Share

บทที่ 13

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็อยากไปซื้อของอยู่แล้ว ต่อไประหว่างทางถ้าหยิบอะไรออกมา ก็จะได้อ้างว่าเป็นของที่ซื้อมา

เมื่อได้ยินคำพูดของจางเอ้อร์ นางก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบตะกร้า

ตอนจะไป ซูจิ่งสิงที่อยู่บนเตียงก็ยัดกุญแจให้นาง

“เจ้าเอาอันนี้ไป หาโอกาสไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ หลังตรอกอูอี มีของอยู่ข้างใน... เจ้าขนมันออกมาให้หมด”

ขณะที่พูดประโยคสุดท้าย ซูจิ่งสิงก็มองนางอย่างลึกซึ้ง

แต่กู้หว่านเยว่มัวแต่ตกใจจนไม่ได้สังเกตแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้แอบซ่อนของไว้ที่นี่ด้วยหรือ?

สมกับเป็นตัวร้ายในนิยายที่มีสติปัญญาและวรยุทธ์เหนือกว่าฮ่องเต้สุนัขตัวนั้น ดูเหมือนว่าจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วสินะ

กู้หว่านเยว่อยากรู้อยากเห็นมาก “ท่านซ่อนอะไรไว้?”

“เห็นแล้วก็จะรู้เอง”

นักการยังคงรออยู่ข้างนอกประตู กู้หว่านเยว่ไม่สะดวกที่จะถามอะไรมากนัก จึงรับกุญแจมาแล้วรีบออกไป

“บางคนนี่หน้าไม่อายจริง ๆ ไม่รู้ว่าลับหลังแอบไปประจบประแจงอะไรนักการ ถึงได้ไปซื้อของกับพวกเราได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน”

เมื่อเห็นนักการไปลากรถ หลี่ซือซือก็พูดจาเหน็บแนมด้วยความอิจฉา

คนอื่น ๆ ในอีกหลายครอบครัวเห็นกู้หว่านเยว่ช่วยซุนอู่ไว้ ในใจก็รู้ถึงความสามารถของนาง จึงไม่ได้คิดว่ากู้หว่านเยว่ทำเรื่องน่าอับอาย ตรงกันข้าม พวกเขาต่างมองนางด้วยความชื่นชม

ถ้าสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนักการได้ ระหว่างทางก็คงจะสะดวกสบายไม่น้อยเลย

กู้หว่านเยว่ไม่แม้แต่จะมองหลี่ซือซือ ก้าวเท้าเดินไปที่รถลาก ยื่นมือออกไปแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถลากเพื่อหาที่นั่งที่ดีก่อน

ปล่อยให้หลี่ซือซือยืนกระทืบเท้าด้วยความโกรธอยู่ที่เดิม

“กระทืบอะไรนักหนา จะไปซื้อของไหม ถ้าจะไปก็รีบหน่อย ทำชักช้าอยู่ได้!”

จางเอ้อร์ตะคอกใส่หลี่ซือซือ

หลี่ซือซือตัวสั่นด้วยความกลัว รีบฝืนยิ้มแล้ววิ่งมา “ข้าไป ข้าไป...”

เพราะนางชักช้า จึงไม่มีที่นั่งบนรถลากแล้ว นางจึงทำได้เพียงวิ่งตามไปข้างหลังตลอดทาง ในใจก็ยิ่งเกลียดกู้หว่านเยว่เข้าไปใหญ่

“กู้หว่านเยว่นี่มันตัวซวย ตัวซวยจริง ๆ!”

เมื่อซูเช่อได้ยินคำด่าสาปแช่งของนางก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เอาแต่หาเรื่องกู้หว่านเยว่ จึงลืมขึ้นรถลาก เหตุใดถึงโทษคนอื่นได้...

ท่านแม่ยังให้เขาสนิทกับลูกพี่ลูกน้องอีก ผู้หญิงแบบนี้... เฮ้อ!

