“โปรดไว้ชีวิตด้วย ฮือ ๆ”องค์หญิงปิงหลินรู้สึกตัวขึ้น เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ปนเสียงร้องขอชีวิตระงมอยู่รอบตัว หลายชั่วยามก่อนนางตักกินข้าวต้มแค่ไม่กี่คำ ก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด จากนั้นก็สลบไป รู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ก็มีเสียงร้องไห้ระงมอยู่ข้างเตียงของนางแล้ว“องค์หญิงฟื้นแล้ว”หมอหลวงรีบคุกเข่าลงถวายรายงานฮ่องเต้ที่กำลังจะออกโอษฐ์ตวาดเหล่าสนมอีกหนก็ชะงักไป รีบเข้าไปหาธิดาสุดรัก“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“เสด็จพ่อ.... เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าท่านจะสั่งประหารใครรึ”องค์หญิงปิงหลินเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนล้า ดวงตาสองข้างพร่าเลือน รู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่การหายใจนางยังรู้สึกว่ายากลำบากเหลือเกิน “สนมนางใน และขันทีในวังหลังทุกคน”ฮ่องเต้เอ่ยอย่างเดือดดาล เมื่อไม่มีใครออกมายอมรับผิดก็ตายให้มันหมดทุกคน โทษฐานที่ดูแลธิดาองค์เดียวของข้าไม่ได้“พวกเขามีความผิดอันใดหรือ”ปากบางซีดขยับเอ่ยอย่างช้า ๆ“เจ้าถูกลอบวางพิษ ผู้ที่อยู่ในวังหลังทุกคนล้วนน่าสงสัย เมื่อไม่มีใครออกมายอมรับผิด ไม่ยอมมอบยาถอนพิษออกมา ข้าก็จะประหารให้ตายตามเจ้าไปให้หมดทุกคน”“เสด็จพ่อ... หากทำเช่นนั้น ก็ไม่เท่ากับเป็นการยืนยันว
“เจ้าว่าข้าใส่ชุดนี้ หรือชุดนี้ดี”แม่ทัพหยางจงถืออาภรณ์สีฟ้าอ่อนไว้ในมือชุดหนึ่ง อีกมือก็ถือสีน้ำเงิน บนโต๊ะยังมีเสื้อผ้าเกือบทั้งจวนที่ถูกนำมากองรวมกันไว้“ท่านแม่ทัพ ปกติแล้วหากท่านเข้าวังก็มักจะสวมชุดเกาะเหล็กของกองทับมิใช่หรือ เหตุใดวันนี้ท่านจึงเลือกอาภรณ์หลากสีเช่นนี้”รองแม่ทัพเฉิงอี้เกาหัวแคร่ก ๆ ทุกคราที่ผ่านมานายของตนไม่ใช่คนเรื่องมาก เหตุใดยามนี้แม้แต่การเลือกชุดสวมใส่จึงลำบากถึงเพียงนี้“นั่นมันไปราชการ แต่วันนี้ข้าจะเข้าวังไปพบองค์หญิง”หยางจงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเอาแต่รบทัพจับศึกจึงไม่ใคร่จะรู้เรื่องที่ทำให้สตรีประทับใจมากนัก แม้แต่การไปพบหน้าสักคราเขาก็อยากให้นางมองเขาแล้วรู้สึกประทับใจ จึงเคร่งเครียดเพราะไม่รู้ว่าจะสวมใส่อาภรณ์สีใดดีจึงจะสง่างามต้องตาจับใจนางได้เมื่อเฉิงอี้ได้ยินดังนั้น ดวงตาก็มีประกายระยับฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับเอ่ยกระเซ้านายตนว่า“นั่นแน่... เมื่อวานเพิ่งจะจากกันไม่นาน วันนี้ก็จะไปหาอีกแล้ว ข้าว่าท่านน่าจะหาของขวัญ หรือของแทนใจติดไม้ติดมือไปให้องค์หญิงสักชิ้นก็น่าจะดีนะ”“ที่เจ้าพูดก็ถูก.... งั้นข้าควรนำสิ่งใดมอบให้องค์หญิง”หยางจงพยักหน้าเห็นด
“แม่ทัพหยางจง ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ชายแดนแคว้นอ้ายฉีทั้งหมดแล้ว สมแล้วที่เป็นแม่ทัพไร้พ่ายแห่งแคว้นฉู่ ชัยชนะครั้งนี้อีกร้อยปีแคว้นอ้ายฉีก็มิอาจกล้ำกรายแคว้นของเรา ท่านประสงค์สิ่งใดเป็นรางวัลหรือไม่”ฮ่องเต้ตรัสชม แล้วเอ่ยถามเพื่อประทานรางวัลให้กับแม่ทัพผู้หาญกล้า“เรียนฝ่าบาท กระหม่อมไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากประทานสมรสพระราชทาน”แม่ทัพหยางจงประสานมือไว้เบื้องหน้า กล่าวอย่างหนักแน่นองอาจ ในขณะที่องค์หญิงปิงหลินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มีท่าทีขวยเขิน ใบหน้าแดงก่ำ ก้มพระพักตร์ลงน้อย ๆ“ดี ! ถือว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว แล้วเจ้าหมายตาสตรีนางใดไว้รึ”พระสุรเสียงของฮ่องเต้ยินดียิ่ง“เป็นองค์หญิงปิงหลินพระเจ้าข้า”แม่ทัพหยางจงตอบอย่างไม่ลังเล เมื่อได้ยินดังนั้น ฮ่องเต้ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี รอยสรวลชะงักค้าง แล้วทรงพินิจธิดาของตนก็พบว่านางมีท่าทีมีใจให้แม่ทัพผู้นี้มิใช่น้อย เหล่าขุนนางต่างพากันกลั้นหายใจ แม่ทัพผู้นี้ช่างรู้จักที่ต่ำที่สูง ช่างบังอาจทูลขออภิเษกกับองค์หญิงสุดที่รักของฮ่องเต้“เรื่องนี้ ค่อยพิจารณากันอีกที เพราะองค์หญิงเพิ่งจะปฏิเสธการแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทไป หากรีบจัดงานแต่งงานตอนนี้
จากนั้น ร่างแม่ทัพเตี้ยนลงพื้นเสียงดังสนั่น ทหารแคว้นอ้ายฉีเห็นแม่ทัพของตนสิ้นชีพดังนั้นต่างขวัญหนีดีฝ่อ ทหารแคว้นฉู่มีจิตใจฮึกเหิมจึงไล่ฆ่าฟันทหารข้าศึกพ่ายแพ้อย่างราบคาบ“หยางจง ท่านต้องไม่เป็นอะไร หากท่านเป็นอะไรไปข้าไม่ให้อภัยท่านแน่ !”องค์หญิงปิงหลินประคองร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาไว้ในอ้อมแขน นางเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา“องค์หญิง.... ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว....”เสียงของเขาแผ่วเบายิ่ง เมื่อพูดจบประโยคกายแกร่งก็กระอักเลือดออกมา ก่อนที่ความมืดมิดจะแล่นเข้าหาเขา จากนั้นศีรษะของเขาก็ตกลงไปด้านข้าง สิ้นสติไป“ไม่นะ หยางจง !”นางกรีดร้องออกมาสุดเสียงราวกับจะสิ้นใจ กอดร่างเขาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหนราวกับกลัวว่าจะมีใครมาพรากเขาไปจากนาง “ข้าไม่ให้ท่านตาย ข้าไม่ให้ท่านจากไปไหน”หลังสงครามสิ้นสุดร่างของแม่ทัพหยางจงถูกนำมาที่กระโจมที่พักอย่างรวดเร็ว จากนั้นทหารก็รีบไปนำตัวหมอที่ใกล้ที่สุดมารักษา โชคดีที่ดาบแทงเข้าไม่ถูกจุดสำคัญจึงทำให้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ เมื่อหมอและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว องค์หญิงปิงหลินจึงทรุดตัวนั่งลงข้างเตียง แล้วจับมือเขาไว้ ใบหน้าสวยของนางเต็มไปด้วยความเสียใจ ดวงตาแดงก่ำจับจ้องใบ
