เด็กน้อยถูกตระกูลทอดทิ้ง เพียงเพราะไร้พลังธาตุทั้งที่ความจริงมีเบื้องหลังชั่วร้ายแอบแฝง แต่นางกลับได้รับพรจากสวรรค์ทั้งมีมหาเทพเป็นอาจารย์ แม้แต่สัตว์อสูรในตำนานสุดเก๋ายังยอมเป็นคู่หู ความฮาป่วนกวนล้นจึงบังเกิดไม่รู้จบ จากขยะของตระกูลกลายเป็นธิดาเทพผู้สูงส่ง เมื่อถึงเวลานางจะกลับทวงทุกสิ่งคืนอย่างสาสม กระทั่งจอมอหังการแห่งอาณาจักรยังทำทุกอย่างเพื่อพิชิตหัวใจของนาง
ดูเพิ่มเติมบทที่ 1 ขอพรกับดาวตก
ณ แดนเทพอันศักดิ์สิทธิ์ มหาเทพหวงหลงนั่งหรี่ตาเล็งศิลาเทวะธาตุหลายลูกในกล่องด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ครุ่นคิดว่าจะหยิบศิลาลูกไหนขึ้นมาดีดใส่ศิลาของอีกฝ่ายเพื่อทำแต้มตีเสมอ คู่ต่อสู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามมีใบหน้างดงามราวอิสตรี เอนกายอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน พิงหมอนอิงใบใหญ่บนตั่ง อากัปกิริยาค่อนไปทางเกียจคร้าน มือขาวหมุนจอกสุราดอกท้อหยกพันปี ส่งกลิ่นหอมกรุ่นละมุนไปทั่วสวนลอยฟ้า ณ ตำหนักของมหาเทพหวงหลง ริมฝีปากหยักสีลูกท้อสุกเหยียดยิ้มยียวน เอื้อนเอ่ยเย้ยหยันฝีมือดีดลูกแก้วของสหายรัก "ท่านจะเลือกศิลาอีกนานเท่าใด หวงหลง ข้ารอจนรากจะงอกอยู่แล้ว สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้เสียเถิด ดันทุรังไปก็เปล่าประโยชน์" "เฮอะ! สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ชิงหลง รอบนี้ข้าไม่แพ้เจ้าแน่!" มหาเทพหวงหลงแค่นเสียง ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักดูยุ่งเหยิง ตัดสินใจหยิบก้อนศิลา ซึ่งกำลังเปล่งแสงเรืองรองสีขาวสลับดำออกมาจากกลางกล่องถือไว้ในมือ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายที่มุมปาก "เพ้ย! แบบนี้ขี้โกงกันนี่หวงหลง! ท่านจะเอาศิลาเทวะธาตุลูกนั้นออกมาใช้ไม่ได้นะ!" เสียงคัดค้านของมหาเทพชิงหลงดังขึ้นทันที หลังประจักษ์แก่สายตาว่า สหายรักเลือกหยิบศิลามหาเทวะธาตุออกมาใช้ต่อกร "ไม่ได้มีกฎข้อไหนห้ามไว้นี่ เจ้าเตรียมตัวรับความพ่ายแพ้เสียเถอะชิงหลง ฮ่าๆๆ" ทว่าในชั่วขณะที่มหาเทพหวงหลงเตรียมง้างนิ้วดีดเต็มแรงอยู่นั้น เสียงหวานล้ำทรงพลังของมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ ก็ดังขึ้นขัดจังหวะการตัดสินแพ้ชนะในศึกดีดลูกแก้วครั้งนี้เสียก่อน "ท่านพี่อยู่ไหนเจ้าคะ น้องกลับมาแล้วเจ้าคะ!!!" มหาเทวีที่พึ่งออกจากกักตน ส่งเสียงถามหาพระสวามีทันทีเมื่อมาถึงตำหนัก