“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้? เมื่อก่อนอวิ๋นอ๋องไม่อยากเจอฮวนเอ๋อร์ด้วยซ้ำ แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าตอนนี้เขาถึงขั้นมาส่งฮวนเอ๋อร์ด้วยตัวเอง วันหน้าไม่แน่ว่าอาจชอบเข้าก็เป็นได้”หวังเสวี่ยว่าแล้วก็แสร้งเป็นเอ่ยเตือนด้วยความปรารถนาดี “ในฐานะที่ข้าเป็นสหายสนิทของฮวนเอ๋อร์ รู้ว่าเจ้าดีต่อนางจากใจจริงถึงได้อยากช่วยเจ้า”“ถ้าเจ้าไม่รู้จักคิดหาวิธีการ เช่นนั้นก็ช่วยอันใดไม่ได้แล้ว อย่างไรเสียถ้าฮวนเอ๋อร์เข้าจวนอวิ๋นอ๋อง ดูเหมือนว่าก็ดีเหมือนกัน”สวี่หยวนชิงขมวดคิ้ว กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาชอบฮวนเอ๋อร์มานานขนาดนี้ ปรารถนาว่าจะได้แต่งงานกับนาง ย่อมไม่อาจมองนางแต่งงานกับคนอื่นโดยไม่ทำอะไรในเมื่อยามนี้ทุกอย่างยังสามารถคลี่คลายได้ อย่างนั้นมิสู้เขากลับไปบอกเรื่องนี้ต่อท่านแม่ อย่างไรเสียท่านแม่ก็ชอบฮวนเอ๋อร์มากมาโดยตลอด พวกเขาจะได้หมั้นหมายกันโดยเร็ว“ข้าจะกลับไปบอกให้ท่านแม่ไปเจรจาสู่ขอ!” สวี่หยวนชิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังดวงตาหวังเสวี่ยสว่างวาบ ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็มีวิธีการเสียที!นางมองตามทิศทางที่รถม้าของฉู่อวิ๋นกุยจากไป หลังจากบอกลากับสวี่หยวนชิงก็แอบตามไปเงียบๆนางไม่อาจอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป ม
ซ่งจิ่งเซินคิดถึงสิ่งที่ซ่งรั่วเจินเคยบอกเขา ปิ้งย่างอาจดูเหมือนง่าย ความจริงรสชาติของแต่ละร้านล้วนไม่เหมือนกันอาหารแต่ละชนิดกันต้องย่างนานเท่าไร ใช้ไฟแบบไหนล้วนแต่มีหลักการของมันอยู่ แน่นอนว่าการจะหมักอย่างไรก็เป็นสูตรลับเช่นกัน น้องหญิงห้าใช้เวลาอยู่ในเรือนไม่น้อยกว่าจะศึกษาออกมาได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องปรุงบางชนิดในจำนวนนั้น เป็นสิ่งที่น้องหญิงห้าเจาะจงให้เขาซื้อมาจากต่างถิ่น แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เคยชิมมาก่อนซ่งปี้อวิ๋นแค่ดูเฉยๆ ก็คิดจะเรียนรู้ได้ถึงแก่นย่อมเป็นความเพ้อฝันโดยไม่ต้องสงสัย“วันนี้ร้านพวกเขาเปิดเหมือนที่ผ่านมา แต่การค้าไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครเข้าไปเลยขอรับ”วันนี้แม่นางซ่งก็แวะมาเหมือนกัน ยามนี้ยังอยู่ข้างใน แต่คุณชายเสิ่นน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป คงไม่ออกมาแล้ว”เช้าวันนี้ผู้ดูแลตั้งใจไปสืบเรื่องนี้มาจนกระจ่าง ช่วงนี้คนที่ลอกเลียนพวกเขาในเมืองหลวงมีจำนวนมากเกินไปจริงๆ แต่คุณชายก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยมากเกินไปอย่างไรเสียของประเภทนี้ก็ไม่ได้บอกว่ามีแค่ร้านเดียวที่สามารถขายได้ ร้านอื่นไม่สามารถขายได้ เพียงแต่ต้องดูแลคนในร้านตัวเองให้ดี อย่าเก็บคนที่มีใจเป็นอ
