Share

บทที่ 13

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็อยากไปซื้อของอยู่แล้ว ต่อไประหว่างทางถ้าหยิบอะไรออกมา ก็จะได้อ้างว่าเป็นของที่ซื้อมา

เมื่อได้ยินคำพูดของจางเอ้อร์ นางก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบตะกร้า

ตอนจะไป ซูจิ่งสิงที่อยู่บนเตียงก็ยัดกุญแจให้นาง

“เจ้าเอาอันนี้ไป หาโอกาสไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ หลังตรอกอูอี มีของอยู่ข้างใน... เจ้าขนมันออกมาให้หมด”

ขณะที่พูดประโยคสุดท้าย ซูจิ่งสิงก็มองนางอย่างลึกซึ้ง

แต่กู้หว่านเยว่มัวแต่ตกใจจนไม่ได้สังเกตแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้แอบซ่อนของไว้ที่นี่ด้วยหรือ?

สมกับเป็นตัวร้ายในนิยายที่มีสติปัญญาและวรยุทธ์เหนือกว่าฮ่องเต้สุนัขตัวนั้น ดูเหมือนว่าจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วสินะ

กู้หว่านเยว่อยากรู้อยากเห็นมาก “ท่านซ่อนอะไรไว้?”

“เห็นแล้วก็จะรู้เอง”

นักการยังคงรออยู่ข้างนอกประตู กู้หว่านเยว่ไม่สะดวกที่จะถามอะไรมากนัก จึงรับกุญแจมาแล้วรีบออกไป

“บางคนนี่หน้าไม่อายจริง ๆ ไม่รู้ว่าลับหลังแอบไปประจบประแจงอะไรนักการ ถึงได้ไปซื้อของกับพวกเราได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน”

เมื่อเห็นนักการไปลากรถ หลี่ซือซือก็พูดจาเหน็บแนมด้วยความอิจฉา

คนอื่น ๆ ในอีกหลายครอบครัวเห็นกู้หว่านเยว่ช่วยซุนอู่ไว้ ในใจก็รู้ถึงความสามารถของนาง จึงไม่ได้คิดว่ากู้หว่านเยว่ทำเรื่องน่าอับอาย ตรงกันข้าม พวกเขาต่างมองนางด้วยความชื่นชม

ถ้าสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนักการได้ ระหว่างทางก็คงจะสะดวกสบายไม่น้อยเลย

กู้หว่านเยว่ไม่แม้แต่จะมองหลี่ซือซือ ก้าวเท้าเดินไปที่รถลาก ยื่นมือออกไปแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถลากเพื่อหาที่นั่งที่ดีก่อน

ปล่อยให้หลี่ซือซือยืนกระทืบเท้าด้วยความโกรธอยู่ที่เดิม

“กระทืบอะไรนักหนา จะไปซื้อของไหม ถ้าจะไปก็รีบหน่อย ทำชักช้าอยู่ได้!”

จางเอ้อร์ตะคอกใส่หลี่ซือซือ

หลี่ซือซือตัวสั่นด้วยความกลัว รีบฝืนยิ้มแล้ววิ่งมา “ข้าไป ข้าไป...”

เพราะนางชักช้า จึงไม่มีที่นั่งบนรถลากแล้ว นางจึงทำได้เพียงวิ่งตามไปข้างหลังตลอดทาง ในใจก็ยิ่งเกลียดกู้หว่านเยว่เข้าไปใหญ่

“กู้หว่านเยว่นี่มันตัวซวย ตัวซวยจริง ๆ!”

เมื่อซูเช่อได้ยินคำด่าสาปแช่งของนางก็ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เอาแต่หาเรื่องกู้หว่านเยว่ จึงลืมขึ้นรถลาก เหตุใดถึงโทษคนอื่นได้...

ท่านแม่ยังให้เขาสนิทกับลูกพี่ลูกน้องอีก ผู้หญิงแบบนี้... เฮ้อ!

