เรือนแต่ละหลังนั้นอยู่ห่างกันมาก แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แต่ละหลังไม่ส่งผลกระทบถึงกัน พูดคุยที่นี่ย่อมไม่ต้องกังวลจะถูกคนพบเห็น ดีกว่าร้านอาหารแห่งอื่นมากที่ร้านอาหารเป็นไปได้มากว่าจะได้พบเจอคนรู้จัก มีเรื่องมากมายจะพูดยังต้องระวังเป็นพิเศษ หากถูกคนได้ยิน นั่นจะยุ่งยากเอาได้ไม่เพียงแค่นี้ แม้แต่เส้นทางจากไปของที่นี่ยังมีมากมาย ระหว่างทางมีคนคอยนำทาง รับประกันว่าจะไม่พบเจอผู้อื่นก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมา ตนเองกลับไม่เคยมาที่นี่ อย่างไรเสียราคาก็สูงมาก เดิมทีเขาก็จ่ายไม่ไหวครั้งนี้เพื่อหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกกับองค์หญิง เขาจึงเอาสมบัติก้นหีบทั้งหมดออกมาใช้ขอเพียงทำสำเร็จ ภายภาคหน้าเขาได้เป็นราชบุตรเขย ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว!“ทำการค้าเช่นเดียวกัน ข้าจ่ายเงินมากถึงเพียงนั้นถึงจะสามารถเปิดร้านปิ้งย่างได้ ทั้งหมดล้วนฟังคำพูดเหลวไหลของซ่งปี้อวิ๋น ถึงได้ตกต่ำเช่นนี้!”ระยะนี้เขาอยู่รักษาอาการบาดเจ็บที่บ้าน กลับสังเกตสถานการณ์ของร้านปิ้งย่างอยู่ตลอด ผลลัพธ์กลับดี ไม่มีลูกค้า!ทุกคนล้วนเข้าร้านปิ้งย่างสกุลซ่ง คนภายในยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ทุกคนยอมต่อแถวคอย แต่ไม่ยอมมาลิ้มรสที่ร้านปิ้งย
ฉู่มู่เหยามีสีหน้าร้อนตัว แต่ก็รู้ว่าถึงตนเองจะไม่ได้พูดออกมาจนหมด ซ่งจิ่งเซินก็รู้กระจ่างแล้วคิดถึงตรงนี้ นางจึงตัดสินใจไม่ปิดบังอำพรางแล้วกล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เอาเป็นว่าข้าเตรียมจะทำเรื่องไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเจ้าจะดุข้าก็ดุมาเลย อย่างไรเสียข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ดีมีสุข”ซ่งจิ่งเซินเห็นท่าทางพร้อมพุ่งชนของนางแล้วก็กล่าวว่า “ยาสลบแค่นี้ของท่านเกรงว่าคงไม่พอ”“อะไรนะ?” ฉู่มู่เหยาตกตะลึง ออกจะงุนงงอยู่บ้างซ่งจิ่งเซินถอนหายใจด้วยความอ่อนใจ “ความคิดของท่านเรียบง่ายเกินไปแล้ว ท่านคิดว่าวันนี้เสิ่นหวยอันจงใจนัดหมายท่านมาสถานที่เช่นนี้เพราะต้องการยอมรับผิดขออภัยท่านหรือพยายามรั้งท่านไว้อย่างนั้นหรือ?”ฉู่มู่เหยามองซ่งจิ่งเซินด้วยความสงสัย สัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลได้รำไร แต่ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่งจิ่งเซินต้องการจะสื่อ“เขารอท่านอยู่ที่นั่นมาแต่แรกแล้ว กลัวแต่ว่าท่านยังไม่ทันได้วางยาเขา ตัวเองกลับโดนวางยาสลบไปเสียก่อน รอจนท่านรู้สึกตัวขึ้นมา ท่านว่า...ยังจะเหลืออันใดงั้นรึ?”สิ้นประโยคนี้ ฉู่มู่เหยาพลันหน้าเปลี่ยนสี “ข้า ข้าพาองครักษ์มาด้วย”สีหน้าซ่งจิ่งเ
