"ต่อไปเราใช้ชีวิตกันแค่สองคนแม่ลูกก็พอนะลูก มีแค่สองคนเราก็มีความสุขได้เหมือนกัน" ....ในขณะที่หนิงซินคิดจะปิดใจ แต่เธอก็ได้พบกับตัวร้ายที่รักเธอ...เธอจะทิ้งเค้าไป...หรือจะรักในสิ่งที่เค้าเป็น
View More1. นิยายเรื่อง ย้อนเวลาไปปฏิวัติตัวเอง ให้กลายเป็นคุณแม่สุดแซ่บ ยุค80 (จบแล้วมี e-book)
2. นิยายเรื่อง หลี่หนิงซิน ข้ามเวลาไปเป็นมารดาให้เจ้าก้อนแป้ง ยุค80 (จบแล้ว มีe-book)
3. นิยายเรื่อง ข้ามเวลาไปทำสวนกับเจ้าหนูตัวป่วนข้างบ้าน ยุค80 (จบแล้ว มี e-book)
นิยายทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นนิยายชุด ที่มีเนื้อหาและตัวละครที่เกี่ยวพันกัน เพื่อความเข้าใจควรอ่านตามลำดับนะคะ
ท่ามกลางความเงียบในช่วงกลางดึก กระท่อมหลังเล็กท้ายหมู่บ้าน ที่ซึ่งสองคนแม่ลูกเรียกมันว่าบ้าน แม้สภาพของมันแทบบังแดดบังฝนไม่ได้เลยก็ตาม
หนูน้อยเป่าเปาในวัย 2 ขวบนั่งสะอื้นไห้อยู่ใต้ความมืดมิดมาค่อนคืน โดยที่เด็กน้อยไม้มีโอกาสได้รับรู้เลยว่าแม่ของตนเองได้จากไปแล้ว หนูน้อยเอาแต่คิดว่าแม่นอนหลับ ปลุกเท่าไหร่ก็ปลุกไม่ตื่น
"ฮึก แม่จ๋า ตื่ง ๆ เป่าเปากัว เป่าเปาหิวแย้ว ฮึก ฮื้ออ ตื่งนะแม่จ๋า"
(แม่จ๋าตื่น ๆ เป่าเปากลัว เป่าเปาหิวแล้ว ตื่นนะแม่จ๋า)
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่หนูน้อยพยายามเขย่าแขนมารดา แต่ก็ไม่มีการตอบรับใด ๆ กลับมา
"ฮื้อออ แม่จ๋าตื่งเถอะ มืกตื๋อเยย เป่าเปากัวแย้ว"
(แม่จ๋าตื่นเถอะ มืดตึ๊ดตื๋อเลย เป่าเปากลัวแล้ว)
"ซี๊ด ปวดหัว โอ๊ะ ทำไมถึงเมื่อยไปทั้งตัวแบบนี้เนี่ย"
"ฮึกแม่จ๋าตื่งแย้ว เป่าเปาหิวแย้วแม่จ๋า"
หลี่หนิงซินสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก เธอคิดว่าเธอที่ได้พบเห็นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น แต่ภาพที่ฉากให้เห็นผ่าแสงจันทร์ที่ลอดช่องหลังคาหญ้าลงมา มันทำให้เธอตระหนักได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
ก่อนหน้านี้
หลี่หนิงซินหญิงสาววัน 24 ปีกำลังกลับจากงานนอกสถานที่ก่อนกำหนด เธอจึงตั้งใจจะซื้อของไปฝากคนรักที่กำลังเฝ้าร้านมินิมาร์ทของเธอและเขาอยู่ แต่เหมือนฟ้าทำให้เธอได้ตาสว่าง ช่วงเวลา 2 ทุ่ม หนิงซินเดินเข้าไปในร้านก็พบแต่ลูกน้องที่ขายของอยู่ข้างล่าง
หน้าตาของพนักงานดูตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นเธอกลับมาในคืนนี้ ความสังหรณ์ใจทำให้หนิงซินเดินขึ้นไปดูที่ห้องนอนที่อยู่บนชั้นสอง เพียงแค่ก้าวแรกที่เธอเหยียบบันได หูของเธอก็ได้ยินเสียงที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เสียงของลู่หลันเพื่อนที่เธอคิดมาตลอดว่าเชื่อใจได้ หนิงซินเดินขึ้นไปทั้งน้ำตาที่อาบไหลเต็มใบหน้า เธอจ้องมองผ่านบานประตูที่ปิดไม่สนิท หนึ่งคนคือเพื่อนรัก อีกหนึ่งคนคือชายอันเป็นที่รัก ที่เธอคิดจะฝากชีวิตไว้กับเขา
