ชาติก่อนเขาและนางประดาบเข้าหากัน ล้วนเต็มไปด้วยคมดาบเงากระบี่ มีแต่คำว่าหลอกลวง เจ้าเล่ห์มากแผนการ ชั่วช้าและโลภมาก จนสุดท้ายต้องพบกับจุดจบเพราะความโลภ ชาตินี้ได้โอกาสย้อนเวลากลับมา คนเลวร้ายเช่นนางและเขาจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยเดิมอีก! เย่หลี เป็นสตรีที่มีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง นางรักอำนาจ เช่นเดียวกับ ฟ่านเฉิน องค์ชายรองที่หวังในตำแหน่งองค์รัชทายาทเช่นกัน เขากับนางร่วมมือกันเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ทว่าเบื้องหลังกลับหันดาบหมายสังหารกันและกัน สุดท้ายจุดจบไม่สวยหรูดั่งที่คิด ก่อนตายเขาและนางได้รู้ความลับที่ตนไม่เคยรู้ แต่ทว่าก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว แต่ทว่าสวรรค์ยังเมตตา ส่งเขาและนางกลับมาแก้ไขเรื่องราวทุกอย่างในอดีต หนึ่งสตรีที่ต้องการปกป้องครอบครัว แม้ไม่มีอำนาจและกำลังในมือก็ไม่ยอมแพ้ หนึ่งบุรุษที่กลับมาแก้แค้นคนที่เคยทำกับเขาเอาไว้และทวงคืนความเป็นธรรมให้คนบริสุทธิ์ที่เคยตกเป็นเหยื่อในชาติก่อน เมื่อได้พบกันอีกครา ทำให้เขาและนางต้องเลือกอีกครั้ง ว่าจะหันดาบเข้าหากันเช่นเดิม หรือจับมือกันอีกครั้งเพื่อสังหารคนชั่วที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น!
ดูเพิ่มเติมรัชศกหมิงจิ้นปีที่สี่สิบ
แคว้นซ่ง
"คุณหนูใหญ่บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะนี่คือชาดทาปากที่บ่าวไปซื้อมาจากร้านเครื่องประทินโฉมตามที่คุณหนูต้องการเจ้าค่ะ"
"เอามาให้ข้า"
"เจ้าค่ะ"
เมื่อได้ยินเจ้านายออกคำสั่ง สาวใช้ตัวน้อยนามว่าเถาเป่าก็รีบนำชาดตลับนั้นมามอบให้ผู้เป็นนายทันที แต่เพราะว่านางรีบร้อนมากเกินไป จึงทำชาดตลับนั้นร่วงตกพื้น ตลับชาดสีสวยงดงามแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เถาเป่าลนลานทำสิ่งใดไม่ถูก ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากขอโทษผู้เป็นนาย ทันใดนั้นก็มีฝ่ามือฟาดเข้ามาที่ใบหน้าของนางอย่างเต็มแรง จนใบหน้าของนางแดงเป็นรอยฝ่ามือ
"บังอาจทำของของข้าเสียหาย ไม่มีตามองให้ดีหรืออย่างไร หรือว่ามือไม้อ่อนแรง หากใช้การไม่ได้ มิสู้ให้ข้าตัดมือเจ้าทิ้งเสียดีหรือไม่!"
"ขออภัยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่โปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วย"
"ไสหัวไป!"
"เจ้าค่ะ"
เถาเป่ารับคำด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว ก่อนจะก้มหน้างุดไม่กล้าเอ่ยวาจาใดอีกและรีบเดินออกจากห้องไปในทันที เมื่อปราศจากผู้คนแล้ว หญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในห้องก็ถอนหายใจยาว ๆ พร้อมกับสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
"บ่าวรับใช้แต่ละคนล้วนไม่ได้เรื่อง!"
กล่าวจบนางก็ยื่นมือเรียวสวยไปหยิบชาดอีกตลับที่วางอยู่ตรงหน้าคันฉ่องทองเหลืองขึ้นมา และผัดแต่งใบหน้าอันงดงามกระจ่างตาของตนอย่างประณีตบรรจง เมื่อพิจารณาแล้วนางก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ แต่เมื่อนึกถึงใครบางคนขึ้นมา นางก็อารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง
นางเคยคิดว่าตนเองงดงามไม่แพ้สตรีใด แต่ในจวนตระกูลเย่ หากกลับมีคนที่งามไม่แพ้นาง เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเลยด้วยซ้ำ
สตรีนางนั้นก็คือเย่หลิง ลูกนังอนุชั้นต่ำผู้นั้น น้องสาวต่างมารดาของนางเอง!
ยิ่งคิดถึงใบหน้าสวยหวานของน้องสาวต่างมารดานางก็ยิ่งโมโห หญิงสาวยกมือขึ้นปัดเครื่องประทินโฉมบนโต๊ะเครื่องแป้งร่วงตกลงพื้นกระจัดกระจายจนเกิดเสียงดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องนอน เหล่าสาวใช้ที่ยืนรอปรนนิบัติอยู่ภายนอกต่างไม่กล้าแม้แต่จะปริปากออกมา
เมื่อระบายโทสะจนพอใจแล้ว นางจึงสั่งให้สาวใช้เข้ามาเก็บกวาดความเสียหาย ก่อนที่นางจะเดินออกจากห้องตรงไปที่ศาลารับลมซึ่งอยู่ด้านหลังจวนตระกูลเย่
ศาลารับลมบรรยากาศดี นางชอบที่นี่มากเพราะจัดสวนได้สวยงามดอกไม้ใบไม้งอกงามสะพรั่ง อีกทั้งมีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งปี
นางคือ เย่หลี เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่เย่ ปีนี้อายุสิบเจ็ดปีแล้ว ตระกูลเย่ของนางเป็นแม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งบิดาของนางก็มีความดีความชอบช่วยผลักดันฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นขึ้นเป็นฮ่องเต้ และยังเป็นสหายรักกัน ทำให้บิดานางเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นให้ความไว้วางใจมากที่สุด
นางมีพี่ชายร่วมมารดาเดียวกันคือ เย่จิ้นอันผู้เป็นรองแม่ทัพ พี่ชายปีนี้อายุสิบเก้าปีแล้ว และน้องสาวต่างมารดาที่เกิดจากอนุซ่งนามว่าเย่หลิงอายุเท่ากันกับนาง
แม่นมของนางเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ท่านแม่ของนางรับอนุซ่งเข้ามาเป็นสาวใช้ แต่เพราะสตรีนางนั้นไร้ยางอาย มักใหญ่ใฝ่สูง จึงคิดปีนเตียงท่านพ่อจนได้เป็นอนุอย่างทุกวันนี้ ท่านพ่อก็รักนางมาก ยิ่งเมื่อนางให้กำเนิดเย่หลิง ท่านพ่อก็รักและเอ็นดูน้องสาวผู้นั้นมากเช่นกัน สิ่งใดดีก็มักจะให้นางทุกอย่าง จวนตระกูลอื่น ๆ ในเมืองหลวงมักจะไม่ให้ความสำคัญกับบุตรที่เกิดจากอนุ แต่ท่านพ่อของนางกลับไม่สนใจกฎเกณฑ์คร่ำครึพวกนั้น ท่านแม่ของนางก็ใจดีมีเมตตาไม่คิดโกรธเคือง ทว่านางกลับคิดต่างจากบิดาและมารดา
บุตรอนุไม่ควรเสนอหน้าขึ้นมาเทียบกับบุตรที่เกิดจากภรรยาเอก!
เคยมีครั้งหนึ่ง เย่หลิงติดตามนางและท่านแม่ออกไปซื้อของที่นอกจวน ผู้คนกลับพูดกันว่าเย่หลิงงดงามดูเพียบพร้อมมากกว่านางเป็นไหน ๆ อีกทั้งยังมีเมตตาปรานี ต่างจากนางที่ถือดีว่าบิดามารดาตามใจไม่เห็นหัวผู้ใด เพราะคิดว่าตนเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาเอก เลือกคบแต่สหายที่มีฐานะทัดเทียมกับตน อีกทั้งยังกดข่มคนที่ด้อยกว่า นิสัยช่างเลวร้ายไม่น่าคบหา
นับแต่นั้นนางก็ไม่ชอบหน้าเย่หลิงถึงขั้นเกลียดชัง เป็นเพียงบุตรอนุแต่มีสิทธิ์อันใดมาดีเด่นกว่านาง นังน้องสาวตัวดี!