ในที่สุดสงครามระหว่างสองแคว้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หลังจากที่ขบวนเกวียนขององค์หญิงออกไปแล้ว แม่ทัพหยางจงก็สั่งเคลื่อนพลสู่สนามรบโดยใช้ยุทธวิธีพยัคฆ์ตลบหลัง นั่นคือ แม่ทัพหยางจงเคลื่อนทัพที่ไม่ใช่ทัพหลักเผชิญหน้ากับกองทัพจากแคว้นอ้ายฉี หลอกล่อให้กองทัพศัตรูตายใจ ถอยร่นมาเรื่อย ๆ จนถึงภูมิประเทศที่ปิดล้อมด้วยหน้าสูงชันทั้งสองด้าน เป็นชัยภูมิที่เตรียมการอย่างดี กองกำลังทหารหลักแคว้นฉู่ที่ดักซุ่มก็ออกมาตีโอบล้อมในสนามรบนั้นเลือดสีแดงเจิ่งนองไปทั่ว ชิ้นส่วนมนุษย์เกลื่อนกลาดจนน่าสะอิดสะเอียน จนในที่สุดรองแม่ทัพแคว้นอ้ายฉี และทหารจำนวนหนึ่งก็ตกอยู่ในวงล้อมของแคว้นฉู่ มือกำดาบสั่นระริกอย่างหมดหนทางสู่แม่ทัพหยางจงขมวดคิ้วแน่น การศึกครั้งนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ผู้นำทัพควรจะเป็นแม่ทัพ แต่กลับหาตัวไม่เจอ - หรือว่านี่คือหลุมพราง - เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงตะโกนสั่งทหารทุกนายว่า“ทุกคนจับเฉลยกลับค่าย !”แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะเคลื่อนไหว เสียงตวาดดังลั่นราวกับฟ้าผ่าก็ดังขึ้นว่า“หากแตะต้องทหารแคว้นอ้ายฉี องค์หญิงของแคว้นเจ้าจะต้องตายด้วยดาบข้า !”ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างมองไปยังต้นเสียง แล้วพบว่า อ
“ข้าสบายดีไม่ต้องห่วง เจ้าคงได้รับความลำบากมิไม่ใช่น้อย ทั้งยังอุตส่าห์ตามหาข้ามาถึงที่นี่”องค์หญิงปิงหลินน้ำตารื้นขึ้นอย่างซาบซึ้ง“ไม่ลำบากเลยเพคะ หม่อมฉันขอถวายป้ายหยกสัญลักษณ์ขององค์หญิงเพคะ”ชิงชิงคุกเข่าลง พร้อมกับเทิดป้ายยกอันสูงค่าไว้เหนือหัวเมื่อแม่ทัพหยางจง และคนอื่น ๆ ที่อยู่รายรอบเห็นเช่นนั้นก็มิอาจไม่ก้มหัวได้ ทุกคนต่างหมอบลงแล้วเปล่งเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันว่า“ขอถวายบังคมองค์หญิง”องค์หญิงปิงหลินกวาดสายตามองทุกคน ทันทีที่ฐานะของนางถูกเปิดเผยแล้วยกให้สูงขึ้น นางก็รู้สึกทันทีว่ายืนอยู่บนยอดเขาสูงเทียมฟ้าอันหนาวเหน็บเพียงลำพัง“พวกท่านลุกขึ้นเถิดไม่ต้องมากพิธี”องค์หญิงปิงหลินรีบตรัสออกมา นางพยายามจะทำตัวให้เหมือนปกติ และใกล้ชิดกับทุกคนเช่นเดิม โดยเฉพาะแม่ทัพหน้าตายผู้นั้น“นะ... นังหนู ไม่ใช่สิ ท่านเป็นองค์หญิงหรือนี่...”ป้าจูยังคงคุกเข่าอยู่เช่นเดิม เมื่ออยู่ ๆ เด็กสาวเสียสติผู้หนึ่งได้กลายเป็นองค์หญิงไปเสียแล้ว จึงทำให้แข้งขาอ่อนยวบลง แม้จะลุกขึ้นยังไม่ไหว“ป้าจูลุกขึ้นเถอะ”หลินหลินรีบไปประคองหญิงชราให้ลุกขึ้น ชิงชิงเห็นเจ้านายของตนทำเช่นนั้น ก็รีบเข้าไปช่วยพยุงขึ้น