เมืองอูอวิ๋นเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ค่อยเจริญ แต่โชคดีที่ข้าวสาร แป้ง ธัญพืช น้ำมัน และของจำเป็นในชีวิตประจำวันอื่น ๆ มีครบ

เนื่องจากถูกเนรเทศ พวกเขาคงไม่ซื้ออาหารสดใหม่ ทุกคนจึงเดินข้ามร้านอาหารไปยังร้านขายอาหารแห้ง ตั้งใจจะซื้อข้าวโพด มันเทศ และขนมปังชนิดต่าง ๆ ที่สามารถเก็บไว้ได้ระหว่างทาง

จางเอ้อร์พานักการไปซื้อของ แล้วนำของที่ซื้อมาไปวางบนรถลาก ส่วนคนอื่น ๆ ก็ใช้โอกาสขณะที่เขาซื้อของ หยิบเงินออกมาซื้อเสื้อผ้าและของใช้

หลี่ซือซือแม่ลูกสองคนต่างจากตระกูลซู พวกนางถูกเนรเทศมา แต่ไม่ได้ถูกยึดทรัพย์สิน จึงมีเงินติดตัวมาพอสมควร

เมื่อมาถึงร้านขายอาหารแห้ง นางซื้อของมากมาย และโยนของทั้งหมดให้ซูเช่อถือ

นางเหลือบมองกู้หว่านเยว่ด้วยหางตา แล้วพูดอย่างเสแสร้ง

“ได้ยินมาว่าตระกูลโหวตัดขาดกับเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่มีเงินติดตัวสินะ อยากให้ข้าใจดีให้เจ้ายืมหน่อยไหม? ดูสภาพจน ๆ ของเจ้าสิ!”

“น้องสาว อย่าพูดเลย”

ซูเช่อได้ยินหลี่ซือซือด่ามาตลอดทาง ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยความสงสาร “พี่สะใภ้ ข้ายังมีเศษเงินอยู่นิดหน่อย เอาไปก่อนนะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ท่านช่วยชีวิตหร่านหร่านไว้ตอนที่ถูกยึดทรัพย์”

“ไม่ต้องหรอก”

กู้หว่านเยว่ยิ้มให้ซูเช่อแล้วโบกมือปฏิเสธ ส่วนเงินนางก็ไม่ได้ขาดแคลน

ซูเช่อเห็นดังนั้นก็ไม่ฝืนอีกต่อไป ถึงอย่างไรทั้งครอบครัวต้องมาลำบากเพราะบ้านสาม เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งบ้านใหญ่ของพวกเขาก็มีเงินไม่มาก ในเวลานี้ก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน

กู้หว่านเยว่มองไปรอบ ๆ ไม่มีอะไรอยากซื้อ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย จึงแกล้งทำเป็นซื้อของเล็กน้อย

ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดและมันเทศ สามารถนำไปย่างกินระหว่างทางได้ รสชาติก็ไม่เลว

นางยังซื้อน้ำตาลแดงเล็กน้อย น้ำตาลแดงสามารถเติมพลังได้ ทหารที่ออกรบก็ขาดน้ำตาลแดงไม่ได้ ในช่วงเวลาสำคัญอาจจะดีกว่าอาหารเสียอีก

“สิ้นเปลืองเงิน มีเงินแต่ไม่ซื้ออาหาร ดันไปซื้อน้ำตาลแดง ตะกละ”

หลี่ซือซือกลอกตา “อ๋อ จริงสิ เจ้าอาจจะไม่มีเงินด้วยซ้ำ”

นางรอที่จะดูเรื่องตลกของกู้หว่านเยว่ แต่กลับเห็นกู้หว่านเยว่ค่อย ๆ หยิบตั๋วเงินห้าสิบตำลึงออกมาจากอก

มูลค่าของตั๋วเงินนั้นมากกว่าที่นางหยิบออกมาเสียอีก

“เจ้าเอาเงินมาจากไหน?” หลี่ซือซือมองด้วยสายตาดุร้าย ที่แท้นางแกล้งทำเป็นจนมาตลอด

“เรื่องของข้า”

กู้หว่านเยว่วางของที่ซื้อมาไว้บนรถลากด้วยกัน จากนั้นลูบกุญแจที่อยู่ในอกอย่างเงียบ ๆ เห็นว่าฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว ถ้าไม่รีบไปเก็บของ ก็จะไม่มีเวลาแล้ว