ฉู่มู่เหยาตามหลังมาดูเรื่องสนุกด้วย ทราบว่าเสิ่นหวยอันสลบไปแล้วจึงยื่นศีรษะเข้ามา เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ของซ่งจิ่งเซินก็อดสงสัยไม่ได้ “เหตุใดต้องกรอกชาเขาด้วย?”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าเขาใส่ยาอะไรลงไปในกาน้ำชา?” ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้วชวนมอง ความขบขันวาบผ่านดวงตาเวลานั้นเอง ด้านนอกนั้นผู้ติดตามของซ่งจิ่งเซินรุดเข้ามาหา “คุณชาย ซ่งปี้อวิ๋นมาแล้วขอรับ”“พวกเราถอยออกไปก่อน” พวกซ่งจิ่งเซินออกไปจากห้อง ซ่งปี้อวิ๋นเข้ามาในห้องก็เห็นเสิ่นหวยอันที่นอนหลับอยู่“พี่หวยอัน ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”ซ่งปี้อวิ๋นมองเสิ่นหวยอันด้วยความเป็นห่วง หลายวันมานี้นางอยากเจอเขาอยู่หลายครั้ง แต่เขารักษาตัวอยู่ในสกุลเสิ่นมาโดยตลอด ไม่มีโอกาสได้พบหน้าเลยสักนิดไม่เพียงเท่านั้น จดหมายที่นางส่งไปให้ เขาก็ไม่เคยตอบกลับมานางรู้ว่าพี่หวยอันโกรธนาง แต่บัดนี้เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังจะทำอันใดได้?“ผัวะ!”เสียงฟาดหัวที่คุ้นเคยดังขึ้น ซ่งปี้อวิ๋นก็สลบไปด้วยเช่นกัน“ส่งคนไปที่โรงเตี๊ยมเยว่ไหล ก่อนไปกรอกสุราด้วย กรอกจนทั้งเนื้อตัวมีแต่กลิ่นสุรา ทำให้คนเข้าใจว่าเมาแล้ว”“คนทั้งสองแยกกันส่ง เปิดห้องสองห้อง”หลังจากที
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้วเหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใดใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่าน
“แม่นางฉิน ได้โปรดถอดออก เพียงมองดูก็จะทราบได้” เฉินเซียงเอ่ยเพียงฉินซวงซวงถอดออก เฉินเซียงก็หยิบกำไลหยกไปให้ทุกคนดูหนึ่งรอบ “ทุกท่านล้วนเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ด้านบนแกะสลักชื่อเล่นของคุณหนูข้าเจินเอ๋อร์เอาไว้!”“ยังไม่ต้องพูดว่าท่านโหวและคุณหนูข้ายังไม่แต่งงานกัน ต่อให้แต่งงานแล้วจริง คนมีหน้ามีตาที่ใดยักยอกสินเดิมของฮูหยินตนเองด้วยหรือ?”นับแต่โบราณจนถึงตอนนี้ สินเดิมล้วนเป็นสิ่งของติดตัวฝ่ายหญิง แม้แต่บ้านสามีก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เว้นเสียแต่ตนเองยินยอม ทว่าหลินจือเยว่หยิบไปโดยตรงไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมยก็ไม่เกินจริงครั้นซ่งจืออวี้พี่ชายสามของซ่งรั่วเจินเร่งเดินทางมาถึงก็ได้ยินว่าหลินจือเยว่ยกกำไลหยกที่ท่านแม่มอบให้เจินเอ๋อร์เป็นสินเดิมให้กับฉินซวงซวง กำปั้นเจือความเกรี้ยวกราดกระแทกเข้าไปโดยตรงหนึ่งหมัด!“ไอ้สารเลว!”หลินจือเยว่ถูกกำปั้นกระแทกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงหน้าหันไปอีกฝั่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากซ่งจืออวี้ไม่คิดยั้งมือเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันมงคลยิ่งใหญ่ของน้องหญิง พวกเขาทั้งครอบครัวส่งนางออกจากจวนอย่างดีใจมีความสุข ใครคาดคิดมาถึงจวนหลินโหวจะถูกหมิ่นแคล