ทั้งคู่นอนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงที่เธอเป็นคนเลือกซื้อ หลี่หนิงซินกรีดร้องเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าที่ทั้งคู่กำลังบรรเลงเพลงรักต่อหน้าเธอ เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งออกไปนอกร้านท่ามกลางสายฝน
สุดท้ายเธอก็กลายเป็นเพียงหญิงสาวที่โง่งม ทำงานหาเงินส่งแฟนเรียนมหาวิทยาลัยจนจบเพราะหวังว่าเขาจะต้องการสร้างอนาคตไปพร้อมกับเธอ แต่ทุกอย่างมันก็สิ้นสุดลงที่วันนี้ หนิงซินถูกรถชนเสียชีวิตคาที่ท่ามกลางสายฝน
หลังจากวิญญาณออกจากร่างเธอได้ไปยังดินแดนแห่งหนึ่งแล้วได้พูดคุยกับชายชราที่มอบโอกาสให้เธออีกครั้ง แลกกับการช่วยชีวิตเด็กน้อยผู้น่าสงสารและการช่วยเหลือผู้คนที่เธอต้องประสบเหตุร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
กลับมาที่ปัจจุบัน
"ร้านของเจ้า ที่ทำงานของเจ้า จะติดตามเจ้าไปทุกที่ ขอเพียงเจ้าระลึกว่าต้องการสิ่งใดที่มีอยู่ในนั้น แล้วแตะที่แหวนที่อยู่ในนิ้วของเจ้า ของเหล่านั้นก็จะมาปรากฏอยู่ตรงหน้า"
เสียงของชายชราดังก้องอยู่ในหัวของหนิงซิน เธอลองสัมผัสที่มือของเธอก็พบว่ามีแหวนอยู่จริง ๆ
"ลองดูซักหน่อยแล้วกัน คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วมั้ง"
"ไยหย๋อแม่จ๋า เป่าเปาหิวแย้ว"
"รอแป้บนึงนะหนูน้อย เดี๋ยวฉันจะหาอะไรให้หนูกินเอง แต่ตอนนี้ฉันต้องหาไฟฉายก่อน ที่นี่มืดมาก"
แม้หนูน้อยเป่าเปาจะงุนงงกับคำพูดของมารดา แต่ยัยหนูก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำธุระตามที่ต้องการ เพียงแค่เห็นแม่ของเธอลุกขึ้นมาเท่านั้นหนูน้อยก็ใจชื้นขึ้นมามากแล้ว
"โอ๊ะ ทำได้จริง ๆ ด้วย"
หนิงซินเตะที่แหวนพร้อมกับนึกถึงไปฉายเป็นสิ่งแรก เพียงพริบตาสิ่งที่เธอต้องการก็มาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว พอหยิบไฟฉายมาเปิดไฟส่องสว่าง ภาพที่เห็นก็ทำให้หนิงซินรู้สึกหดหู่ใจจนไม่รู้จะพูดอะไร
"อยู่กันไปได้อย่างไงเนี่ย กระต๊อบนี่มันจะพังทับหัวคนอยู่แล้วนะ หลังคาก็แทบจะไม่เหลือ ประตูก็มีแค่เชือกคล้องเอาไว้ แถมยังอยู่ห่างไกลกับบ้านคนอื่นอีกต่างหาก"
ภาพตรงหน้าทำให้หนิงซินสงสารสองคนแม่ลูกมากกว่าเดิม จากที่เห็นชีวิตของทั้งคู่มาบางส่วนในตอนที่ได้ตอบตกลงชายชราไปแล้ว แต่เธอก็ไม่คิดว่าสถานที่จริงจะกันดารขนาดนี้ ของใช้ในบ้านก็ไม่มี เท่าที่เห็นก็มีเพียงหมอนเก่า 2 ใบกับผ้าห่มบาง ๆ อีกหนึ่งผืนและเสื้อผ้าเก่าอีก 2-3 ชุดเท่านั้น