เมืองอูอวิ๋นเป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่ค่อยเจริญ แต่โชคดีที่ข้าวสาร แป้ง ธัญพืช น้ำมัน และของจำเป็นในชีวิตประจำวันอื่น ๆ มีครบ

เนื่องจากถูกเนรเทศ พวกเขาคงไม่ซื้ออาหารสดใหม่ ทุกคนจึงเดินข้ามร้านอาหารไปยังร้านขายอาหารแห้ง ตั้งใจจะซื้อข้าวโพด มันเทศ และขนมปังชนิดต่าง ๆ ที่สามารถเก็บไว้ได้ระหว่างทาง

จางเอ้อร์พานักการไปซื้อของ แล้วนำของที่ซื้อมาไปวางบนรถลาก ส่วนคนอื่น ๆ ก็ใช้โอกาสขณะที่เขาซื้อของ หยิบเงินออกมาซื้อเสื้อผ้าและของใช้

หลี่ซือซือแม่ลูกสองคนต่างจากตระกูลซู พวกนางถูกเนรเทศมา แต่ไม่ได้ถูกยึดทรัพย์สิน จึงมีเงินติดตัวมาพอสมควร

เมื่อมาถึงร้านขายอาหารแห้ง นางซื้อของมากมาย และโยนของทั้งหมดให้ซูเช่อถือ

นางเหลือบมองกู้หว่านเยว่ด้วยหางตา แล้วพูดอย่างเสแสร้ง

“ได้ยินมาว่าตระกูลโหวตัดขาดกับเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่มีเงินติดตัวสินะ อยากให้ข้าใจดีให้เจ้ายืมหน่อยไหม? ดูสภาพจน ๆ ของเจ้าสิ!”

“น้องสาว อย่าพูดเลย”

ซูเช่อได้ยินหลี่ซือซือด่ามาตลอดทาง ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยความสงสาร “พี่สะใภ้ ข้ายังมีเศษเงินอยู่นิดหน่อย เอาไปก่อนนะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ท่านช่วยชีวิตหร่านหร่านไว้ตอนที่ถูกยึดทรัพย์”

“ไม่ต้องหรอก”

กู้หว่านเยว่ยิ้มให้ซูเช่อแล้วโบกมือปฏิเสธ ส่วนเงินนางก็ไม่ได้ขาดแคลน

ซูเช่อเห็นดังนั้นก็ไม่ฝืนอีกต่อไป ถึงอย่างไรทั้งครอบครัวต้องมาลำบากเพราะบ้านสาม เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งบ้านใหญ่ของพวกเขาก็มีเงินไม่มาก ในเวลานี้ก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน

กู้หว่านเยว่มองไปรอบ ๆ ไม่มีอะไรอยากซื้อ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย จึงแกล้งทำเป็นซื้อของเล็กน้อย

ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดและมันเทศ สามารถนำไปย่างกินระหว่างทางได้ รสชาติก็ไม่เลว

นางยังซื้อน้ำตาลแดงเล็กน้อย น้ำตาลแดงสามารถเติมพลังได้ ทหารที่ออกรบก็ขาดน้ำตาลแดงไม่ได้ ในช่วงเวลาสำคัญอาจจะดีกว่าอาหารเสียอีก

“สิ้นเปลืองเงิน มีเงินแต่ไม่ซื้ออาหาร ดันไปซื้อน้ำตาลแดง ตะกละ”

หลี่ซือซือกลอกตา “อ๋อ จริงสิ เจ้าอาจจะไม่มีเงินด้วยซ้ำ”

นางรอที่จะดูเรื่องตลกของกู้หว่านเยว่ แต่กลับเห็นกู้หว่านเยว่ค่อย ๆ หยิบตั๋วเงินห้าสิบตำลึงออกมาจากอก

มูลค่าของตั๋วเงินนั้นมากกว่าที่นางหยิบออกมาเสียอีก

“เจ้าเอาเงินมาจากไหน?” หลี่ซือซือมองด้วยสายตาดุร้าย ที่แท้นางแกล้งทำเป็นจนมาตลอด

“เรื่องของข้า”

กู้หว่านเยว่วางของที่ซื้อมาไว้บนรถลากด้วยกัน จากนั้นลูบกุญแจที่อยู่ในอกอย่างเงียบ ๆ เห็นว่าฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว ถ้าไม่รีบไปเก็บของ ก็จะไม่มีเวลาแล้ว

