แล้วก็เป็นดังคาด สีหน้าฉู่อวิ๋นกุยพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แค่โบยยี่สิบไม้มีประโยชน์อันใด? มู่เหยาลงมือเบาเกินไปแล้ว!”“เจ้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นแผนร้ายมาแต่ต้น ถ้าตรวจสอบพบว่าเป็นเช่นนี้จริงก็ให้เขาเข้าไปอยู่ในตะราง”“คิดจะรักษาอาการบาดเจ็บอย่างสะดวกสบายที่บ้าน ฝันอยู่งั้นรึ?”“ขอรับ ท่านอ๋อง”หลังจากฉู่อวิ๋นกุยสั่งความเรื่องนี้เสร็จก็ยิ้มกล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่วุ่นวายไปถึงหน้าเสด็จพี่สามของข้า ไม่อย่างนั้นตอนนี้เสิ่นหวยอันคงกลายเป็นศพไปแล้ว”ซ่งจิ่งเซินนึกถึงแนวทางการจัดการเรื่องต่างๆ ของฉู่จวินถิง ต่อหน้าเขาเสิ่นหวยอันจะต้องไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน“อันที่จริงข้ามาวันนี้ก็เพราะอยากมาขอคำชี้แนะจากท่าน” ฉู่อวิ๋นกุยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเดิมนั้นเขาทำตามคำพูดของกู้ฮวนเอ๋อร์ ต้องการมาถามซ่งจิ่งเซินว่าควรเตรียมการสำหรับวันเทศกาลโคมไฟอย่างไรดีจึงจะทำให้พี่สะใภ้ชอบยิ่งกว่าเดิม อย่างไรเสียก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ย่อมจะพอรู้อะไรบ้างแต่หลังจากตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับกู้ฮวนเอ๋อร์เมื่อครู่นี้ เขารู้สึกว่าตนเองก็ต้องเตรียมการไว้เหมือนกันก่อนหน้านี้ตอนที่กู้ฮ
“ข้ามิคิดเลยว่าฮวนเอ๋อร์ยังมีสหายที่ดีเช่นเจ้า เจ้ามิกลัวว่าหลังจากที่ข้าได้ยินวาจาเหล่านี้แล้วจะเกิดโทสะและคร่าชีวิตเจ้าหรือ?” หวังเสวี่ยสบสายตาเย็นเฉียบของฉู่อวิ๋นกุย ใบหน้าอันหล่อเหลาแฝงไว้ด้วยท่าทีไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด ดั่งเช่นครั้งนั้นที่นางได้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ แต่น่าเสียดาย ทุกคนต่างรู้กันดีว่าอวิ๋นอ๋องเป็นคนดี แต่การอยากจะเข้าใกล้เขากลับมิใช่เรื่องง่ายเลย อุปนิสัยของฉู่อ๋องนั้นเย็นชา สตรีนางใดล้วนยากจะเข้าใกล้ อุปนิสัยของอวิ๋นอ๋องนั้นอ่อนโยน เอ่ยวาจาสนทนาสองสามคำหาใช่เรื่องยาก แต่ทว่าผู้ใดก็เดินเข้าไปในหัวใจของเขาไม่ได้ นับตั้งแต่ที่ฉู่อ๋องมีใจให้ซ่งรั่วเจิน ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างประจักษ์ว่าแท้จริงแล้วฉู่อ๋องยังมีมุมเช่นนี้อยู่ และในขณะเดียวกัน หากสามารถเป็นสตรีของอวิ๋นอ๋องได้ ก็ย่อมจะกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนเป็นแน่ นางมิอาจปล่อยให้กู้ฮวนเอ๋อร์ช่วงชิงวาสนาที่ดีนี้ไปได้! “ข้ามองฮวนเอ๋อร์เป็นเสมือนพี่น้องแท้ ๆ ขอแค่ดีต่อตัวนาง ข้าก็ยินดี!” หวังเสวี่ยจ้องมองฉู่อวิ๋นกุยนิ่ง ราวกับได้ทำการตัดสินใจแล้ว ท่าทีของนางแน่วแน่ยิ่งนัก ซ่งจิ่งเซินมองสตร