“เรื่องนี้โทษท่านแม่ไม่ได้ พูดได้เพียงว่าหลินจือเยว่แสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม หน้าหนาไร้ยางอาย!”ซ่งรั่วเจินยิ่งพูดยิ่งรังเกียจ โชคดีช่วงเวลาที่นางทะลุมิติเข้ามาในหนังสือยังมิได้แต่งเข้าจวนสกุลหลิน หากแต่งเข้าไปแล้ว นั่นต่างหากถึงจบสิ้น!หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้เพียบพร้อมของตนพูดถ้อยคำหล่านี้ออกมา ยิ่งมั่นใจว่านางกำลังเสียใจ น้ำตาคลอหน่วย “ลูกสาวชะตาอาภัพของข้า...”แต่น้ำตาที่หางตายังไม่ทันตกก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก ของทั้งใหญ่ทั้งเล็กถูกยกเข้ามา หยาดน้ำตาหยุดชะงักในทันใด“เจินเอ๋อร์ นี่ นี่คืออะไรกัน?”“อย่างไรเสียก็ไม่แต่งแล้ว สิ่งของย่อมต้องนำกลับมา ฉินซวงซวงคนนั้นพูดทุกคำว่ารักชอบท่านโหว ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่านางจะยอมหักใจชดเชยจวนโหวโล่งโจ้งนั่นหรือไม่!”ซ่งรั่วเจินเคยอ่านต้นฉบับหนังสือมาก่อน ย่อมรู้ว่าฉินซวงซวงก็คือคนมีอุปนิสัยชมชอบความร่ำรวยคนหนึ่ง หาไม่แล้วเพียงนางเอ่ยปาก หลินจือเยว่ก็ต้องถอนหมั้นนางเป็นแน่!แต่นางกลับไม่ทำ ก็เพื่อเงินของจวนสกุลซ่งบัดนี้เงินตกอยู่ในมือนางแล้ว ฉินซวงซวงทางหนึ่งคิดจะหลับนอนกับบุรุษของเจ้าของร่างเดิม ทางหนึ่งใช้จ่ายเงินของเจ้า
ซ่งรั่วเจินพูดอย่างจริงจัง อาการป่วยนี้สำหรับนางกลับรักษาไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจมากก็เท่านั้นเดิมทีซ่งอี้อันคิดว่าน้องหญิงปลอบโยนตนเอง มิได้เก็บมาใส่ใจ ทว่าเห็นนางพูดอย่างตั้งใจมากเป็นพิเศษ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเชื่อขึ้นมาหลายส่วน“น้องหญิงคนดี พี่รองเชื่อเจ้า”ซ่งจืออวี้เห็นซ่งอี้อันคล้ายถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จแล้ว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “พี่รอง ท่านเชื่อจริงหรือ? น้องหญิงห้าไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อนนะ”“น้องหญิงห้าดีใจก็พอ ตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว หมอทั้งเมืองหลวงล้วนมาดูแล้ว ยังมีอันใดให้กลัวอีกเล่า?”ซ่งอี้อันยกมุมปากยิ้มขมปร่า นับตั้งแต่วันที่ตาบอดอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาก็สูญสลายกลายเป็นหมอกผ่านตา ถอนหมั้นก็คือเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว น้องหญิงไม่ยอมให้เขายอมแพ้ ก็เพราะหวังดีต่อเขาส่วนเป็นเรื่องจริงหรือไม่...สำคัญด้วยหรือ?ซ่งรั่วเจินมิได้ใส่ใจบทสนทนาของทั้งสองคน สายตานางเบือนไปทางด้านหลัง นับตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าจวนสกุลซ่ง นางก็สังเกตุเห็นว่าเรือนด้านหลังถูกพลังชั่วร้ายปกคลุมอยู่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นวันแสงแดดจ้า ทว่าด้านหลังกลับอึมครึม ต้องมีบางสิ่งกำลังสร้างปัญหาอย่างแน