นางก้าวไปหาแล้วกล่าวกับจางเอ้อร์

“พี่จางเอ้อร์ ข้าอยากไปซื้อของอย่างอื่นคนเดียว ของใช้สำหรับผู้หญิงน่ะ”

ขณะพูดประโยคนี้ กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะแค่ได้ออกมาซื้อของก็ถือว่าใจดีมากแล้ว

ถ้าจางเอ้อร์ไม่เห็นด้วย นางค่อยมาใหม่ตอนกลางคืน เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะออกจากเมืองอูอวิ๋นวันนี้หรือไม่ ถ้ามาอีกครั้งก็จะลำบากกว่าเดิม

แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจางเอ้อร์จะพูดง่ายมาก “กลับมาภายในครึ่งชั่วยาม”

กู้หว่านเยว่รู้สึกซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมาก”

นางเข้าใจว่านี่เป็นความไว้วางใจที่จางเอ้อร์มีให้นาง หยิบตะกร้าแล้วเดินไปที่ตรอกอูอี

“ท่านนักการ ข้าขอไปดูร้านเสื้อผ้าข้าง ๆ ได้ไหม?” หลี่ซือซือเข้ามาขอร้อง

ตอนที่นางออกเดินทางก็ไม่ได้เก็บเสื้อผ้าอะไรเลย เสื้อผ้าที่สวมก็เกือบจะขาดหมดแล้ว ซึ่งสำหรับคนที่รักสวยรักงามอย่างนาง นี่เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้

“ฝันไปเถอะ!”

จางเอ้อร์ด่านางอย่างสาดเสียเทเสีย ทำเอาหลี่ซือซือน้ำตาคลอ

“ทำไมกู้หว่านเยว่ไปได้ แล้วข้าไปไม่ได้?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ซูเช่อก็รู้สึกกลัว หลี่ซือซือถึงกับกล้าท้าทายท่านนักการ ไม่กลัวตายหรือ?

โชคดีที่จางเอ้อร์ไม่ชอบทำร้ายคน จึงไม่ได้ฟาดแส้ใส่นาง แค่หัวเราะเยาะ

“แม่นางกู้ช่วยท่านหัวหน้าไว้ เป็นผู้มีพระคุณต่อท่านหัวหน้า เจ้าเป็นหรือไม่? ไม่ส่องกระจกดูเลยหรือว่าตัวเองมีค่าแค่ไหน ต่อไปนี้ถ้าไม่สงบเสงี่ยม ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกมาซื้อของอีก!”

ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ทำตามคำแนะนำของซูจิ่งสิงจนไปถึงลานบ้าน จากนั้นหลบหายตัวเข้าไปในลานบ้าน ใช้กุญแจเปิดประตูห้องใต้ดินแล้วรีบวิ่งเข้าไป

เมื่อนางจุดเทียนให้แสงสว่างส่องไปรอบ ๆ หนังตาก็กระตุกอย่างแรง

ดีมาก สมกับเป็นผู้ชายของนางกู้หว่านเยว่!

ที่แท้ก็สะสมเสบียงและอาวุธไว้เต็มห้องใต้ดิน ไม่แปลกใจเลยที่ขณะค้นจวนอ๋อง ไม่มีอะไรในคลังสมบัติเลย ดูท่าจะรู้ล่วงหน้าแล้วรีบย้ายออกไปก่อนแล้ว

แต่ของเยอะขนาดนี้ ซูจิ่งสิงจะให้นางขนไปหมดเลยหรือ?!

ไม่สิ ผู้ชายคนนี้รู้ว่านางมีมิติวิเศษแล้วหรือ?

กู้หว่านเยว่รู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ปล่อยให้มือว่าง นางโบกมือเก็บของในห้องใต้ดินจนหมด

หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว จึงหันหลังกลับแล้วออกไป

จากนั้นก็กะเวลาแล้วไปที่ร้านขายยา ให้หมอจัดยาสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ตามที่นางสั่ง แล้วรีบกลับไปหากลุ่มหลัก

เหล่านักการได้ขนของขึ้นรถลากแล้ว

กู้หว่านเยว่วิ่งเข้ามา “ขอโทษที ขอโทษที ไปร้านขายยาจึงมาช้าแล้ว”

จางเอ้อร์เกาหัว “ไม่เป็นไร แม่นางกู้ขึ้นรถก่อนเถอะ พวกเรากำลังจะกลับโรงเตี๊ยมแล้ว”

“ได้” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจ จากนั้นเอ่ยขึ้นมาทันที “จริงสิ ห่อยาสมุนไพรพวกนี้ให้ท่าน”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
สนุก ติดตาม ๆๆ
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกมากค่ะขอบคุณที่เปิดโอกาสให้ได้อ่านนิยายสนุกสนุกค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1988  

    จ้านจ้านกลอกตาเล็กน้อย “นี่มันขนมของเด็ก ข้าไม่กินแล้ว เจ้ากินเถอะ” จี้เยว่ยังคงดื้อดึง “อร่อย ให้พี่ชายกิน” จ้านจ้านไม่ต้องการ เขาไม่ได้พูดโกหก เขาไม่กินอมยิ้มมานานมากแล้ว ป้ายางเคยบอกว่า กินอมยิ้มเยอะจะทำให้ฟันจะผุง่าย เขาจึงไม่กิน แต่จี้เยว่ก็เหมือนปลาสเตอร์เหนียวหนึบ หากเขาไม่ยอม นางก็จะตามติดเขา และมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ช่างเถอะๆ ข้ากินหนึ่งเม็ดก็ได้” จ้านจ้านยอมแพ้ กู้หว่านเยว่มองการกระทำของเด็กทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ และคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่นาน เสียงของชิงเหลียนก็ดังเข้ามาจากด้านนอก “พระมเหสี คนของจวนซุนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่พยักหน้า เมื่อวานก็มีคนจากสกุลซุนมาหา บอกว่าพวกเขาจะพาจี้เยว่เข้าวัง วันนี้ตั้งใจจะมาเก็บข้าวของของจี้เยว่ ภายในจวนซุน มีเด็กสาวที่ดูโตกว่าหน่อยจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มคุยกัน “เมื่อวานคนในวังบอกว่าจะพายัยบ๊องผู้นั้นเข้าไปอยู่ในวัง” เหตุใดโชคชะตาของยัยบ๊องถึงได้ดียิ่งนัก?” คนที่พูดคือคุณหนูใหญ่ของสกุลซุน ปีนี้อายุหกขวบกว่าแล้ว นางคอยติดตามอยู่ข้างกายของฮูหยินซุน ได้รับการอบรมสั่งสอนจนฉลาดปราดเปรื่อง เวลา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1987  

    เช่นนั้นแม้แต่ปรมาจารย์แพทย์ก็ยังทำไม่ได้ ดูท่าทางสถานการณ์ของซูจิ่นเอ๋อร์คงจะเข้าขั้นวิกฤตเสียแล้ว ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นกู้หว่านเยว่เงียบไป ก็แทบจะร่ำไห้ด้วยความร้อนใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกำลังจะบอกข้าว่าข้าจะมีบุตรไม่ได้ตลอดชีวิตใช่หรือไม่เจ้าคะ?” กู้หว่านเยว่รีบเอ่ย “อย่าพูดจาเหลวไหล” ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็ไม่อยากมองโลกในแง่ร้าย แต่นางกลัวจริง ๆ กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวัน อาการป่วยนี้ไม่ใช่โรคที่จะรักษาให้หายขาดในทันที จะรีบร้อนไม่ได้ “เอาอย่างนี้ ข้ามีธุระต้องออกนอกวัง เจ้าอยู่รอข้าในวังไปก่อน รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้วค่อยกลับมาตรวจชีพจรให้เจ้า ดูว่าเจ้าเป็นอะไร” ซูจิ่นเอ๋อร์ร้อนใจอยู่ภายใน อย่าว่าแต่ครึ่งวันเลย แม้แต่เสี้ยววินาทีนางก็รอไม่ได้ แต่ในเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่มีธุระก็คงห้ามอะไรไม่ได้ จึงฝืนใจพยักหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไปจัดการธุระของท่านก่อนเถอะ ข้าจะรอท่านเสร็จธุระอยู่ในวัง” กู้หว่านเยว่เอ่ยโน้มน้าว “เจ้าอย่ากังวลไปเลย เรื่องมีบุตรเราบังคับกันไม่ได้ ยิ่งเครียดยิ่งมียาก” “เจ้าค่ะ” ซูจิ่นเอ๋อร์เหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจฟัง หลังจากที่พบว่าตัวเองมีบุต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1986  

    ชิงเหลียนอุ้มเด็กน้อยออกไป เมื่อถึงเวลานอนในยามค่ำคืน กู้หว่านเยว่สั่งให้คนอุ้มจ้านจ้านเข้ามา ทั้งสามคนนอนพูดคุยอยู่บนเตียงเดียวกัน กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ราบแห่งความโกลาหลให้จ้านจ้านฟัง จ้านจ้านที่ดูเหมือนจะตั้งใจฟังเรื่องเล่า ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา กู้หว่านเยว่ตบหลังของจ้านจ้านเบา ๆ สายตาอบอุ่น “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้ว เรานำเรื่องนี้ไปหารือกับพี่สะใภ้ของเจ้าก่อนดีหรือไม่?” ภายในตำหนักของซูจิ่นเอ๋อร์ นางหยางคว้ามือของนาง แล้วทอดถอนใจ ในระหว่างการสนทนาเมื่อครู่นั้น ซูจื่อชิงได้เอ่ยถึงการตั้งครรภ์ของเมี่ยชิงหว่าน สีหน้าของซูจิ่นเอ๋อร์ดูไม่ดีนัก นางหยางผู้เป็นมารดาเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามีทักษะการแพทย์สูง ไม่แน่อาจจะมีวิธีการก็ได้” นัยน์ตาของซูจิ่นเอ๋อร์ฉายแววสับสน “แต่ปรมาจารย์แพทย์กล่าวไว้ว่าร่างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรง การตั้งครรภ์ยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก” นางอยากให้กู้หว่านเยว่ตรวจอาการให้นาง แต่ก็กลัวว่าจะผิดหวัง หากแม้แต่พี่สะใภ้ใหญ่ยังหาวิธีให้ไม่ได้ เกรงว่านางคงมีลูกของตัวเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต “ท่านแม่ ข้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1985

    ซูจิ่งสิงนับญาติแล้ว ก็คือคนของราชวงศ์ต่อให้พูดว่าภายในใจของเขาเห็นนางหยางและซูจิ้งเป็นบิดามารดา ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบซูจิ้งล้วนคิดว่าขุนนางและกษัตริย์แตกต่างกันมารยาทพิธีการต้องครบถ้วน ถึงจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายาวนานมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้สกุลซูดียิ่งขึ้นอีกด้วย“ท่านปู่ ท่านมานั่งเถอะ” จ้านจ้านสืบเท้าขึ้นมา จูงซูจิ้งไปนั่งซูจิ้งพยักหน้ายิ้มๆ หยิบขนมถังหูลู่ออกจากอกหนึ่งไม้“ให้เจ้า ปู่ซื้อมาจากนอกวัง”“ว้าว ขนมถังหูลู่นี่นา ขอบคุณท่านปู่มากขอรับ”จ้านจ้านดีใจอย่างมาก เขาออกจากวังน้อยมาก ดังนั้นจึงอยากกินของนอกวังยิ่งนัก“กินช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก” ใบหน้าซูจิ้งประดับยิ้ม มองดูแล้วรักเอ็นดูจ้านจ้านอย่างแท้จริงกู้หว่านเยว่กวาดตามองโดยรอบ “ใช่แล้ว เหตุใดไม่พาชิงหว่านเข้าวังเล่า?”หลังชิงหว่านแต่งงานกับจื่อชิงแล้ว ก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเขานางหยางยิ้มไม่หุบ ใบหน้าซูจื่อชิงสะท้อนแววเขินอาย “ชิงหว่านตั้งครรภ์ ตอนนี้หกเดือนแล้ว ร่างกายกำลังหนัก กลัวเกิดข้อผิดพลาดอันใด ข้าจึงส่งคนไปแจ้งข่าวนาง รอข้ากลับจวนแล้ว จะพูดกับนางด้วยตนเอง พรุ่งนี้ค่อยพานางมาพบ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1984