แล้วก็เป็นดังคาด สีหน้าฉู่อวิ๋นกุยพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แค่โบยยี่สิบไม้มีประโยชน์อันใด? มู่เหยาลงมือเบาเกินไปแล้ว!”“เจ้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นแผนร้ายมาแต่ต้น ถ้าตรวจสอบพบว่าเป็นเช่นนี้จริงก็ให้เขาเข้าไปอยู่ในตะราง”“คิดจะรักษาอาการบาดเจ็บอย่างสะดวกสบายที่บ้าน ฝันอยู่งั้นรึ?”“ขอรับ ท่านอ๋อง”หลังจากฉู่อวิ๋นกุยสั่งความเรื่องนี้เสร็จก็ยิ้มกล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่วุ่นวายไปถึงหน้าเสด็จพี่สามของข้า ไม่อย่างนั้นตอนนี้เสิ่นหวยอันคงกลายเป็นศพไปแล้ว”ซ่งจิ่งเซินนึกถึงแนวทางการจัดการเรื่องต่างๆ ของฉู่จวินถิง ต่อหน้าเขาเสิ่นหวยอันจะต้องไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน“อันที่จริงข้ามาวันนี้ก็เพราะอยากมาขอคำชี้แนะจากท่าน” ฉู่อวิ๋นกุยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเดิมนั้นเขาทำตามคำพูดของกู้ฮวนเอ๋อร์ ต้องการมาถามซ่งจิ่งเซินว่าควรเตรียมการสำหรับวันเทศกาลโคมไฟอย่างไรดีจึงจะทำให้พี่สะใภ้ชอบยิ่งกว่าเดิม อย่างไรเสียก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ย่อมจะพอรู้อะไรบ้างแต่หลังจากตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับกู้ฮวนเอ๋อร์เมื่อครู่นี้ เขารู้สึกว่าตนเองก็ต้องเตรียมการไว้เหมือนกันก่อนหน้านี้ตอนที่กู้ฮ
“ข้ามิคิดเลยว่าฮวนเอ๋อร์ยังมีสหายที่ดีเช่นเจ้า เจ้ามิกลัวว่าหลังจากที่ข้าได้ยินวาจาเหล่านี้แล้วจะเกิดโทสะและคร่าชีวิตเจ้าหรือ?” หวังเสวี่ยสบสายตาเย็นเฉียบของฉู่อวิ๋นกุย ใบหน้าอันหล่อเหลาแฝงไว้ด้วยท่าทีไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด ดั่งเช่นครั้งนั้นที่นางได้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ แต่น่าเสียดาย ทุกคนต่างรู้กันดีว่าอวิ๋นอ๋องเป็นคนดี แต่การอยากจะเข้าใกล้เขากลับมิใช่เรื่องง่ายเลย อุปนิสัยของฉู่อ๋องนั้นเย็นชา สตรีนางใดล้วนยากจะเข้าใกล้ อุปนิสัยของอวิ๋นอ๋องนั้นอ่อนโยน เอ่ยวาจาสนทนาสองสามคำหาใช่เรื่องยาก แต่ทว่าผู้ใดก็เดินเข้าไปในหัวใจของเขาไม่ได้ นับตั้งแต่ที่ฉู่อ๋องมีใจให้ซ่งรั่วเจิน ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างประจักษ์ว่าแท้จริงแล้วฉู่อ๋องยังมีมุมเช่นนี้อยู่ และในขณะเดียวกัน หากสามารถเป็นสตรีของอวิ๋นอ๋องได้ ก็ย่อมจะกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนเป็นแน่ นางมิอาจปล่อยให้กู้ฮวนเอ๋อร์ช่วงชิงวาสนาที่ดีนี้ไปได้! “ข้ามองฮวนเอ๋อร์เป็นเสมือนพี่น้องแท้ ๆ ขอแค่ดีต่อตัวนาง ข้าก็ยินดี!” หวังเสวี่ยจ้องมองฉู่อวิ๋นกุยนิ่ง ราวกับได้ทำการตัดสินใจแล้ว ท่าทีของนางแน่วแน่ยิ่งนัก ซ่งจิ่งเซินมองสตร
