“ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะหนีไปที่ใดได้” สุ้มเสียงเย็นชาของเฉียนอ๋องดังก้องอยู่ภายในห้องลับแคบ ๆ แห่งนี้ ก่อนจะตามด้วยเสียงสะท้อนดังติ๋ง ๆ ของหยดน้ำไหลร่างกายของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกแช่แข็งจนควบคุมไม่ได้บ้างโดยเฉพาะน้ำแข็งที่ไหลลงมาจากเรือนผม เสียดแทงจนศีรษะนางเจ็บปวดอย่างยิ่งห้องลับคับแคบ ไร้ทางให้หนีนาง
เฉียนอ๋องพลางพ่นวาจาที่น่ารังเกียจออกมา พร้อมมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังดิ้นรนหาทางหนีไปด้วยสองมือที่ถูกโซ่เหล็กมัดเอาไว้นั้นเต็มไปด้วยรอยเลือดมากมาย ไม่ว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะอยากหนีออกไปเพียงใดก็ไม่อาจทำได้คราบเลือดที่อยู่บนเตียงหินนั้น มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่ซ้อนทับกันอยู่มากมายกลิ่นคาวเลือดพลันกลบกล
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ใช้เพียงหัวแม่เท้าคิดก็ยังรู้ว่าจักเกิดอะไรขึ้น!นางจักต้องถูกกระทำย่ำยีอย่างแน่นอนนางจะต้องถูกอสูรกายร้ายตัวนี้ทำลายอย่างย่อยยับ!เรื่องเช่นนี้!นางย่อมมิมีทางให้มันเกิดขึ้นเป็นอันขาด!ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่กัดฟันแน่นเอาไว้“เย็นไว้ เย็นไว้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์เจ้าใจเย็น ๆ เอา
“นังสารเลว เจ้ากล้าดีอย่างไรมาถุยน้ำลายใส่ข้า!”“ถุ้ย!” พระชายาเฉียนพลันถ่มน้ำลายใส่เฉียนอ๋องอีกครั้ง“เพี๋ยะ!”เฉียนอ๋องโมโหยิ่งนัก พลางสะบัดมือไปตบหน้าพระชายาเฉียนในทันทีแรงตบจากฝ่ามือนั้น รุนแรงเป็นอย่างยิ่งทำเอาใบหน้าของพระชายาเฉียนหน้าหันไปอีกด้านหนึ่งในทันที พร้อมทั้งเลือดสด ๆ ที่ไหลอกมา เฉ
“หากมิใช่เพราะข้าคิดถึงเจ้ามากถึงเพียงนั้น จนถึงกับลอบสังเกตติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างใกล้ชิดแล้วละก็ ถึงได้พบนกกางเขนเงาที่บินไปที่จวนอ๋องเจ็ดตัวนั้น มิเช่นนั้นข้าก็คงมิมีทางหาเจ้าพบแน่”“เจ้าเป็นของของข้า แต่กลับคิดหาทางหลบหนี ผู้ใดให้ความกล้าแก่เจ้ากัน? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอันใด? ถึงกล้า
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันลืมตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวการมองในครานี้ กลับทำเอาทั่วร่างเย็นยะเยือก พร้อมทั้งเลือดในกายที่ถูกสูบฉีดไหลเวียนไปทั่วร่างยามที่นางกำลังปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอก เพื่อมุ่งมั่นในการรวบรวมสมาธิของตนเองมิรู้ว่าเฉียนอ๋องไปนำบุรุษสามสี่คนมาจากที่ใดบุรุษเหล่านั้นรูปร่างสูงใหญ่กำยำมิต่างอัน
นางมิคิดเลยว่า เฉียนอ๋องจักกล้าโยนชายาของตนเองลงไปในดงบุรุษเหล่านั้นได้หูของนางพลันได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของพระชายาเฉียนดังขึ้นมาเสียงนั่น ดังกึกก้องลึกเข้าไปในใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันทีถึงแม้ว่านางจักมิไปเห็น มิได้ยิน แต่นางก็สัมผัสได้ว่าพระชายาเฉียนกำลังทุกข์ทรมานใจมากเพียงใดในยามน
ความโกรธเกรี้ยวที่โหมกระหน่ำราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบจะควบคุมความโกรธที่สุมอยู่เต็มอกของนางไม่ไหวนางพยายามดิ้นรน เพื่อที่จะหลุดออกจากโซ่ตรวนนี้ภายในห้องลับที่มืดมิดนั้น เสียงดังของโซ่ตรวนเหล็กที่กระทบกันไปมาพลันกลบเสียงร้องของพระชายาเฉียนไปจนหมด“โกรธหรือ? ดิ้นรนหรือ? ฮ่าฮ่า ฉินเห