นางจึงไม่ให้เย่หลิงออกไปนอกจวนหากไม่จำเป็น เพราะไม่อยากทนฟังคำพูดเปรียบเทียบพวกนั้น!
เย่หลียกถ้วยชาขึ้นดื่ม กลิ่นชาหอมอ่อน ๆ ช่างเข้ากับบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิยามนี้ยิ่งนัก สายลมอ่อนพัดโชย กลีบดอกหมู่ตานหลากสีโปรยปรายตามกระแสลมที่พาดผ่าน ช่างดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง
อีกสามวันจวนองค์ชายใหญ่ฟ่านหลิ่นจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่ได้รับตำแหน่งคังอ๋อง ได้ยินว่าบิดานางได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานที่จวนองค์ชายใหญ่ด้วย นางเองตั้งตารอที่จะได้พบหน้าฟ่านหลิ่นแทบไม่ไหว เพราะนางพึงใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
เขาคือองค์ชายที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานไม่น้อย วันหน้าตำแหน่งรัชทายาทย่อมตกเป็นของเขา หากนางได้แต่งเป็นพระชายา แน่นอนว่าตำแหน่งมารดาของแผ่นดินย่อมตกเป็นของนาง มีเพียงนางเท่านั้นที่คู่ควรนั่งบัลลังก์เคียงข้างเขา
เมื่อคิดถึงฟ่านหลิ่น เย่หลีก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
ในขณะที่นางกำลังนั่งจิบชาอย่างเพลิดเพลินใจก็ได้ยินเสียงสนทนาของสตรีดังแว่วมาไม่ไกลนัก เย่หลีช้อนสายตาขึ้นไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเย่หลิง น้องสาวต่างมารดาของนางผู้นั้นนั่นเอง
ด้านเย่หลิงที่กำลังเดินสนทนามากับสาวใช้ก็รู้สึกว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องมองนาง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นเย่หลีผู้เป็นพี่สาว เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่หลิงก็เม้มริมฝีปากแน่น นางไม่อยากจะเข้าใกล้พี่สาวผู้นี้ แต่ในเมื่อเจอกันแล้วหากนางไม่เข้าไปทักทายนั่นไม่เท่ากับเสียมรรยาทหรอกหรือ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเย่หลิงจึงจำใจเดินเข้าไปหาเย่หลีที่นั่งดื่มชาอยู่ในศาลาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
"คารวะพี่สาวเจ้าค่ะ ข้าไปเก็บดอกหมู่ตานมา ปีนี้ดอกหมู่ตานงดงามกว่าปีก่อน ๆ ไม่ทราบว่าพี่สาวจะรับเอาไว้ประดับแจกันในห้องนอนหรือไม่เจ้าคะ"
พอเอ่ยจบเย่หลิงก็สั่งให้สาวใช้นำดอกหมู่ตานไปมอบให้เย่หลี เย่หลีปรายตามองก่อนจะยื่นมือไปรับดอกหมู่ตานมาถือเอาไว้ เย่หลิงยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกดีใจที่เย่หลียินดีรับของที่นางมอบให้ ทว่าเพียงไม่นานรอยยิ้มของนางก็พลันจืดจางลง
เย่หลียกยิ้มมุมปาก แล้วจึงโยนดอกหมู่ตานลงไปบนพื้น ก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบขยี้ดอกหมู่ตานเหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจ เย่หลิงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้ากล่าววาจาใดแม้เพียงครึ่งคำ
เมื่อเหยียบดอกไม้เหล่านั้นจนสาแก่ใจแล้ว เย่หลีก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับเย่หลิง
"เจ้าก็เหมือนกับดอกหมู่ตานเหล่านี้ แม้จะทำตัวสูงส่งคิดทัดเทียมข้าเพียงใด แต่เจ้ามันก็เป็นเพียงแค่บุตรที่เกิดจากอนุชั้นต่ำ อย่าคิดมาเทียบเทียมข้า และอย่าเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าเป็นน้องสาวข้า ข้าไม่อยากมีน้องสาวที่ได้ชื่อว่าเกิดจากสตรีหน้าด้านเช่นอนุซ่งที่ปีนเตียงสามีของผู้มีพระคุณ ไสหัวไป!"