“อย่ามองข้าเลย” ซ่งจิ่งเซินยกมือขึ้น “ฮวนเอ๋อร์คือญาติผู้น้องของข้า มีสหายที่ร้ายกาจดั่งงูและแมงป่องเช่นเจ้า นี่เป็นความผิดของญาติผู้พี่เช่นข้าคนนี้” ตอนนี้เขามองสาวงามน้ำตาคลอเช่นนางก็รู้สึกรำคาญ ก็แค่การเสแสร้งเท่านั้น ครั้นเมื่อฉู่มู่เหยามาถึง ก็เห็นหวังเสวี่ยน้ำตาคลอเดินจากไป อีกทั้งยังเห็นท่าทางที่ราวกับทุกสิ่งสมควรเป็นเช่นนั้นของซ่งจิ่งเซิน สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอย่างซับซ้อน “คุณชายซ่ง สตรีนางใดกันที่ถูกเจ้าทำร้ายจิตใจ?” บุรุษผู้นี้ ช่างเย็นชาเสียจริง! ซ่งจิ่งเซิน “???” ความผิดที่มิได้ก่อ พูดถึงก็มาเลยจริงๆ! “กระหม่อมมิได้เป็นคนทำร้าย ถามเสด็จพี่ของท่านเถิด เป็นสตรีที่ถูกเสด็จพี่ของท่านทำร้ายจิตใจ” ฉู่มู่เหยาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองฉู่อวิ๋นกุยอย่างไม่รู้ตัว และรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน“เสด็จพี่ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? สตรีนางนั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงร้องไห้เพราะเจ้า?” ฉู่อวิ๋นกุย “???” “เจ้าพูดจาให้มันระวังหน่อย อะไรคือร้องไห้เพราะข้า นั่นเพราะนางป่วยถึงได้ร้องไห้ต่างหาก!” ฉู่อวิ๋นกุยโบกมือ สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง หากเรื่องนี้
เมื่อเห็นท่าทีฉงนของฉู่มู่เหยา ฉู่อวิ๋นกุยกับซ่งจิ่งเซินก็สบตากัน แววตาทั้งคู่พลันสะท้อนรอยยิ้มที่เผยถึงความเข้าใจแจ่มชัด “หมายความว่าอย่างไรหรือ?” เมื่อฉู่มู่เหยาเห็นว่าทั้งสองเพียงยิ้มบาง ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด เห็นได้ชัดว่าดูอะไรออกแล้ว แววตาของนางจึงฉายแววสับสนวูบหนึ่ง “เจ้ามองผู้คนในโลกนี้ง่ายเกินไป ตั้งแต่เล็กเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมในวัง ย่อมมิรู้ว่า พวกแมลงเหม็นในท่อโสโครกเหล่านั้น เพื่อจะไต่เต้าขึ้นไปข้างบน วิธีอะไรก็ทำได้ทั้งหมด” ฉู่อวิ๋นกุยส่ายหน้า ก่อนหน้านี้เสด็จพี่ก็เคยกล่าวไว้ว่า หลาย ๆ เรื่องไม่จำเป็นต้องปิดบังมู่เหยา ต้องให้นางได้เห็นด้านมืดมากมายให้ชัดเจน จึงจะไม่ถูกผู้อื่นหลอกลวงได้ง่าย แต่เสด็จแม่กับเขาต่างก็คิดว่ามู่เหยาเป็นแค่สตรีนางหนึ่งเท่านั้น พวกเขาปกป้องนางให้ดีเป็นพอ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ตอนนี้เห็นที… สิ่งที่เสด็จพี่เคยกล่าวก็หาใช่เรื่องไร้เหตุผลไม่ “เสิ่นหวยเป็นบุตรสายรองของสกุลเสิ่น มารดาเองถือว่าได้รับความรักใคร่โปรดปรานอยู่บ้าง แต่ใต้เท้าเสิ่นเป็นคนเจ้าชู้คนหนึ่ง ในจวน นอกจากฮูหยินเอกแล้ว เพียงแค่สนมที่ให้
น่าขยะแขยงยิ่งนัก! ตอนนี้เป็นความโชคดีของนาง แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ พวกเขาเคยเล่นงานตน ไม่แน่ว่า ในอนาคตอาจไปเล่นงานคนอื่นอีก พวกเขาต้องการยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สมบัติ นางก็จะให้พวกเขาต้องคว้าน้ำเหลว! ฉู่อวิ๋นกุยกับซ่งจิ่งเซินสบตากัน ทั้งสองต่างดูออกว่าสตรีนางนี้มีแผนการอยู่ในใจ แต่ก็หาได้รีบร้อนไม่ เฝ้ารอฟังความคิดของนางอย่างใจเย็น แต่ทว่า ฉู่มู่เหยาตบโต๊ะฉาดหนึ่ง “เรื่องนี้มอบหมายให้ข้าจัดการเอง พวกเจ้าทั้งหมดไม่ต้องออกหน้า หลังจากเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้จริง ๆ พวกเจ้าค่อยช่วยข้าก็ยังไม่สาย” “ดี เช่นนั้นก็มอบหมายให้เจ้าจัดการ!” ฉู่อวิ๋นกุยพยักหน้า ถึงอย่างไรก็เป็นองค์หญิง คนที่สามารถใช้งานได้อยู่ในมือมีมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้มู่เหยาเองก็เติบโตขึ้นแล้ว เรื่องพวกนี้ก็ควรจะเรียนรู้ว่าจะจัดการเช่นไรได้แล้ว จวนสกุลซ่ง ซ่งรั่วเจินตอนที่พบกับกู้ฮวนเอ๋อร์ ก็เห็นท่าทีล่องลอยของสตรีนางนี้ ราวกับว่าเกิดเรื่องที่น่ายินดีอะไรขึ้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ออกมาเป็นระยะ ๆ “ฮวนเอ๋อร์ เกิดเรื่องที่น่ายินดีอันใดขึ้นหรือ?” กู้ฮวนเอ๋อร์อึ้งไปชั่วค
กู้ฮวนเอ๋อร์มีสีหน้าเก้อเขิน “ข้าผู้นี้ ก็แค่คนไม่เอาไหน ทุกครั้งตอนที่เจอเรื่องซึ้งใจหรือเสียใจ ความจริงข้าก็มิได้อยากจะร้องไห้แต่น้ำตามันก็ไหลลงมาอย่างหมดสภาพ ควบคุมไม่ได้เลย” นางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ บางครั้งทั้ง ๆ ที่โกรธจนตาแดง เวลาทะเลาะกับผู้อื่นก็ยังอยากจะร้องไห้อยู่ดี “ข้าและสวี่หยวนชิงเป็นสหายวัยเยาว์ เดิมทีความสัมพันธ์ยังดีอยู่มาก แต่ข้าเห็นเขาเป็นเพียงสหายเท่านั้น เขากลับดื้อดึงจะไปสู่ขอข้าที่จวน พอเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยเข้า ข้าก็รู้สึกรำคาญเขามาก” “ตอนนั้นข้าก็คิดว่าข้าชอบอวิ๋นอ๋องมากถึงเพียงนี้ แม้นจะมิสามารถทำให้เขาชอบข้าได้ อย่างน้อยก็อย่าทำให้เขารังเกียจข้า” “เพราะฉะนั้น ข้าจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มิคิดว่าหลังจากที่พูดแล้ว อยู่ ๆ ท่านอ๋องก็กล่าวขอโทษข้า บอกว่าเขามิได้รังเกียจข้าเลย อีกทั้งยังปลอบข้าอย่างอ่อนโยน...” แก้มทั้งสองข้างของกู้ฮวนเอ๋อร์แดงระเรื่อ นางก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แน่นอนว่านางอายที่จะบอกว่าอวิ๋นอ๋องกอดนาง จึงเอ่ยเพียงว่า “บอกว่าจะรับผิดชอบข้า” มุมปากของซ่งรั่วเจินยกขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เขาพูด
“ข้าได้ยินว่าซ่งปี้อวิ๋นกับเสิ่นหวยอันลักลอบมีสัมพันธ์กันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนเห็น แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงไม่ยอมรับมาโดยตลอด ตอนนี้ดีนัก อยากไม่ยอมรับก็ยากแล้ว”ระหว่างที่คุยกันอยู่ก็พลันมีเสียงกรีดร้องและเสียงด่าทอดังมาจากด้านล่าง“สารเลว หน็อยแน่เจ้าเสิ่นหวยอัน กล้าดีอย่างไรมาย่ำยีลูกสาวข้าแบบนี้ วันนี้ข้าจะถลกหนังเจ้าซะ!”หลังจากที่นายหญิงซ่งทราบว่าเกิดเรื่องกับลูกสาวตนเองก็เร่งรุดมา ใครเลยจะคาดคิดว่าพอมาถึงแล้วกลับต้องมาพบสถานการณ์เช่นนี้ สายตาที่ทุกคนมองนางล้วนเจือแววเยาะเย้ยถากถาง“ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ตีคนสารเลวอย่างเจ้าเสียให้ตาย!”