ถึงอย่างไร การโยนรูปภาพของตนเองเข้ากองไฟเช่นนี้ ทำเอารู้สึกแปลก ๆ ยิ่งนัก ราวกับว่านางกำลังโดนเผาอย่างไรอย่างนั้น ทว่า เมื่อคิดกลับกันนั้นเรื่องน่าอายเช่นนี้ หากผู้อื่นพบเข้าละก็ ย่อมต้องนำพาให้รู้สึกอับอายเป็นแน่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงโยนมันเข้าเตาผิงไฟด้วยใบหน้าเย็นชาเมื่อถ่านไฟในเตาผิงเจอกับกระดาษ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธยามที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ในม้วนภาพวาดมีบางรูปที่นางนอนอยู่ กินอยู่ ทั้งยังมีนั่งเหม่อลอยอีก...นี่ยังน้อย ๆ อย่างมากนางก็แค่ดูเหมือนพวกเซ่อซ่าเท่านั้นแต่นอกจากรูปภาพเหล่านี้แล้ว ยังมีที่มากไปกว่านี้อีกภาพในยามที่นางโมโห ยามที่นางหัวเราะอ้าปากกว้างออกม
“เอ่อ…” ตงฟางหลีชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ว่าตนเองพูดหลุดปากออกไปนั้น เขาจึงแย้มยิ้มเจือน ๆ ออกมา “พระชายางดงามดั่งบุปผาเช่นนี้ ข้าย่อมอดคิดถึงรูปร่างหน้าตาของเจ้าไม่ได้ จึงเริ่มลงมือวาดรูปขึ้นมา น่าเสียดายที่ภาพวาดเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นภาพที่ข้าจินตนาการขึ้นมาเอง มีเพียงภาพนี้เท่านั้น ที่ข้าให้พระชาย
“สตรีงามที่ตกอยู่ในความกังวล” ตงฟางหลีจุ่มพู่กันขนาดเล็กลงในจาน พลางโค้งกายลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้ปลายพู่กันแต่งแต้มลงไปบนเครื่องประดับไข่มุขบนศีรษะของหญิงงามให้กลายเป็นสีแดง“งามหรือไม่?” ตงฟางหลีเอ่ยถาม“หม่อมฉันย่อมงดงามเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันพึมพำกล่าวออกมาด้วยความตกใจว่า “ทักษะการวาดภาพของมือขวา
นางกำชับคำถามที่ต้องถามกับเฟยอิ่งคร่าว ๆ จากนั้นก็กำชับให้เขารีบไปรีบกลับเฟยอิ่งรับคำสั่งเสร็จก็จากไปในระหว่างที่กำลังรอข่าวอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์เกิดความกระวนกระวายขึ้นในใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเฮยตั้นรู้ว่านางอยู่ในสภาวะว่างเปล่า จึงคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายนางอย่างรอบคอบระแวดระวังมาโดยตลอด
ตงฟางหลีสีหน้าเริ่มเข้มขึ้น ในเวลาเช่นนี้ บรรยากาศเช่นนี้ พูดถึงเจ้าแมวโง่ตัวนั้นทำไม?“เฮยตั้นไม่อยู่” เขาพูดน้ำเสียงไม่พอใจ“ไม่อยู่? ไปที่ใดกันเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกผ้าห่มออก ในผ้าห่ม มุมเตียง หรือว่าใต้หมอน ล้วนไม่เห็นเงาของเฮยตั้นบ่อยครั้ง ที่เฮยตั้นจะชอบมานอนแผ่หลาอย่างสบายใจบนกลางเตียงข
“อีกอย่าง เพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง การเข้าร่วมกับเงาเพื่ออวี้เอ๋อร์ย่อมไม่เป็นปัญหาเช่นกัน”เขาในยามนี้ สามารถเข้าใจความรู้สึกของจีอู๋เยียนแล้วหากเขายืนอยู่ในจุดของจีอู๋เยียน และเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่ในจุดของอวี้เอ๋อร์เขาก็สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเหยี่ยนเย่ว์เช่นกัน“อ้อ? หม่อมฉันถูก
“เป็นสามีภรรยากันนานแล้ว ท่านจริงจังกว่านี้สักหน่อยเถิดเพคะ”ตงฟางหลีจึงกอดอก ปั้นสีหน้าเย็นชา บนใบหน้าหล่อเหลานั้นดูมีท่าทีจริงจัง “ข้าคิดมาตลอดว่าข้าค่อนข้างจริงจัง เที่ยงตรง และเปี่ยมไปด้วยความชอบธรรม”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นสะท้านคนผู้นี้ มักชอบใช้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสูงส่งพูดถ้อยคำที่ทำให้ผู้คน
งดงามจนเกินกว่าจะจินตนาการได้“พี่เจ็ด ท่านช่วยหยิกหม่อมฉันสักครั้งสิเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระตุกชายแขนเสื้อตงฟางหลี “มิใช่ว่าหม่อมฉันกำลังฝันไปอยู่กระมัง?”ตงฟางหลีจึงหยิกจมูกของนาง “คนโง่”“ยามนี้เพิ่งจะมารู้ว่าการมีความรู้ตื้นเขินเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ทอดถอนใจ “ได้เห็นทิวทัศน