จ๊อก จ๊อก โคร๊กก
"แม่จ๋าหิวข้าว"
"ที่นี่อันตรายเกินไป หลับตาลงแล้วกอดฉันไว้นะหนูน้อย"
"ฉังหย๋อ" (ฉันเหรอ)
เสี่ยวเปางุนงงกับคำแทนตัวของผู้เป็นแม่ที่แปลกไปจากเดิม หนูน้อยจึงย้ำอีกครั้ง นั่นจึงทำให้หนิงซินรีบเปลี่ยนคำแทนตัวทันที
"ไม่ใช่ ๆ แม่จ้ะ กอดแม่ไว้นะ"
"อ๋า กอกแม่จ๋า" (กอดแม่จ๋า)
หนิงซินลูกหัวทุยของเด็กสาวตัวน้อย ดูท่ายัยหนูน่าจะพูดเก่ง แต่เสียดายที่ผอมไปหน่อย เห็นที่เธอคงต้องบำรุงยัยหนูเป่าเปาให้อ้วนตุ้ยนุ้ยเสียแล้ว แขนเล็กของเสี่ยวเปาโอบกอดผู้เป็นแม่เอาไว้ แล้วหลับตาตามที่แม่ของเธอสั่ง
พรึบ
"เข้ามาได้จริง ๆ ด้วย ลืมตาได้แล้วจ้ะหนูน้อย หนูชื่อเป่าเปาใช่ไหม"
หนูน้อยลืมตาขึ้นมาก็เห็นสถานที่แปลกใหม่ที่ไม่คุ้นตา ดวงตาของเสี่ยวเปาเบิกโพลงมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นก่อนจะเอ่ยถามแม่จ๋าของเธอด้วยความตื่นเต้น
"ที่ไหนหย๋อแม่จ๋า นี่เป่าเปางาย แม่จ๋ายืมแย้วหย๋อ ฮึก แม่จ๋าไม่ยักเป่าเปาแย้วหย๋อ เป่าเปายักแม่จ๋าได้ยึป่าว"
(ที่นี่ที่ไหนหรอแม่จ๋า นี่เป่าเปาไง แม่จ๋าลืมแล้วหรอ แม่จ๋าไม่รักเป่าเปาแล้วหรอ เป่าเปารักแม่จ๋าได้รึเปล่า)
หนิงซินใจกระตุกฮวบเมื่อได้เห็นแววตาหม่นเศร้าของหนูน้อย เพียงครู่เดียวความทรงจำที่เจ็บปวดมากมายของสองคนแม่ลูกก็ไหลเข้ามาในหัวของหนิงซิน จนหัวของเธอคล้ายจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ
"มะ..ไม่ใช่แบบนั้น โอ๊ะ .. โอ๊ย ทำไมมันปวดหัวแบบนี้"
ความทรงจำของร่างนี้มีอยู่ว่า หลี่หนิงซินสูญเสียครอบครัวไปในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เธอจึงมาอาศัยอยู่กับป้าที่เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ พร้อมกับเงินเก็บของพ่อแม่ที่เหลืออยู่ 1,000 หยวน
มาถึงเธอก็มอบเงินให้ป้าเป็นผู้รักษาเอาไว้ ตอนนั้นเธออายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ปี คศ.1974 3 ปีที่เธอใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของป้าไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากทำงานที่คอมมูนแล้วเธอยังต้องกลับมาทำงานบ้านให้กับป้าและลุงเขย
ไม่เท่านั้น ลุงเขยที่เป็นเฒ่าหัวงูยังจ้องแต่จะลวนลามและขืนใจเธอ ครั้นบอกผู้เป็นป้าก็ถูกต่อว่าต่าง ๆ นานา หาว่าไปใส่ร้ายสามีของนาง หนิงซินต้องกล้ำกลืนฝืนทนจนอายุครบ 18 ปี เธอกลายเป็นหญิงสาววัยแรกแย้มที่มีชายหนุ่มเหลียวมองอยู่เป็นประจำ แม้ร่างกายจะซูบผอมก็ไม่อาจปิดบังใบหน้าที่มีเอกลักษณ์ของเธอได้ รวมไปถึงชื่อเสียงเรื่องความขยันจึงทำให้หลายบ้านอยากได้ไปเป็นสะใภ้
"โอ๊ย ปวดหัว ซี๊ดด"