เสิ่นหวยอันเพิ่งสวมกางเกงก็ถูกนายหญิงซ่งตามมาทุบตีจึงรีบวิ่งหนีอุตลุดอยู่ในห้องยามนั้น หลี่ซื่อแม่เล็กมารดาบังเกิดเกล้าของเสิ่นหวยอันก็รุดมาแล้วเช่นกัน นางย่อมรู้เรื่องระหว่างซ่งปี้อวิ๋นและเสิ่นหวยอันจึงรีบร้อนห้ามปรามว่า “อย่าตีๆ มีอะไรก็พูดกันดีๆ เจ้าตีเด็กให้มันได้อะไรขึ้นมา?”“ลูกชายเจ้าทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้ ทำลายชื่อเสียงของลูกสาวข้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกรึ?”นายหญิงซ่งโมโหยิ่งนัก รู้สึกเพียงว่าเสิ่นหวยอันสมกับเป็นลูกที่อนุภรรยา
“กรี๊ด!”ซ่งปี้อวิ๋นรีบดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายเอาไว้อย่างมิดชิดเวลานี้เสิ่นหวยอันก็ตื่นแล้วเช่นกัน มองเห็นซ่งปี้อวิ๋นตรงหน้าและคนข้างนอก หัวใจพลันกระตุกวูบ ไม่มีแก่ใจมาใคร่ครวญโดยละเอียด รู้เพียงว่าตนเองจบสิ้นแล้ว!จบสิ้นโดยสิ้นเชิง!คนที่เขานัดเจอคือองค์หญิงชัดๆ ซ่งปี้อวิ๋นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?สถานที่ตรงหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรือนน้อยหรูหรา ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เหตุใดจึงมีคนของทางการมาด้วยเล่า?“เจ้าคือซ่งปี้อวิ๋นกระมัง? สาวใช้ของเจ้ามาแจ้งความว่าเสิ่นหวยอันลักพาตัวเจ้าหนีไปด้วยกัน สถานการณ์ในตอนนี้...เจ้าต้องการแจ้งความเสิ่นหวยอันโทษฐานลักพาตัวกุลสตรีหรือไม่?” เจ้าหน้าที่ถามแม้ดูจากสถานการณ์ที่สองคนตรงหน้านี้ร้อนแรงกันทั้งคู่ จะไม่คล้ายว่าถูกจับตัวมาโดยไม่ยินยอมก็ตามที“สาวใช้ของข้าไปแจ้งความ?”ซ่งปี้อวิ๋นมีสีหน้างุนงง รู้สึกเพียงว่าหัวสมองขาวโพลนไปหมด ยังตั้งสติไม่ได้ในเวลาอันสั้น สาวใช้ของนางสมองมีปัญหาหรือไร อยู่ดีๆ จะไปแจ้งความทำไม?เสิ่นหวยอันถูกสาดน้ำเย็นใส่ไปอ่างหนึ่ง ชั่วขณะนี้จึงมีสารรูปชวนอนาถยิ่ง หลังจากที่ได้ยินว่าซ่งปี้อวิ๋นให้สาวใช้ของนางไปแจ้งความ สีหน้
ขณะที่ซ่งปี้อวิ๋นเป็นฝ่ายน้อยอกน้อยใจอยู่เป็นทุนเดิม ทันทีที่คนทั้งสองบังเกิดความขุ่นข้องหมองใจกันก็จะกลายเป็นศัตรูคู่แค้นซ่งจิ่งเซินว่าแล้วก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาให้ “นี่คือจดหมายที่ซ่งปี้อวิ๋นเขียนให้เสิ่นหวยอัน ท่านอ่านดูสิ”ฉู่มู่เหยาเปิดจดหมายออกด้วยความสงสัย แล้วก็พบว่าบนนั้นเขียนไว้ว่าซ่งปี้อวิ๋นยินดีทุ่มเทเพื่อเสิ่นหวยอัน ขอแค่เขามีความสุข นางยินดีทำทุกอย่างบนนั้นถึงขั้นเขียนไว้ว่าซ่งปี้อวิ๋นยินดีขอให้นางออกมาด้วยตัวเอง จากนั้นก็ให้เสิ่นหวยอันใช้โอกาสนี้ลงมือทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกโดยเร็ว แผนการของพวกเขาจึงจะสามารถดำเนินต่อไปได้“ซ่งปี้อวิ๋นเป็นคนคิดวิธีนี้ขึ้นมาหรือนี่?” ฉู่มู่เหยารู้สึกเหลือเชื่อ“พวกเขาเดิมก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ท่านก็ใช้โอกาสนี้ตัดขาดกันให้เด็ดขาดซะ อีกประเดี๋ยวก็สงบใจรอดูเรื่องสนุก”“นี่...ท่านไม่กลัวว่าจะถูกจับได้บ้างหรือ?” ฉู่มู่เหยาพบว่าคนตรงหน้าช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าโดยแท้ ถ้าถูกเปิดโปงเสียแล้ว เขาไม่กังวลสักนิดเลยหรือ?“กระหม่อมช่วยจัดการเรื่องราวให้องค์หญิง ถ้าเกิดปัญหาอันใดขึ้นมา องค์หญิงคงสามารถปกป้องไม่ให้เกิดเรื่องกับกระหม่อมได้ใช่หร