“อย่ามองข้าเลย” ซ่งจิ่งเซินยกมือขึ้น “ฮวนเอ๋อร์คือญาติผู้น้องของข้า มีสหายที่ร้ายกาจดั่งงูและแมงป่องเช่นเจ้า นี่เป็นความผิดของญาติผู้พี่เช่นข้าคนนี้” ตอนนี้เขามองสาวงามน้ำตาคลอเช่นนางก็รู้สึกรำคาญ ก็แค่การเสแสร้งเท่านั้น ครั้นเมื่อฉู่มู่เหยามาถึง ก็เห็นหวังเสวี่ยน้ำตาคลอเดินจากไป อีกทั้งยังเห็นท่าทางที่ราวกับทุกสิ่งสมควรเป็นเช่นนั้นของซ่งจิ่งเซิน สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอย่างซับซ้อน “คุณชายซ่ง สตรีนางใดกันที่ถูกเจ้าทำร้ายจิตใจ?” บุรุษผู้นี้ ช่างเย็นชาเสียจริง! ซ่งจิ่งเซิน “???” ความผิดที่มิได้ก่อ พูดถึงก็มาเลยจริงๆ! “กระหม่อมมิได้เป็นคนทำร้าย ถามเสด็จพี่ของท่านเถิด เป็นสตรีที่ถูกเสด็จพี่ของท่านทำร้ายจิตใจ” ฉู่มู่เหยาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองฉู่อวิ๋นกุยอย่างไม่รู้ตัว และรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน“เสด็จพี่ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? สตรีนางนั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงร้องไห้เพราะเจ้า?” ฉู่อวิ๋นกุย “???” “เจ้าพูดจาให้มันระวังหน่อย อะไรคือร้องไห้เพราะข้า นั่นเพราะนางป่วยถึงได้ร้องไห้ต่างหาก!” ฉู่อวิ๋นกุยโบกมือ สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง หากเรื่องนี้
เมื่อเห็นท่าทีฉงนของฉู่มู่เหยา ฉู่อวิ๋นกุยกับซ่งจิ่งเซินก็สบตากัน แววตาทั้งคู่พลันสะท้อนรอยยิ้มที่เผยถึงความเข้าใจแจ่มชัด “หมายความว่าอย่างไรหรือ?” เมื่อฉู่มู่เหยาเห็นว่าทั้งสองเพียงยิ้มบาง ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด เห็นได้ชัดว่าดูอะไรออกแล้ว แววตาของนางจึงฉายแววสับสนวูบหนึ่ง “เจ้ามองผู้คนในโลกนี้ง่ายเกินไป ตั้งแต่เล็กเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมในวัง ย่อมมิรู้ว่า พวกแมลงเหม็นในท่อโสโครกเหล่านั้น เพื่อจะไต่เต้าขึ้นไปข้างบน วิธีอะไรก็ทำได้ทั้งหมด” ฉู่อวิ๋นกุยส่ายหน้า ก่อนหน้านี้เสด็จพี่ก็เคยกล่าวไว้ว่า หลาย ๆ เรื่องไม่จำเป็นต้องปิดบังมู่เหยา ต้องให้นางได้เห็นด้านมืดมากมายให้ชัดเจน จึงจะไม่ถูกผู้อื่นหลอกลวงได้ง่าย แต่เสด็จแม่กับเขาต่างก็คิดว่ามู่เหยาเป็นแค่สตรีนางหนึ่งเท่านั้น พวกเขาปกป้องนางให้ดีเป็นพอ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ตอนนี้เห็นที… สิ่งที่เสด็จพี่เคยกล่าวก็หาใช่เรื่องไร้เหตุผลไม่ “เสิ่นหวยเป็นบุตรสายรองของสกุลเสิ่น มารดาเองถือว่าได้รับความรักใคร่โปรดปรานอยู่บ้าง แต่ใต้เท้าเสิ่นเป็นคนเจ้าชู้คนหนึ่ง ในจวน นอกจากฮูหยินเอกแล้ว เพียงแค่สนมที่ให้