เย่หลิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หน้าชาไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบเดินกลับเรือนของตนไป เมื่อกลับมาถึงห้องนางก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น นางผิดหรือที่นางเป็นบุตรที่เกิดจากอนุ ผู้ใดจะเลือกเกิดได้กัน เหตุใดพี่สาวจะต้องมาต่อว่านางเช่นนี้ด้วย
นับแต่เล็กจนโต ท่านแม่ก็เฉยชาต่อนาง แม้จะไม่เคยต่อว่าหรือทุบตี แต่กลับไม่ได้แสดงความรักฉันแม่ลูกกับนางเท่าที่ควร นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่ามันเกิดจากสาเหตุใด
ไม่นานเวลาล่วงมาถึงวันที่จวนองค์ชายใหญ่จัดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งคังอ๋อง จวนองค์ชายใหญ่ค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลย อีกทั้งฮ่องเต้และหนิงฮองเฮาเองก็เสด็จมาร่วมงานด้วยครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกลับเข้าวังหลวงเพราะไม่อาจอยู่นานได้ ผู้คนต่างเล่าลือกันไปต่าง ๆ นานาว่า ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับองค์ชายใหญ่ถึงเพียงนี้ เห็นทีตำแหน่งองค์รัชทายาทคงจะไม่ไกลเสียแล้ว อีกทั้งในบรรดาองค์ชายทั้งสามคนนั้น มีเพียงองค์ชายใหญ่ที่ได้ตำแหน่งอ๋องก่อนผู้ใด ทุกอย่างล้วนได้มาเพราะความปรีชาสามารถของตนเองทั้งสิ้น
เย่หลีมองฟ่านหลิ่นที่ยามนี้กำลังสนทนากับขุนนางผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานด้วยแวบหนึ่ง ปีนี้เขาอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว นางพึงใจในตัวเขามาก หากได้แต่งกับเขาจริง ๆ อำนาจมากมายล้วนอยู่ในกำมือ นางจะได้อยู่เหนือสตรีทั้งใต้หล้า มีเกียรติอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด
เย่หลียกยิ้มมุมปาก ใกล้จะถึงกำหนดวันคัดเลือกพระชายาเอกของคังอ๋องแล้ว นางรอมานานแล้ว อีกไม่นานความฝันของนางก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
เย่หลีเดินตามบิดาของตนไปมอบของขวัญให้กับฟ่านหลิ่น นางมองเขาด้วยสีหน้าแววตาชื่นชม ฟ่านหลิ่นเองก็แย้มยิ้มให้นางเช่นเดียวกัน ทว่าเขากลับมิได้มีท่าทีสนใจในตัวนางเท่าที่นางวาดหวังเอาไว้ เย่หลีค่อนข้างไม่พอใจเท่าใดนัก แต่นางยังไม่ละความพยายาม นางเชื่อว่าในใต้หล้านี้ย่อมไม่มีสตรีใดคู่ควรกับเขาเท่านางอีกแล้ว
ฟ่านหลิ่นรับของขวัญจากแม่ทัพใหญ่เย่ ดวงตาคมสีนิลของเขามองเลยผ่านเย่หลีไป ก่อนจะหันมาทักทายแม่ทัพใหญ่เย่
"ได้ยินว่าท่านแม่ทัพใหญ่เย่จะมาร่วมงาน ข้าดีใจยิ่งนัก เมื่อครู่เย่จิ้นอันมาทักทายข้าแล้ว เขานับวันจะเก่งกาจไม่ต่างจากท่าน จะต้องเป็นกำลังสำคัญให้บ้านเมืองได้แน่นอน ว่าแต่วันนี้ท่านมิได้พาบุตรสาวคนรองมาด้วยหรือ"
แม่ทัพใหญ่เย่ชะงักไปชั่วขณะ เขาเหลือบมองเย่หลีครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฟ่านหลิ่น แล้วจึงเอ่ยตอบ
"ทูลคังอ๋อง นางเป็นเพียงบุตรอนุ จึงไม่อาจจะมาร่วมงานเช่นนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ วันนี้กระหม่อมจึงพามาเพียงเย่จิ้นอันและเย่หลีบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก"