นางก้าวไปหาแล้วกล่าวกับจางเอ้อร์

“พี่จางเอ้อร์ ข้าอยากไปซื้อของอย่างอื่นคนเดียว ของใช้สำหรับผู้หญิงน่ะ”

ขณะพูดประโยคนี้ กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะแค่ได้ออกมาซื้อของก็ถือว่าใจดีมากแล้ว

ถ้าจางเอ้อร์ไม่เห็นด้วย นางค่อยมาใหม่ตอนกลางคืน เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะออกจากเมืองอูอวิ๋นวันนี้หรือไม่ ถ้ามาอีกครั้งก็จะลำบากกว่าเดิม

แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจางเอ้อร์จะพูดง่ายมาก “กลับมาภายในครึ่งชั่วยาม”

กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมาก”

นางเข้าใจว่านี่เป็นความไว้วางใจที่จางเอ้อร์มีให้นาง หยิบตะกร้าแล้วเดินไปที่ตรอกอูอี

“ท่านนักการ ข้าขอไปดูร้านเสื้อผ้าข้าง ๆ ได้ไหม?” หลี่ซือซือเข้ามาขอร้อง

ตอนที่นางออกเดินทางก็ไม่ได้เก็บเสื้อผ้าอะไรเลย เสื้อผ้าที่สวมก็เกือบจะขาดหมดแล้ว ซึ่งสำหรับคนที่รักสวยรักงามอย่างนาง นี่เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้

“ฝันไปเถอะ!”

จางเอ้อร์ด่านางอย่างสาดเสียเทเสีย ทำเอาหลี่ซือซือน้ำตาคลอ

“ทำไมกู้หว่านเยว่ไปได้ แล้วข้าไปไม่ได้?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ซูเช่อก็รู้สึกกลัว หลี่ซือซือถึงกับกล้าท้าทายท่านนักการ ไม่กลัวตายหรือ?

โชคดีที่จางเอ้อร์ไม่ชอบทำร้ายคน จึงไม่ได้ฟาดแส้ใส่นาง แค่หัวเราะเยาะ

“แม่นางกู้ช่วยท่านหัวหน้าไว้ เป็นผู้มีพระคุณต่อท่านหัวหน้า เจ้าเป็นหรือไม่? ไม่ส่องกระจกดูเลยหรือว่าตัวเองมีค่าแค่ไหน ต่อไปนี้ถ้าไม่สงบเสงี่ยม ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกมาซื้อของอีก!”

ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ทำตามคำแนะนำของซูจิ่งสิงจนไปถึงลานบ้าน จากนั้นหลบหายตัวเข้าไปในลานบ้าน ใช้กุญแจเปิดประตูห้องใต้ดินแล้วรีบวิ่งเข้าไป

เมื่อนางจุดเทียนให้แสงสว่างส่องไปรอบ ๆ หนังตาก็กระตุกอย่างแรง

ดีมาก สมกับเป็นผู้ชายของนางกู้หว่านเยว่!

ที่แท้ก็สะสมเสบียงและอาวุธไว้เต็มห้องใต้ดิน ไม่แปลกใจเลยที่ขณะค้นจวนอ๋อง ไม่มีอะไรในคลังสมบัติเลย ดูท่าจะรู้ล่วงหน้าแล้วรีบย้ายออกไปก่อนแล้ว

แต่ของเยอะขนาดนี้ ซูจิ่งสิงจะให้นางขนไปหมดเลยหรือ?!

ไม่สิ ผู้ชายคนนี้รู้ว่านางมีมิติวิเศษแล้วหรือ?