มหาเทพหนุ่มรูปงามทั้งสองสะดุ้งเฮือก ลนลานเก็บศิลาเทวะธาตุใส่กล่อง หากมหาเทวีรู้ว่าพวกเขากำลังเล่นพนันดีดลูกแก้ว โดยใช้ศิลาเทวะธาตุเป็นอุปกรณ์ และมีสุดยอดสุราทิพย์ของนางเป็นของเดิมพันล่ะก็…ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมา ไหนว่าจะกักตนห้าร้อยปี! นี่พึ่งผ่านไปสี่ร้อยกว่าปีเอง!! หากแต่สิ่งที่ทำให้มหาเทพทั้งสองต้องประหลาดใจ ไม่ได้หยุดลงเพียงแค่นี้ ศิลาเทวะธาตุสีขาวดำ หรือก็คือ ศิลามหาเทวะธาตุหยินหยาง ศิลาธาตุอันทรงพลังที่สุด ซึ่งถือเป็นไม้ตายสำคัญที่มหาเทพหวงหลง ยอมงัดออกมาใช้เพื่อเผด็จศึกครั้งนี้ จู่ๆ ก็เปล่งแสงสว่างจ้า กลิ้งหล่นจากโต๊ะพลัดตกจากขอบระเบียงสวนลอยฟ้า ร่วงลงสู่ภพเบื้องล่าง หายวับไปต่อหน้าต่อตามหาเทพแสนซุกซนทั้งสอง "ม่ายยยย…!!!" ภพมนุษย์ มหาพิภพทงเทียนเหอ อาณาจักรอู๋ซาง บนกองฟางสูงไม่ห่างจากบ้านหลังเล็กริมทุ่งนามากนัก เด็กหญิงวัยเก้าหนาวผู้มีหน้าตาน่ารักราวตุ๊กตา องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าได้รูปสมบูรณ์แบบ หากแต่ความงามที่พึงมี กลับถูกปานสีชาดรูปเปลวเพลิงขนาดใหญ่ พาดอยู่บนแก้มด้านซ้ายยาวไปจนถึงขมับ เบียดบังลดทอนความสมบูรณ์แบบไปหลายส่วน ทว่ามีสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ทุกคนต่างเอ็นดูนางยามพบหน้า นั่นคือดวงตาดอกท้อกลมโตไร้เดียงสา สุกสกาวเจิดจรัสประหนึ่งอัญมณีเม็ดงามล้ำค่า ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือกอบของ หวังลี่ถิง แหงนมองเหล่าดวงดาราที่กำลังทอแสงระยิบระยับบนท้องฟ้ายามราตรีอย่างเหม่อลอย ภายในใจของเด็กหญิงตัวน้อย เพียรคิดว่าไยจนป่านนี้ พลังธาตุของนางถึงยังไม่ตื่นขึ้นมาเหมือนเด็กคนอื่นๆ ในครอบครัวเสียที ทั้งที่บิดาและมารดาต่างก็มีพลังธาตุด้วยกันทั้งคู่ …เพียงแต่มารดาของหวังลี่ถิงได้จากโลกนี้ไปตอนที่เด็กหญิงมีอายุได้ห้าหนาว เมื่อครั้งที่อาณาจักรหวงซา ยกทัพมารุกรานดินแดนทางใต้ของอาณาจักรอู๋ซาง มารดาของหวังลี่ถิงดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งแดนทักษิณ พลีชีพในสมรภูมิ เสียสละชีวิตตนเองปกป้องต้าอ๋องผู้เป็นแม่ทัพ เมื่อไร้ซึ่งมารดา ชีวิตของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหวังลี่ถิง ในจวนเสนาธิการทหารก็เปลี่ยนไปตลอดกาล… เริ่มต้นจากที่นางถูกน้องชายต่างมารดา ผลักตกสระน้ำในช่วงต้นเหมันตฤดู หวังลี่ถิงล้มป่วยอย่างหนัก ไข้ขึ้นสูงอยู่ห้าวันเต็มๆ หลังจากไข้ลดลง