"อืม เป็นเช่นนี้เอง ข้าลืมไปเลยว่าเมืองหลวงแคว้นซ่งของเรามีกฎระเบียบเช่นนี้อยู่ ช่างเถิด เชิญท่านดื่มสุรากินอาหารอย่างสบายใจ ข้าจะไปทักทายสนทนากับขุนนางผู้ใหญ่คนอื่น ๆ เสียหน่อย"
"ขอบพระทัยคังอ๋อง"
เมื่อฟ่านหลิ่นเดินจากไปแล้ว เย่หลีก็รู้สึกว่าในใจไม่สงบเท่าใดนัก ในหัวนางมีแต่คำถามเต็มไปหมด นางยืนอยู่ตรงนี้แท้ ๆ แต่เขากลับมองเลยผ่านนางไปและถามถึงเย่หลิง คำพูดที่แฝงนัยเหมือนว่าคนทั้งสองรู้จักกันเคยพบเจอกันนั่นคือสิ่งใดกันแน่
เย่หลิงแทบจะไม่ได้ก้าวเท้าออกจากจวนตระกูลเย่ แล้วจะเคยพบเจอกับฟ่านหลิ่นได้เช่นไรกัน
ยิ่งคิดเย่หลีก็ยิ่งกระวนกระวายใจ อยากจะกลับจวนไปเค้นถามน้องสาวตัวดีผู้นั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ฟ่านเฉินพานางไปไหว้หลุมศพของหยางกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาหลังจากแต่งงานกันได้ไม่นาน อีกทั้งยังขอให้พระนางอวยพรให้เขาและนางใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น มีสายลมพัดเข้ามาแผ่วเบาราวกับว่าหยางกุ้ยเฟยรับรู้ถึงคำขอของนางและฟ่านเฉินแล้วเดิมทีฟ่านเฉินตั้งใจว่าจะเอาเลือดของสวีกุ้ยเฟยมาเซ่นสังเวยหลุมศพมารดา แต่เมื่อได้คิดอีกคราเขากลับพบว่าตนเองคิดถูกที่ไม่ทำเช่นนั้น เพราะเสด็จแม่เองก็คงไม่ต้องการให้เลือดชั่วของสวีกุ้ยเฟยมาแปดเปื้อนหลุมศพของนาง!หนึ่งปีแรกหลังจากแต่งงาน เย่หลียังคงไม่ตั้งครรภ์ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาและนางเลยแม้แต่น้อย นางไม่มีแม่สามีคอยกดดัน อีกทั้งพ่อสามีก็ไม่เร่งรัดนางจากนั้นไม่นาน เย่หลีก็ได้เอ่ยถามฟ่านเฉินว่าเขาคิดจะถอนพิษให้ไป๋ซู่ฮวาหรือไม่ ยามนี้แผนการก็สำเร็จลุล่วงแล้ว อย่างไรก็ควรจะเมตตานางเสียหน่อย แต่ฟ่านเฉินกลับไม่ตกลงทำตามที่นางบอก เขาเอ่ยว่าไป๋ซู่ฮวากลับมาแล้วยังไม่รู้จักประมาณตน ปล่อยไว้ย่อมเป็นภัย ให้นางเป็นใบ้ไปชั่วชีวิตเช่นนั้นก็ดีแล้ว จะได้ไม่ก่อคลื่นลมให้เขาและนางต้องปวดหัวได้อีก เย่หลีเองก็ไม่ได้คัดค้านอันใดส่วนเย่หลิงนั้นนางได้แต่งงานกับหวังฉงคน
เมื่อทุกอย่างจบลง แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำคือการปลอบขวัญกำลังใจเหล่าทหารกล้า พวกเขาทุกคนช่วยกันนำศพไปฝังเพราะอย่างไรเสียคงไม่อาจนำศพของพวกเขากลับบ้านเกิดได้อีกแล้ว เหล่าชาวบ้านก็ล้มตายไปไม่น้อยที่เหลือรอดก็มีอยู่ไม่มากและยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฟ่านหลิ่นและฟ่านเฉินจึงสั่งให้ทหารช่วยดูแลชาวบ้านและปลอบขวัญพวกเขาจนมีอาการดีขึ้นเวลาผ่านมาร่วมหลายวัน คนทั้งหมดก็เดินทางกลับเมืองหลวง อย่างไรเสียย่อมต้องกลับไปรายงานความดีความชอบนี้ให้ฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นได้ทราบเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นนั้นค่อยจัดการหารือกันภายหลังระหว่างที่เดินทางกลับนั้นเย่หลีนั่งรถม้ามาพร้อมกับสาวใช้น้อยนางนั้น เดิมทีเย่หลีไม่ได้คิดจะพานางติดตามกลับเมืองหลวงมาด้วย แต่เพราะสตรีนางนั้นบอกว่าไม่มีที่ไปแล้ว