น่าขยะแขยงยิ่งนัก! ตอนนี้เป็นความโชคดีของนาง แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ พวกเขาเคยเล่นงานตน ไม่แน่ว่า ในอนาคตอาจไปเล่นงานคนอื่นอีก พวกเขาต้องการยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สมบัติ นางก็จะให้พวกเขาต้องคว้าน้ำเหลว! ฉู่อวิ๋นกุยกับซ่งจิ่งเซินสบตากัน ทั้งสองต่างดูออกว่าสตรีนางนี้มีแผนการอยู่ในใจ แต่ก็หาได้รีบร้อนไม่ เฝ้ารอฟังความคิดของนางอย่างใจเย็น แต่ทว่า ฉู่มู่เหยาตบโต๊ะฉาดหนึ่ง “เรื่องนี้มอบหมายให้ข้าจัดการเอง พวกเจ้าทั้งหมดไม่ต้องออกหน้า หลังจากเจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้จริง ๆ พวกเจ้าค่อยช่วยข้าก็ยังไม่สาย” “ดี เช่นนั้นก็มอบหมายให้เจ้าจัดการ!” ฉู่อวิ๋นกุยพยักหน้า ถึงอย่างไรก็เป็นองค์หญิง คนที่สามารถใช้งานได้อยู่ในมือมีมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้มู่เหยาเองก็เติบโตขึ้นแล้ว เรื่องพวกนี้ก็ควรจะเรียนรู้ว่าจะจัดการเช่นไรได้แล้ว จวนสกุลซ่ง ซ่งรั่วเจินตอนที่พบกับกู้ฮวนเอ๋อร์ ก็เห็นท่าทีล่องลอยของสตรีนางนี้ ราวกับว่าเกิดเรื่องที่น่ายินดีอะไรขึ้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ออกมาเป็นระยะ ๆ “ฮวนเอ๋อร์ เกิดเรื่องที่น่ายินดีอันใดขึ้นหรือ?” กู้ฮวนเอ๋อร์อึ้งไปชั่วค
กู้ฮวนเอ๋อร์มีสีหน้าเก้อเขิน “ข้าผู้นี้ ก็แค่คนไม่เอาไหน ทุกครั้งตอนที่เจอเรื่องซึ้งใจหรือเสียใจ ความจริงข้าก็มิได้อยากจะร้องไห้แต่น้ำตามันก็ไหลลงมาอย่างหมดสภาพ ควบคุมไม่ได้เลย” นางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ บางครั้งทั้ง ๆ ที่โกรธจนตาแดง เวลาทะเลาะกับผู้อื่นก็ยังอยากจะร้องไห้อยู่ดี “ข้าและสวี่หยวนชิงเป็นสหายวัยเยาว์ เดิมทีความสัมพันธ์ยังดีอยู่มาก แต่ข้าเห็นเขาเป็นเพียงสหายเท่านั้น เขากลับดื้อดึงจะไปสู่ขอข้าที่จวน พอเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยเข้า ข้าก็รู้สึกรำคาญเขามาก” “ตอนนั้นข้าก็คิดว่าข้าชอบอวิ๋นอ๋องมากถึงเพียงนี้ แม้นจะมิสามารถทำให้เขาชอบข้าได้ อย่างน้อยก็อย่าทำให้เขารังเกียจข้า” “เพราะฉะนั้น ข้าจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มิคิดว่าหลังจากที่พูดแล้ว อยู่ ๆ ท่านอ๋องก็กล่าวขอโทษข้า บอกว่าเขามิได้รังเกียจข้าเลย อีกทั้งยังปลอบข้าอย่างอ่อนโยน...” แก้มทั้งสองข้างของกู้ฮวนเอ๋อร์แดงระเรื่อ นางก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แน่นอนว่านางอายที่จะบอกว่าอวิ๋นอ๋องกอดนาง จึงเอ่ยเพียงว่า “บอกว่าจะรับผิดชอบข้า” มุมปากของซ่งรั่วเจินยกขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “เขาพูด
