ซ่งรั่วเจินสวมชุดแต่งงาน มือสองข้างจับพัดกลม เดินมาที่ห้องโถงโดยมีแม่นมและสาวใช้คอยประคองนางมองแวบหนึ่งก็มองเห็นฉู่จวินถิงในชุดแต่งงานสีแดง เห็นเขาสวมใส่เสื้อผ้าสีสดเช่นนี้น้อยมาก เทียบกับความสุขุมลุ่มลึกเหมือนที่ผ่านมา กลับมีรัศมีเปล่งประกายอยู่รางๆ สายหนึ่งใบหน้าเขาหล่อเหลา ยามแย้มยิ้มยิ่งมีชีวิตชีวา ความเย็นชาลดลงหลายส่วน คล้ายดวงอาทิตย์เปล่งประกายทำให้คนไม่อาจละสายตาได้“พวกเจ้าดูท่านอ๋องมีความสุขเถอะ ข้าไม่เคยเห็นท่าทางมีความสุขของฉู่อ๋องเช่นนี้มาก่อน” เมิ่งชิ่นลอบหัวเราะอย่างอดไม่ได้“ฮ่าๆ เจ้าบ่าวจะไม่มีความสุขได้เยี่ยงไร? ในเทศกาลโคมไฟวันนั้น ท่านอ๋องมีความสุขเป็นพิเศษ วันนี้ได้อุ้มหญิงงามกลับแล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพูดด้วยใบหน้าประดับยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อครู่ท่านอ๋องมอบเงินมงคลให้ไม่น้อย พวกบ่าวดีใจกันแทบแย่”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้า หยิบเงินมงคลกั้นประตูออกมา “ข้าเองก็แย่งมาให้พวกเจ้าส่วนหนึ่ง รีบรับไปเถอะ ฮ่าๆ”เมิ่งชิ่นและอวิ๋นเนี่ยนชูรีบรับไปอย่างมีความสุข หลังมองเห็นเงินมงคลภายในนั้นแล้ว ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ มิน่าเล่าบ่าวในจวนถึงดีใจกันแทบแย่ เปลี่ยนเป็นผู้อื่น ใครบ้าง
หากก่อนหน้านี้ไม่เกิดเรื่องกับอี้อัน บัดนี้ก็คงแต่งงานไปแล้ว” กู้หรูเยียนนึกขึ้นได้จึงพูดว่า “โชคดีที่ตอนนั้นไม่ได้แต่งเข้าบ้าน หาไม่แล้วตระกูลจะต้องประสบเคราะห์ร้ายจริงๆ!”ซ่งหลินเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาก่อน พยักหน้าลง “แม่นางคนนั้นรับเข้ามาไม่ได้จริงๆ งานแต่งนี้ของอี้อันเป็นเขากำหนดด้วยตนเอง มองออกว่าสายตาเขาใช้ไม่ได้ ภายภาคหน้าจะแต่งงาน เจ้ายังต้องช่วยดูสักหน่อย”ซ่งอี้อันที่ถูกเรื่องบางอย่างทำให้เสียเวลาจึงยังไม่ได้จากไป “...”เขาหันหน้ารีบเดินไป หาไม่แล้วโทสะจะตกลงมาที่ตน!ซ่งหลินเหล่มองคนหันหน้าเดินจากไปคล้ายตัดสินใจบางอย่างแล้วอย่างซ่งอี้อัน พูดว่า “ช่วงนี้คนสกุลหลิ่วมาหาเจ้าหรือไม่?”“พวกเขาเคยมา แต่ก่อนหน้านี้ข้าสั่งบ่าวไว้แล้ว ห้ามไม่ให้พวกเขาเข้ามาเจ้าค่ะ”กู้หรูเยียนนึกได้ว่าตอนนั้นสกุลหลิ่วทำกับนางเยี่ยงไร รู้สึกขยะแขยงอย่างมาก หลายปีถึงเพียงนี้ นางเสียใจมาโดยตลอดที่ตนเองไม่ได้รับความโปรดปรานจากบิดามารดา ไม่ว่าทำเยี่ยงไรก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาพึงพอใจได้เพราะเหตุนี้ ไม่รู้นางต้องเสียใจมากน้อยเพียงใดจนกระทั่งตอนนี้ลูกๆ ล้วนเติบโตแล้ว นางถึงรู้ความจริง เพราะนางไม่ใช่ลูก
