สาวการตลาดศตวรรษที่ 21 จับพลัดจับผลูมาเข้าร่างสาวบ้านนาที่มีย่าใจร้าย วันดีคืนดีไปเจอหนุ่มหล่อบาดเจ็บจึงเก็บกลับบ้านอย่างไม่เต็มใจ สาวน้อยจะช่วยครอบครัวอย่างไรมาดูกัน
Lihat lebih banyakจูฉิงอันเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการเลี้ยงดูจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เธอจำความได้ หลังจากอายุครบเกณฑ์ที่ต้องออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตอนอายุ 18 เธอก็หางานทำและเรียนไปด้วยจนกระทั่งจบปริญญาตรีด้านการตลาด ทุกปีจูฉิงอันจะนำเงินเก็บส่วนหนึ่งส่งกลับไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อเลี้ยงดูน้อง ๆ เหมือนกับรุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่ออกไปจากที่นี่เช่นเดียวกับเธอ
หลังจากเรียนจบและทำงานพาร์ทไทม์ต่อมาอีก 3 ปี จูฉิงอันก็มีโอกาสได้เข้าทำงานในบริษัทนำเข้าและส่งออกผลไม้รายใหญ่ของประเทศจากความสามารถของเธอเอง ทำให้จูฉิงอันสามารถซื้อคอนโดและรถยนต์ส่วนตัวได้จากเงินเดือนที่ได้รับในบริษัทใหญ่บริษัทนี้ในเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปี นับว่าเธอตัดสินใจไม่ผิดที่ยอมทำงานประจำกับบริษัทนี้หลังจากที่เปรียบเทียบรายได้จากการทำงานพาร์ทไทม์หลายงานมานานหลายปี
2 ปี ต่อมา ตำแหน่งของจูฉิงอันก็ได้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการตลาดตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เธอต้องรับผิดชอบงานมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่านัก ยิ่งเธอขยันทำงานมากเท่าไหร่ เงินรายได้ของเธอก็ยิ่งได้รับจากการทำงานมากขึ้นเท่านั้น หัวหน้าแผนกยังไว้วางใจให้เธอเข้าร่วมงานสัมนาและการประชุมต่าง ๆ หลายงานเช่นกัน ทุกครั้งจูฉิงอันจะสรุปรายงานการเข้าร่วมสัมนาและประชุมเป็นเอกสารส่งให้หัวหน้าเพื่อรายงานไปยังเบื้องบน จนทำให้ชื่อของเธอเป็นที่จดจำได้ของหัวหน้าฝ่ายหลายคนที่เข้าร่วมประชุมกับหัวหน้าฝ่ายการตลาด พวกเขายังชื่นชมความขยันขันแข็งและรายงานที่ละเอียดเหมือนกับพวกเขาได้เข้าร่วมงานสัมนาเหล่านั้นด้วยตัวเองที่จูฉิงอันเขียนขึ้นมาอีกด้วย ทำให้ปลายปีที่พวกเขาต้องวัดผลการทำงานของพนักงานพวกเขาต่างให้คะแนนจูฉิงอันกันไม่น้อยโดยที่เจ้าตัวเองไม่รู้มาก่อน
หลังจากได้รับคะแนนประเมินที่สูงลิบจนปลายปีที่บริษัทประกาศโบนัส จูฉิงอันได้รับเงินมากกว่าเงินเดือนที่สูงอยู่แล้วของเธอถึง 5 เท่า เงินจำนวนนี้ทำให้เธอคิดว่าจะช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้าได้อีกหลายปี จูฉิงอันจึงแอบทำพินัยกรรมเอาไว้ที่คอนโดของตนเองเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะเธอรู้ดีว่ายิ่งคะแนนประเมินสูงมากเท่าไหร่ งานที่เธอต้องรับผิดชอบในปีต่อไปก็ยิ่งจะมากขึ้นด้วย เธอไม่อยากให้บ้านเด็กกำพร้าต้องลำบากหากเธอจากไปจริง ๆ และจูฉิงอันยังคิดจะเก็บเงินก้อนนี้เอาไว้โดยไม่นำมาใช้ในอนาคต เธอจึงตัดสินใจทำพินัยกรรมด้วยตัวเอง
หลังงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเสร็จสิ้นลง จูฉิงอันต้องเดินทางออกสำรวจตลาดภายในประเทศที่หัวหน้าฝ่ายมอบหน้าที่ให้ การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้คนที่ยังไม่มีครอบครัวเพื่อความสะดวก บริษัทเห็นว่าเธอมีความรับผิดชอบสูงและไม่มีครอบครัว เขาจึงส่งเธอออกเดินทางไปในสัปดาห์แรกหลังจากหยุดปีใหม่ ซึ่งการไปครั้งนี้บริษัทยังมีเบี้ยเลี้ยงที่พักและอาหารให้จูฉิงอันไม่น้อย
จูฉิงอันที่มองโลกในแง่ดีไม่ได้คิดว่าหัวหน้าเอาเปรียบ เธอดีใจเสียอีกที่จะได้รับเงินเพิ่มเติมระหว่างการเดินทาง โดยกำหนดการเดินทางครั้งนี้ยังต้องใช้เวลาเกือบสามเดือนกว่าการตรวจสอบตลาดการค้าทั่วประเทศจะครบทั้งหมด
ก่อนวันเดินทาง จูฉิงอันฝันแปลก ๆ ว่าเธอจะต้องจากไปในที่ที่ไกลแสนไกล เธอจึงเตรียมพินัยกรรมที่ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้วางบนโต๊ะทำงานในคอนโดก่อนไปทำงาน เพราะหากเธอเป็นอะไรไปจริง ๆ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องห่วงเรื่องของบ้านเด็กกำพร้าที่เธอช่วยส่งเงินให้มาตลอดหลายปี
การเดินทางในเดือนแรกนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ถึงแม้จูฉิงอันจะเหนื่อยจากการขับรถด้วยตัวเองไปยังหลายจังหวัดในภาคเหนือและตะวันออกภายในเวลาแค่เดือนเดียว แต่อย่างน้อยรายงานที่เธอส่งทางอีเมล์ซึ่งเธอทำอย่างละเอียดและคาดเดาทิศทางการตลาดของแต่ละจังหวัดที่เธอไปก็ทำให้บริษัทปรับแผนงานการส่งออกของปีนี้ได้อย่างทันท่วงที ตอนนี้เหลืออีกเพียงไม่กี่ภาคเท่านั้นเธอก็จะเสร็จจากหน้าที่การสำรวจตลาดแล้ว
รุ่งเช้าวันต่อมา จูฉิงอันรีบออกเดินทางจากภาคตะวันออกไปยังภาคใต้ซึ่งมีระยะทางไกลที่สุดในงานครั้งนี้โดยไม่คิดจะรอให้ฟ้าสว่าง เธอคิดจะแวะทานอาหารเช้าในปั๊มน้ำมันระหว่างทางหากเธอหิว ปกติแล้วเธอมักจะกินอาหารไม่ตรงเวลาตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง เนื่องจากเธอไม่อยากขับรถเร็วเกินไปจึงยอมที่จะหาอาหารง่าย ๆ กินไประหว่างขับรถมาตลอด
ด้วยระยะทางที่ไกลมาก จูฉิงอันจึงแวะปั๊มในตอนเกือบเที่ยงวันเพื่อเติมน้ำมันและเข้าห้องน้ำหลังจากขับรถต่อเนื่องมาเกือบห้าชั่วโมงจนน้ำมันเกือบจะหมดถัง หลังเติมน้ำมันรถจนเต็ม จูฉิงอันแวะจอดซื้อกาแฟและขนมปังเพื่อกินระหว่างทาง ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำและล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะไม่สบายจากอากาศเปลี่ยนแปลงยังไงพิกล
จูฉิงอันเปิดแผนที่ดูในมือถือและเห็นว่ายังอีกไกลกว่าเธอจะไปถึงจังหวัดเป้าหมายแรกทางภาคใต้ เธอรีบกลับไปที่รถโดยไม่คิดจะหยุดพักต่อที่ปั๊มแม้แต่นิดเดียว เมื่อสตาร์ทรถและดื่มกาแฟไปนิดหน่อย จูฉิงอันก็ขับรถออกจากปั๊มตามแผนที่ในมือถือที่เธอค้นหาเส้นทางก่อนหน้านี้
จูฉิงอันขับรถไปได้เกือบสามชั่วโมง อากาศก็เปลี่ยนแปลงกระทันหันโดยมีลมและฝนตกหนักอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เธอรีบลดความเร็วลงและเปิดที่ปัดน้ำฝนจนสุดแต่ก็ยังมองไม่ค่อยเห็นทางเนื่องจากพายุฝนที่โหมกระหน่ำอยู่ในตอนนี้ จูฉิงอันมองแผนที่อีกครั้งก็เห็นว่าเธอขับรถช้าเกินไปจนกังวลว่าจะหาที่พักในเมืองซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เธออยู่ตอนนี้ถึงสามชั่วโมงไม่ทัน
หลังจากขับไปคิดไปสักพัก จูฉิงอันก็ตัดสินใจเพิ่มความเร็วรถทั้งที่เธอในตอนนี้กลับจามและมีน้ำมูกไหลเสียแล้ว เธอคิดเพียงว่าอยากรีบไปถึงตัวเมืองที่ใกล้ที่สุดเพื่อหาที่พักก่อนจะออกเดินทางต่อในรุ่งเช้าวันถัดไป ขณะที่ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จูฉิงอันพยายามเพ่งมองทางที่เต็มไปด้วยสายฝนอย่างยากลำบาก รถหลายคันบนเส้นทางเดียวกันต่างชะลอและขับช้ากว่าจูฉิงอันเพื่อความปลอดภัย พวกเขาแปลกใจไม่น้อยที่รถทะเบียนเมืองหลวงคันหน้าใช้ความเร็วมากเสียจนหวาดเสียวแทน พวกเขาที่ทำงานส่งของขับเส้นทางนี้จนเคยชินยังไม่มีใครกล้าขับเร็วเท่ากับจูฉิงอันเลยแม้แต่คันเดียว เพราะพวกเขารู้ดีว่าถนนสายนี้ไม่ค่อยดีนัก อีกทั้งยังมีทางโค้งและทางตรงยาวหลายจุดที่อันตราย
จูฉิงอันที่ขับรถตามแผนที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเส้นทางข้างหน้าจะอันตรายขนาดไหน ตอนนี้เธอต้องการไปถึงตัวเมืองเพื่อหาที่พักผ่อนให้เร็วที่สุดเท่านั้น ขณะที่เหลืออีกประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตรจะถึงตัวเมือง เส้นทางกลับเปลี่ยนเป็นโค้งติด ๆ กันหลายโค้งจนจูฉิงอันไม่สามารถเพิ่มความเร็วได้อีก เธอได้แต่ต้องลดความเร็วลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหลังจากที่ขับฝ่าสายฝนมาถึงสองชั่วโมงแล้ว แต่ขณะที่เธอกำลังจะลดความเร็วลงอีก รถของเธอก็เสียหลักจากถนนชำรุดจนจูฉิงอันไม่สามารถควบคุมรถได้ ยิ่งเธอเหยียบเบรกอย่างแรงขณะถนนลื่น ก็ยิ่งทำให้รถที่มาด้วยความเร็วหมุนคว้างจนเธอทำอะไรไม่ถูก จูฉิงอันพยายามบังคับพวงมาลัยไม่ให้ออกนอกเส้นทาง เสียดายที่สภาพถนนซึ่งเต็มไปด้วยหลุมและน้ำไม่เอื้ออำนวย
เอี๊ยด! ปัง!! โครม!!!
รถของจูฉิงอันหยุดลงก็ตอนที่มันหมุนออกนอกเส้นทางไปชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางภายในเสี้ยววินาที ก่อนสติสุดท้ายของจูฉิงอันจะดับลง เธอได้แต่คิดว่าในโลกนี้เธอยังติดค้างใครหรือมีห่วงอะไรหรือไม่ ตอนนี้ร่างกายของเธอถูกอัดติดกับตัวรถจนชาไปหมด เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนักและคิดว่าน่าจะมีรถที่เห็นอุบัติเหตุของเธอเข้ามาช่วยเธอได้ทัน จูฉิงอันรู้สึกว่าตัวเองรอนานจนทนไม่ไหวทั้งที่เวลาเพิ่งผ่านไปหลังการชนเพียงไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น