“หากเปลี่ยนเป็นท่าน ท่านจะชอบแบบไหนหรือเจ้าคะ?” กู้ฮวนเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยมซ่งรั่วเจินนึกถึงผลงานชิ้นใหญ่ของซ่งจิ่งเซินในอดีตขึ้นได้ อีกทั้งยังนึกถึงสิ่งที่เจ้าของร่างเดิมจ่ายไปในอดีตทั้งหมดนั้น รู้สึกเพียงน่าขันยิ่งนักสองพี่น้องคู่นี้ช่างทุ่มเททั้งเงินทั้งใจให้คนที่ตนรักโดยแท้ แต่สายตากลับไม่ดีนัก...“ขอเพียงเป็นคนในดวงใจ ไม่ว่าทำเรื่องใดก็ชอบทั้งหมดกระมัง” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ ในอดีตอ่านนิยายมามากมาย เล่ห์เหลี่ยมแสนเผด็จการเหล่านั้น ไม่พูดไม่ได้ว่าชวนให้คนประหลาดใจอย่างมาก“ญาติผู้พี่ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษเลยหรือ?” กู้ฮวนเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างไม่ยอมตัดใจซ่งรั่วเจินครุ่นคิด ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ในอดีตนางเพียงแต่เห็นเรื่องของผู้อื่น ไม่เคยนึกถึงตนเองมาก่อนนางคิดว่าความสัมพันธ์อันยาวนานนั้นดีมากนัก ความจริงใจสำคัญที่สุดกู้ฮวนเอ๋อร์ถอนหายใจหนักๆ “ญาติผู้พี่ ใช่หรือไม่ว่าท่านมีเงินมากเกินไป มีทั้งหมดแล้ว จึงไม่มีความฝันอะไร?”นางเพ่งพินิจมองของตกแต่งภายในห้องของซ่งรั่วเจินอย่างอดไม่ได้ ทุกชิ้นล้วนราคาไม่ธรรมดา ต่อให้เป็นถ้วยชาก็ล้วนเป็นของชั้นดีนึกถึงตอนแรก
“เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปย่อมส่งผลเสียต่อชื่อเสียงขององค์หญิง คาดว่าฮองเฮาจะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่” หลี่ซื่อรีบพูด“เจ้าโง่!” ใต้เท้าเสิ่นตะคอกเสียงดัง “ฮองเฮาให้ความสำคัญมากก็ยิ่งเข้มงวดมาก ประเดี๋ยวจะมีคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเฉกเดียวกับเขา ใช้วิธีพรรค์นี้มาเป็นราชบุตรเขย!”“เจ้าเองก็ไม่ดูบ้างว่าเจ้ามีคุณธรรมเช่นไร สามารถมีโอกาสช่วยองค์หญิงเอาไว้ได้ก็เป็นวาสนาที่เจ้าบำเพ็ญมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว ยังเพ้อฝันถึงสิ่งอื่น ไม่รู้จักประมาณตน โง่งมยิ่งนัก!”เสิ่นหวยอันได้ยินคำด่าว่าสั่งสอนของบิดา แทบจะเหยียบย่ำเขาให้ต่ำต้อยไม่ต่างจากเถ้าธุลี สีหน้าของเขาแดงก่ำ กลับไม่รู้ว่าจะแก้ตัวเช่นไรหากไม่ใช่เพราะอยู่ที่ครอบครัวนี้แล้วมองไม่เห็นความหวัง เขาก็คงไม่เดินบนคมดาบ คิดวิธีเช่นนี้ออกมาได้เขาครุ่นคิดตลอดทั้งคืน สามารถแน่ใจได้ว่าองค์หญิงเคยหวั่นไหวกับเขามาก่อน มองผ่านท่าทีและอารมณ์ที่แสดงออกในอดีตก็สามารถมองออกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้กลายเป็นเช่นนี้ น่ากลัวว่าเกี่ยวข้องกับซ่งปี้อวิ๋นหากไม่ใช่นางมักจะระงับตนไม่อยู่ เรื่องก็คงไม่ถูกเปิดเผยออกมาหากเขาสามารถแต่งองค์หญิงได้จริง ย่อมสามารถกลับมาผงา
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที