“ข้าจะไม่มีวันแพ้นังแพศยานั่น นางคิดจะใช้กลอุบายหลอกผีมาทำร้ายข้า ไม่มีทางเสียหรอก!”ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทาหันมามองหน้ากัน พวกเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางวิญญาณ แต่สภาพของมารดาในตอนนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก“ท่านโหว สองวันนี้ทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่มาดูข้า?” หลี่ว์เหวินซิ่วถาม“ท่านพ่ออยู่ที่เรือนนั้นตลอด ได้ยินว่าพี่ใหญ่พบอวี้เยว่หลิงเมื่อคืน แต่ท่านพ่อกลับไม่เห็น ดังนั้นท่านถึงได้ซึมเซาเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งวัน”ไป๋จวิ้นเทาเพิ่งจะไปหาไป๋เฉิงหงมา แต่เขากลับเพียงแค่สั่งให้ไปตามหมอมารักษามารดา ส่วนตนเองยังคงอยู่ในเรือนนั้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะออกมาเลย“ทำไมกัน? นังแพศยานั่นตายไปแล้ว เขายังจะคอยคิดถึงนางอีกหรือ?”ในดวงตาของหลี่ว์เหวินซิ่วเต็มไปด้วยความไม่ยอม ทั้ง ๆ ที่นางคือภรรยาที่ท่านโหวแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามพิธี แต่เพราะในตอนนั้นร่างกายของนางไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เสียที ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ชอบหน้านางในตอนนั้นมีหญิงมากมายที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเป็นอนุภรรยา แต่นางไม่ยอมให้อนุเหล่านั้นตั้งครรภ์และชิงความโดดเด่นไปก่อน และไม่ต้องการถูกผู้คนหัวเราะเยาะว่าไม่มีลูก จึงเป็นฝ่าย
ราตรีดำมืดดุจน้ำหมึกสีเข้ม รอบข้างเงียบสงัด แม้ในเรือนจะจุดเทียน แต่ทันทีที่เสียงกรีดร้องของหลี่ว์เหวินซิ่วดังขึ้น ก็ทำให้ทุกคนต่างสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป?”สองพี่น้องไป๋จวิ้นอวี่พุ่งตัวเข้าไปในห้อง ก็เห็นหลี่ว์เหวินซิ่วใช้มือทั้งสองข้างบีบคอตนเองอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว ราวกับจะบีบคอตนเองจนตาย“ท่านแม่ อย่าทำให้พวกเราตกใจเช่นนี้เลย!”สายตาของไป๋จวิ้นเทาเต็มไปด้วยความหวาดผวา ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้แต่ก้าวเดียว“เร็วเข้า ท่านหมอ รีบมาดูอาการของท่านแม่ข้า!” ไป๋จวิ้นอวี่ตะโกนอย่างร้อนรนแต่เมื่อหมอหลายคนเห็นฉากแปลกประหลาดนี้ ไหนเลยจะมีใครกล้าเข้าใกล้ พวกเขาต่างพากันวิ่งหนีออกไปด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับร้องตะโกนว่า“ผีหลอก!”“ผีหลอกแล้ว!”ไป๋จวิ้นอวี่รู้สึกโกรธจัด แต่ทำได้แค่วิ่งเข้าไปพร้อมตะโกนเรียกให้ไป๋จวิ้นเทามาช่วยกันแกะมือของหลี่ว์เหวินซิ่วออก แต่กลับพบว่าหลี่ว์เหวินซิ่วมีแรงมากผิดปกติ แม้พวกเขาสองคนร่วมกันก็ยังไม่สามารถปลดมือออกได้ทันใดนั้น หลี่ว์เหวินซิ่วพลันเปลี่ยนมาบีบคอไป๋จวิ้นอวี่แทน ในดวงตาของนางเต็มไปด้
“เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าเพียงคนเดียวที่ได้ยิน ซวงซวงก็ได้ยินเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาน่าจะไปแล้ว”สีหน้าของสวีเฮ่ออันเปลี่ยนไปทันที “อะไรนะ?”ทันใดนั้น สวีเฮ่ออันก็ไม่สนใจจะพูดอะไรอีก รีบเร่งตรงไปยังตระกูลซ่งทันที เรื่องที่อวิ๋นเฉิงเจ๋อถูกลอบโจมตีในวันนี้ อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน ฉินซวงซวงมีเรื่องบาดหมางกับซ่งรั่วเจินอยู่ก่อนแล้ว หากคืนนี้จับโอกาสได้ ไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเกิดข่าวลืออะไรขึ้นบ้าง......ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูจวนตระกูลซ่งดังสนั่น ผู้คุ้มกันเปิดประตูออก มองไปที่กลุ่มของไป๋จวิ้นอวี่ด้วยความประหลาดใจ“พวกเราต้องการพบซ่งรั่วเจิน! รีบให้พวกเราเข้าไปเดี๋ยวนี้!”ไป๋จวิ้นอวี่ร้อนรนจนทนไม่ไหว หากไม่รีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้แล้ว!บ่าวในจวนตระกูลซ่งมองหน้ากัน ก่อนจะนึกถึงคำสั่งที่แม่นางของพวกเขาเคยสั่งไว้ จึงไม่ขัดขวางทว่าทันทีที่ไป๋จวิ้นอวี่และกลุ่มคนเข้ามาในจวนตระกูลซ่งได้ไม่นาน ไป๋จื่อมู่และไป๋เฉิงหงก็ได้ข่าวและรีบตามมาทันทีพวกเขาไม่คาดคิดว่าไป๋จวิ้นอวี่และคนอื่น ๆ จะก่อเรื่องเช่นนี้ กลุ่มคนมากมายมาบุกจวนตระกูลซ่งในยาม
หลี่ว์เหวินซิ่วมองเส้นดำบนฝ่ามือตนเองอย่างตกใจ เหลือเพียงนิดเดียวเส้นนั้นก็จะถึงปลายนิ้ว นางตกใจจนล้มทรุดลงกับพื้น “เหตุ...เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...”ไป๋เฉิงหงและคนอื่น ๆ เห็นเส้นดำชัดเจนบนมือของหลี่ว์เหวินซิ่ว ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกส่วนหนึ่งเพราะรู้ว่าหลี่ว์เหวินซิ่วเหลือเวลาอีกเพียงเล็กน้อย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะตะลึงกับความสามารถของซ่งรั่วเจิน เดิมทีเส้นนั้นไม่มีอยู่เลย แต่เพียงแค่นางวาดยันต์ ทุกอย่างก็ปรากฏออกมา“ซ่งรั่วเจิน เจ้ารีบช่วยข้า ข้าไม่อยากตาย!”หลี่ว์เหวินซิ่วมองดูเส้นดำที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปยังปลายนิ้ว นางไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ท่านไม่อยากตาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเยาะเบา ๆ นางเกลียดคนอย่างหลี่ว์เหวินซิ่วที่สุดคนที่ไม่เคยเห็นค่าชีวิตของผู้อื่น ชอบชี้นิ้วสั่งการไปทั่ว แม้แต่ตอนที่ขอให้คนช่วยเหลือก็ยังทำตัวสูงส่ง ไม่รู้เลยว่าเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน?“ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีวิธีช่วยข้า แต่กลับตั้งใจไม่ช่วย ไยเจ้าช่างอำมหิตนัก?”หลี่ว์เหวินซิ่วโกรธจัด แล้วหันไปชี้นิ้วใส่ไป๋จื่อมู่ด้วยความเดือดด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าขอพูดให้ชัด ข้าจะไม่เอาทรัพย์สินจากจวนโหวแม้แต่น้อย““นับจากวันนี้ไป ข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนไป๋โหวอีกต่อไป!”