จูฉิงอันเริ่มสติรางเลือนลงทุกทีจากอาการบาดเจ็บ เธอคิดเพียงว่าในโลกนี้เธอไม่ได้ติดค้างใครอีกแล้ว หากเธอไม่รอดจริง ๆ เธอก็ขอให้คนค้นพบพินัยกรรมที่เธอทำเอาไว้ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยเท่านั้น จูฉิงอันภาวนาซ้ำ ๆ ก่อนสติสุดท้ายของเธอจะดับลงไปตลอดกาล
รถที่ขับตามหลังจูฉิงอันมาช้า ๆ หลายคัน กว่าที่จะเห็นว่ารถของจูฉิงอันที่แซงพวกเขาหลายคันก่อนหน้านี้ประสบอุบัติเหตุเข้าแล้วก็เป็นตอนที่เธอเสียชีวิตคาซากรถซึ่งยับยู่ยี่จากการชนต้นไม้อย่างแรงเสียแล้ว พวกเขาได้แต่พากันจอดรถเพื่อดูว่าจะช่วยเหลือคนขับได้หรือไม่ เมื่อดูแล้วเกินกำลังของพวกเขา ทุกคนจึงได้แต่ต้องกลับขึ้นรถไปโทรศัพท์เรียกหน่วยกู้ภัยและตำรวจแทน คนขับหลายคนที่ต้องรีบไปส่งของขับรถออกจากที่เกิดเหตุหลังจากเห็นว่าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว มีเพียงรถสองสามคันที่อยู่รอเจ้าหน้าที่ในรถท่ามกลางสายฝนเท่านั้น พวกเขากลัวว่าถ้าไม่มีใครอยู่เป็นพยานให้อาจถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นคู่กรณีของรถคันเกิดเหตุได้ รถทั้งสามคันจึงต่างรออยู่ด้วยกันทั้งอย่างนั้น
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
อีกสองสัปดาห์จะเข้าหน้าหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว หลินฉิงอันนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นในปีที่แล้วขึ้นมา นางจึงคิดที่จะสร้างเกือกม้าและอานม้า รวมทั้งชุดม้า ลา สำหรับให้พวกมันใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็นด้วยหลินฉิงอันใช้เวลาว่างถึงสามวันวาดแบบออกมาเท่าที่นางจำได้ จากนั้นจึงนำแบบไปปรึกษากับเฉียนซื่อและเฉินกังก่อนให้พวกเขานำเงินไปสั่งทำที่ร้านตีเหล็กในเมือง นางไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือไม่จึงให้เงินพวกเขาไป 100 ตำลึงเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนหนังสัตว์ที่นางต้องการนำมาให้ท่านแม่กับพี่สาวหลิงฟางเย็บให้นั้นก็สั่งให้พวกเขาซื้อมาด้วยจำนวนมาก นางให้เงินพวกเขาไปอีก 100 ตำลึงเช่นกันจะได้ไม่เสียเวลากลับมานำเงินไปซื้อของหลายครั้งหลินอ้ายไม่ได้ทักท้วงอะไรที่เห็นหลินฉิงอันใช้เงินจำนวนมากในครั้งนี้ นางรู้ดีว่าบุตรสาวทำสิ่งใดก็ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของคนในบ้านทั้งนั้น เรื่องชุดในบ้านที่นางเองจะมอบให้บ่าวรับใช้ก็เสร็จครบทั้งหมดแล้ว หลินอ้ายนึกถึงเสื้อคลุมกันหนาวขึ้นมาได้ นางจึงคิดจะส่งโจวซานไปสอบถามราคาที่ร้านค้าดูก่อน หากราคาแพงเกินไป นางค
สองวันต่อมา หลินฉิงอันเข้าเมืองกับชุนจินเพื่อไปรับหยกพกที่นางสั่งทำไว้ก่อนหน้านี้ หลินฉิงอันจ่ายเงินที่เหลือก่อนจะรับหยกพกมาตรวจสอบดู รูปแบบหยกที่สลักออกมาทำได้อย่างสวยงามตามที่นางวาดภาพเอาไว้ให้ช่างแกะสลัก ซึ่งหลินฉิงอันให้ช่างแกะสลักเป็นรูปผลไม้ต่าง ๆ รอบตัวหยก ตรงกลางมีคำว่า “林” สลักเอาไว้อย่างสวยงาม หยกพกของบ่าวทั้งหมดเหมือนกัน ส่วนหยกพกอีกห้าอันสำหรับคนในครอบครัวนั้น