กู้หว่านเยว่รู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ปล่อยให้มือว่าง นางโบกมือเก็บของในห้องใต้ดินจนหมด

หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว จึงหันหลังกลับแล้วออกไป

จากนั้นก็กะเวลาแล้วไปที่ร้านขายยา ให้หมอจัดยาสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ตามที่นางสั่ง แล้วรีบกลับไปหากลุ่มหลัก

เหล่านักการได้ขนของขึ้นรถลากแล้ว

กู้หว่านเยว่วิ่งเข้ามา “ขอโทษที ขอโทษที ไปร้านขายยาจึงมาช้าแล้ว”

จางเอ้อร์เกาหัว “ไม่เป็นไร แม่นางกู้ขึ้นรถก่อนเถอะ พวกเรากำลังจะกลับโรงเตี๊ยมแล้ว”

“ได้” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ จากนั้นเอ่ยขึ้นมาทันที “จริงสิ ห่อยาสมุนไพรพวกนี้ให้ท่าน”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
สนุก ติดตาม ๆๆ
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกมากค่ะขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ได้อ่านนิยายสนุกสนุกค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1848

    องค์หญิงเจ็ดทำหน้าเขินอาย “แต่ข้ากลับชอบคุณชายชุยนานแล้ว ทุกปีที่ในวังมีงานเลี้ยง จะสังเกตเห็นคุณชายตลอด”เห็นได้ชัดว่าชุยอวี้คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเจ็ดจะพูดเช่นนี้ เขาตะลึงไปครู่หนึ่ง“ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติที่องค์หญิงมีใจให้ แต่ข้าน้อยไม่เคยรู้เลย”“รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย เสด็จพ่อได้พระราชทานงานแต่งให้พวกเราแล้ว รอหลังจากพวกเราแต่งงานกัน ข้าจะดูแลคุณชายชุยอย่างดี และคอยเกื้อหนุนสามีสั่งสอนลูกหลาน พยายามเป็นภรรยาที่ดีแน่นอน”สายตาองค์หญิงเจ็ดเขินอาย สามารถมองออกว่านางชอบชุยอวี้จริงๆฉีเยว่ทำหน้าตะลึง กู้หว่านเยว่เหมือนคิดอะไรบางอย่าง“ดูเหมือนเจตนาของฮ่องเต้โยวหลานไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่แน่อาจจะลองถามความเห็นขององค์หญิงเจ็ดก่อนแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าการพระราชทานงานแต่งครั้งนี้ องค์หญิงเจ็ดนี่แหละที่เป็นคนไปขอฮ่องเต้โยวหลาน”“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” ฉีเยว่กัดริมฝีปากแน่น “น้องเจ็ดรู้นานแล้วว่าข้าชอบคุณชายชุย อีกทั้งนางก็เคยอวยพรให้พวกเราจากใจจริง”ฉีเยว่เป็นคนโผงผาง เรื่องที่นางชอบชุยอวี้จึงไม่ใช่ความลับอะไรพี่ชายทุกคนรู้ คุณชายในราชสำนักหลายคนก็รู้ แม้แต่ตัวชุยอวี้เองก็อาจจะรู

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1847

    ตอนอยู่ร้านอาหารก็ถือว่าช่วยนาง และจ่ายเงินให้นางด้วยถ้าหากชุยเยว่ไม่ได้เต็มใจยอมรับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ เช่นนั้นก็ถือว่าช่วยเขาไปในตัว“องค์หญิงห้ารู้หรือไม่ว่าบ้านของคุณชายชุยอยู่ที่ไหน?”“ข้ารู้”ฉีเยว่ตาเป็นประกาย สีหน้าตื่นเต้น“ขอบคุณคุณชายเผย ข้าพาท่านไปเดี๋ยวนี้”“ไม่ต้องเกรงใจ”กู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วยิ้มอีก มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากทั้งสองออกจากวังด้วยกัน ข่าวไปถึงหูของพระสนมโจวอย่างรวดเร็วหลังจากหมอผีช่วยรักษา ในที่สุดนางก็สามารถกลับมาพูดได้อีกครั้งแล้ว“พระสนม องค์หญิงห้าไปกับคุณชายเผยได้อย่างไร?”“องค์หญิงห้าสำส่อนตั้งแต่เกิด มักชอบไปเที่ยวสถานอโคจร เพิ่งรู้จักเผยหยวนสองวัน ก็ไปไหนมาไหนกับเขาแล้ว ก็ถือว่าสอดคล้องกับนิสัยของนางแล้ว” พระสนมโจวหัวเราะเบาๆ อย่างเหยียดหยาม“เผยหยวนดื้อดึงเหมือนอาจารย์ของเขา ไม่ยอมทำงานให้พวกเรา พระสนม ท่านว่าจะหาโอกาสกำจัดพวกเขาเสียเลยดีหรือไม่ เผื่อพวกเขาทำงานใหญ่ของเราพัง”นางกำนัลเสนอความเห็นพระสนมโจวครุ่นคิดครู่หนึ่งก็พยักหน้า“หาโอกาสจัดการพวกเขาศิษย์อาจารย์พร้อมกันทีเดียวเลยก็แล้วกัน”กู้หว่านเยว่กับฉีเยว่ขี่ม้าออกจา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1846

