สิ้นเสียงของหยางฉิง ประทัดก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กึกก้องไปทั่วบริเวณผู้คนตื่นเต้นกับคำกล่าวของหญิงสาวผู้มีรูปโฉมงดงาม และสนใจในสินค้าที่ถูกประกาศออกมา สำหรับลูกค้าเก่าที่เคยมาซื้อสินค้าจากร้าเทียนเจินถังมาก่อน ต่างรีบเข้าไปเลือกซื้อผลไม้และผักที่ต้องการทันที ขณะที่บรรดาคุณหนูที่เดินผ่านไปมา เมื่อได้ยินว่ามีพื้นที่พักผ่อนบนชั้นสาม ก็เริ่มให้ความสนใจและพากันขึ้นไปดูส่วนชั้นสองมีประตูกั้นไว้ ผู้ที่ต้องการเข้าไปจำเป็นต้องจ่ายเงินก่อน เนื่องจากภายในเป็นสถานที่จำหน่ายยาหายาก นางจึงใช้แผนการนี้เพื่อป้องกันปัญหาหยางฉิงยืนเคียงข้างหลี่เซิง มองดูผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาในร้านด้วยความภาคภูมิใจ ร้านของนางเต็มไปด้วยลูกค้า แต่ก็ไม่มีปัญหาการแย่งชิงสินค้ากัน เพราะของทุกอย่างถูกเตรียมไว้เพียงพอต่อความต้องการขณะที่นางกำลังชื่นชมผลจากความเหน็ดเหนื่อยตลอดหลายวันที่ผ่านมา เสียงฮือฮาของผู้คนก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ พวกเขาแหวกทางเดินออกจนเผยให้เห็นบุคคลที่เป็นต้นเหตุของเสียงนั้นหยางฉิงเงยหน้ามอง แล้วก็พบกับชายหนุ่มใบหน้าคุ้นตา ‘ท่านแม่ทัพ!’เมื่อเห็นว่าเป็นหวังจวิ้นเจี้ยง นางกับหลี่เซิงจึงรีบออกไปต้อนรับเขา
นางยังนำดอกไม้จากในสวนมาทำเป็นชาสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย และทำให้นอนหลับสนิท รวมถึงตัวยาอื่น ๆ อีกหลายชนิดแต่สิ่งที่นางทำเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษคือ ยาน้ำรักษาโรคร้าย เพียงแค่ดื่มเข้าไป ไม่ว่าโรคชนิดใดก็สามารถรักษาหายได้ทันที ซึ่งยานี้มีเพียงแค่สิบขวดเท่านั้น...บนชั้นสาม หลังจากที่หลี่เซิงไปหาดินประสิวมาเพื่อใช้ในการทำน้ำแข็ง หยางฉิงก็จัดการปรับแต่งดินประสิวนั้นเพื่อกำจัดสารพิษออก จากนั้นนางนำดินประสิวมาผสมกับเกลือจนสามารถทำให้น้ำแข็งตัวได้ จากนั้นก็ทุบให้เป็นก้อนเล็ก ๆ เพื่อใช้แช่เครื่องดื่มที่เตรียมไว้บนชั้นนี้ชั้นสามถูกจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งผ่อนคลาย ดื่มชาและน้ำผลไม้คั้นสดที่นางเตรียมไว้ล่วงหน้า นอกจากนี้ นางยังทำขนมเล็ก ๆ ไว้รับประทานคู่กับเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่จะเป็นวุ้นมะพร้าว วุ้นส้ม หรือวุ้นผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งผงวุ้นเหล่านี้ นางมีอยู่ในมิติของตนเอง และบางส่วนก็นำออกมาจากมิติเมื่อใกล้ถึงวันเปิดร้าน หยางฉิงและหลี่เซิงจึงไปซื้อทาสมาเพิ่มอีกห้าคน เป็นชายสองคน และหญิงสามคน ซึ่งหญิงทั้งสามมีอายุราวสี่สิบปี แต่ละคนมีฝีมือด้านการทำอาหารเป็นอย่างดี ส่วนชายอีกสองคนมีวรยุทธติดตัว
“วันนี้ขายเป็นเช่นไรบ้าง?” หลี่เซิงเอ่ยถามหยางฉิง“ก็พอขายได้ แม้จะไม่ดีเท่ากับที่เก่า แต่ก็พอรับได้ เพราะยังไม่ค่อยมีใครรู้จักร้านของเราเท่าไหร่” นางตอบพร้อมเดินไปตักข้าวมาให้เขา เพราะคิดว่าเขาคงยังไม่ได้กินข้าว“แล้วท่านเล่า? ไปคุยกับท่านพ่อมาเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านยอมหรือไม่?” นางถามเสียงเรียบ พลางตั้งใจฟังคำตอบของเขารอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของหลี่เซิง “ท่านพ่ออนุญาตแล้ว ท่านแม่ก็ห้ามอะไรไม่ได้ ข้านำเงินห้าตำลึงกับโสมที่เจ้าให้ไว้ไปมอบให้ท่านพ่อกิน ข้าเห็นว่าท่านดูอ่อนแอลงมาก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางนึกถึงท่าทีของบิดา...หยางฉิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “อย่างนั้นก็ดีแล้ว ข้าไม่ได้ว่าอะไรท่านหรอก แต่ข้ามีเรื่องที่คิดเอาไว้อยู่ ก่อนที่ท้องของข้าจะใหญ่จนไม่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้ หลังจากเปิดร้านแล้ว ข้ายังอยากสร้างบ้านใหม่ตรงสวนสักหน่อย ในช่วงเวลานั้น ข้าจะให้พี่หลี่ชวนช่วยดูแลให้ เมื่อเสร็จแล้ว ข้าจะได้กลับไปอยู่บ้าน ส่วนร้านค้าตรงนี้ ข้าจะไปซื้อทาสมาคอยเฝ้าระวังและช่วยทำงานบ้าน ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?”ที่จริงหลี่เซิงก็คิดไว้เช่นกัน “แล้วแต่เจ้า ตอนนี้ท่านตาทำงานเป็นอย่างไรบ้าง?” เขา
อู๋เจิงเงยหน้ามอง เมื่อเห็นว่าเป็นหลี่เซิง นางก็เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ “หลี่เซิงหรือ? เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” นางแทบไม่ได้พบเขาบ่อยนัก หากไม่มีเรื่องสำคัญ“ข้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ พี่ใหญ่ของข้าไปไหนหรือ?” หลี่เซิงกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นพี่ชาย เห็นเพียงหลานชายที่นั่งยิ้มให้“ท่านอาหลี่เซิง ข้าจะไปตามท่านพ่อให้เองขอรับ!” เด็กชายพูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันทีอู๋เจิงมองตามลูกชายที่วิ่งจากไป นางยังไม่ทันได้ห้ามเขา “ดูเด็กคนนี้สิ ยิ่งโตยิ่งดื้อนัก” นางถอนหายใจแต่ก็แฝงรอยยิ้ม“เด็กกำลังโตก็เป็นเช่นนี้” หลี่เซิงกล่าวอย่างเอ็นดู เขากลับมองว่าหลานชายของเขาเป็นเด็กกล้าแสดงออกมากกว่าไม่นานนัก หลี่เจ๋อก็วิ่งลากพี่ชายของเขากลับมา“เจ้ารีบไปไหนกัน? ท่านอาของเจ้าไม่ได้จะหายไปไหนเสียหน่อย” หลี่ชวนกล่าวเตือนลูกชายด้วยน้ำเสียงเรียบ“ท่านอางานยุ่งมากมาย ข้ากลัวว่าท่านจะรีบกลับเสียก่อน” แม้จะเป็นเด็ก แต่เขาก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท่านอามาจากชาวบ้านอยู่บ้าง…หลี่ชวนมองลูกชายด้วยท่าทางเหนื่อยใจ ตั้งแต่วันที่เขาไม่ปล่อยให้ครอบครัวต้องดิ้นรนเพียงลำพัง ก็เริ่มเห็นรอยยิ้มของภรรยาและลู