เย่หลีสงสารจึงรับนางเอาไว้และตั้งชื่อให้ว่าอาหลวนเดินทางมาจนถึงจุดพักม้าอย่างไรย่อมต้องหยุดพักเสียหน่อยเพราะอีกหลายวันกว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงและยามนี้ม้าก็อ่อนแรงลงไปไม่น้อยแล้ว ทางการรีบจัดที่พักให้พวกเขาและดูแลเรื่องอาหารอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เย่หลีได้พักที่เรือนรับรองที่สะดวกสบายที่สุด เดิมทีเรือนนี้คนของท
เช้าวันต่อมาหลังจากที่เย่หลีตื่นขึ้นมา ก็พบว่าฟ่านเฉินรวมถึงบิดาและพี่ชายของนางได้ออกรบกับแคว้นฉีอีกครั้งแล้วเมื่อคืนนี้หลังจากปรับความเข้าใจกันได้แล้ว นางก็กลับมาพักยังที่พักของตน ยามนอนหลับนางฝันดีตลอดทั้งคืนในขณะที่เย่หลีเพิ่งจะกินมื้อเช้าเสร็จและเดินออกมาภายนอกกระโจมก็พบว่ายามนี้ภายในค่ายทหารกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก เหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บถูกหามเข้ามาคนแล้วคนเล่า บางคนถูกธนูยิงจนทะลุหน้าอก บางคนแขนขาด บางคนเลือดไหลโทรมกาย ช่างเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวไม่น้อยเลย สาวใช้น้อยข้างกายของนางถึงกับเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองเพราะหวาดกลัวเย่หลีย่นหัวคิ้ว ไม่คิดว่าทหารของแคว้นซ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ นางมองไปโดยรอบก่อนจะพบกับฟ่านหลิ่นที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางจึงรีบเอ่ยกับเขาทันที"คังอ๋อง เกิดเรื่องใดขึ้นหรือเพคะ"ฟ่านหลิ่นมองเย่หลีก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีเท่าใดนัก"เสด็จอาเล่นลูกไม้สกปรก ลอบส่งทหารไปซุ่มโจมตีทหารของพวกเราจากที่ลับ ก่อนหน้านี้ก็ส่งคนมาเผาเสบียงอาหาร อีกทั้งยังใช้ดินประสิวระเบิดภูเขาทำให้ก้อนหินร่วงลงมาทับทหารของแคว้นซ่งตายไปหลายพันนาย สถานกา
ฟ่านเฉินรีบหันกลับมามองก่อนจะต้องตกตะลึงอยู่เช่นนั้น เขาคิดว่าตนเองคงจะฝันไป แต่เมื่อได้เห็นว่ายามนี้สตรีตรงหน้ากำลังแย้มยิ้มให้เขา เขาจึงตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นนางจริง ๆเย่หลีมองพิจารณาบุรุษตรงหน้า ยามนี้เขายังคงดูหล่อเหลาเช่นเดิม แต่ทว่าผิวกลับคล้ำลงไปไม่น้อย ดูคมเข้มชวนมองขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก"เจ้ามาได้เช่นไร"ฟ่านเฉินเอ่ยถามเย่หลีด้วยความสงสัย เขาเองก็มองนางอย่างพิจารณาเช่นเดียวกัน แม้ยามนี้ผิวของนางจะดูคล้ำลงแต่ความงามนั้นไม่ด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อยเย่หลียิ้มก่อนจะตอบ"ข้าก็เดินทางมากับขบวนเสบียงน่ะสิ มาพร้อมพี่ชายของท่าน"เมื่อได้ยินว่าเย่หลีมาพร้อมกับฟ่านหลิ่น ในใจของฟ่านเฉินก็พลันขมขื่นขึ้นมา นางมาพร้อมพี่ชายของเขา ไม่คิดว่าเวลาเพียงไม่นานความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้แล้วที่นางเคยบอกว่าไม่ชอบพี่ชายเขา คงเป็นเพราะนางจะยังไม่รู้หัวใจตนเองใช่หรือไม่ เมื่อรู้แล้วนางจึงเลือกพี่ชายของเขาอย่างไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าฟ่านเฉินเอาแต่เงียบ เย่หลีก็รู้สึกสงสัยไม่น้อย อันใดกัน ไม่เจอกันนานก็ไม่มีเรื่องจะสนทนากันแล้วหรือเมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเอ่ยถามเขาอีกครั