ตอนนี้พวกซ่งเยี่ยนโจวกำลังต้อนรับแขกเข้างาน อวิ๋นอ๋องตะโกนเรียกสหายที่ดีและพูดว่า “เสด็จพี่สั่งไว้ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูแลต้อนรับพวกพี่ภรรยาทั้งสี่ท่านดีๆ!”“อวิ๋นอ๋อง เรื่องนี้วางใจยกให้พวกเราเถอะ จะทำให้พวกเขาไม่เมาไม่กลับเลยทีเดียว!”พวกซ่งเยี่ยนโจวมองทหารคอแข็งแต่ละคนตรงหน้า รีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ ดื่มให้หมดก็พอ”“วันนี้จะต้องให้พวกเจ้าดื่มจนหมดให้ได้!”เพียงซ่งจิ่งเซินได้เห็นก็รู้ว่าวันนี้คนเหล่านี้จะต้องจับพวกเขากรอกเหล้าแน่ หันมองทางซ่งจืออวี้อย่างอดไม่ได้ “พี่สาม คราวนี้ต้องพึ่งท่านแล้ว!”“เจ้าสี่ เจ้าเองก็ดื่มเก่งไม่ใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้หันมองเขาแวบหนึ่ง เขารู้ดีอย่างมากว่าซ่งจิ่งเซินคอแข็ง อย่ามองเพียงท่าทางเรียบเฉยในเวลาปกติของเขาเชียว แต่ทำการค้าใดไม่ดื่มเหล้าบ้างเล่า?ท่ามกลางพวกเขาสี่คน เขามองดูแล้วดื่มเก่งที่สุด แต่ซ่งจิ่งเซินต่างหากดื่มเก่งที่สุดซ่งจิ่งเซินยิ้มเจ้าเล่ห์ “มองท่าทางนั้นของพวกเขาคล้ายต้องการล้มท่านให้ได้”ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงคารวะฟ้าดินแล้วก็ถูกส่งตัวเข้าห้อง มองการประดับตกแต่งอย่างเป็นมงคลภายในห้อง แตกต่างจากห้องเย็นเยือกของฉู่จวินถิงครั้ง
พวงแก้มซ่งรั่วเจินแดงเรื่อ รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง สังเกตเห็นกลิ่นสุราบนตัวของฝ่ายชายจึงพูดว่า “ท่านดื่มมากหรือ?”“เปล่า” ฉู่จวินถิงหัวเราะเบาๆ “ข้าเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันนี้จะมีคนมอมเหล้า จึงตั้งใจจัดเตรียมมือดีคอยดื่มเหล้าเอาไว้หลายคน หาไม่แล้วตอนนี้ข้าคงไม่ได้เดินเข้ามา แต่ถูกหามเข้ามาแทน”สีหน้าซ่งรั่วเจินสะท้อนความแปลกใจ “หม่อมฉันยังคิดว่าด้วยอุปนิสัยของท่าน วันนี้น่าจะไม่มีคนกล้ามอมเหล้าท่านเสียอีก”“ลูกหลานขุนนางและตระกูลเหล่านั้นย่อมไม่กล้า แต่ทหารภายในกองทัพอยู่ที่ชายแดนกับข้ามานานหลายปี รู้จักกันดีมากนัก ยังมีทหารที่วันนี้ติดสอยห้อยตามท่านพ่อตามาด้วย”“โชคดีข้ากลับมาเร็ว ตอนนี้พวกเขาน่าจะหาข้าไม่พบ”พูดถึงพวกขี้เมาข้างนอกกลุ่มนั้น ฉู่จวินถิงส่ายหน้า สีหน้าเจือความเอือมระอาหลายส่วนซ่งรั่วเจินกลั้นยิ้มไม่ไหว “หม่อมฉันเห็นด้านนี้ของท่านน้อยมาก ดูท่าแล้วท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับทหารภายในสนามรบ”ภายในความทรงจำฉู่จวินถิงในสายตาผู้อื่นเป็นคนสูงส่งมิอาจแตะต้อง เย็นชาไร้ความรู้สึก เข้าถึงได้ยากยิ่ง แต่บัดนี้ยามเขาเอ่ยถึงทหารในกองทัพ ความรู้สึกนั้นกลับต่างออกไปมองผ่านภาพนี้