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทามองหน้ากันด้วยความยินดีที่แทบปกปิดไม่มิดส่วนไป๋เฉิงหงสีหน้าย่ำแย่ “เจ้าพูดบ้าอะไร? เจ้าคือบุตรของข้า จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนโหวได้อย่างไร?”“ข้าและท่านแม่ของข้าไม่ควรจะอยู่ในจวนโหวตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นนางคิดจะพาข้าไป แต่ท่านที่ขัดขวางนางไว้”“ตอนนี้ข้าอยู่ในจวนโหว ก็กลายเป็นหนามยอกอกของพวกเขามานานแล้ว แม้แต่ท่านพ่อเมื่อครู่ก็ยังไม่เชื่อข้าเลยมิใช่หรือ?”ในดวงตาของไป๋จื่อมู่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้ความจริง แม้เขาจะเกลียดหลี่ว์เหวินซิ่ว แต่คนที่เขาเกลียดมากกว่าคือไป๋เฉิงหงเพราะหลี่ว์เหวินซิ่วไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง แต่ไป๋เฉิงหงคือบิดาของเขา ชายที่เคยหลอกลวงมารดาของเขา ทำลายชีวิตนาง และปิดบังความจริงจากเขามาตลอดหากไม่ใช่เพราะแม่นมสวี เขาคงตายไปแล้ว เช่นเดียวกับมารดาของเขาแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไป๋เฉิงหงกลับยังสงสัยว่าเขาวางแผนใส่ร้ายหลี่ว์เหวินซิ่ว
พลั่ก!ซ่งจืออวี้ยกเท้าถีบไป๋จวิ้นอวี่อย่างไม่ลังเล กล้าคิดแตะต้องน้องสาวของเขาต่อหน้าต่อตา อยากตายนักหรือ!ขณะเดียวกัน ฉู่จวินถิงก็ลงมือด้วยเช่นกันฉู่จวินถิงเหวี่ยงพัดในมือไปออกไป มันพุ่งกระแทกใบหน้าของไป๋จวิ้นอวี่อย่างรุนแรง!ไป๋จวิ้นอวี่ล้มลงอย่างแรง มือเท้าชี้ขึ้นฟ้าอย่างไม่เป็นท่า ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาที่หน้าท้อง ใบหน้าบวมเป่ง เลือดกำเดาไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง สภาพของเขาช่างน่าเวทนายิ่งนักซ่งจืออวี้หันไปมองฉู่อ๋องด้วยความแปลกใจ เขาจะปกป้องน้องหญิงห้าของเขาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เหตุใดฉู่อ๋องถึงได้ลงมือปกป้องน้องหญิงห้าเช่นกัน?พัดเล่มนั้น...ดูท่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกระมัง?แต่กลับโยนทิ้งไปแบบนี้!ซ่งรั่วเจินมองสอง ‘ผู้พิทักษ์’ ข้างกาย นางได้แต่ถอนใจเบา ๆ ในใจว่า ‘ยังไม่ทันได้ให้โอกาสนางลงมือเลย!’ขณะเดียวกัน ไป๋จวิ้นเทาคว้าคอเสื้อไป๋จื่อมู่ไว้แน่น พร้อมพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า“ไป๋จื่อมู่ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่? ท่านแม่ข้าเลี้ยงเจ้ามาหลายปี เจ้ากลับร่วมมือกับซ่งรั่วเจินเพื่อฆ่านาง ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”“พรุ่งนี้ข้าจะให้ทุกคนรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า พวกเจ้าสมคบคิ
คนต่ำช้าพวกนี้!“อั่ก!”หลี่ว์เหวินซิ่วกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองจับจ้องซ่งรั่วเจินเขม็ง“ข้าพูดออกมาหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าควรช่วยข้าได้แล้วกระมัง?”