"แม่จ๋าเป็งไยหย๋อ ฮึก เป่าเปากัวแย้ว" (แม่จ๋าเป็นอะไรเหรอ เป่าเปากลัวแล้ว)
บ้านตระกูลมู่ส่งแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอเธอไปเป็นสะใภ้ในวัย 18 ปี ด้วยเงินสินสอดมากถึง 200 หยวน เพื่อหวังว่าเธอจะเป็นแม่พันธุ์ที่ดีในการผลิตทายาทชายไว้สืบสกุล เพราะตระกูลนี้มีลูกชายยากมาก ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น
แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งเธอ หลังจากตัดสินใจแต่งเข้าบ้านมู่เพื่อหนีลุงเขยที่จ้องแต่จะฉวยโอกาสกับเธอ งานบ้านงานเรือนหลี่หนิงซินไม่เคยบกพร่อง แม้แต่หน้าที่ภรรยาเธอก็ทำออกมาได้ดีจนมู่ปิงเฉิงที่เคยเป็นคนเสเพลยอมอยู่ติดบ้าน
1 ปี (ปี1978)ผ่านไปเธอก็ยังไม่ตั้งท้อง เข้าสู่ปีที่ 2(ปี1979) ก็ยังไร้วี่แวว จากที่พ่อแม่สามีเคยเอ็นดู ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อแม่ไก่ไม่ทำหน้าที่ออกไข่สักที คำต่อว่าค่อนขอดจากพี่น้องของสามีก็หนาหูขึ้นทุกวันจนหนิงซินก็เริ่มอยู่ในจุดที่อึดอัดใจ
เนื้อนวลที่หอมหวาน เมื่อได้เชยชมเป็นเวลานานกลิ่นรสก็ย่อมจืดจาง มู่ปิงเฉิงเริ่มออกเที่ยวเตร็ดเตร่ ทำตัวเสเพลอีกครั้ง และทุกคนก็โยนความผิดมาที่หนิงซินทั้งหมดว่าเป็นความผิดของเธอ ทุกครั้งที่มู่ปิงเฉิงเมากลับมาก็มักจะทุบตีเธอและขืนใจหลับนอนกับเธออย่างรุนแรงจนร่างกายของหนิงซินบอบช้ำ
เข้าสู่ปีที่ 3 (ปี1980) มู่ปิงเฉิงตัดสินใจเข้าไปสมัครทหาร เพราะสถานการณ์ทางการเงินของบ้านไม่สู้ดี หลังจากที่สามีไปประจำการที่เมืองเซี่ยงไฮ้ยังไม่ถึงเดือน หลี่หนิงซินก็เป็นลมในระหว่างที่ทำงานบ้านตากแดด พอชาวบ้านเห็นจึงพาเธอไปส่งที่อนามัยโดยที่คนในบ้านมู่ไม่มีใครไปดูดำดูดีเธอเลยสักคน
"น..นี่มันชีวิตแบบไหนกัน ฮึก ซี๊ดด ปวด"
หลังจากได้สติเธอก็ได้รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ หนิงซินรีบกลับมาบอกที่บ้านของสามีด้วยความตื่นเต้นเพราะนี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเฝ้ารอมานาน แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจิตใจของทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว นางมู่หลีผู้เป็นแม่สามีโทรไปส่งข่าวให้ลูกชาย เมื่อได้รู้ว่าลูกกำลังคบหากับผู้หญิงอีกคนอยู่ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็สามารถทำให้ลูกของนางมีหน้าที่การงานที่ดีได้
นางจึงตัดสินใจรอดูว่าเด็กจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ตลอดเวลาหลานเดือนกว่าจะคลอด หลี่หนิงซินต้องลุกมาหาบน้ำทำงานบ้านทุกอย่างให้ครอบครัวมู่ไม่เคยได้หยุดพัก กระทั่งถึงวันที่เธอคลอด.....