ฉู่มู่เหยาตามหลังมาดูเรื่องสนุกด้วย ทราบว่าเสิ่นหวยอันสลบไปแล้วจึงยื่นศีรษะเข้ามา เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ของซ่งจิ่งเซินก็อดสงสัยไม่ได้ “เหตุใดต้องกรอกชาเขาด้วย?”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าเขาใส่ยาอะไรลงไปในกาน้ำชา?” ซ่งจิ่งเซินเลิกคิ้วชวนมอง ความขบขันวาบผ่านดวงตาเวลานั้นเอง ด้านนอกนั้นผู้ติดตามของซ่งจิ่งเซินรุดเข้ามาหา “คุณชาย ซ่งปี้อวิ๋นมาแล้วขอรับ”“พวกเราถอยออกไปก่อน” พวกซ่งจิ่งเซินออกไปจากห้อง ซ่งปี้อวิ๋นเข้ามาในห้องก็เห็นเสิ่นหวยอันที่นอนหลับอยู่“พี่หวยอัน ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”ซ่งปี้อวิ๋นมองเสิ่นหวยอันด้วยความเป็นห่วง หลายวันมานี้นางอยากเจอเขาอยู่หลายครั้ง แต่เขารักษาตัวอยู่ในสกุลเสิ่นมาโดยตลอด ไม่มีโอกาสได้พบหน้าเลยสักนิดไม่เพียงเท่านั้น จดหมายที่นางส่งไปให้ เขาก็ไม่เคยตอบกลับมานางรู้ว่าพี่หวยอันโกรธนาง แต่บัดนี้เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังจะทำอันใดได้?“ผัวะ!”เสียงฟาดหัวที่คุ้นเคยดังขึ้น ซ่งปี้อวิ๋นก็สลบไปด้วยเช่นกัน“ส่งคนไปที่โรงเตี๊ยมเยว่ไหล ก่อนไปกรอกสุราด้วย กรอกจนทั้งเนื้อตัวมีแต่กลิ่นสุรา ทำให้คนเข้าใจว่าเมาแล้ว”“คนทั้งสองแยกกันส่ง เปิดห้องสองห้อง”หลังจากที
ฉู่มู่เหยามีสีหน้าร้อนตัว แต่ก็รู้ว่าถึงตนเองจะไม่ได้พูดออกมาจนหมด ซ่งจิ่งเซินก็รู้กระจ่างแล้วคิดถึงตรงนี้ นางจึงตัดสินใจไม่ปิดบังอำพรางแล้วกล่าวอย่างเปิดเผยว่า “เอาเป็นว่าข้าเตรียมจะทำเรื่องไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเจ้าจะดุข้าก็ดุมาเลย อย่างไรเสียข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้อยู่ดีมีสุข”ซ่งจิ่งเซินเห็นท่าทางพร้อมพุ่งชนของนางแล้วก็กล่าวว่า “ยาสลบแค่นี้ของท่านเกรงว่าคงไม่พอ”“อะไรนะ?” ฉู่มู่เหยาตกตะลึง ออกจะงุนงงอยู่บ้างซ่งจิ่งเซินถอนหายใจด้วยความอ่อนใจ “ความคิดของท่านเรียบง่ายเกินไปแล้ว ท่านคิดว่าวันนี้เสิ่นหวยอันจงใจนัดหมายท่านมาสถานที่เช่นนี้เพราะต้องการยอมรับผิดขออภัยท่านหรือพยายามรั้งท่านไว้อย่างนั้นหรือ?”ฉู่มู่เหยามองซ่งจิ่งเซินด้วยความสงสัย สัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลได้รำไร แต่ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่งจิ่งเซินต้องการจะสื่อ“เขารอท่านอยู่ที่นั่นมาแต่แรกแล้ว กลัวแต่ว่าท่านยังไม่ทันได้วางยาเขา ตัวเองกลับโดนวางยาสลบไปเสียก่อน รอจนท่านรู้สึกตัวขึ้นมา ท่านว่า...ยังจะเหลืออันใดงั้นรึ?”สิ้นประโยคนี้ ฉู่มู่เหยาพลันหน้าเปลี่ยนสี “ข้า ข้าพาองครักษ์มาด้วย”สีหน้าซ่งจิ่งเ