“ถ้าท่านขอร้องข้าตั้งแต่สามวันก่อน ข้าพยายามสุดความสามารถอาจยังช่วยเหลือท่านได้ แต่ข้าก็บอกแล้วว่าหากผ่านพ้นคืนนั้นไป พระหรือเทพก็ยากจะช่วยเหลือได้แล้ว”“ตอนนี้ไอพยาบาทแทรกซึมเข้าร่างท่านมากจนกลายเป็นไอมรณะ นอกจากนี้ คนที่ถูกท่านทำร้ายจนตายก็ไม่ยินดีอโหสิกรรมให้ท่าน ข้าทำได้เพียงช่วยยื้อเวลาให้ท่านเท่านั้น” ซ่งรั่วเจินตอบด้วยสีหน้าลำบากใจไป๋จวิ้นเทาหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเจ้าช่วยไม่ได้งั้นรึ?”“ท่านช่วยได้งั้นรึ?” ซ่งรั่วเจินย้อนถาม“เจ้าช่วยไม่ได้แล้วมาอวดดีอยู่ตรงนี้ทำไม? หากแม่ข้าตาย เจ้าก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้!”ไป๋จวิ้นเทาตวาดเสียงกร้าว ทว่าชั่วพริบตาถัดมาก็ถูกฝักดาบฟาดอย่างรุนแรงจนสลบไป“หนวกหู”ฉู่จวินถิงแววตาเฉยเมย ถ้อยคำเพียงสองพยางค์กลับทำให้ทุกคนจากจวนสกุลไป๋ไม่กล้าโวยวายอีกแม้แต่คำเดียวไป๋จวิ้นอวี่เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว มีบทเรียนให้เห็นเมื่อครู่จึงเพียงถามเสียงอ่อน“แม่นางซ่ง เจ้าเ
“ท่านอ๋อง ส่งน้องหญิงห้ามาให้กระหม่อมเถิะพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่งจืออวี้กล่าวขึ้นอย่างอดไม่อยู่ฉู่จวินถิงฝีเท้าเร็วยิ่ง น้ำเสียงเร่งร้อน “รถม้าอยู่ข้างนอก รีบไปหาหมอสำคัญกว่า”ซ่งรั่วเจินรู้สึกได้ว่าน่าจะพ้นสายตาคนสกุลไป๋แล้วจึงลอบลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมาดูลาดเลา แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความร้อนใจของฉู่จวินถิงท่าทางแบบนั้น...ร้อนใจจริงๆ ด้วย“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ” ซ่งรั่วเจินกระซิบบอก “หม่อมฉันจงใจแสดงละครตบตาพวกเขาเพคะ”ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอด ดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นซีดขาว แลดูอ่อนแออย่างยิ่ง ขณะพูดจาแววตาหลุกหลิก สะท้อนความร้อนตัวออกมาหลายส่วน เขานึกฉุนจนหัวเราะออกมา“แสดง? แล้วทำไมหน้าเจ้าถึงซีดขนาดนั้น?”“ดีชั่วอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นหมอคนหนึ่งเหมือนกันนะเพคะ แสร้งเป็นลมก็พอจะมีชั้นเชิงอยู่บ้าง” ซ่งรั่วเจินอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนแสร้งเป็นลมแสร้งโง่ ทักษะจำเป็นแบบนี้จะขาดไปได้อย่างไรกันเล่า?ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยความอ่อนใจ “จู่ๆ เจ้าจะแสร้งเป็นลมทำไม?”“ถ้าหม่อมฉันไม่แสร้งเป็นลม คนสกุลไป๋สองคนนั้นจะยอมปล่อยหม่อมฉันไปหรือเพคะ? ท่าทางเหมือนสุน
ฉู่จวินถิงอารมณ์ดีมาก ผินมองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง “วันแต่งงานของเจ้าไม่มีผู้ใดสามารถกลบรัศมีของเจ้าได้”“หลายปีมานี้ ข้าเห็นรัศมีของท่านเปล่งประกายถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก น่าเกรงขามเสียยิ่งกว่าตอนนำชัยชนะกลับมาในตอนนั้นเสียอีก!”ฉู่อวิ๋นกุยยิ้มกว้าง ยังมีความรู้สึกย้อนนึกถึงวันวานอีกด้วย เมื่อแรกเขากังวลเสด็จพี่จะไม่แต่งงานไปชั่วชีวิต บัดนี้ไม่เพียงแต่งงาน ยังแต่งได้ดีถึงเพียงนี้!