4 ปีต่อมาหน้าหลุมฝังศพขนาดเล็กถูกหนิงซินเช็ดทำความสะอาดเป็นอย่างดีเมื่อถึงวันครบรอบการสูญเสีย ดอกไม้ช่อใหญ่กับของกินอีกหลายอย่าง ที่เป็นของชอบของผู้ที่จากไปถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพ"ต้าเป่า มาวางดอกไม้ให้พี่ได้แล้วลูก วันนี้ลูกมีอะไรจะเล่าให้พี่เค้าฟังไหมครับ"หนิงซินเรียกลูกชายคนเล็กที่กำลังถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ให้เข้าไปพอคุยกับพี่ใหญ่ของเขาเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาที่นี่ "พี่หย่าย ต้าเป่าอาวดอกไม้มาห้ายคับ มีฟุกบองด้วย" (พี่ใหญ่ต้าเป่าเอาดอกไม้มาให้ครับ มีฟุตบอลด้วย)เจ้าหนูตัวน้อยชางต้าเป่าค่อย ๆ เดินเอาดอกไม้ไปใส่แจกันตามที่ผู้เป็นแม่บอก แล้ววางลูกฟุตบอลเล็ก ๆ เอาไว้ใกล้ ๆ ของเซ่นไหว้"...""วังนี้ต้าเป่ามีของเล่งมาฝากเยอะแยะเยยนะค้าบ พี่หย่ายเล่งด้วยกังม๊ะ"(วันนี้ต้าเป่ามีของเล่นมาฝากเยอะแยะเลยนะครับ พี่ใหญ่เล่นด้วยกันไหม)หนิงซินที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ร้องไห้ออกมาเป็นสาย แม้ว่าจะผ่านไปกี่ปีเหตุการณ์นั้นก็ยังกลายเป็นภาพติดตาเธออยู่ตลอด ชางหยวนที่เห็นภรรยาเศร้ามากก็ได้แต่รีบมาปลอบใจให้อีกฝ่ายดีขึ้น "ต้าเป่ามาถึงนานรึยัง น้องคงได้เล่นกับพี่ใหญ่ก่อนพี่แล้วสิ""เป่าเปา เย้ เป่าเปามาแย
1 เดือนผ่านไปชีวิตของหนิงซินมีความสุขขึ้นมากตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา การใช้ชีวิตในบ้านหลังใหม่ที่มีพื้นที่ให้ยัยหนูกับเจ้าอาหยุนได้มีที่วิ่งเล่น มันทำให้บ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะความสัมพันธ์ระหว่างชางหยวนกับบิดาก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ทั้งหมดก็ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของยัยหนูเป่าเปา มีอยู่วันหนึ่งคุณปูแวะมาทานข้าวที่ร้าน ยัยหนูเลยคุยจ้อเรื่องเจ้าอาหยุนเพื่อนรักสี่ขา และคะยั้นคะยอให้คุณปู่กลับบ้านไปด้วยกันจากนั้นมานายท่านชางก็เทียวแวะเวียนไปหาหลานสาวที่บ้านหลังใหม่เป็นประจำ ชางหยวนที่เคยใจแข็งก็ต้องโอนอ่อนตามคำขอของลูก มื้อเย็นหลายต่อหลายวันเข้าก็ทำให้ทั้งคู่ได้เริ่มพูดคุยกันบ้างแม้จะยังเคอะเขินอยู่ก็ตาม"หนิงซิน"ช่วงบ่ายของวันที่ลูกค้าจางลงบ้างแล้ว ระหว่างที่หนิงซินกันลูกน้องรวมไปถึงยัยหนูเป่าเปากำลังนั่งพักอยู่ในร้าน อยู่ ๆ เสียงที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยินอีกก็ดังขึ้นจากหน้าร้าน ทำเอาหนิงซินต้องเงยหน้าจากเอกสารแล้วมองดูผู้มาเยือน"มู่ปิงเฉิงอย่างนั้นเหรอ! คุณมาที่นี่ทำไม?"อยู่ ๆ เรื่องที่เฉิงฮวนเคยเตือนเธอไว้ก็ผุดขึ้นมาในหัวของหนิงซิน ดูจากสีหน้าของมู่ปิงเฉิง คาดว่าตอนนี้
หลังจากมรสุมและเรื่องยุ่ง ๆ ผ่านไปตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์แล้วที่เยว่ชิงกับน้องสาวเข้ามาช่วยงานที่ร้ายของหนิงซิน เยว่เล่อเรียนรู้ขั้นตอนการทำอาหารกับหนิงซินเพียงไม่กี่วันก็คล่องตัว หนิงซินไม่ได้ห่วงเรื่องรสชาติ เพราะน้ำซอสทุกอย่างเธอเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้แล้ว แทนที่มีผู้ช่วยเข้ามาจะทำให้เธอว่างงานลงบ้างแต่ไม่ใช่เลย ตอนนี้หน้าที่ควบคุมการเงินและดูแลบัญชีของชางหยวน ตกมาเป็นหน้าที่ของเธอจนหมด พอเลิกงานสองคนพ่อลูกก็แอบพากันออกไปนอกบ้านทุกวัน ซึ่งเหตุผลแต่ละวันก็ไม่ซ้ำกันเลย"หวัดดีจ้ะหนิงซิน"หนิงซินเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นชางพ่านเอ๋อกับชางจื่ออัน ญาติผู้พี่ของสามีมาหาถึงที่ เธอจึงรีบลุกขึ้นไปต้อนรับ "อาซ้อ เฮีย สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะคะ""หวัดดี แล้วสองพ่อลูกพากันไปไหน ทำไมไม่เห็นได้ยินเสียงเลย"ชางจื่ออันที่ตั้งใจจะมานั่งเล่นกับหลานสาวตัวน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขามีของมาฝากยัยหนูแก้มซาลาเปาตั้งหลายอย่าง ถ้าไม่ได้ให้เองกับมือคงเสียดายแย่เลย"อีกเดี๋ยวก็มาค่ะเฮีย ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมชอบพากับออกจากบ้านหลังเลิกงาน แล้วก็ไปกันสองคนพ่อลูกด้วยนะคะ ทำ
12.00 นหมิงเจ๋อกับเถียนซ่วยรีบมาขนเสบียงอาหารไปที่จุดซ่อมแซมจุดที่ 2 ซึ่งอยู่หมู่บ้านถัดไปอีกไม่ไกล หนิงซินได้เอาผลไม้ของเฉิงฮวนออกมา 4 กล่อง แบ่งไปจุดละ 2 กล่องไม่นานคนงานรวมถึงชาวบ้านก็นำถ้วยของตัวเองมาตักเอาอาหารที่สามสาวช่วยกันเตรียมไว้ ส่วนยัยหนูเป่าเปาก็มาช่วยแม่จ๋าของเธอแบ่งผลไม้ใส่จานไปให้คนงานที่นั่งกินข้างเป็นกลุ่ม ให้ได้กินกันอย่างทั่วถึง"ผงไม้ค่า ผงไม้มาแย้ว""ขอบคุณครับคุณหนู เจริญ ๆ โตเร็ว ๆ นะครับ""คุงค่าคุงลุง""กับข้าวนี่เรียกว่าอะไรจ๊ะคุณนาย อร่อยมากเลย ทั้งหมู ทั้งกุ้ง ทั้งกุนเชียง ถ้าคุณนายไม่มาพวกเราคงไม่ได้กินดีอยู่ดีขนาดนี้"หญิงสูงวัยที่เป็นคนงานในบริษัทเอ่ยขึ้นด้วยความตื้นตันใจ เมื่อมองดูถ้วยอาหารที่พูนเต็มไปด้วยเนื้อสัตว์และเครื่องเคียงนานาชนิด"ข้าวอบเผือกค่ะคุณป้า ฉันก็อยากจะทำอาหารกลางวันไปส่งให้ทุกวันนะคะ แต่ติดตรงที่ร้านไม่มีคนช่วย เอ๊ะ หรือว่า..เฮียคะ ฉันขอจ้างอาชิงกับอาเล่อไปช่วงงานที่ร้านได้ไหมคะ เผื่อตอนกลางวันจะได้เอาอาหารไปส่งให้เฮียได้สะดวกขึ้น"ชางหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยิ้มหน้าบาน เป็นไปได้เขาอยากจะพาลูกเมียติดตามไปด้วยทุกที่เลยด้วยซ้ำ