เรือนแต่ละหลังนั้นอยู่ห่างกันมาก แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แต่ละหลังไม่ส่งผลกระทบถึงกัน พูดคุยที่นี่ย่อมไม่ต้องกังวลจะถูกคนพบเห็น ดีกว่าร้านอาหารแห่งอื่นมากที่ร้านอาหารเป็นไปได้มากว่าจะได้พบเจอคนรู้จัก มีเรื่องมากมายจะพูดยังต้องระวังเป็นพิเศษ หากถูกคนได้ยิน นั่นจะยุ่งยากเอาได้ไม่เพียงแค่นี้ แม้แต่เส้นทางจากไปของที่นี่ยังมีมากมาย ระหว่างทางมีคนคอยนำทาง รับประกันว่าจะไม่พบเจอผู้อื่นก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมา ตนเองกลับไม่เคยมาที่นี่ อย่างไรเสียราคาก็สูงมาก เดิมทีเขาก็จ่ายไม่ไหวครั้งนี้เพื่อหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกกับองค์หญิง เขาจึงเอาสมบัติก้นหีบทั้งหมดออกมาใช้ขอเพียงทำสำเร็จ ภายภาคหน้าเขาได้เป็นราชบุตรเขย ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว!“ทำการค้าเช่นเดียวกัน ข้าจ่ายเงินมากถึงเพียงนั้นถึงจะสามารถเปิดร้านปิ้งย่างได้ ทั้งหมดล้วนฟังคำพูดเหลวไหลของซ่งปี้อวิ๋น ถึงได้ตกต่ำเช่นนี้!”ระยะนี้เขาอยู่รักษาอาการบาดเจ็บที่บ้าน กลับสังเกตสถานการณ์ของร้านปิ้งย่างอยู่ตลอด ผลลัพธ์กลับดี ไม่มีลูกค้า!ทุกคนล้วนเข้าร้านปิ้งย่างสกุลซ่ง คนภายในยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ทุกคนยอมต่อแถวคอย แต่ไม่ยอมมาลิ้มรสที่ร้านปิ้งย
ตอนฉู่มู่เหยาได้รับจดหมายที่เสิ่นหวยอันส่งมา รู้สึกเพียงน่าขันเป็นพิเศษ“ก่อนหน้านี้ข้ากลับไม่พบว่าเสิ่นหวยอันหน้าหนาไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่พูดทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้ว โบยก็โบยแล้ว เขายังกล้ามาหาข้า?”จดหมายในมืออ่อนโยนหวานล้ำ คล้ายไม่เคยโบยยี่สิบไม้มาก่อน คล้ายพวกเขาเป็นคนรักทะเลาะกันเท่านั้นน่าขันมากเพียงใด?หลายวันมานี้นางตรวจสอบเรื่องเสิ่นหวยอันและซ่งปี้อวิ๋นอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งสองคนอาจหาญยิ่งนักไม่เพียงทำให้นางกลายเป็นคนโง่ ยังลอบวางอุบายลับหลังนาง หนำซ้ำยังลอบนัดพบกันเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ทั้งๆ ที่ยังไม่กำหนดงานแต่ง ก็กล้าถึงเพียงนี้ บัดนี้ไม่รู้สมควรพูดเช่นไรถึงจะดีได้เห็นมากอีกแวบเดียวก็รังเกียจ!“องค์หญิง เสิ่นหวยอันคนนั้นไร้ยางอายจริงๆ ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วกลับต่ำช้าไร้ยางอาย”“จะปล่อยให้ผู้อื่นเห็นจดหมายนี้ไม่ได้เป็นอันขาด หากถูกคนอื่นเห็นเข้า ยังจะไม่ทำให้ชื่อเสียงขององค์หญิงเสียหายอีกหรือ?”นางกำนัลเองก็ร้อนใจ นางมองเห็นว่าเสิ่นหวยอันส่งของมาก็อยากโยนทิ้งไป แต่ลองคิดดูให้ละเอียดแล้วยังคิดว่าไม่เหมาะสม หากองค์หญิงไม่พอพระทัย นั่นก็แย่แล้วฉู่มู