โรงเตี๊ยมเยว่ไหลเมื่อเสิ่นหวยอันค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่ม เขาซึ่งถูกกรอกสุรามาหัวสมองหนักอึ้ง ครั้นยื่นมือออกมาก็พบว่ามีแม่นางผู้หนึ่งนอนอยู่ข้างกายตนเองคิดถึงว่าวันนี้ผู้ที่เขานัดเจอคือฉู่มู่เหยา ขอเพียงคนทั้งสองข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก กระทำเรื่องอันดีงามเสร็จสิ้น แผนการของเขาก็จะสำเร็จสมบูรณ์ด้วยเหตุนี้จึงโยนความคิดทั้งหมดทิ้งไป เหลือเพียงสัญชาตญาณอันดิบเถื่อนส่วนซ่งปี้อวิ๋นที่ถูกกรอกน้ำชาตามด้วยกรอกสุราเหมือนกันซึ่งนอนอยู่ข้างๆ รู้สึกว่างเปล่าไปหมด นางมองชายหนุ่มข้างกาย จำได้ว่าคือเสิ่นหวยอันที่นางชอบจึงยอมรับทุกอย่างด้วยความเต็มใจ...บรรยากาศภายในห้องร้อนระอุขึ้นทุกขณะ คลอด้วยเสียงครางต่ำๆ ของชายหญิง ปล่อยกายปล่อยใจมากขึ้นตามลำดับคนที่อยู่ในห้องข้างเคียงได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากข้างในแล้ว แต่ละคนก็รู้สึกหมดคำจะพูดยิ่งนัก“ผู้จัดการ ตกลงที่นี่มันยังไงกันแน่? คนที่เข้าใจก็รู้ว่ามาโรงเตี๊ยม คนที่ไม่เข้าใจคงนึกว่ามาซ่องเสียอีก ดูซินี่ยังจะให้คนพักผ่อนอยู่ไหม?”“นั่นสิ ช่วยทำให้เสียงเบาลงหน่อยไม่ได้หรือไร!”ผู้จัดการก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี
ฉู่มู่เหยาตามหลังมาดูเรื่องสนุกด้วย ทราบว่าเสิ่นหวยอันสลบไปแล้วจึงยื่นศีรษะเข้ามา เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ของซ่งจิ่งเซินก็อดสงสัยไม่ได้ “เหตุใดต้องกรอกชาเขาด้วย?”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าเขาใส่ยาอะไรลงไปในกาน้ำชา?” ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้วชวนมอง ความขบขันวาบผ่านดวงตาเวลานั้นเอง ด้านนอกนั้นผู้ติดตามของซ่งจิ่งเซินรุดเข้ามาหา “คุณชาย ซ่งปี้อวิ๋นมาแล้วขอรับ”“พวกเราถอยออกไปก่อน” พวกซ่งจิ่งเซินออกไปจากห้อง ซ่งปี้อวิ๋นเข้ามาในห้องก็เห็นเสิ่นหวยอันที่นอนหลับอยู่“พี่หวยอัน ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”ซ่งปี้อวิ๋นมองเสิ่นหวยอันด้วยความเป็นห่วง หลายวันมานี้นางอยากเจอเขาอยู่หลายครั้ง แต่เขารักษาตัวอยู่ในสกุลเสิ่นมาโดยตลอด ไม่มีโอกาสได้พบหน้าเลยสักนิดไม่เพียงเท่านั้น จดหมายที่นางส่งไปให้ เขาก็ไม่เคยตอบกลับมานางรู้ว่าพี่หวยอันโกรธนาง แต่บัดนี้เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังจะทำอันใดได้?“ผัวะ!”เสียงฟาดหัวที่คุ้นเคยดังขึ้น ซ่งปี้อวิ๋นก็สลบไปด้วยเช่นกัน“ส่งคนไปที่โรงเตี๊ยมเยว่ไหล ก่อนไปกรอกสุราด้วย กรอกจนทั้งเนื้อตัวมีแต่กลิ่นสุรา ทำให้คนเข้าใจว่าเมาแล้ว”“คนทั้งสองแยกกันส่ง เปิดห้องสองห้อง”หลังจากที