    แต่จี้เยว่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของสกุลซุน ไม่ได้รับความสำคัญมากเพียงพอ อีกทั้งยังไม่สามารถตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงได้นางหยางกวาดตามอง “ดูเด็กคนนี้น่ารักมากเพียงใด ข้าอายุปูนนี้แล้ว ว่างงานยิ่งนัก ชอบให้เด็กรายล้อมรอบกาย หากไม่สะดวกเลี้ยงดูในวัง ก็สามารถส่งมาที่จวนข้าได้”“เด็กคนนี้งดงามดุจหยก ขาวๆ นุ่มๆ มองดูแล้วเป็นคนมีวาสนาคนหนึ่ง กินอิ่มแล้วก็นอน นิสัยเองก็ดี ภายภาคหน้าจ้านจ้านโตแล้ว ก็ช่วยคลายเหงาให้จ้านจ้านได้”ซูจิ่งสิงไม่รับสนม วังหลังคล้ายไม่มีอยู่จริง กู้หว่านเยว่เองก็ไม่มีลูกในตอนนี้ภายในวังมีเพียงจ้านจ้านเป็นเด็กคนเดียว เหงาอยู่บ้างจริงๆมีเด็กคนอื่นอยู่เป็นเพื่อน ก็เป็นเรื่องดีสองสามคนปรึกษากันและตัดสิน ให้จี้เยว่อยู่ภายในวังก่อนอย่างน้อยทางฝั่งสกุลซุนนั้น ซูจิ่งสิงย่อมส่งคนไปแจ้งข่าว คาดว่าสกุลซุนเองก็ไม่มีวันคัดค้านขณะเดียวกันดรุณีน้อยนอนหลับฝันหวานภายในอ้อมกอดของชิงเหลียนยังไม่รู้เลยว่าบัดนี้ชะตาชีวิตของตนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นี้ไป จะผูกติดกับองค์ชายน้อยที่มอบขนมให้ตนเองกินสองสามคนพูดคุยกันขณะรอ กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องที่ได้พบเห็นในที่ราบแห่งความโกลาหล

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1983

    ห้องเครื่องของวังหลวงทำอาหารเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว เหล่าญาติฝ่ายหญิงที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในวังหลวงล้วนถูกกระจายออกไปแล้วชิงเหลียนมองกู้หว่านเยว่ที่ไม่ได้พบหน้านานมาก ตื่นเต้นจนน้ำตาไหล“ฮูหยิน นับว่ารอจนท่านกลับมาแล้ว”นางปาดน้ำตา พูดยิ้มๆ อย่างเก้อกระดาก “หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ภายในวัง วันหน้าบ่าวจะพานางเข้ามาโขกศีรษะให้ท่านให้ได้เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้าง“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หงซิ่งเด็กคนนั้นแต่งงานแล้วหรือนี่”นางนึกถึงก่อนหน้านี้เตรียมสินเดิมให้เหล่าสาวใช้ รอได้พบหงซิ่ง จะต้องมอบสินเดิมให้นางชิงเหลียนพยักหน้ายิ้มๆ “พวกเขาสองสามีภรรยาเปิดร้านขายผ้าแห่งหนึ่งในเมืองหลวง การค้านับว่าไม่เลว ไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง”กู้หว่านเยว่นึกดีใจแทนพวกเขาภายในก้นบึ้งของหัวใจ“ใช่แล้ว นี่เป็นลูกของใคร เหตุใดไปอยู่ในตำหนักบรรทมของจ้านจ้านได้?”จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่หลบใต้โต๊ะของจ้านจ้านขึ้นมาได้ ดวงตากลมโตดุจหยก กลับเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งชิงเหลียนรีบเล่าฐานะของเด็กหญิงให้กู้หว่านเยว่ฟัง กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงชะงักไป เงียบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status