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย เสด็จพ่อมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมมีความเห็นของตนพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่จวินถิงพูดได้เห็นท่าทางไม่แปลกใจของฉู่จวินถิง ฮองเฮานึกถึงก่อนหน้านี้ยามนางไปห้องทรงพระอักษร มีความคิดอยากขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างจวินถิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ท่าทางกริ้วจัดของฝ่าบาทนั้นตอนนั้นนางยังไม่รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าบัดนี้คล้ายเข้าใจแล้วน่ากลัวว่าฮ่องเต้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่นางมองไม่ออกมาโดยตลอด ชนิดที่ว่ายังชื่นชมงานแต่งนี้อีกด้วยบัดนี้คิดๆ ดูแล้ว นางโง่งมเกินไปจริงๆ........หลังตวนเฟยได้รับเซียนโบตั๋นแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือกลับไปบูชาด้วยความจริงใจ“พระสนม สิ่งนี้เป็นจงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางจิตใจดีถึงเพียงนี้จริงหรือ? บ่าวกังวลว่านี่คืออุบายเพคะ”แม่นมทางด้านข้างพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอดไม่ได้ มักคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ไหนแต่ไรมาจงเฟยเป็นคนใจแคบ มีอะไรดีก็ซ่อนไว้ให้ตนเอง ไฉนเลยจะสามารถหักใจยกให้ผู้อื่นได้?“นี่เป็นของที่จงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางกล้ามอบให้ หรือยังสามารถวางยาพิษได้อีกกระนั้น?”“หากเกิดเรื่องจริง คนซ
หลังฮองเฮาได้ฟังทั้งหมดแล้ว รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา สายตาเปี่ยมโทสะ“จงเฟยบังอาจยิ่งนัก! ถึงขั้นวางแผนทำร้ายข้า!”เพียงคิดว่าจงเฟยแลกเปลี่ยนโชคชะตากับนาง ก็รู้สึกว่าไม่เคยพบเจอวิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อนอยู่ที่วังหลัง เพื่อแย่งชิงความโปรดปราน มีเล่ห์อุบายมากมายผุดออกมา นางไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่วิธีน่ากลัวถึงเพียงนี้ ยังได้เห็นเป็นครั้งแรก หากไม่ใช่วันนี้จวินถิงและรั่วเจินบังเอิญเข้าวัง น่ากลัวว่านางจะต้องตกหลุมพรางจงเฟยแน่!หากสุดท้ายตกลงสู่ผลลัพธ์เช่นนั้น...นางไม่กล้าคิด!“เมื่อครู่พวกเจ้าน่าจะบอกข้า จะปล่อยให้ตัวหายนะเยี่ยงนางอยู่ในวังหลังได้เช่นไร?”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อ ในเมื่อมีวิธีเช่นนี้ครั้งแรก ภายภาคหน้าไม่แน่ว่าจะมีมากยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ยุ่งยากมากหรือ!เห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินหันมองฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ นางไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร อย่างไรเสียเดิมทีตวนเฟยก็ไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่แผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเท่านั้นทว่า นางย่อมไม่สามารถพูดข้อนี้ได้“ปกติตวนเฟยมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อท่าน เรื่องนี้ให้นางไปหาเรื่องจงเฟยก็พอ เหตุใดท่านต้องเข้าไปข
