้าห่มที่อยู่บนเกวียนลงมาปูให้เรียบร้อย”

กู้หว่านเยว่สั่งการอย่างเป็นระบบ

คนของบ้านสามต่างมองนางเป็นผู้นำตัวน้อย ๆ และทำตามคำสั่งของนางทันที

นักโทษที่อยู่รอบข้างมองพวกเขาเข้าไปข้างใน นอนลงบนผ้าห่มนุ่ม ๆ แล้วหันกลับมามองพื้นดินที่ตัวเองนอนอยู่ ก็รู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมาทันที

ซุนอู่ยิ่งประหลาดใจ พวกเขาคุมนักโทษมาเป็นเวลานาน ไม่เคยเห็นใครตั้งเต็นท์กลางทางได้มาก่อน

“แม่นางกู้ เต็นท์นี้กันน้ำหรือไม่?” ซุนอู่ถามด้วยความอยากรู้

“แน่นอนว่ากันน้ำได้ นี่คือผ้าใบกันน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำค้าง แม้แต่น้ำฝนก็กันได้”

ขณะที่กู้หว่านเยว่พูด นางก็หยิบธูปหอมออกจากบนเกวียนมาจุดไฟ จากนั้นแขวนไว้ข้างเต็นท์ เพื่อป้องกันยุงมากัดในตอนกลางคืน

ซุนอู่เริ่มสนใจ “เจ้าสอนข้ากางเต็นท์แบบนี้ได้หรือไม่?”

พวกเขามีผ้าใบกันน้ำอยู่บนเกวียนจำนวนมาก ใช้สำหรับคลุมสิ่งของเวลาที่ฝนตก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเอามาใช้บังแดดบังฝนให้คนได้ด้วย

เมื่อครู่ขณะที่กู้หว่านเยว่กางเต็นท์ เขาก็ยืนดูอยู่ข้าง ๆ

ดูเหมือนจะง่ายมาก

แต่พอลงมือทำเองกลับไม่ใช่แบบนั้น

เขาลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจมาขอคำแนะนำ

ใบหน้าที่ดำคล้ำของซุนอู่แดงขึ้นเล็กน้อย เขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแต่กลับต้องมาขอคำแนะนำจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กลางป่า

กู้หว่านเยว่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าจะวาดภาพให้ เจ้าดูให้ดีนะ”

แค่กางเต็นท์ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร

กู้หว่านเยว่สอนอย่างใจกว้าง

และยังถือโอกาสนี้ สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซุนอู่

กู้หว่านเยว่หักกิ่งไม้มาหนึ่งกิ่ง แล้วปัดเศษหญ้าบนพื้นดินออก จากนั้นวาดภาพร่างของเต็นท์ลงบนพื้น พร้อมทั้งใส่ใจเขียนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรระวังเอาไว้ด้วย

“ท่านนักการ ต้องมัดเชือกป่านระหว่างต้นไม้ทั้งสองให้แน่น ไม่เช่นนั้นเต็นท์ทั้งหลังจะพังลงมา”

หลังจากที่ซุนอู่ดูจบ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ

เขารู้ฐานะของกู้หว่านเยว่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นคุณหนูตระกูลโหวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจริง ๆ หรือ?

เขาจดจำภาพวาดไว้ในใจ แล้วรีบประสานมือคารวะ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจ” เป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกัน นางสอนซุนอู่กางเต็นท์ ซุนอู่ก็รับน้ำใจจากนาง ระหว่างทาง ตราบใดที่นางไม่ทำอะไรเกินเลย พวกเขาก็จะทำเป็นไม่เห็น

ซุนอู่รีบกลับไปสั่งให้เหล่านักการกางเต็นท์

เมื่อเขาจากไป นางหลิวก็เริ่มพูดจาประชดประชัน “ครอบครัวบ้านสามนี่เรื่องมากจริง ๆ ถูกเนรเทศแล้วยังทำอะไรที่ไร้ประโยชน์อีก มีเงินขนาดนี้ ซื้ออาหารกินดีกว่า ซื้อผ้าใบกันน้ำมาทำไมกัน”

นางเฉียนก็พูดจาเหน็บแหนมตามมา “ก็เพราะแม่ผัวที่โง่เง่าอย่างนางหยาง คุมลูกสะใภ้ไม่ได้ ถ้าลูกสะใภ้ของข้ากล้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ ข้าจะตีให้ตายเป็นคนแรก!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างเย็นชา

กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง “เช่นนั้นท่านก็เสียแรงที่เป็นห่วงแล้ว ซูอวี่ลูกชายของท่านติดแม่ขนาดนั้น คงหาเมียมาแต่งด้วยไม่ได้”

“จะจะเจ้า กู้หว่านเยว่เจ้าพูดบ้าอะไร!” นางเฉียนโกรธจนนิ้วสั่น กอดซูอวี่ไว้ในอ้อมแขน

ลูกชายของนางเป็นสมบัติล้ำค่า จะไม่สามารถหาภรรยามาแต่งด้วยได้อย่างไร

ซูอวี่ก็กอดแม่ของเขา “ท่านแม่ ข้าไม่ใช่ลูกแหง่สักหน่อย”

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือมองไปที่หมั่นโถวที่ซูอวี่แอบส่งให้นาง จากนั้นโยนมันลงในตะกร้าราวกับร้อนมือ

กู้หว่านเยว่ก็ขี้เกียจเถียงกับพวกเขา เหลือบมองท้องฟ้าแล้วแสยะยิ้ม

ตอนนี้พวกเขามีแรงเยาะเย้ย แต่อีกไม่ถึงสามชั่วยาม ก็จะต้องร้องไห้คร่ำครวญแล้ว!

ภายในเต็นท์ ซูจิ่นเอ๋อเกือบคลั่งแล้ว

ตั้งแต่ถูกเนรเทศ พวกป้า ๆ ก็ถือโอกาสดูถูกบ้านสามพวกเขา ด่าทอนางหยางว่าเป็นคนโง่

“ป้ารองทำเกินไปแล้ว เหตุใดพวกเขาถึงกลายเป็นแบบนี้...”

หันไปมองนางหยางที่ใบหน้าดูโง่เขลา แต่ก็ยังคงเย็บรองเท้าที่ขาดให้พวกเขาอย่างขยันขันแข็ง ซูจิ่นเอ๋อก็ยิ่งน้ำตาคลอ

“ข้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ ...”

นางอยากออกไปโต้เถียงกับพวกเขา แต่ก็ไม่มีความกล้า

ถึงอย่างไรก็เคยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาก่อน นางก็ไม่อยากจะทะเลาะกันจนแตกหัก

กู้หว่านเยว่มองนางแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “เจ้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนในครอบครัว เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าบ้านสามพวกเราตัดขาดกับพวกเขาแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อตกตะลึง จากนั้นก็ครุ่นคิด

กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไรมาก บางเรื่องก็ต้องให้เด็กสาวเข้าใจด้วยตัวเอง นางคลานไปเปลี่ยนยาให้กับซูจิ่งสิง เต็นท์ค่อนข้างเล็ก ทั้งสองคนเบียดกัน ลมหายใจของพวกเขาต่างพ่นใส่หน้ากันและกัน

เมื่อกู้หว่านเยว่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาเรียวยาวของซูจิ่งสิงหรี่ลง ใบหูแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาอายที่นางเข้าใกล้ แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นเย็นชา

นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ท่านพี่ ข้าว่าท่านค่อนข้างรักสุทธิ์จริง ๆ ”

พอดีกับที่ซูจื่อชิงถืออาหารแห้งที่แจกกลับมา กะพริบตาแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่สะใภ้ บริสุทธิ์คืออะไร?”

“ก็คือไม่ค่อยได้สัมผัสกับผู้หญิง เขินได้ง่าย จิตใจบริสุทธิ์ พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นนักรบแห่งรักบริสุทธิ์” กู้หว่านเยว่อธิบายอย่างจริงจัง

ซูจื่อชิงเข้าใจทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง พี่ใหญ่ชอบอ่านหนังสือและฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบเล่นกับผู้หญิง แม้แต่คนรับใช้ในห้องของเขาก็เป็นหญิงชรา เมื่อก่อนพวกเรายังสงสัยว่าพี่ใหญ่อาจจะ...”

“จื่อชิง!” ซูจิ่งสิงรีบกระแอมขึ้นมา

“โอ๊ยตายแล้ว พี่ใหญ่ท่านตื่นมาได้อย่างไรกัน!” ซูจื่อชิงเพิ่งพบว่าพี่ใหญ่ตื่นอยู่ ตกใจจนรีบปิดปาก

กู้หว่านเยว่มองซูจิ่งสิงราวกับจะยิ้มก็ไม่เชิง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “ที่แท้ท่านพี่ก็ไม่ค่อยได้สัมผัสกับผู้หญิง มิน่าล่ะถึงได้ง่ายต่อการยั่วเย้าเช่นนี้~”

ง่ายต่อการยั่วเย้า... ซูจิ่งสิงมือสั่น เกือบจะปัดขวดยาที่อยู่ข้าง ๆ ล้ม ถ้าเขาขยับตัวได้ ตอนนี้คงจะเขินอายจนต้องรีบวิ่งออกไปแล้ว

ภรรยาของเขาเดี๋ยวก็เย็นชา เดี๋ยวก็เหมือนปีศาจ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี

หลังจากทายาเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็หยุดแกล้งเขา หยิบหมั่นโถวงาดำจากมือของซูจื่อชิง

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน ทุกคนก็เริ่มคุ้นเคยกับรสชาติของหมั่นโถวงาดำแล้ว

แช่หมั่นโถวกับน้ำให้นุ่มลงก็พอจะกลืนได้ แต่รสชาติก็จืดชืดไปหน่อย

กู้หว่านเยว่มองไปรอบ ๆ

เต็นท์บังสายตาจากภายนอก

ก่อนหน้านี้นางไม่หยิบอาหารออกมาเพราะกลัวคนอื่นจะเห็น แล้วก็ไม่รู้จะอธิบายที่มาของอาหารอย่างไร

ตอนนี้...กู้หว่านเยว่ยกยิ้มมุมปาก ยื่นมือเข้าไปในห่อผ้า แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางได้เข้าไปในมิติแล้ว

ไม่นานนัก นางก็ดึงขาแกะย่างออกมาด้วยมือเปล่า

ทุกคนในเต็นท์ !

“นี่คือขาแกะย่างที่ข้าซื้อมาจากเมืองอูอวิ๋น เย็นไปหน่อยแล้ว แต่ยังไม่เสีย พวกเราเอาไปกินกับหมั่นโถวกันเถอะ”

เมื่อเห็นขาแกะย่าง ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือขาแกะย่างนี่มาจากไหน แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของขาแกะย่าง น้ำลายก็ไหลออกมาแล้ว ใครจะไปสนใจว่ามันมาจากไหนกันล่ะ?!
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (17)
goodnovel comment avatar
พี่เอ็น จ้า
อ่านได้จบจริงๆรึป่าวนี่
goodnovel comment avatar
Supaporn Muangsuay
very god stroly
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
อ่านสนุกคะเพริดเพลิดดี
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1990  

    นางพูดอ้อม ๆ “จู่ ๆ เด็กสองคนนี้ก็แยกจากกัน เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ชินนะสิเจ้าคะ เช่นนั้นก็ เช่นนั้นก็ให้เหวินน้อยของเราเข้าวังไปด้วย....” แม้ว่าซุนเหวินจะเป็นเด็กโง่เขลา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรสาว ฮูหยินซุนยังอยากพยายามช่วยเหลืออยู่ดี กู้หว่านเยว่มองไปทางจี้เยว่ “เจ้าชอบเล่นกับซุนเหวินหรือไม่?” จี้เยว่ดูจะสับสนเล็กน้อย นางรู้ว่าซุนเหวินเป็นใคร เป็นพี่หญิงเหวิน “พี่หญิงเหวินเหยียบกระต่ายข้าตายไปหนึ่งตัว” ดวงตาของนางแดงก่ำ กู้หว่านเยว่เอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของจี้เยว่อย่างอ่อนโยน “อย่าเสียใจไปเลย ข้ามีวิธีช่วยชีวิตกระต่ายตัวนั้น วันหน้าข้าจะพากระต่ายตัวนั้นไปคืนเจ้าดีหรือไม่?” จี้เยว่พยักหน้า “อื้อ!” ฮูหยินซุนที่อยู่ข้างกายถึงกับเหงื่อออกเปียกชุ่ม “เหอะ ๆ คงเป็นเพราะเด็ก ๆ เล่นซน ไม่ระวังเลยออกแรงเกินไปหน่อย” ครั้นนึกถึงความไม่เอาไหนของบุตรสาวของตน บางทีอาจจะแอบทำเรื่องโหดร้ายอย่างเหยียบกระต่ายของน้องเยว่จนตายก็ได้ ทันทีที่เงยหน้า ก็เห็นองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่นอกจวนแล้ว ในมือถือหอกกันทุกคน สีหน้าตึงเครียด หากมีสิ่งใดผิดปกติคงจะพุ่งเข้ามาทันที ฮูหยินซุนไม่กล้าพูดจ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1989  

    “มัวยืนอึ้งอะไรอยู่อีก? รีบอุ้มคุณหนูออกไปสิ ปล่อยให้พูดจาเพ้อเจ้อจนคนในวังมาได้ยินเข้า จะรอรับโทษอย่างนั้นหรือ?” ฮูหยินซุนโบกมือไล่อย่างขุ่นเคือง บุตรสาวผู้ไม่เอาไหน เวลานี้ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย หากนางฉลาดกว่านี้ คงหาโอกาสตีสนิทกับยัยบ๊องผู้นั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้ประโยชน์ ถูกพาตัวเข้าไปในวังด้วยก็ได้ ร้องไห้ไปจะมีประโยชน์อะไร? มีแต่จะทำให้คนในวังไม่พอใจ คิดว่าบุตรสาวของสกุลซุนไม่รู้ความ สาวใช้จึงเดินรุดหน้า อุ้มซุนเหวินไปตำหนักหลัง ใบหน้าเล็ก ๆ ของซุนเหวินแสดงสีหน้าตื่นตระหนกราวกับฟ้าถล่มก็มิปาน ไม่นานก็ถูกพาออกไป ฮูหยินซุนลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ทางครู่หนึ่ง จากนั้นก็พาคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ ครั้งนี้กู้หว่านเยว่ออกนอกวังอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้ใครนัก เมื่อรถม้าหยุดลงนอกจวนซุน คนที่เดินเข้ามาต้อนรับก็มีแต่คนของสกุลซุน ฮูหยินซุนเห็นเสลี่ยงปักษาของพระมเหสีแต่ไกล รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก รีบรุดหน้า แล้วคุกเข่ากราบหัวโขกดินด้วยความเคารพ “ข้านางซุนของเข้าเฝ้าพระมเหสีเจ้าค่ะ ขอให้พระมเหสีมีพระชนม์ยืนนานหมื่น ๆ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1988  

    จ้านจ้านกลอกตาเล็กน้อย “นี่มันขนมของเด็ก ข้าไม่กินแล้ว เจ้ากินเถอะ” จี้เยว่ยังคงดื้อดึง “อร่อย ให้พี่ชายกิน” จ้านจ้านไม่ต้องการ เขาไม่ได้พูดโกหก เขาไม่กินอมยิ้มมานานมากแล้ว ป้ายางเคยบอกว่า กินอมยิ้มเยอะจะทำให้ฟันจะผุง่าย เขาจึงไม่กิน แต่จี้เยว่ก็เหมือนปลาสเตอร์เหนียวหนึบ หากเขาไม่ยอม นางก็จะตามติดเขา และมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ช่างเถอะๆ ข้ากินหนึ่งเม็ดก็ได้” จ้านจ้านยอมแพ้ กู้หว่านเยว่มองการกระทำของเด็กทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ และคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่นาน เสียงของชิงเหลียนก็ดังเข้ามาจากด้านนอก “พระมเหสี คนของจวนซุนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่พยักหน้า เมื่อวานก็มีคนจากสกุลซุนมาหา บอกว่าพวกเขาจะพาจี้เยว่เข้าวัง วันนี้ตั้งใจจะมาเก็บข้าวของของจี้เยว่ ภายในจวนซุน มีเด็กสาวที่ดูโตกว่าหน่อยจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มคุยกัน “เมื่อวานคนในวังบอกว่าจะพายัยบ๊องผู้นั้นเข้าไปอยู่ในวัง” เหตุใดโชคชะตาของยัยบ๊องถึงได้ดียิ่งนัก?” คนที่พูดคือคุณหนูใหญ่ของสกุลซุน ปีนี้อายุหกขวบกว่าแล้ว นางคอยติดตามอยู่ข้างกายของฮูหยินซุน ได้รับการอบรมสั่งสอนจนฉลาดปราดเปรื่อง เวลา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1987  

    เช่นนั้นแม้แต่ปรมาจารย์แพทย์ก็ยังทำไม่ได้ ดูท่าทางสถานการณ์ของซูจิ่นเอ๋อร์คงจะเข้าขั้นวิกฤตเสียแล้ว ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นกู้หว่านเยว่เงียบไป ก็แทบจะร่ำไห้ด้วยความร้อนใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกำลังจะบอกข้าว่าข้าจะมีบุตรไม่ได้ตลอดชีวิตใช่หรือไม่เจ้าคะ?” กู้หว่านเยว่รีบเอ่ย “อย่าพูดจาเหลวไหล” ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็ไม่อยากมองโลกในแง่ร้าย แต่นางกลัวจริง ๆ กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวัน อาการป่วยนี้ไม่ใช่โรคที่จะรักษาให้หายขาดในทันที จะรีบร้อนไม่ได้ “เอาอย่างนี้ ข้ามีธุระต้องออกนอกวัง เจ้าอยู่รอข้าในวังไปก่อน รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้วค่อยกลับมาตรวจชีพจรให้เจ้า ดูว่าเจ้าเป็นอะไร” ซูจิ่นเอ๋อร์ร้อนใจอยู่ภายใน อย่าว่าแต่ครึ่งวันเลย แม้แต่เสี้ยววินาทีนางก็รอไม่ได้ แต่ในเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่มีธุระก็คงห้ามอะไรไม่ได้ จึงฝืนใจพยักหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไปจัดการธุระของท่านก่อนเถอะ ข้าจะรอท่านเสร็จธุระอยู่ในวัง” กู้หว่านเยว่เอ่ยโน้มน้าว “เจ้าอย่ากังวลไปเลย เรื่องมีบุตรเราบังคับกันไม่ได้ ยิ่งเครียดยิ่งมียาก” “เจ้าค่ะ” ซูจิ่นเอ๋อร์เหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจฟัง หลังจากที่พบว่าตัวเองมีบุต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1986  

    ชิงเหลียนอุ้มเด็กน้อยออกไป เมื่อถึงเวลานอนในยามค่ำคืน กู้หว่านเยว่สั่งให้คนอุ้มจ้านจ้านเข้ามา ทั้งสามคนนอนพูดคุยอยู่บนเตียงเดียวกัน กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ราบแห่งความโกลาหลให้จ้านจ้านฟัง จ้านจ้านที่ดูเหมือนจะตั้งใจฟังเรื่องเล่า ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา กู้หว่านเยว่ตบหลังของจ้านจ้านเบา ๆ สายตาอบอุ่น “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้ว เรานำเรื่องนี้ไปหารือกับพี่สะใภ้ของเจ้าก่อนดีหรือไม่?” ภายในตำหนักของซูจิ่นเอ๋อร์ นางหยางคว้ามือของนาง แล้วทอดถอนใจ ในระหว่างการสนทนาเมื่อครู่นั้น ซูจื่อชิงได้เอ่ยถึงการตั้งครรภ์ของเมี่ยชิงหว่าน สีหน้าของซูจิ่นเอ๋อร์ดูไม่ดีนัก นางหยางผู้เป็นมารดาเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามีทักษะการแพทย์สูง ไม่แน่อาจจะมีวิธีการก็ได้” นัยน์ตาของซูจิ่นเอ๋อร์ฉายแววสับสน “แต่ปรมาจารย์แพทย์กล่าวไว้ว่าร่างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรง การตั้งครรภ์ยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก” นางอยากให้กู้หว่านเยว่ตรวจอาการให้นาง แต่ก็กลัวว่าจะผิดหวัง หากแม้แต่พี่สะใภ้ใหญ่ยังหาวิธีให้ไม่ได้ เกรงว่านางคงมีลูกของตัวเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต “ท่านแม่ ข้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1985

    ซูจิ่งสิงนับญาติแล้ว ก็คือคนของราชวงศ์ต่อให้พูดว่าภายในใจของเขาเห็นนางหยางและซูจิ้งเป็นบิดามารดา ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบซูจิ้งล้วนคิดว่าขุนนางและกษัตริย์แตกต่างกันมารยาทพิธีการต้องครบถ้วน ถึงจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายาวนานมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้สกุลซูดียิ่งขึ้นอีกด้วย“ท่านปู่ ท่านมานั่งเถอะ” จ้านจ้านสืบเท้าขึ้นมา จูงซูจิ้งไปนั่งซูจิ้งพยักหน้ายิ้มๆ หยิบขนมถังหูลู่ออกจากอกหนึ่งไม้“ให้เจ้า ปู่ซื้อมาจากนอกวัง”“ว้าว ขนมถังหูลู่นี่นา ขอบคุณท่านปู่มากขอรับ”จ้านจ้านดีใจอย่างมาก เขาออกจากวังน้อยมาก ดังนั้นจึงอยากกินของนอกวังยิ่งนัก“กินช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก” ใบหน้าซูจิ้งประดับยิ้ม มองดูแล้วรักเอ็นดูจ้านจ้านอย่างแท้จริงกู้หว่านเยว่กวาดตามองโดยรอบ “ใช่แล้ว เหตุใดไม่พาชิงหว่านเข้าวังเล่า?”หลังชิงหว่านแต่งงานกับจื่อชิงแล้ว ก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเขานางหยางยิ้มไม่หุบ ใบหน้าซูจื่อชิงสะท้อนแววเขินอาย “ชิงหว่านตั้งครรภ์ ตอนนี้หกเดือนแล้ว ร่างกายกำลังหนัก กลัวเกิดข้อผิดพลาดอันใด ข้าจึงส่งคนไปแจ้งข่าวนาง รอข้ากลับจวนแล้ว จะพูดกับนางด้วยตนเอง พรุ่งนี้ค่อยพานางมาพบ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status