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
“แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล
“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า
พวงแก้มซ่งรั่วเจินแดงเรื่อ รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง สังเกตเห็นกลิ่นสุราบนตัวของฝ่ายชายจึงพูดว่า “ท่านดื่มมากหรือ?”“เปล่า” ฉู่จวินถิงหัวเราะเบาๆ “ข้าเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันนี้จะมีคนมอมเหล้า จึงตั้งใจจัดเตรียมมือดีคอยดื่มเหล้าเอาไว้หลายคน หาไม่แล้วตอนนี้ข้าคงไม่ได้เดินเข้ามา แต่ถูกหามเข้ามาแทน”สีหน้าซ่งรั่วเจินสะท้อนความแปลกใจ “หม่อมฉันยังคิดว่าด้วยอุปนิสัยของท่าน วันนี้น่าจะไม่มีคนกล้ามอมเหล้าท่านเสียอีก”“ลูกหลานขุนนางและตระกูลเหล่านั้นย่อมไม่กล้า แต่ทหารภายในกองทัพอยู่ที่ชายแดนกับข้ามานานหลายปี รู้จักกันดีมากนัก ยังมีทหารที่วันนี้ติดสอยห้อยตามท่านพ่อตามาด้วย”“โชคดีข้ากลับมาเร็ว ตอนนี้พวกเขาน่าจะหาข้าไม่พบ”พูดถึงพวกขี้เมาข้างนอกกลุ่มนั้น ฉู่จวินถิงส่ายหน้า สีหน้าเจือความเอือมระอาหลายส่วนซ่งรั่วเจินกลั้นยิ้มไม่ไหว “หม่อมฉันเห็นด้านนี้ของท่านน้อยมาก ดูท่าแล้วท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับทหารภายในสนามรบ”ภายในความทรงจำฉู่จวินถิงในสายตาผู้อื่นเป็นคนสูงส่งมิอาจแตะต้อง เย็นชาไร้ความรู้สึก เข้าถึงได้ยากยิ่ง แต่บัดนี้ยามเขาเอ่ยถึงทหารในกองทัพ ความรู้สึกนั้นกลับต่างออกไปมองผ่านภาพนี้
ตอนนี้พวกซ่งเยี่ยนโจวกำลังต้อนรับแขกเข้างาน อวิ๋นอ๋องตะโกนเรียกสหายที่ดีและพูดว่า “เสด็จพี่สั่งไว้ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูแลต้อนรับพวกพี่ภรรยาทั้งสี่ท่านดีๆ!”“อวิ๋นอ๋อง เรื่องนี้วางใจยกให้พวกเราเถอะ จะทำให้พวกเขาไม่เมาไม่กลับเลยทีเดียว!”พวกซ่งเยี่ยนโจวมองทหารคอแข็งแต่ละคนตรงหน้า รีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ ดื่มให้หมดก็พอ”“วันนี้จะต้องให้พวกเจ้าดื่มจนหมดให้ได้!”เพียงซ่งจิ่งเซินได้เห็นก็รู้ว่าวันนี้คนเหล่านี้จะต้องจับพวกเขากรอกเหล้าแน่ หันมองทางซ่งจืออวี้อย่างอดไม่ได้ “พี่สาม คราวนี้ต้องพึ่งท่านแล้ว!”