อันที่จริงการกระทำที่เรียกได้ว่ารักษาตัวรอดของฉางซิ่วมิใช่เรื่องแปลกอะไร ทั้งยังมีให้เห็นมามากมายจากผู้คนในเมืองหลวง ถึงจะมีนิสัยใจร้อนมุทะลุ แต่หลีหรานก็ไม่ได้โง่งมเสียจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร นางจึงเดาเจตนาหลบหน้าตนของอีกฝ่ายออกในทันทีเพียงแต่หลีหรานคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ด้วยนิสัยต้นหญ้าเหนือกำ
พอฟ้าสางเริ่มมีแสงสว่างทาบทับขอบฟ้า ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบเมฆ สององครักษ์ก็จับกลุ่มคนที่ถูกมัดทั้งหมดโยนขึ้นเกวียนเทียมวัวที่ยืมมาจากเซี่ยต้าจวงทันที โดยมีเจ้าของเกวียนย้ายไปทำหน้าที่ขับรถม้าพาหลีจวินกับเด็กๆ ตามไปอีกทีถนนเส้นทางขรุขระ ปกติเกวียนเทียมวัวก็นั่งได้ยากอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกหวังฉี
“ต่อหน้าเด็กๆ พูดอะไรของเจ้ากัน” เยว่อวิ๋นลดฝ่ามือที่เพิ่งโบกศีรษะองค์ชายลงอย่างไม่รู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ยต่อ “พวกเราคือประชาชนคนธรรมดาที่อยู่ภายใต้กฎหมายนะ”มุมปากสือจิ่วพลันกระตุกเล็กน้อย เช่นเดียวกับบรรดาคนที่ถูกมัดกองบนพื้น แต่ละคนต่างก็พาเงยหน้ามองเยว่อวิ๋นด้วยสายตาแปลกๆคนธรรมดาที่มีผู้คุ้มกันฝีม
หวังฉีไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ของเด็กผีปีศาจที่เขากำลังก่นด่าอยู่นั้น ยามนี้กำลังยืนมองหน้ากันโดยไร้เสียงอยู่ที่นอกประตูนี่เอง“ภรรยา เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่าเสี่ยวอวี้เป็นเด็กผู้หญิงน่ะ” เซี่ยฉงอวิ๋นพูดขึ้นเบาๆ ตอนที่เยว่อวิ๋นบอกจะสอนเรื่องวิชาการต่อสู้ให้บุตรสาว เขาเองก็เห็นสมควรด้วย ถึงจะเป็นเด็กผู้หญิงแต
“ใครน่ะ” เสียงอ่อนระโหยของสตรีมีอายุดังมาจากบนเตียง ในความมืดสลัวมองเห็นเงาร่างที่เคลื่อนไหวหลังม่านมุ้งได้อย่างเลือนรางได้ยินเสียงขยับตัว จากนั้นก็เป็นเสียงอุทานด้วยความเจ็บปวด หวังฉีพลันแสยะยิ้มบนใบหน้า เป้าหมายของเขาก็บาดเจ็บมิใช่หรือ คนตรงหน้าต้องเป็นหลิวซื่อเป้าหมายของเขาแน่ๆไม่รอช้า หวังฉีทะ
“ตอนนั้นเศรษฐีเฉียวก็แบบนี้ไม่ใช่หรือ มีคนมาสืบข่าวพอตกกลางคืนก็ถูกโจรปล้น” บุตรชายผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้น“แบบนี้ไม่ได้ สามีภรรยาฉงอวิ๋นมีพระคุณกับพวกเรา จะมองพวกเขาโดนรังแกเฉยๆ ได้อย่างไร” ป้าหวงที่หลังจากเกิดเรื่องฉีเฟยก็กลายเป็นหางเล็กๆ ติดตามเยว่อว๋น พยักหน้าเห็นด้วยพลางกล่าวหลายคนฟังแล้วส่งเสียงเห