ฉู่มู่เหยามีสีหน้าร้อนตัว แต่ก็รู้ว่าถึงตนเองจะไม่ได้พูดออกมาจนหมด ซ่งจิ่งเซินก็รู้กระจ่างแล้วคิดถึงตรงนี้ นางจึงตัดสินใจไม่ปิดบังอำพรางแล้วกล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เอาเป็นว่าข้าเตรียมจะทำเรื่องไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเจ้าจะดุข้าก็ดุมาเลย อย่างไรเสียข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ดีมีสุข”ซ่งจิ่งเซินเห็นท่าทางพร้อมพุ่งชนของนางแล้วก็กล่าวว่า “ยาสลบแค่นี้ของท่านเกรงว่าคงไม่พอ”“อะไรนะ?” ฉู่มู่เหยาตกตะลึง ออกจะงุนงงอยู่บ้างซ่งจิ่งเซินถอนหายใจด้วยความอ่อนใจ “ความคิดของท่านเรียบง่ายเกินไปแล้ว ท่านคิดว่าวันนี้เสิ่นหวยอันจงใจนัดหมายท่านมาสถานที่เช่นนี้เพราะต้องการยอมรับผิดขออภัยท่านหรือพยายามรั้งท่านไว้อย่างนั้นหรือ?”ฉู่มู่เหยามองซ่งจิ่งเซินด้วยความสงสัย สัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลได้รำไร แต่ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่งจิ่งเซินต้องการจะสื่อ“เขารอท่านอยู่ที่นั่นมาแต่แรกแล้ว กลัวแต่ว่าท่านยังไม่ทันได้วางยาเขา ตัวเองกลับโดนวางยาสลบไปเสียก่อน รอจนท่านรู้สึกตัวขึ้นมา ท่านว่า...ยังจะเหลืออันใดงั้นรึ?”สิ้นประโยคนี้ ฉู่มู่เหยาพลันหน้าเปลี่ยนสี “ข้า ข้าพาองครักษ์มาด้วย”สีหน้าซ่งจิ่งเ
เรือนแต่ละหลังนั้นอยู่ห่างกันมาก แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แต่ละหลังไม่ส่งผลกระทบถึงกัน พูดคุยที่นี่ย่อมไม่ต้องกังวลจะถูกคนพบเห็น ดีกว่าร้านอาหารแห่งอื่นมากที่ร้านอาหารเป็นไปได้มากว่าจะได้พบเจอคนรู้จัก มีเรื่องมากมายจะพูดยังต้องระวังเป็นพิเศษ หากถูกคนได้ยิน นั่นจะยุ่งยากเอาได้ไม่เพียงแค่นี้ แม้แต่เส้นทางจากไปของที่นี่ยังมีมากมาย ระหว่างทางมีคนคอยนำทาง รับประกันว่าจะไม่พบเจอผู้อื่นก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมา ตนเองกลับไม่เคยมาที่นี่ อย่างไรเสียราคาก็สูงมาก เดิมทีเขาก็จ่ายไม่ไหวครั้งนี้เพื่อหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกกับองค์หญิง เขาจึงเอาสมบัติก้นหีบทั้งหมดออกมาใช้ขอเพียงทำสำเร็จ ภายภาคหน้าเขาได้เป็นราชบุตรเขย ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว!“ทำการค้าเช่นเดียวกัน ข้าจ่ายเงินมากถึงเพียงนั้นถึงจะสามารถเปิดร้านปิ้งย่างได้ ทั้งหมดล้วนฟังคำพูดเหลวไหลของซ่งปี้อวิ๋น ถึงได้ตกต่ำเช่นนี้!”ระยะนี้เขาอยู่รักษาอาการบาดเจ็บที่บ้าน กลับสังเกตสถานการณ์ของร้านปิ้งย่างอยู่ตลอด ผลลัพธ์กลับดี ไม่มีลูกค้า!ทุกคนล้วนเข้าร้านปิ้งย่างสกุลซ่ง คนภายในยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ทุกคนยอมต่อแถวคอย แต่ไม่ยอมมาลิ้มรสที่ร้านปิ้งย