หลินฉิงอันใช้รูปเมฆมงคลและศาลากลางน้ำหลังเล็กโดยตรงกลางสลักคำว่า “หลิน” เช่นกัน เพิ่มเติมเพียงด้านหลังจะมีชื่อเจ้าของหยกแต่ละอันสลักเอาไว้ สีของหยกยังเป็นหยกมันแพะสีขาวนวล แตกต่างจากสีหยกของบ่าวในเรือนที่เป็นหยกสีเขียวธรรมดาหลังจากรับของมาทั้งหมดแล้ว หลินฉิงอันนำถุงหยกทั้งสองถุงเก็บเอาไว้ในรถม้าอย่างดี ก่อนที่นางจะไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อเครื่องปรุงรสเพิ่มเติม รวมทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง ถั่วเขียว ถั่วเหลืองเพิ่มด้วย ถึงแม้เมื่อวานทางร้านจะนำไปส่งที่บ้านนางจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันก็ยังคงเผื่อเหลือเอาไว้อีกนิดหน่อย นางรู้ดีว่าการเ
คืนนั้นหลินฉิงอันใช้เวลาครึ่งค่อนคืนเพื่อเขียนรายการสิ่งของจำเป็น เสบียงอาหารที่จะต้องซื้อในปีนี้ให้พอเพียงกับคนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว นางคิดด้วยว่าปีที่แล้วนางชวนครอบครัวกินหม้อไฟไปแล้ว ปีนี้นางอยากให้พวกเขาได้ลองกินหมูกระทะดูบ้าง หลินฉิงอันจึงร่างแบบหม้อสำหรับทำหมูกระทะตามความทรงจำในภพก่อนออกมา ด้วยคนจำนวนมากในบ้าน หลินฉิงอันคิดจะสั่งทำหม้อสัก 50 ใบเผื่อเอาไว้ก่อน ส่วนเตานั้นนางก็จะต้องซื้อเพิ่มมาด้วยเพื่อให้พอเพียงสำหรับวางหม้อหมูกระทะที่นางต้องการหลังอาหารเช้าวันต่อมา หลินฉิงอันอ่านรายการสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ พร้อมกับเสบียงอาหารจำนวนมากให้หลินอ้ายและหลินฉางหยูฟังเป็นเวลานาน หลินอ้ายและหลินฉางหยูยังบอกรายการสิ่งของเพิ่มเติมสำหรับการนำมาเป็นเสบียงอาหารในปีนี้ด้วย พวกเขาคิดว่าคนจำนวนมากจะต้องได้กินอิ่มนอนหลับในขณะที่อยู่ร่วมกันกับพวกเขาที่หมู่บ้านหลินฉิงอันไม่ได้ปฏิเสธรายการต่าง ๆ ที่พ่อและแม่นางเสนอ หลินฉิงอันทำเพียงแค่เพิ่มรายการต่าง ๆ เข้าไปในกระดาษเท่านั้น“ลูกค
หลินฉิงอันเดินทางไปขายเก๋ากี้ทั้งหมดที่ร้านขายยาก่อน วันนี้นางได้รับเงินมากถึง 20 ตำลึง จากจำนวนเก๋ากี้ที่ทุกคนช่วยกันเก็บได้เมื่อวานนี้ นางยังบอกเถ้าแก่ด้วยว่าช่วงหน้าหนาวนางคงไม่ได้มาส่งอีก ก่อนที่หลินฉิงอันจะให้ชุนจินพาไปยังร้านขายผลไม้แช่อิ่มเพื่อนำผลไม้แช่อิ่มทั้ง 30 กระสอบไปส่งเมื่อไปถึงหน้าร้านนางก็เห็นมีลูกค้าบ้างประปราย หลินฉิงอันจึงให้ชุนจินขับเกวียนเข้าไปด้านข้างร้านเพื่อลงของแทน หลี่หมิงที่ตาไวเห็นคุณหนูของเขามาถึงจึงบอกกับหวังไห่ทันที หวังไห่จึงปล่อยให้คนอื่น ๆ เฝ้าร้านแทนและนำสมุดบัญชีไปส่งให้หลินฉิงอันตรวจสอบระหว่างที่จ้าวหลงกับชุนจินช่วยกันยกกระสอบผลไม้แช่อิ่มเข้าไปเก็บไว้ในคลังของร้าน หลินฉิงอันก็นั่งตรวจดูบัญชีย้อนหลัง นางพบว่าการค้าถึงแม้จะไม่เฟื่องฟูเท่ากับช่วงแรก ๆ แต่ก็นับว่าได้กำไรไม่น้อยเช่นเคย“พี่ชายหวัง ข้าตรวจสอบเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านอย่าลืมลงจำนวนผลไม้แช่อิ่มที่นำมาครั้งนี้อีก 30 กระสอบด้วยนะเจ้าคะ”“ขอรับ
Komen