    กู้หว่านเยว่เดาะลิ้น “องค์หญิงเจ็ด?”สองวันนี้นางก็ถือว่าศึกษาสถานการณ์ของราชวงศ์โยวหลานจนชัดเจนแล้ว ราชวงศ์โยวหลานมีองค์ชายทั้งหมดหกท่าน และองค์หญิงสองท่านองค์ชายทั้งหกท่านและรวมถึงองค์หญิงห้าฉีเยว่ที่อยู่ตรงหน้าล้วนให้กำเนิดโดยฮองเฮา มีเพียงองค์หญิงเจ็ดที่ให้กำเนิดโดยพระสนมโจว นางเป็นคนถ่อมตนมาก แทบจะไม่มีตัวตนในราชวงศ์และเพราะองค์ชายองค์หญิงท่านอื่นล้วนเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน เวลาเผชิญหน้ากับองค์หญิงเจ็ดที่เป็นพี่น้องต่างแม่ จึงยากจะหลีกเลี่ยงที่พวกเขาจะไม่ชอบนาง“การพระราชทานงานแต่งเป็นเรื่องของความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย องค์หญิงเจ็ดยินยอมหรือ?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ถ้าหากองค์หญิงเจ็ดไม่ยินยอม ชุยอวี้ก็ไม่ยินยอมต่อให้ฮ่องเต้โยวหลานจะเอาแต่ใจอย่างไร ก็ไม่สามารถบังคับพวกเขาสองคนถ้าหากเขาอยากพระราชทานงานแต่งจริงๆ ไม่สู้เปลี่ยนเป็นองค์หญิงห้ายังดีเสียกว่า เช่นนี้ทุกคนก็มีความสุข สามารถมองออกว่าชุยอวี้ก็มีใจให้องค์หญิงห้าเช่นกัน“น้องเจ็ดขอบพระทัยในพระกรุณาแล้ว”ฉีเยว่เช็ดเบ้าตาที่แดงก่ำ น้ำตายังคงไหลออกมาต่อเนื่อง“ถ้าหากตอนนี้เสด็จแม่ยังรู้สึกตัวก็คงดี นางจะต้องออ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1845

    “วางใจได้ๆ ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น” หมอเทวดาเผยไม่ชอบหน้าพระสนมโจวนานแล้วก่อนหน้านี้พระสนมโจวก็เคยส่งคนมาเตือนเขาแบบอ้อมๆ สองครั้งหากไม่ใช่เพราะไม่อยากลดตัวไปทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่ง หมอเทวดาเผยคงแตกหักกับนางไปข้างหนึ่งนานแล้วไม่คาดคิดว่าพระสนมโจวยังไม่รู้จักเจียมตัว และยังถึงกับพุ่งเป้าไปที่องค์หญิงน้อยองค์หญิงน้อยไม่ใช่คนประเภทยอมให้ใครรังแกง่ายๆ แคว้นเป่ยตี้ยังถูกนางไล่ตีจนหัวหด นับประสาอะไรกับนางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่ง“ต่อไปถ้านางเรียกเจ้าอีก เจ้าก็อย่าไป ถ้ามีปัญหาอะไรตามมา อาจารย์จะช่วยเจ้าจัดการเอง”หมอเทวดาเผยเผลอคิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นลูกศิษย์ของเขาไปแล้ว“ขอบคุณท่านอาจารย์”กู้หว่านเยว่โบกมือด้วยรอยยิ้มตัวประกอบอย่างพระสนมโจวยังไม่ถึงขั้นสามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของนาง ตอนนี้นางหวังเพียงกู้หว่านเยว่จะสามารถพาท่านพ่อท่านแม่กลับมาโดยเร็วนางจะได้รีบพาท่านพ่อท่านแม่กลับไปหาพี่ใหญ่หลังจากกลับไปนอนพักที่ห้องครู่หนึ่ง ตอนตื่นมาพบว่าหมอเทวดาเผยไม่อยู่แล้ว สอบถามนางกำนัลได้ความมาว่า เขาไปดูอาการป่วยของฮองเฮาอีกแล้วกู้หว่านเยว่กินข้าวเย็นคนเดียวเสร็จ ก็ออกไปเดินย่อยอาหารใ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1844