หลายปีมานี้ เวลาส่วนใหญ่ฉู่จวินถิงมักอยู่ในค่ายทหาร ดังนั้นวันนี้ตอนมาต้อนรับ คนในค่ายทหารมากมายเร่งเดินทางมา รู้สึกเพียงว่าเสียงตีฆ้องกลองใสกังวานเสียยิ่งกว่าปกติสี่พี่น้องสกุลซ่งเตรียมตัวดีแล้ว กำลังรออยู่ที่หน้าประตู ชะเง้อมองขบวนต้อนรับเจ้าสาวที่เดินทางมา ญาติพี่น้องชายสกุลกู้เองก็ยืนเรียงแถว ญาติพี่น้องหญิงยืนถัดไปทางด้านหลัง“หากน้องเขยไม่มอบเงินมงคลให้ เช่นนั้นคงเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ!” ซ่งเยี่ยนโจวร้องตะโกนใบหน้าประดับยิ้มพวกฉู่จวินถิงย่อมเตรียมไว้ดีแล้ว ฉู่อวิ๋นกุยรีบนำเงินออกมาแจกจ่ายทุกคนและพูดว่า “พวกเจ้ารับเงินมงคลไว้แล้ว เช่นนั้นก็สามารถปล่อยพวกเราเข้าไปได้แล้วกระมัง?”“ไฉนเลยจะง่ายดายถึงเพียงน
เมิ่งชิ่นพูดถึงตรงนี้ก็อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทุกคนยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม เวลาเพียงชั่วพริบตาวันนี้รั่วเจินก็แต่งงาน เนี่ยนชูและอวิ๋นเฉิงเจ๋อก็จะแต่งงานกันแล้ว กู้ฮวนเอ๋อร์และอวิ๋นอ๋องเองก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันมีเพียงตนเองยังเล่นสนุก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนที่ชอบแม้คนเดียวได้ยินคำพูดของเมิ่งชิ่น พวกซ่งรั่วเจินกลั้นยิ้มไม่อยู่ คิดๆ ดูแล้วช่วงนี้พวกนางคืบหน้าไปอย่างว่องไวจริงๆ“เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าเพิ่งรีบเลย ข้าเห็นวาสนาของเจ้า ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็จะมาแล้ว!”อวิ๋นเนี่ยนชูหัวเราะเบาๆ นับตั้งแต่สารภาพความในใจกับญาติผู้พี่และมารดาไม่ขัดขวางพวกเขาแล้ว ช่วงนี้อารมณ์ของนางดีมากนักหลังคบหากัน ญาติผู้พี่ไม่หลบเลี่ยงนางเหมือนที่ผ่านมาอีก ในที่สุดนางก็ได้สัมผัสยามที่เขาดีต่อนางอย่างเปิดเผย ความหวังในอดีตเหล่านั้น บัดนี้กลายเป็นจริงแล้ว“ข้า? เป็นไปไม่ได้” เมิ่งชิ่นส่ายหน้า “พวกเจ้าแต่ละคนไม่เพียงหน้าตางดงาม อุปนิสัยอ่อนโยน คุณชายที่มาชอบพวกเจ้ามีมากมายนัก แต่พวกเจ้าดูข้า...ข้าเพียงคนเดียวสามารถสู้ได้หลายคน!”กู้ฮวนเอ๋อร์กุมท้องหัวเราะดังลั่น “เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าพูดเช่
กู้หรูเยียนส่ายหน้า เดิมทีพี่น้องก็ควรประคับประคองกัน ทว่าตอนนี้ความสัมพันธ์เช่นนี้กลับเข้ามาแทรก หากในภายภาคหน้าฐานะเซียวอ๋องเปลี่ยนไป นั่นก็พูดยากแล้ว...“ท่านแม่ นี่ล้วนเป็นเรื่องของบ้านผู้อื่น พวกเราเห็นเป็นความครึกครื้นอย่างหนึ่งก็พอ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “บัดนี้เช่ออ๋องไม่อยากแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ น่ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ช่วงนี้มีงานแต่งไม่น้อยจริงๆ”กู้หรูเยียนและฮูหยินผู้เฒ่ากู้สบตากันแวบหนึ่ง ล้วนรู้สึกแปลกใจเหตุใดนางมั่นใจนักว่าเช่ออ๋องจะต้องแต่งงาน ต่อให้จงเฟยยึดมั่นถึงเพียงนี้ แต่บัดนี้เช่ออ๋องก็อายุไม่น้อยแล้ว สามารถตัดสินใจเรื่องเช่นนี้เองได้ความคิดของจงเฟย ใช่ว่าเขาจะรับฟังทั้งหมด“จงเฟยเพียงแต่ต้องการรักษาความรุ่งโรจน์ ไม่มีวันทอดทิ้งสกุลหลิง ส่วนสกุลหลิงช่วยเหลือจงเฟย ย่อมต้องให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์”“ทว่า สกุลหลิงมีความแค้นกับพวกเรา จะต้องเตือนท่านพ่อให้ระวังสักหน่อย” ซ่งรั่วเจินพูดวันแต่งงานมาถึงโดยไม่รู้ตัวซ่งรั่วเจินถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ มงกุฎหงส์เสื้อคลุมแดงถูกตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้
“ภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน? นางกลับอยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เรื่องนี้วุ่นวายน่าอับอายถึงเพียงนี้ อยากเป็นภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันย่อมเป็นไปไม่ได้”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ส่ายหน้า “ต่อให้นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพระชายาเซียวอ๋อง แต่เรื่องนี้เล่าลือออกไปกลับน่าอับอายมาก แม้พูดว่าชื่อเสียงของเจียงฉิงหลานเสียหาย แต่ภายในใจของทุกคนกลับรู้ดี ผู้ที่ได้รับความทุกข์ใจที่แท้จริงก็คือพระชายาเซียวอ๋อง”“ได้ยินมาว่าตอนนางจับได้ เสื้อผ้าที่นางสวมเป็นของพระชายาเซียวอ๋อง ดังนั้นเซียวอ๋องเมาสุรากลับไปจึงไม่ระวังจำคนผิดไป”สีหน้ากู้หรูเยียนซับซ้อน “อิงตามคำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนายั่วยวน นางแม่นางในห้องหอยังไม่ออกเรือนคนหนึ่ง ชาติกำเนิดเองก็ไม่เลว ไม่เข้าใจจริงๆ เพราะเหตุใดถึงต้องทำเรื่องพรรค์นี้”เช่นนี้แล้ว ต่อให้เข้าจวนเซียวอ๋อง มีตำแหน่งชายารอง แต่ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่ภายในใจ ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้เข้าจวนอ๋อง นั่นคือชนักติดหลังไปชั่วชีวิตซ่งรั่วเจินนึกถึงวันที่ได้พบสองพี่น้องสกุลเจียง ใคร่ครวญจึงพูดว่า “เจียงฉิงหลานสวมเสื้อผ้าของพระชายาเซียวอ๋อง นั่นหรือว่านางอยู่ภายในห้องของพระชายาเซียวอ๋องจึงถูกเ
“นึกถึงตอนแรกนางได้พบรั่วเจินก็รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ บัดนี้จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมีวาสนาเช่นนี้!”“ยังไม่ใช่อีกหรือ? ข้าเห็นฮวนเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง อวิ๋นอ๋องเองก็ดีไปหมดทุกอย่าง หลังทั้งคู่แต่งงานกันแล้วจะต้องใช้ชีวิตอย่างดีแน่เจ้าค่ะ” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆ“ข้าได้ยินมาว่าจงเฟยวางแผนให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ เช่ออ๋องคล้ายไม่ยินดีเท่าใดนัก กำลังโวยวายอยู่เชียว”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เล่าข่าวที่เพิ่งได้ยินกลับมา “พระชายาคนก่อนของเช่ออ๋องกลับไม่ได้เรื่อง บัดนี้จะแต่งงานใหม่ หากต้องไปพัวพันกับตระกูลหลิง น่ากลัวว่าจะยุ่งยาก”แม้ว่าปกติราชครูกู้ไม่เล่าเรื่องในราชสำนักให้นางฟังสักเท่าใด แต่กลับมาครั้งนี้ เรื่องที่ซ่งหลินประสบยามอยู่เมืองผิงหยางมีความเกี่ยวพันกับสกุลหลิงหลายส่วน นางเองก็รู้เรื่องนี้“ข้าได้ยินมาว่าทีแรกเช่ออ๋องมีจิตปฏิพัทธ์ต่อหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ทว่าต่อมาคล้ายทิ้งแผนการไป เพราะเหตุใดตอนนี้จงเฟยถึงยังดึงดันเช่นนี้?”กู้หรูเยียนขมวดคิ้ว บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหลินและสกุลหลิงดุจน้ำกับไฟ ต่อให้ไม่ฉีกหน้ากัน แต่ทั้งสองฝ่ายกลับ
จนกระทั่งตบยี่สิบฉาดเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเจียงฉิงหลานถูกตบจนบวมเปล่งใบหน้าที่เดิมทีเรียวเล็กบัดนี้เปี่ยมความเจ็บปวด ร้องไห้จนดวงตาบวมแดง ถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยได้รับโทษเช่นนี้เลย ช่างอัปยศอดสูโดยแท้!เจียงหลูเสวี่ยเห็นสภาพของเจียงฉิงหลาน สายตาเปี่ยมความสงสาร พูดว่า “ฉู่อ๋อง บัดนี้ตบยี่สิบฉาดไปแล้ว เรื่องนี้ก็สมควรจบลงเช่นนี้แล้วกระมัง?”“ภายภาคหน้าหม่อมฉันจะสั่งสอนนางดีๆ ไม่ให้นางพูดจาเหลวไหลไร้สาระอีก อีกทั้งยังไม่ให้นางพูดจาว่าร้ายแม่นางซ่งอีกแม้ประโยคเดียว”ฉู่จวินถิงไม่คิดถือสาให้มากความ อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าเซียวอ๋องอยู่บ้างเห็นสองพี่น้องจากไปแล้ว ที่ด้านนอกยังสามารถมองเห็นเจียงฉิงหลานสะบัดมือเจียงหลูเสวี่ยออกอย่างไม่สบอารมณ์ได้อีกด้วย“ล้วนเป็นเพราะท่าน! ถึงขั้นเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย! ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่านนะ รอข้ากลับไปแล้วจะบอกท่านพ่อท่านแม่!”เจียงหลูเสวี่ยเผยสีหน้าระอา “น้องหญิง ใช่ว่าเจ้าไม่รู้อุปนิสัยของฉู่อ๋อง หากไม่ใช่เพราะเจ้าพูดจาเหลวไหลล่วงเกินฉู่อ๋อง เรื่องก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงโทษข้าเล่า?”“อิงตามท
เห็นได้ชัดว่าเจียงฉิงหลานคิดไม่ถึงว่าซ่งจิ่งเซินจะรู้เรื่องนี้ หน้าแดงก่ำขึ้นมาในทันใด นางไม่คิดว่าการกระทำของตนมีอันใดไม่เหมาะสม เพียงแต่ฟังจากปากของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่น่าฟังอย่างมากทั้งๆ ที่นางไปช่วยพี่สาวให้ได้รับความโปรดปราน!เดิมทีนางก็ไม่คิดแย่งสามีจากพี่สาว หากนางไม่ช่วย ก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งพระชายาในอนาคตของพี่สาวเอาไว้ได้!ฉู่มู่เหยาได้ยินถ้อยคำนี้ของซ่งจิ่งเซิน รู้สึกไม่อาจทนไหว นางก็รู้เพียงคนผู้นี้อ้าปากก็ไม่ธรรมดา“พี่สะใภ้ พี่สี่ท่านกลับเหมือนที่ท่านพูด ข่าวว่องไวไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าพบข่าวนี้เข้าโดยบังเอิญถึงเกิดข้อสันนิษฐาน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้อยู่แล้ว นี่เก่งกาจเกินไปแล้วกระมัง!”เรื่องพรรค์นี้ก่อนยืนยันให้แน่ใจ สกุลเจียงไม่มีวันเปิดเผยออกมา จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ยินข่าวทางด้านนี้ ซ่งจิ่งเซินกลับรู้ดี“เขารู้ข่าวแต่ละครอบครัวค่อนข้างดีเพคะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ทำการค้าขายย่อมสืบข่าวทุกชนิดได้อย่างง่ายดาย แต่ก่อนหน้านี้พี่ไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านี้มากนักบัดนี้รู้เรื่องเหล่านี้ น่ากลัวว่าเพราะนางจะแต่งงานกับท่านอ๋อง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไปทำความเข้าใจสถานการณ์
ซ่งรั่วเจินมิได้คาดคิดมาก่อนว่า เรื่องซุบซิบจะพาดพิงไปถึงฉู่จวินถิง สมกับเป็นบุรุษในดวงใจของบุตรีตระกูลสูงศักดิ์ เจียงฉิงหลานก็หวังจะได้แต่งงานกับเขาเช่นกัน ฉู่มู่เหยาก็มิได้คาดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน สีหน้าแปรเปลี่ยนจากนิ่งงันไร้วาจา เป็นความเกลียดชังอย่างหาที่เปรียบมิได้ “นางช่างเพ้อฝันจริง ๆ มิมองบ้างว่าสตรีทาแป้งแต่งหน้าธรรมดาเช่นนาง อย่าว่าแต่จะคู่ควรกับเสด็จพี่สามเลย แม้แต่เสด็จพี่รองก็มิอาจคู่ควร!” ซ่งรั่วเจิน “…” มิรู้ว่าเช่ออ๋องได้ยินถ้อยคำนี้เข้า จะกระอักเลือดหรือไม่ “ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเลือกสตรีที่เหมาะสมไว้มากมาย เพื่อสู่ขอให้แก่ฉู่อ๋อง เรื่องนี้เจ้าก็มิใช่ว่าจะมิรู้ แม้ข้ามิเคยได้พบซ่งรั่วเจิน แต่ก็รู้ได้ว่า สามารถทำให้ฉู่อ๋องให้ความสำคัญถึงเพียงนี้ ย่อมมิใช่สตรีธรรมดาเป็นแน่” “ในพระราชวัง ผู้คนล้วนสรรเสริญนางว่าเป็นสตรีผู้เลอโฉม ยากจะพานพบ ยิ่งมิต้องพูดถึงเรื่องที่นางเชี่ยวชาญในศาสตร์ลี้ลับเลย แม้แต่ฝีมือการแพทย์ก็มิใช่ธรรมดา” “เจ้าลองขบคิดให้ถี่ถ้วนเถิด… เจ้านั้นเทียบนางได้จริงหรือ?” เจียงลู่เสวี่ยมีสีหน้าจริงจัง นับตั้งแต่ที่นางเข้าสู่เชื้อพระว
ซ่งรั่วเจินหลุบดวงตาคู่งามลงเล็กน้อย สตรีนั้นก็มักแบกรับแรงกดดันอันใหญ่หลวงมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะเมื่อแต่งเข้าสู่เชื้อพระวงศ์ สิ่งที่ต้องแบกรับคือเกียรติยศของตระกูลทั้งตระกูล คิดไปแล้ว สกุลเจียงนำทุกสิ่งทุกอย่างมาสนับสนุนองค์ชายใหญ่ อย่างไรเสียก็เป็นบุตรสายตรง ความเป็นไปได้ที่จะช่วงชิงราชบัลลังก์ในภายหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว ฉู่มู่เหยาตกอยู่ในความเงียบ นางเติบโตในพระราชวัง แท้จริงแล้วก็เห็นเล่ห์กลลับลวงที่มิอาจเปิดเผยเหล่านั้นมาไม่น้อย เพียงแต่เสด็จแม่ปกป้องนางเอาไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้นจะพบพานปัญหาใด ๆ ก็ไม่เคยทำให้นางต้องเป็นทุกข์เลย บัดนี้เมื่อเห็นสถานการณ์ของพี่สะใภ้ใหญ่เช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าตนช่างอยู่ในความสุขโดยมิรู้คุณค่าของความสุขนั้นเสียเลย เจียงฉิงหลานเมื่อเห็นว่าเจียงลู่เสวี่ยมิได้ปฏิเสธตรง ๆ ก็พลันปลื้มปีติอยู่ในใจ “ท่านพี่ แท้จริงแล้วที่ข้ามาบอกท่านก่อนนั้น ก็เพราะหวังดีต่อท่าน” “ท่านก็รู้ดีถึงอุปนิสัยของท่านพ่อ เรื่องใดที่เขาตัดสินแล้ว ใครก็มิกล้าโต้แย้ง พวกเรามีใจผูกพันกันที่สุดมาแต่เยาว์ ข้าเองก็มิประสงค์ให้ท่านถูกตำหนิยามกลับไป ด้วยเหตุนี้ข้าจ