หลังจากที่ทั้งสี่คนช่วยกันจัดร้านเรียบร้อยแล้ว หลี่เซิงก็รีบกลับบ้านเพื่อไปทำเรื่องที่คุยกับหยางฉิงไว้ เขาขับรถเกวียนวัวมาหยุดอยู่หน้าบ้านของบิดาเขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูบ้านอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเรียกคนในบ้านออกมา ทว่าโชคไม่เข้าข้างนัก เพราะคนที่ออกมาพบเขากลับเป็นท่านแม่ แม้จะเป็นเพียงแม่เลี้ยง แต่เพราะนางเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเด็ก หลี่เซิงจึงยังคงให้ความเคารพจางเฟิงเดินออกมาตามเสียงเรียก นางมองลูกเลี้ยงที่ตัดขาดจากบ้านนี้ไปนานด้วยสายตางุนงง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” นางถามเสียงห้วน แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ข้าอยากพบท่านพ่อ ไม่ทราบว่าท่านพ่ออยู่บ้านหรือไม่?” หลี่เซิงถามเสียงเรียบ“อยู่หรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?” นางแค่นเสียงเยาะ “เจ้ายังมีหน้ากลับมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีกหรือ?”แท้จริงแล้วสามีของนางอยู่บ้าน เพียงแต่นางไม่อยากให้พวกเขาพบกันเท่านั้นจางเฟิงมองหลี่เซิงด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ถ้าเช่นนั้น ข้าค่อยกลับมาใหม่ก็แล้วกัน” หลี่เซิงกล่าวจบก็เตรียมหันหลังกลับไป แต่ไม่ทันที่เขาจะก้าวออกไป ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง“ใครมาหรือ จางเฟิง?” เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับร่างขอ
ขณะเดียวกัน หลี่เซิงหันไปต่อสู้กับชายอีกคน ส่วนชายร่างใหญ่ เมื่อเห็นเพื่อนถูกสังหารไปหนึ่งคน ก็เริ่มใจไม่ดี เขาไม่คาดคิดว่าหลี่เซิงจะมีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ ขณะเดียวกัน เขาก็เหลือบไปเห็นหยางฉิงที่อยู่บนเกวียนวัว นึกแผนบางอย่างขึ้นมาได้ ‘หากอยากรอด มีทางเดียวคือต้องจับหญิงสาวเป็นตัวประกัน!’เขาไม่รอช้า รีบพุ่งไปทางหยางฉิงทันที!หยางฉิงที่จับตาดูอยู่แล้ว เห็นชายผู้นั้นวิ่งเข้าหานาง นางรีบง้างคันธนูแล้วปล่อยลูกศรออกไปอย่างแม่นยำ นางรู้สึกโกรธชายผู้นี้มานานแล้ว และคำพูดต่ำช้าของมันก็ทำให้นางสะอิดสะเอียนลูกธนูพุ่งตรงเข้าปักที่ช่วงท้องของชายร่างใหญ่พอดี!“อึก! เจ้ายิงข้าหรือ?!” เขาคำรามเสียงดุดัน มือข้างหนึ่งกุมบาดแผลแน่น ส่วนอีกมือกำมีดแน่นด้วยความโมโห ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะ ขณะที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่นางต่อแต่ทันใดนั้น!หลี่เซิงที่เพิ่งฟันชายอีกคนล้มลง หันไปเห็นชายร่างใหญ่กำลังพุ่งไปหาภรรยาของเขา เขาไม่รอช้า รีบพุ่งตัวตามไปแล้วฟันดาบลงกลางหลังของชายร่างใหญ่อย่างแม่นยำ!ชายร่างใหญ่ล้มลงสิ้นใจทันทีหลี่เซิงก้าวข้ามศพของมันไป รีบวิ่งเข้าไปหาหยางฉิง จับตัวนางพลิกไปมาเพื่อตรวจดูว่านางได้รับบาด