เช้าวันนี้หนิงซินกับลูกตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมออกเดินทางไปกับสามีตามที่คุยกันเอาไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา ช่วงนี้เธอตั้งใจที่จะปิดร้านอีกสัก 2-3 วัน แล้วตามไปรับหน้าที่ทำอาหารกลางวันให้คนงานที่รวมตัวกันไปช่วยซ่อมบำรุงบ้าน ให้เพื่อน ๆ ในบริษัทที่ประสบภัยจนครบทุกหลังชางหยวนเองก็ประกาศออกไปแล้วว่าจะจ่ายเงินค่าแรงให้ทุกคนเช่นเดิม พร้อมกับเพิ่มเงินช่วยเหลือให้อีก 1 เท่าของเงินเดือนตามที่คุณนายชางเรียกร้องมา"มีอะไรให้ช่วยไหมครับคุณแม่ พ่อจ๋ากับลูกสาวเสร็จแล้วนะครับ"หนิงซินที่กำลังจัดอุปกรณ์และวัตถุดิบต่าง ๆ ใส่ในหม้อและกระทะใบใหญ่ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าพ่อลูกอาบน้ำแต่งตัวหอมฉุยเดินลงมาจากชั้นสองแล้ว"เสร็จพอดีค่ะ นั่งกินข้าวก่อนไหมคะ พี่หมิงเจ๋อกับพี่เถียนซ่วยยังไม่มาเลย""ได้ครับ ยัยหนูของพ่อจ๋าก็นั่งตรงนี้นะลูก วันนี้เราต้องออกไปช่วยคุณลุงคุณป้าซ่อมบ้านกันนะคะ""ได้เยยค้า ป้อจ๋าไปหน๋ายเป่าเปาไปด้วย" (ได้เลยค่า พ่อจ๋าไปไหนเป่าเปาไปด้วย)ฟอดด"พ่อจ๋ารักหนูที่สุด"จุ๊บ จุ๊บ"เป่าเปาก็ยังป้อจ๋าตี้ฉุด"หนิงซินจ้องมองสองคนพ่อลูกที่บอกรักกันอย่างชื่นมื่น เธอจึงรับตักซุปปูที่ทำไว้เมื่อคืนกับสเต๊ก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก"หมวยซิน เปิดประตูให้เฮียหน่อย"ชางหยวนกลับมาถึงร้านเกือบ 4 ทุ่ม แต่หนิงซินก็นั่งทำบัญชีเงินเก็บของเธอรอ จนกว่าสามีของเธอจะกลับมา เมื่อได้ยินเสียงของเขาเธอก็รีบหยิบกุญแจออกไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว"มาแล้วค่ะ"แอดด ครืดดด"ขอบคุณครับ""แล้วนั่นพี่หมิงเจ๋อกับพี่เถียนซ่วยกลับเลยเหรอคะ เข้ามากินข้าวก่อนไหม"หนิงซินมองเห็นลูกน้องของสามีทั้งสองคนกำลังจะออกรถ จึงรีบชวนทั้งคู่ลงมากินข้าวก่อน กลับไปดึกขนาดนี้คงไม่มีแรงทำอะไรกินเองแน่ ๆ"พวกเราไม่รบกวนดีกว่าครับคุณนาย ก่อนหน้านี้ลูกพี่แบ่งอาหารให้พวกเรากินแล้วครับ"หมิงเจ๋อรีบตอบกลับตามความจริง นอกจากอาหารที่ลูกพี่แบ่งให้ ยังมีน้ำใส ๆ ที่ดื่มลงไปแล้วรู้สึกสดชื่น บาดแผลเล็ก ๆ ตามตัวก็หายไปจนหมด แม้กระทั่งความเหนื่อยล้าก็ไม่หลงเหลือ"ถ้าอย่างนั้นขับรถกลับดี ๆ นะคะ""ครับคุณนาย"ชางหยวนรีบปิดประตูร้านอย่างมิดชิดทันทีที่ลูกน้องขับรถออกไป ระหว่างนั้นหนิงซินก็รีบไปจัดอาหารใส่จานออกมาให้สามีของเธอทว่า......"เฮียไม่หิวครับ แต่หิวอย่างอื่นมากกว่า"รอยยิ้มกรุ้มกริ่มกับนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ทำให้หนิงซินยอมวางมือจากทุกอย่าง ก่อนที่เธอจะจับมือส
Comments