เย่หลีนั่งอยู่ในเรือนนั้นอีกสักพัก ก่อนที่นางจะตัดสินใจเรื่องราวบางอย่างได้ ก่อนกลับนางได้บอกกับอาหลันว่าให้นำชุดแต่งงานสองชุดนั้นส่งกลับไปให้นางที่จวนตระกูลเย่ด้วย อาหลันรับคำ เย่หลีพยักหน้ารับก่อนจะกลับจวนของตนไปเมื่อเย่หลีกลับมาที่จวนนางก็จัดการล้างหน้าของตนให้สะอาด ทำเหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เช้าวันต่อมานางก็ได้ยินข่าวหนึ่ง นับว่าเป็นข่าวดีของแคว้นซ่ง เมื่อมีจดหมายจากชายแดนว่าครั้งนี้ได้รับชัยชนะต่อเนื่องกัน พวกกบฏแคว้นฉีระส่ำระสาย เรื่องนี้สร้างความดีใจต่อฮ่องเต้ฟ่านหมิงจิ้นไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่าหากฟ่านเฉินกลับมาอาจจะมอบตำแหน่งดี ๆ ใหบุตรชาย เพราะยามนี้เหล่าขุนนางต่างถกเถียงกันว่าคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทก็คือหลิงอ๋อง เพราะการศึกที่ชนะได้ในครั้งนี้เก้าในสิบส่วนเพราะเป็นความปรีชาสามารถของหลิงอ๋องแต่ทว่านอกจากจดหมายของทางการทหารแล้ว กลับมีจดหมายของฟ่านเฉินแนบมาด้วย เมื่อเขาเปิดออกก็ถึงกับทอดถอนใจออกมาฟ่านเฉินบอกว่าไม่ต้องการตำแหน่งใดทั้งสิ้นเพราะหลังจบสงครามก็จะไม่ขอกลับเมืองหลวงอีก จะใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ นับแต่นี้ท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้า ไม่
"พี่สาวท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ"เย่หลีที่กำลังคิดสิ่งใดไปเรื่อยเปื่อยพลันได้สติกลับคืนมาเมื่อเย่หลิงเอ่ยถามตน นางหันไปยิ้มให้น้องสาวก่อนจะส่ายหน้าไปมา แล้วจึงเอ่ยกับเย่หลิง"ข้าจะไปหาที่เดินเล่นสงบใจเสียหน่อย อีกไม่นานจะกลับมา""เจ้าค่ะ"เย่หลีเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับเถาเป่า เดิมทีนางอยากนั่งอยู่เงียบ ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดอยู่ ๆ นางจึงอยากจะเดินเล่นรอบ ๆ จวนองค์ชายรองที่ยามนี้กลายเป็นจวนหลิงอ๋องเสียหน่อย"เจ้าไม่ต้องตามข้ามา รออยู่ตรงนี้ก็พอ""เจ้าค่ะคุณหนู"เถาเป่าพยักหน้ารับเพราะไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้านาย เย่หลีเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ยามนี้โดยรอบจวนอ๋องมีดอกไม้และใบไม้เขียวชอุ่มให้ความรู้สึกที่สบายตาไม่น้อยเลย สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเล็กน้อย เย่หลีมองไปโดยรอบด้วยแววตาที่วูบไหว อยู่ ๆ นางก็หยุดฝีเท้าอยู่ที่ด้านหน้าเรือนแห่งหนึ่งมันคือเรือนที่นางเคยอยู่ในชาติก่อนที่จวนแห่งนี้เดิมทีมีแต่ความทรงจำที่ขมขื่นและเจ็บปวดมากมาย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงอยากจะมองมันให้ชัดเจนอีกสักคราราวกับว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะได้เยียบย่างเข้ามาในที่ที่เป็นความหลังแห่งนี้ราวกับภา
ความคิดเห็น