ตอนฉู่มู่เหยาได้รับจดหมายที่เสิ่นหวยอันส่งมา รู้สึกเพียงน่าขันเป็นพิเศษ“ก่อนหน้านี้ข้ากลับไม่พบว่าเสิ่นหวยอันหน้าหนาไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่พูดทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้ว โบยก็โบยแล้ว เขายังกล้ามาหาข้า?”จดหมายในมืออ่อนโยนหวานล้ำ คล้ายไม่เคยโบยยี่สิบไม้มาก่อน คล้ายพวกเขาเป็นคนรักทะเลาะกันเท่านั้นน่าขันมากเพียงใด?หลายวันมานี้นางตรวจสอบเรื่องเสิ่นหวยอันและซ่งปี้อวิ๋นอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งสองคนอาจหาญยิ่งนักไม่เพียงทำให้นางกลายเป็นคนโง่ ยังลอบวางอุบายลับหลังนาง หนำซ้ำยังลอบนัดพบกันเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ทั้งๆ ที่ยังไม่กำหนดงานแต่ง ก็กล้าถึงเพียงนี้ บัดนี้ไม่รู้สมควรพูดเช่นไรถึงจะดีได้เห็นมากอีกแวบเดียวก็รังเกียจ!“องค์หญิง เสิ่นหวยอันคนนั้นไร้ยางอายจริงๆ ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วกลับต่ำช้าไร้ยางอาย”“จะปล่อยให้ผู้อื่นเห็นจดหมายนี้ไม่ได้เป็นอันขาด หากถูกคนอื่นเห็นเข้า ยังจะไม่ทำให้ชื่อเสียงขององค์หญิงเสียหายอีกหรือ?”นางกำนัลเองก็ร้อนใจ นางมองเห็นว่าเสิ่นหวยอันส่งของมาก็อยากโยนทิ้งไป แต่ลองคิดดูให้ละเอียดแล้วยังคิดว่าไม่เหมาะสม หากองค์หญิงไม่พอพระทัย นั่นก็แย่แล้วฉู่มู
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย เสด็จพ่อมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมมีความเห็นของตนพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่จวินถิงพูดได้เห็นท่าทางไม่แปลกใจของฉู่จวินถิง ฮองเฮานึกถึงก่อนหน้านี้ยามนางไปห้องทรงพระอักษร มีความคิดอยากขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างจวินถิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ท่าทางกริ้วจัดของฝ่าบาทนั้นตอนนั้นนางยังไม่รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าบัดนี้คล้ายเข้าใจแล้วน่ากลัวว่าฮ่องเต้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่นางมองไม่ออกมาโดยตลอด ชนิดที่ว่ายังชื่นชมงานแต่งนี้อีกด้วยบัดนี้คิดๆ ดูแล้ว นางโง่งมเกินไปจริงๆ........หลังตวนเฟยได้รับเซียนโบตั๋นแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือกลับไปบูชาด้วยความจริงใจ“พระสนม สิ่งนี้เป็นจงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางจิตใจดีถึงเพียงนี้จริงหรือ? บ่าวกังวลว่านี่คืออุบายเพคะ”แม่นมทางด้านข้างพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอดไม่ได้ มักคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ไหนแต่ไรมาจงเฟยเป็นคนใจแคบ มีอะไรดีก็ซ่อนไว้ให้ตนเอง ไฉนเลยจะสามารถหักใจยกให้ผู้อื่นได้?“นี่เป็นของที่จงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางกล้ามอบให้ หรือยังสามารถวางยาพิษได้อีกกระนั้น?”“หากเกิดเรื่องจริง คนซ