เพียงแต่ ตวนเฟย...นางเลื่อนสายตาไป ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มของตวนเฟย นึกได้ว่านางน่าจะเป็นมารดาขององค์ชายสี่ในหนังสือ องค์ชายสี่เป็นตัวร้าย ตอนที่องค์ชายสี่เรืองอำนาจ ตวนเฟยมีสง่าราศีที่สุด ทว่าบัดนี้ได้รับเซียนโบตั๋นไป หากจงเฟยไม่ยอมหยุด ดูท่าแล้วต่อจากนี้ตวนเฟยและองค์ชายสี่จะต้องพบปัญหาแล้ว....นี่ก็นับเป็นเรื่องดีกระมัง?ต่อมาองค์ชายสี่เหลียงอ๋องทำร้ายคนมากมาย แม้แต่อวิ๋นอ๋องก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ เดิมทีนางก็อยากหยุดยั้งเรื่องทั้งหมด ย่อมมีความสุขที่ได้เห็นทั้งหมดนี้“พี่น้องหญิงล้วนมาเยี่ยมคารวะแล้ว กลับไปก่อนเถอะ” ฮองเฮาพูดเห็นสถานการณ์แล้ว เหล่าสนมต่างพากันลุกขึ้น ทำความเคารพแล้วถึงจากไปจนกระทั่งทุกคนจากไปแล้ว ฮองเฮาจึงเอ่ยปาก “อยู่ดีๆ เหตุใดถึงให้ข้ายกของให้ตวนเฟยเล่า?”ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่งและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ของดีอะไร เก็บไว้ภายในตำหนักของเสด็จแม่ย่อมอันตราย ตอนจัดการย่อมเกิดปัญหายุ่งยากพ่ะย่ะค่ะ”“ในเมื่อตวนเฟยดึงดันขอร้องต่อหน้าคนมากถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นพยานได้พอดี ไฉนเลยจะไม่พายเรือตามน้ำ ไม่เพียงสามารถทำให้ตวนเฟยจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้ ยังสลัดเผื
ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ สังเกตเห็นความอิจฉาในเสียงของจงเฟย กลับไม่แปลกใจ อย่างไรเสีย ระยะนี้ก็เกิดเรื่องกับเช่ออ๋องอย่างต่อเนื่อง คนรับชมเรื่องตลกมีไม่น้อย จงเฟยย่อมไม่สบอารมณ์ยามได้เห็นพวกเขา“ก่อนหน้านี้ฮองเฮาใส่ใจต่อเรื่องแต่งงานของฉู่อ๋องมาโดยตลอด บัดนี้ในที่สุดเรื่องงานแต่งของฉู่อ๋องก็ตัดสินแล้ว เชื่อว่าฮองเฮาจะต้องดีใจแน่ สองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันแล้วเป็นคู่สร้างคู่สมจริงๆ!”ตวนเฟยยิ้มพลางชื่นชม ภายในสายตาสะท้อนไอเย็น นึกถึงตอนแรกซ่งหลินยังไม่กลับมา ทุกคนต่างคิดว่าฉู่อ๋องโดนอุบายสาวงามแม้ว่าซ่งรั่วเจินหน้าตางดงาม แต่สกุลซ่งล้วนเสื่อมถอย ซ่งหลินตายในสนามรบ คุณชายใหญ่สกุลซ่งกลายเป็นคนพิการ คุณชายรองสกุลซ่งตาบอด คุณชายสามสกุลซ่งไม่ได้เรื่อง คุณชายสี่ก็เป็นแค่พ่อค้าไม่มีอำนาจ มีเพียงเงิน นอกจากกลายเป็นเนื้อบนเขียงแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรทว่าบัดนี้ลูกชายของสกุลซ่งล้วนมีความสามารถ แม้แต่ซ่งหลินก็กลับมาแล้ว กอปรกับซ่งฮูหยินเป็นลูกสาวแท้ๆ ของราชครูกู้ บัดนี้สกุลซ่งกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแล้วความเปลี่ยนแปลงนี้ ใครบ้างไม่อยากได้ฮองเฮาได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง สีหน้าซับ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