แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
กู้หว่านเยว่คนนี้ถึงกับสร้างบ้านด้วยมือเปล่าในถิ่นทุรกันดาร!

เห็นเพียงนางหยิบเชือกป่านออกมา ผูกไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้นที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นก็หยิบผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่มาคลี่ออก ผูกปลายทั้งสองข้างเข้ากับเชือก และใช้ก้อนหินทับด้านล่างไว้กับพื้น เพียงเท่านี้เต็นท์ขนาดเล็กก็สร้างเสร็จแล้ว

“ไปกัน จื่อชิงและท่านแม่ช่วยกันพยุงท่านพ่อเข้าไปข้างใน จิ่นเอ๋อ เจ้าเอาผ้าห่มที่อยู่บนเกวียนลงมาปูให้เรียบร้อย”

กู้หว่านเยว่สั่งการอย่างเป็นระบบ

คนของบ้านสามต่างมองนางเป็นผู้นำตัวน้อย ๆ และทำตามคำสั่งของนางทันที

นักโทษที่อยู่รอบข้างมองพวกเขาเข้าไปข้างใน นอนลงบนผ้าห่มนุ่ม ๆ แล้วหันกลับมามองพื้นดินที่ตัวเองนอนอยู่ ก็รู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมาทันที

ซุนอู่ยิ่งประหลาดใจ พวกเขาคุมนักโทษมาเป็นเวลานาน ไม่เคยเห็นใครตั้งเต็นท์กลางทางได้มาก่อน

“แม่นางกู้ เต็นท์นี้กันน้ำหรือไม่?” ซุนอู่ถามด้วยความอยากรู้

“แน่นอนว่ากันน้ำได้ นี่คือผ้าใบกันน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำค้าง แม้แต่น้ำฝนก็กันได้”

ขณะที่กู้หว่านเยว่พูด นางก็หยิบธูปหอมออกจากบนเกวียนมาจุดไฟ จากนั้นแขวนไว้ข้างเต็นท์ เพื่อป้องกันยุงมากัดในตอนกลางคืน

ซุนอู่เริ่มสนใจ “เจ้าสอนข้ากางเต็นท์แบบนี้ได้หรือไม่?”

พวกเขามีผ้าใบกันน้ำอยู่บนเกวียนจำนวนมาก ใช้สำหรับคลุมสิ่งของเวลาที่ฝนตก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเอามาใช้บังแดดบังฝนให้คนได้ด้วย

เมื่อครู่ขณะที่กู้หว่านเยว่กางเต็นท์ เขาก็ยืนดูอยู่ข้าง ๆ

ดูเหมือนจะง่ายมาก

แต่พอลงมือทำเองกลับไม่ใช่แบบนั้น

เขาลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจมาขอคำแนะนำ

ใบหน้าที่ดำคล้ำของซุนอู่แดงขึ้นเล็กน้อย เขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแต่กลับต้องมาขอคำแนะนำจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กลางป่า

กู้หว่านเยว่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าจะวาดภาพให้ เจ้าดูให้ดีนะ”

แค่กางเต็นท์ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร

กู้หว่านเยว่สอนอย่างใจกว้าง

และยังถือโอกาสนี้ สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซุนอู่

กู้หว่านเยว่หักกิ่งไม้มาหนึ่งกิ่ง แล้วปัดเศษหญ้าบนพื้นดินออก จากนั้นวาดภาพร่างของเต็นท์ลงบนพื้น พร้อมทั้งใส่ใจเขียนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรระวังเอาไว้ด้วย

“ท่านนักการ ต้องมัดเชือกป่านระหว่างต้นไม้ทั้งสองให้แน่น ไม่เช่นนั้นเต็นท์ทั้งหลังจะพังลงมา”

หลังจากที่ซุนอู่ดูจบ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ

เขารู้ฐานะของกู้หว่านเยว่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นคุณหนูตระกูลโหวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจริง ๆ หรือ?

เขาจดจำภาพวาดไว้ในใจ แล้วรีบประสานมือคารวะ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจ” เป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกัน นางสอนซุนอู่กางเต็นท์ ซุนอู่ก็รับน้ำใจจากนาง ระหว่างทาง ตราบใดที่นางไม่ทำอะไรเกินเลย พวกเขาก็จะทำเป็นไม่เห็น

ซุนอู่รีบกลับไปสั่งให้เหล่านักการกางเต็นท์

เมื่อเขาจากไป นางหลิวก็เริ่มพูดจาประชดประชัน “ครอบครัวบ้านสามนี่เรื่องมากจริง ๆ ถูกเนรเทศแล้วยังทำอะไรที่ไร้ประโยชน์อีก มีเงินขนาดนี้ ซื้ออาหารกินดีกว่า ซื้อผ้าใบกันน้ำมาทำไมกัน”

นางเฉียนก็พูดจาเหน็บแหนมตามมา “ก็เพราะแม่ผัวที่โง่เง่าอย่างนางหยาง คุมลูกสะใภ้ไม่ได้ ถ้าลูกสะใภ้ของข้ากล้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ ข้าจะตีให้ตายเป็นคนแรก!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างเย็นชา

กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง “เช่นนั้นท่านก็เสียแรงที่เป็นห่วงแล้ว ซูอวี่ลูกชายของท่านติดแม่ขนาดนั้น คงหาเมียมาแต่งด้วยไม่ได้”

“จะจะเจ้า กู้หว่านเยว่เจ้าพูดบ้าอะไร!” นางเฉียนโกรธจนนิ้วสั่น กอดซูอวี่ไว้ในอ้อมแขน

ลูกชายของนางเป็นสมบัติล้ำค่า จะไม่สามารถหาภรรยามาแต่งด้วยได้อย่างไร

ซูอวี่ก็กอดแม่ของเขา “ท่านแม่ ข้าไม่ใช่ลูกแหง่สักหน่อย”

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือมองไปที่หมั่นโถวที่ซูอวี่แอบส่งให้นาง จากนั้นโยนมันลงในตะกร้าราวกับร้อนมือ

กู้หว่านเยว่ก็ขี้เกียจเถียงกับพวกเขา เหลือบมองท้องฟ้าแล้วแสยะยิ้ม

ตอนนี้พวกเขามีแรงเยาะเย้ย แต่อีกไม่ถึงสามชั่วยาม ก็จะต้องร้องไห้คร่ำครวญแล้ว!

ภายในเต็นท์ ซูจิ่นเอ๋อเกือบคลั่งแล้ว

ตั้งแต่ถูกเนรเทศ พวกป้า ๆ ก็ถือโอกาสดูถูกบ้านสามพวกเขา ด่าทอนางหยางว่าเป็นคนโง่

“ป้ารองทำเกินไปแล้ว เหตุใดพวกเขาถึงกลายเป็นแบบนี้...”

หันไปมองนางหยางที่ใบหน้าดูโง่เขลา แต่ก็ยังคงเย็บรองเท้าที่ขาดให้พวกเขาอย่างขยันขันแข็ง ซูจิ่นเอ๋อก็ยิ่งน้ำตาคลอ

“ข้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ ...”

นางอยากออกไปโต้เถียงกับพวกเขา แต่ก็ไม่มีความกล้า

ถึงอย่างไรก็เคยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาก่อน นางก็ไม่อยากจะทะเลาะกันจนแตกหัก

กู้หว่านเยว่มองนางแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “เจ้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนในครอบครัว เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าบ้านสามพวกเราตัดขาดกับพวกเขาแล้ว”

คำพูดนี้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อตกตะลึง จากนั้นก็ครุ่นคิด

กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไรมาก บางเรื่องก็ต้องให้เด็กสาวเข้าใจด้วยตัวเอง นางคลานไปเปลี่ยนยาให้กับซูจิ่งสิง เต็นท์ค่อนข้างเล็ก ทั้งสองคนเบียดกัน ลมหายใจของพวกเขาต่างพ่นใส่หน้ากันและกัน

เมื่อกู้หว่านเยว่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาเรียวยาวของซูจิ่งสิงหรี่ลง ใบหูแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาอายที่นางเข้าใกล้ แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นเย็นชา

นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ท่านพี่ ข้าว่าท่านค่อนข้างรักสุทธิ์จริง ๆ ”

พอดีกับที่ซูจื่อชิงถืออาหารแห้งที่แจกกลับมา กะพริบตาแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่สะใภ้ บริสุทธิ์คืออะไร?”

“ก็คือไม่ค่อยได้สัมผัสกับผู้หญิง เขินได้ง่าย จิตใจบริสุทธิ์ พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นนักรบแห่งรักบริสุทธิ์” กู้หว่านเยว่อธิบายอย่างจริงจัง

ซูจื่อชิงเข้าใจทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง พี่ใหญ่ชอบอ่านหนังสือและฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบเล่นกับผู้หญิง แม้แต่คนรับใช้ในห้องของเขาก็เป็นหญิงชรา เมื่อก่อนพวกเรายังสงสัยว่าพี่ใหญ่อาจจะ...”

“จื่อชิง!” ซูจิ่งสิงรีบกระแอมขึ้นมา

“โอ๊ยตายแล้ว พี่ใหญ่ท่านตื่นมาได้อย่างไรกัน!” ซูจื่อชิงเพิ่งพบว่าพี่ใหญ่ตื่นอยู่ ตกใจจนรีบปิดปาก

กู้หว่านเยว่มองซูจิ่งสิงราวกับจะยิ้มก็ไม่เชิง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “ที่แท้ท่านพี่ก็ไม่ค่อยได้สัมผัสกับผู้หญิง มิน่าล่ะถึงได้ง่ายต่อการยั่วเย้าเช่นนี้~”

ง่ายต่อการยั่วเย้า... ซูจิ่งสิงมือสั่น เกือบจะปัดขวดยาที่อยู่ข้าง ๆ ล้ม ถ้าเขาขยับตัวได้ ตอนนี้คงจะเขินอายจนต้องรีบวิ่งออกไปแล้ว

ภรรยาของเขาเดี๋ยวก็เย็นชา เดี๋ยวก็เหมือนปีศาจ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี

หลังจากทายาเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็หยุดแกล้งเขา หยิบหมั่นโถวงาดำจากมือของซูจื่อชิง

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน ทุกคนก็เริ่มคุ้นเคยกับรสชาติของหมั่นโถวงาดำแล้ว

แช่หมั่นโถวกับน้ำให้นุ่มลงก็พอจะกลืนได้ แต่รสชาติก็จืดชืดไปหน่อย

กู้หว่านเยว่มองไปรอบ ๆ

เต็นท์บังสายตาจากภายนอก

ก่อนหน้านี้นางไม่หยิบอาหารออกมาเพราะกลัวคนอื่นจะเห็น แล้วก็ไม่รู้จะอธิบายที่มาของอาหารอย่างไร

ตอนนี้...กู้หว่านเยว่ยกยิ้มมุมปาก ยื่นมือเข้าไปในห่อผ้า แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางได้เข้าไปในมิติแล้ว

ไม่นานนัก นางก็ดึงขาแกะย่างออกมาด้วยมือเปล่า

ทุกคนในเต็นท์ !

“นี่คือขาแกะย่างที่ข้าซื้อมาจากเมืองอูอวิ๋น เย็นไปหน่อยแล้ว แต่ยังไม่เสีย พวกเราเอาไปกินกับหมั่นโถวกันเถอะ”

เมื่อเห็นขาแกะย่าง ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือขาแกะย่างนี่มาจากไหน แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของขาแกะย่าง น้ำลายก็ไหลออกมาแล้ว ใครจะไปสนใจว่ามันมาจากไหนกันล่ะ?!
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (17)
goodnovel comment avatar
พี่เอ็น จ้า
อ่านได้จบจริงๆรึป่าวนี่
goodnovel comment avatar
Supaporn Muangsuay
very god stroly
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
อ่านสนุกคะเพริดเพลิดดี
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1848

    องค์หญิงเจ็ดทำหน้าเขินอาย “แต่ข้ากลับชอบคุณชายชุยนานแล้ว ทุกปีที่ในวังมีงานเลี้ยง จะสังเกตเห็นคุณชายตลอด”เห็นได้ชัดว่าชุยอวี้คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเจ็ดจะพูดเช่นนี้ เขาตะลึงไปครู่หนึ่ง“ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติที่องค์หญิงมีใจให้ แต่ข้าน้อยไม่เคยรู้เลย”“รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เสด็จพ่อได้พระราชทานงานแต่งให้พวกเราแล้ว รอหลังจากพวกเราแต่งงานกัน ข้าจะดูแลคุณชายชุยอย่างดี และคอยเกื้อหนุนสามีสั่งสอนลูกหลาน พยายามเป็นภรรยาที่ดีแน่นอน”สายตาองค์หญิงเจ็ดเขินอาย สามารถมองออกว่านางชอบชุยอวี้จริงๆฉีเยว่ทำหน้าตะลึง กู้หว่านเยว่เหมือนคิดอะไรบางอย่าง“ดูเหมือนเจตนาของฮ่องเต้โยวหลานไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่แน่อาจจะลองถามความเห็นขององค์หญิงเจ็ดก่อนแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าการพระราชทานงานแต่งครั้งนี้ องค์หญิงเจ็ดนี่แหละที่เป็นคนไปขอฮ่องเต้โยวหลาน”“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” ฉีเยว่กัดริมฝีปากแน่น “น้องเจ็ดรู้นานแล้วว่าข้าชอบคุณชายชุย อีกทั้งนางก็เคยอวยพรให้พวกเราจากใจจริง”ฉีเยว่เป็นคนโผงผาง เรื่องที่นางชอบชุยอวี้จึงไม่ใช่ความลับอะไรพี่ชายทุกคนรู้ คุณชายในราชสำนักหลายคนก็รู้ แม้แต่ตัวชุยอวี้เองก็อาจจะรู

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1847

    ตอนอยู่ร้านอาหารก็ถือว่าช่วยนาง และจ่ายเงินให้นางด้วยถ้าหากชุยเยว่ไม่ได้เต็มใจยอมรับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ เช่นนั้นก็ถือว่าช่วยเขาไปในตัว“องค์หญิงห้ารู้หรือไม่ว่าบ้านของคุณชายชุยอยู่ที่ไหน?”“ข้ารู้”ฉีเยว่ตาเป็นประกาย สีหน้าตื่นเต้น“ขอบคุณคุณชายเผย ข้าพาท่านไปเดี๋ยวนี้”“ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากทั้งสองออกจากวังด้วยกัน ข่าวไปถึงหูของพระสนมโจวอย่างรวดเร็วหลังจากหมอผีช่วยรักษา ในที่สุดนางก็สามารถกลับมาพูดได้อีกครั้งแล้ว“พระสนม องค์หญิงห้าไปกับคุณชายเผยได้อย่างไร?”“องค์หญิงห้าสำส่อนตั้งแต่เกิด มักชอบไปเที่ยวสถานอโคจร เพิ่งรู้จักเผยหยวนสองวัน ก็ไปไหนมาไหนกับเขาแล้ว ก็ถือว่าสอดคล้องกับนิสัยของนางแล้ว” พระสนมโจวหัวเราะเบาๆ อย่างเหยียดหยาม“เผยหยวนดื้อดึงเหมือนอาจารย์ของเขา ไม่ยอมทำงานให้พวกเรา พระสนม ท่านว่าจะหาโอกาสกำจัดพวกเขาเสียเลยดีหรือไม่ เผื่อพวกเขาทำงานใหญ่ของเราพัง”นางกำนัลเสนอความเห็นพระสนมโจวครุ่นคิดครู่หนึ่งก็พยักหน้า“หาโอกาสจัดการพวกเขาศิษย์อาจารย์พร้อมกันทีเดียวเลยก็แล้วกัน”กู้หว่านเยว่กับฉีเยว่ขี่ม้าออกจา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1846

    กู้หว่านเยว่เดาะลิ้น “องค์หญิงเจ็ด?”สองวันนี้นางก็ถือว่าศึกษาสถานการณ์ของราชวงศ์โยวหลานจนชัดเจนแล้ว ราชวงศ์โยวหลานมีองค์ชายทั้งหมดหกท่าน และองค์หญิงสองท่านองค์ชายทั้งหกท่านและรวมถึงองค์หญิงห้าฉีเยว่ที่อยู่ตรงหน้าล้วนให้กำเนิดโดยฮองเฮา มีเพียงองค์หญิงเจ็ดที่ให้กำเนิดโดยพระสนมโจว นางเป็นคนถ่อมตนมาก แทบจะไม่มีตัวตนในราชวงศ์และเพราะองค์ชายองค์หญิงท่านอื่นล้วนเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน เวลาเผชิญหน้ากับองค์หญิงเจ็ดที่เป็นพี่น้องต่างแม่ จึงยากจะหลีกเลี่ยงที่พวกเขาจะไม่ชอบนาง“การพระราชทานงานแต่งเป็นเรื่องของความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย องค์หญิงเจ็ดยินยอมหรือ?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ถ้าหากองค์หญิงเจ็ดไม่ยินยอม ชุยอวี้ก็ไม่ยินยอมต่อให้ฮ่องเต้โยวหลานจะเอาแต่ใจอย่างไร ก็ไม่สามารถบังคับพวกเขาสองคนถ้าหากเขาอยากพระราชทานงานแต่งจริงๆ ไม่สู้เปลี่ยนเป็นองค์หญิงห้ายังดีเสียกว่า เช่นนี้ทุกคนก็มีความสุข สามารถมองออกว่าชุยอวี้ก็มีใจให้องค์หญิงห้าเช่นกัน“น้องเจ็ดขอบพระทัยในพระกรุณาแล้ว”ฉีเยว่เช็ดเบ้าตาที่แดงก่ำ น้ำตายังคงไหลออกมาต่อเนื่อง“ถ้าหากตอนนี้เสด็จแม่ยังรู้สึกตัวก็คงดี นางจะต้องออ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1845

    “วางใจได้ๆ ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น” หมอเทวดาเผยไม่ชอบหน้าพระสนมโจวนานแล้วก่อนหน้านี้พระสนมโจวก็เคยส่งคนมาเตือนเขาแบบอ้อมๆ สองครั้งหากไม่ใช่เพราะไม่อยากลดตัวไปทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่ง หมอเทวดาเผยคงแตกหักกับนางไปข้างหนึ่งนานแล้วไม่คาดคิดว่าพระสนมโจวยังไม่รู้จักเจียมตัว และยังถึงกับพุ่งเป้าไปที่องค์หญิงน้อยองค์หญิงน้อยไม่ใช่คนประเภทยอมให้ใครรังแกง่ายๆ แคว้นเป่ยตี้ยังถูกนางไล่ตีจนหัวหด นับประสาอะไรกับนางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่ง“ต่อไปถ้านางเรียกเจ้าอีก เจ้าก็อย่าไป ถ้ามีปัญหาอะไรตามมา อาจารย์จะช่วยเจ้าจัดการเอง”หมอเทวดาเผยเผลอคิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นลูกศิษย์ของเขาไปแล้ว“ขอบคุณท่านอาจารย์”กู้หว่านเยว่โบกมือด้วยรอยยิ้มตัวประกอบอย่างพระสนมโจวยังไม่ถึงขั้นสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนาง ตอนนี้นางหวังเพียงกู้หว่านเยว่จะสามารถพาท่านพ่อท่านแม่กลับมาโดยเร็วนางจะได้รีบพาท่านพ่อท่านแม่กลับไปหาพี่ใหญ่หลังจากกลับไปนอนพักที่ห้องครู่หนึ่ง ตอนตื่นมาพบว่าหมอเทวดาเผยไม่อยู่แล้ว สอบถามนางกำนัลได้ความมาว่า เขาไปดูอาการป่วยของฮองเฮาอีกแล้วกู้หว่านเยว่กินข้าวเย็นคนเดียวเสร็จ ก็ออกไปเดินย่อยอาหารใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1844

    กู้หว่านเยว่เกือบหลุดหัวเราะขอร้องล่ะ ก่อนที่เจ้าจะใส่ร้าย ช่วยดูก่อนได้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้หญิงนะลวนลาม? พระสนมโจวก็อุตส่าห์คิดได้เนาะจะเล่นงานคนอื่น กลับย้อนเข้าตัวเองนางในฐานะนางสนม ถ้าหากข่าวโดนหมอลวนลามเผยแพร่ออกไป นางก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรไม่คิดเลย“เจ้ายิ้มอะไร?” สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางขมวดคิ้วแน่น‘เผยหยวน’ คนนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ความตายอยู่ตรงหน้ายังสามารถยิ้มได้อีก“พระสนมโจวอยากพูดเหลวไหล ก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองสามารถพูดคำพูดที่เหลวไหลออกมาได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจเถียงกับนาง จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางพบว่าตัวเองพูดไม่ออก เสียงหายไปในพริบตาแล้ว“อืมๆๆ…” นางมองไปทางนางกำนัล นางกำนัลก็ทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่คอของตัวเองเช่นกัน“พระสนมโจวโปรดระวังคำพูดด้วย ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่พูดไม่ออกเช่นนี้แล้ว ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาชีวิตของพวกท่านก็ได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็เดินจากไปโดยตรงทิ้งพระสนมโจวที่ทำหน้าหวาดกลัวไว้คนเดียว“อืมๆๆ…”“อืมๆๆ!”พระสน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1843

    ฉีเยว่: นี่ข้าเป็นอะไร เหมือนกำลังโดนหลอกนางกำนัลเดินเข้ามากะทันหัน “องค์หญิง คุณชายชุยเข้าวังแล้วเพคะ”ดวงตาฉีเยว่เป็นประกาย และลืมเรื่องของพี่รองไปในพริบตาแล้ว“ชุยอวี้มาแล้ว? อยู่ไหน รีบพาข้าไปพบเขา!”นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ได้เดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้ว“คุณชายเผยโปรดรอสักครู่” มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังกู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง พบว่าเป็นนางกำนัลแปลกหน้าคนหนึ่งนางเลิกคิ้ว “มีอะไร?”นางกำนัลเดินมาที่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ และคำนับด้วยท่าทีที่ยังถือว่าสุภาพ “คุณชายเผย ได้ยินมาว่าท่านเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาเผย คิดว่าท่านคงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์เหมือนหมอเทวดาเผย ไม่ทราบว่าช่วยไปตรวจดูอาการพระสนมของพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”ภายในห้องอันอบอุ่น ผู้หญิงแต่งกายหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ นางมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารักน่าเวทนา น่าจะเป็นพระสนมโจวกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยจะเทียบกับอาจารย์ได้อย่างไร ข้าน้อยยังเรียนวิชาแพทย์ของอาจารย์ได้ไม่ถึงครึ่งเลย”“ถ้าหากพระสนมไม่สบาย เหตุใ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status