    กู้หว่านเยว่เกือบหลุดหัวเราะขอร้องล่ะ ก่อนที่เจ้าจะใส่ร้าย ช่วยดูก่อนได้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้หญิงนะลวนลาม? พระสนมโจวก็อุตส่าห์คิดได้เนาะจะเล่นงานคนอื่น กลับย้อนเข้าตัวเองนางในฐานะนางสนม ถ้าหากข่าวโดนหมอลวนลามเผยแพร่ออกไป นางก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรไม่คิดเลย“เจ้ายิ้มอะไร?” สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางขมวดคิ้วแน่น‘เผยหยวน’ คนนี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ความตายอยู่ตรงหน้ายังสามารถยิ้มได้อีก“พระสนมโจวอยากพูดเหลวไหล ก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองสามารถพูดคำพูดที่เหลวไหลออกมาได้หรือไม่?”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจเถียงกับนาง จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”สีหน้าพระสนมโจวเปลี่ยนฉับพลัน นางพบว่าตัวเองพูดไม่ออก เสียงหายไปในพริบตาแล้ว“อืมๆๆ…” นางมองไปทางนางกำนัล นางกำนัลก็ทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่คอของตัวเองเช่นกัน“พระสนมโจวโปรดระวังคำพูดด้วย ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่พูดไม่ออกเช่นนี้แล้ว ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี อาจจะเอาชีวิตของพวกท่านก็ได้”กู้หว่านเยว่พูดจบก็เดินจากไปโดยตรงทิ้งพระสนมโจวที่ทำหน้าหวาดกลัวไว้คนเดียว“อืมๆๆ…”“อืมๆๆ!”พระสน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1843

    ฉีเยว่: นี่ข้าเป็นอะไร เหมือนกำลังโดนหลอกนางกำนัลเดินเข้ามากะทันหัน “องค์หญิง คุณชายชุยเข้าวังแล้วเพคะ”ดวงตาฉีเยว่เป็นประกาย และลืมเรื่องของพี่รองไปในพริบตาแล้ว“ชุยอวี้มาแล้ว? อยู่ไหน รีบพาข้าไปพบเขา!”นางยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ได้เดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้ว“คุณชายเผยโปรดรอสักครู่” มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังกู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า หันกลับไปมอง พบว่าเป็นนางกำนัลแปลกหน้าคนหนึ่งนางเลิกคิ้ว “มีอะไร?”นางกำนัลเดินมาที่ตรงหน้ากู้หว่านเยว่ และคำนับด้วยท่าทีที่ยังถือว่าสุภาพ “คุณชายเผย ได้ยินมาว่าท่านเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาเผย คิดว่าท่านคงเชี่ยวชาญวิชาแพทย์เหมือนหมอเทวดาเผย ไม่ทราบว่าช่วยไปตรวจดูอาการพระสนมของพวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ?”ภายในห้องอันอบอุ่น ผู้หญิงแต่งกายหรูหราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ นางมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารักน่าเวทนา น่าจะเป็นพระสนมโจวกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยจะเทียบกับอาจารย์ได้อย่างไร ข้าน้อยยังเรียนวิชาแพทย์ของอาจารย์ได้ไม่ถึงครึ่งเลย”“ถ้าหากพระสนมไม่สบาย เหตุใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status