“เจ้าสี่ เจ้าเองก็ดื่มเก่งไม่ใช่หรือ?” ซ่งจืออวี้หันมองเขาแวบหนึ่ง เขารู้ดีอย่างมากว่าซ่งจิ่งเซินคอแข็ง อย่ามองเพียงท่าทางเรียบเฉยในเวลาปกติของเขาเชียว แต่ทำการค้าใดไม่ดื่มเหล้าบ้างเล่า?ท่ามกลางพวกเขาสี่คน เขามองดูแล้วดื่มเก่งที่สุด แต่ซ่งจิ่งเซินต่างหากดื่มเก่งที่สุดซ่งจิ่งเซินยิ้มเจ้าเล่ห์ “มองท่าทางนั้นของพวกเขาคล้ายต้องการล้มท่านให้ได้”ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงคารวะฟ้าดินแล้วก็ถูกส่งตัวเข้าห้อง มองการประดับตกแต่งอย่างเป็นมงคลภายในห้อง แตกต่างจากห้องเย็นเยือกของฉู่จวินถิงครั้ง
หากก่อนหน้านี้ไม่เกิดเรื่องกับอี้อัน บัดนี้ก็คงแต่งงานไปแล้ว” กู้หรูเยียนนึกขึ้นได้จึงพูดว่า “โชคดีที่ตอนนั้นไม่ได้แต่งเข้าบ้าน หาไม่แล้วตระกูลจะต้องประสบเคราะห์ร้ายจริงๆ!”ซ่งหลินเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาก่อน พยักหน้าลง “แม่นางคนนั้นรับเข้ามาไม่ได้จริงๆ งานแต่งนี้ของอี้อันเป็นเขากำหนดด้วยตนเอง มองออกว่าสายตาเขาใช้ไม่ได้ ภายภาคหน้าจะแต่งงาน เจ้ายังต้องช่วยดูสักหน่อย”ซ่งอี้อันที่ถูกเรื่องบางอย่างทำให้เสียเวลาจึงยังไม่ได้จากไป “...”เขาหันหน้ารีบเดินไป หาไม่แล้วโทสะจะตกลงมาที่ตน!ซ่งหลินเหล่มองคนหันหน้าเดินจากไปคล้ายตัดสินใจบางอย่างแล้วอย่างซ่งอี้อัน พูดว่า “ช่วงนี้คนสกุลหลิ่วมาหาเจ้าหรือไม่?”“พวกเขาเคยมา แต่ก่อนหน้านี้ข้าสั่งบ่าวไว้แล้ว ห้ามไม่ให้พวกเขาเข้ามาเจ้าค่ะ”กู้หรูเยียนนึกได้ว่าตอนนั้นสกุลหลิ่วทำกับนางเยี่ยงไร รู้สึกขยะแขยงอย่างมาก หลายปีถึงเพียงนี้ นางเสียใจมาโดยตลอดที่ตนเองไม่ได้รับความโปรดปรานจากบิดามารดา ไม่ว่าทำเยี่ยงไรก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาพึงพอใจได้เพราะเหตุนี้ ไม่รู้นางต้องเสียใจมากน้อยเพียงใดจนกระทั่งตอนนี้ลูกๆ ล้วนเติบโตแล้ว นางถึงรู้ความจริง เพราะนางไม่ใช่ลูก
ซ่งรั่วเจินสวมชุดแต่งงาน มือสองข้างจับพัดกลม เดินมาที่ห้องโถงโดยมีแม่นมและสาวใช้คอยประคองนางมองแวบหนึ่งก็มองเห็นฉู่จวินถิงในชุดแต่งงานสีแดง เห็นเขาสวมใส่เสื้อผ้าสีสดเช่นนี้น้อยมาก เทียบกับความสุขุมลุ่มลึกเหมือนที่ผ่านมา กลับมีรัศมีเปล่งประกายอยู่รางๆ สายหนึ่งใบหน้าเขาหล่อเหลา ยามแย้มยิ้มยิ่งมีชีวิตชีวา ความเย็นชาลดลงหลายส่วน คล้ายดวงอาทิตย์เปล่งประกายทำให้คนไม่อาจละสายตาได้“พวกเจ้าดูท่านอ๋องมีความสุขเถอะ ข้าไม่เคยเห็นท่าทางมีความสุขของฉู่อ๋องเช่นนี้มาก่อน” เมิ่งชิ่นลอบหัวเราะอย่างอดไม่ได้“ฮ่าๆ เจ้าบ่าวจะไม่มีความสุขได้เยี่ยงไร? ในเทศกาลโคมไฟวันนั้น ท่านอ๋องมีความสุขเป็นพิเศษ วันนี้ได้อุ้มหญิงงามกลับแล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพูดด้วยใบหน้าประดับยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อครู่ท่านอ๋องมอบเงินมงคลให้ไม่น้อย พวกบ่าวดีใจกันแทบแย่”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้า หยิบเงินมงคลกั้นประตูออกมา “ข้าเองก็แย่งมาให้พวกเจ้าส่วนหนึ่ง รีบรับไปเถอะ ฮ่าๆ”เมิ่งชิ่นและอวิ๋นเนี่ยนชูรีบรับไปอย่างมีความสุข หลังมองเห็นเงินมงคลภายในนั้นแล้ว ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ มิน่าเล่าบ่าวในจวนถึงดีใจกันแทบแย่ เปลี่ยนเป็นผู้อื่น ใครบ้าง
ฉู่จวินถิงอารมณ์ดีมาก ผินมองฉู่อวิ๋นกุยแวบหนึ่ง “วันแต่งงานของเจ้าไม่มีผู้ใดสามารถกลบรัศมีของเจ้าได้”“หลายปีมานี้ ข้าเห็นรัศมีของท่านเปล่งประกายถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก น่าเกรงขามเสียยิ่งกว่าตอนนำชัยชนะกลับมาในตอนนั้นเสียอีก!”ฉู่อวิ๋นกุยยิ้มกว้าง ยังมีความรู้สึกย้อนนึกถึงวันวานอีกด้วย เมื่อแรกเขากังวลเสด็จพี่จะไม่แต่งงานไปชั่วชีวิต บัดนี้ไม่เพียงแต่งงาน ยังแต่งได้ดีถึงเพียงนี้!หลายปีมานี้ เวลาส่วนใหญ่ฉู่จวินถิงมักอยู่ในค่ายทหาร ดังนั้นวันนี้ตอนมาต้อนรับ คนในค่ายทหารมากมายเร่งเดินทางมา รู้สึกเพียงว่าเสียงตีฆ้องกลองใสกังวานเสียยิ่งกว่าปกติสี่พี่น้องสกุลซ่งเตรียมตัวดีแล้ว กำลังรออยู่ที่หน้าประตู ชะเง้อมองขบวนต้อนรับเจ้าสาวที่เดินทางมา ญาติพี่น้องชายสกุลกู้เองก็ยืนเรียงแถว ญาติพี่น้องหญิงยืนถัดไปทางด้านหลัง“หากน้องเขยไม่มอบเงินมงคลให้ เช่นนั้นคงเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ!” ซ่งเยี่ยนโจวร้องตะโกนใบหน้าประดับยิ้มพวกฉู่จวินถิงย่อมเตรียมไว้ดีแล้ว ฉู่อวิ๋นกุยรีบนำเงินออกมาแจกจ่ายทุกคนและพูดว่า “พวกเจ้ารับเงินมงคลไว้แล้ว เช่นนั้นก็สามารถปล่อยพวกเราเข้าไปได้แล้วกระมัง?”“ไฉนเลยจะง่ายดายถึงเพียงน
เมิ่งชิ่นพูดถึงตรงนี้ก็อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทุกคนยังไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม เวลาเพียงชั่วพริบตาวันนี้รั่วเจินก็แต่งงาน เนี่ยนชูและอวิ๋นเฉิงเจ๋อก็จะแต่งงานกันแล้ว กู้ฮวนเอ๋อร์และอวิ๋นอ๋องเองก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันมีเพียงตนเองยังเล่นสนุก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนที่ชอบแม้คนเดียวได้ยินคำพูดของเมิ่งชิ่น พวกซ่งรั่วเจินกลั้นยิ้มไม่อยู่ คิดๆ ดูแล้วช่วงนี้พวกนางคืบหน้าไปอย่างว่องไวจริงๆ“เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าเพิ่งรีบเลย ข้าเห็นวาสนาของเจ้า ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็จะมาแล้ว!”อวิ๋นเนี่ยนชูหัวเราะเบาๆ นับตั้งแต่สารภาพความในใจกับญาติผู้พี่และมารดาไม่ขัดขวางพวกเขาแล้ว ช่วงนี้อารมณ์ของนางดีมากนักหลังคบหากัน ญาติผู้พี่ไม่หลบเลี่ยงนางเหมือนที่ผ่านมาอีก ในที่สุดนางก็ได้สัมผัสยามที่เขาดีต่อนางอย่างเปิดเผย ความหวังในอดีตเหล่านั้น บัดนี้กลายเป็นจริงแล้ว“ข้า? เป็นไปไม่ได้” เมิ่งชิ่นส่ายหน้า “พวกเจ้าแต่ละคนไม่เพียงหน้าตางดงาม อุปนิสัยอ่อนโยน คุณชายที่มาชอบพวกเจ้ามีมากมายนัก แต่พวกเจ้าดูข้า...ข้าเพียงคนเดียวสามารถสู้ได้หลายคน!”กู้ฮวนเอ๋อร์กุมท้องหัวเราะดังลั่น “เมิ่งชิ่น เจ้าอย่าพูดเช่
กู้หรูเยียนส่ายหน้า เดิมทีพี่น้องก็ควรประคับประคองกัน ทว่าตอนนี้ความสัมพันธ์เช่นนี้กลับเข้ามาแทรก หากในภายภาคหน้าฐานะเซียวอ๋องเปลี่ยนไป นั่นก็พูดยากแล้ว...“ท่านแม่ นี่ล้วนเป็นเรื่องของบ้านผู้อื่น พวกเราเห็นเป็นความครึกครื้นอย่างหนึ่งก็พอ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “บัดนี้เช่ออ๋องไม่อยากแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ น่ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ช่วงนี้มีงานแต่งไม่น้อยจริงๆ”กู้หรูเยียนและฮูหยินผู้เฒ่ากู้สบตากันแวบหนึ่ง ล้วนรู้สึกแปลกใจเหตุใดนางมั่นใจนักว่าเช่ออ๋องจะต้องแต่งงาน ต่อให้จงเฟยยึดมั่นถึงเพียงนี้ แต่บัดนี้เช่ออ๋องก็อายุไม่น้อยแล้ว สามารถตัดสินใจเรื่องเช่นนี้เองได้ความคิดของจงเฟย ใช่ว่าเขาจะรับฟังทั้งหมด“จงเฟยเพียงแต่ต้องการรักษาความรุ่งโรจน์ ไม่มีวันทอดทิ้งสกุลหลิง ส่วนสกุลหลิงช่วยเหลือจงเฟย ย่อมต้องให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์”“ทว่า สกุลหลิงมีความแค้นกับพวกเรา จะต้องเตือนท่านพ่อให้ระวังสักหน่อย” ซ่งรั่วเจินพูดวันแต่งงานมาถึงโดยไม่รู้ตัวซ่งรั่วเจินถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ มงกุฎหงส์เสื้อคลุมแดงถูกตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้
“ภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกัน? นางกลับอยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เรื่องนี้วุ่นวายน่าอับอายถึงเพียงนี้ อยากเป็นภรรยาหลวงที่มีศักดิ์เทียมกันย่อมเป็นไปไม่ได้”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ส่ายหน้า “ต่อให้นางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพระชายาเซียวอ๋อง แต่เรื่องนี้เล่าลือออกไปกลับน่าอับอายมาก แม้พูดว่าชื่อเสียงของเจียงฉิงหลานเสียหาย แต่ภายในใจของทุกคนกลับรู้ดี ผู้ที่ได้รับความทุกข์ใจที่แท้จริงก็คือพระชายาเซียวอ๋อง”“ได้ยินมาว่าตอนนางจับได้ เสื้อผ้าที่นางสวมเป็นของพระชายาเซียวอ๋อง ดังนั้นเซียวอ๋องเมาสุรากลับไปจึงไม่ระวังจำคนผิดไป”สีหน้ากู้หรูเยียนซับซ้อน “อิงตามคำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนายั่วยวน นางแม่นางในห้องหอยังไม่ออกเรือนคนหนึ่ง ชาติกำเนิดเองก็ไม่เลว ไม่เข้าใจจริงๆ เพราะเหตุใดถึงต้องทำเรื่องพรรค์นี้”เช่นนี้แล้ว ต่อให้เข้าจวนเซียวอ๋อง มีตำแหน่งชายารอง แต่ทุกคนล้วนรู้ดีอยู่ภายในใจ ใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้เข้าจวนอ๋อง นั่นคือชนักติดหลังไปชั่วชีวิตซ่งรั่วเจินนึกถึงวันที่ได้พบสองพี่น้องสกุลเจียง ใคร่ครวญจึงพูดว่า “เจียงฉิงหลานสวมเสื้อผ้าของพระชายาเซียวอ๋อง นั่นหรือว่านางอยู่ภายในห้องของพระชายาเซียวอ๋องจึงถูกเ
“นึกถึงตอนแรกนางได้พบรั่วเจินก็รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ บัดนี้จะกลายเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมีวาสนาเช่นนี้!”“ยังไม่ใช่อีกหรือ? ข้าเห็นฮวนเอ๋อร์เป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง อวิ๋นอ๋องเองก็ดีไปหมดทุกอย่าง หลังทั้งคู่แต่งงานกันแล้วจะต้องใช้ชีวิตอย่างดีแน่เจ้าค่ะ” กู้หรูเยียนพูดยิ้มๆ“ข้าได้ยินมาว่าจงเฟยวางแผนให้เช่ออ๋องแต่งงานกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ เช่ออ๋องคล้ายไม่ยินดีเท่าใดนัก กำลังโวยวายอยู่เชียว”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้เล่าข่าวที่เพิ่งได้ยินกลับมา “พระชายาคนก่อนของเช่ออ๋องกลับไม่ได้เรื่อง บัดนี้จะแต่งงานใหม่ หากต้องไปพัวพันกับตระกูลหลิง น่ากลัวว่าจะยุ่งยาก”แม้ว่าปกติราชครูกู้ไม่เล่าเรื่องในราชสำนักให้นางฟังสักเท่าใด แต่กลับมาครั้งนี้ เรื่องที่ซ่งหลินประสบยามอยู่เมืองผิงหยางมีความเกี่ยวพันกับสกุลหลิงหลายส่วน นางเองก็รู้เรื่องนี้“ข้าได้ยินมาว่าทีแรกเช่ออ๋องมีจิตปฏิพัทธ์ต่อหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ทว่าต่อมาคล้ายทิ้งแผนการไป เพราะเหตุใดตอนนี้จงเฟยถึงยังดึงดันเช่นนี้?”กู้หรูเยียนขมวดคิ้ว บัดนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหลินและสกุลหลิงดุจน้ำกับไฟ ต่อให้ไม่ฉีกหน้ากัน แต่ทั้งสองฝ่ายกลับ