กลับปรากฏปานสีชาดขนาดใหญ่บนใบหน้า และเมื่อหายจากอาการป่วย ร่างกายที่เคยแข็งแรง กลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ เด็กหญิงถูกย้ายออกเรือนใหญ่ ส่งไปอยู่เรือนเล็กท้ายจวนตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า…ผู้เป็นท่านย่าแท้ๆ ของนาง ยามเมื่อถึงเวลาปลุกพลัง เด็กๆ ทุกคนที่มีอายุถึงเกณฑ์ ซึ่งอยู่ในวัยหกหรือเจ็ดหนาวตามช่วงเดือนที่เกิด จะถูกพาไปทดสอบพลังในวิหารเทวะธาตุของแต่ละเมือง ผลปรากฏออกมาว่า ตัวนางซึ่งเป็นบุตรที่เกิดอดีตฮูหยินเอกผู้ล่วงลับกลับไร้พลังธาตุใดๆ ส่วนพี่น้องอีกสามคน ซึ่งเกิดจากฮูหยินรองและอนุ กลับมีพลังธาตุไฟสองคน ธาตุดินหนึ่งคน ถึงแม้เจ้าวิหารจะบอกกับ หวังเหลียง ผู้เป็นบิดาของหวังลี่ถิงว่า เด็กบางคนพลังธาตุอาจตื่นช้าไปบ้าง ตัวเขาเคยเจอเด็กหลายคนที่พลังธาตุตื่นขึ้นตอนอายุสิบหนาว ขอให้บิดาของนางรอดูไปก่อนอย่าเพิ่งหมดหวัง ทว่าสำหรับท่านเสนาธิการ การมีบุตรสาวหน้าตาอัปลักษณ์ กระทั่งเจ็ดหนาวพลังธาตุก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา นี่ถือเป็นจุดด่างพร้อยอันน่าอับอายของวงศ์ตระกูล หวังลี่ถิงในวัยเจ็ดหนาว ถูกบิดาบริภาษจนน้ำตาร่วง ถ้อยคำเสียดแทงหัวใจดวงน้อยที่กล่าวว่านางเป็นขยะไร้ประโยชน์ ดังก้องสองหูในคืนนั้น เช้าวันถัดมา หวังเหลียงมีคำสั่งให้ส่งตัวหวังลี่ถิงออกจากจวน ด้วยการส่งนางและบ่าวรับใช้คนสนิทไปอยู่ไกลถึงหมู่บ้านติดชายแดนอาณาจักร ผ่านมาสองปีกว่าแล้วที่หวังลี่ถิงมาใช้ชีวิตอยู่ ณ หมู่บ้านซีซานกับแม่นมและสาวใช้ ร่างเล็กถอนหายใจราวผู้ใหญ่มีเรื่องกลัดกลุ้ม ฉับพลันนั้นเองบนท้องนภาสีหมึกปรากฏดาวตก ส่องสว่างโชติช่วงทอดยาวเป็นสาย หวังลี่ถิงลุกพรวดมาขึ้นนั่งพนมมือ กล่าวคำอธิษฐานกับดาวตก เสียงดังฟังชัดใจความว่า "ข้าแต่ท่านมหาเทพบนสรวงสวรรค์เจ้าขา ขอท่านโปรดเมตตาช่วยให้พลังธาตุของถิงเอ๋อร์ตื่นขึ้นโดยเร็ววัน หากเป็นไปได้ขอให้เป็นธาตุหายากด้วยเถิดเจ้าค่าาาา" หวังลี่ถิงเงยหน้าขอพรเสียงดัง ริมฝีปากจิ้มลิ้มอ้ากว้างในท้ายประโยค อุ๊บ! หินปริศนารสชาติเค็มๆ มันๆ ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ตกใส่ปากของเด็กหญิงพอดิบพอดี ทั้งยังลื่นไหลลงคอไปอย่างรวดเร็ว แค่กๆๆๆ หวังลี่ถิงไอโขลก พยายามล้วงคอเอาหินก้อนนั้นออกมา หากแต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว… ความเย็นจัดขุมหนึ่งพลันบังเกิดในช่องท้อง ณ บริเวณจุดตันเถียน ลุกลามกระจายไปทุกอณูรูขุมขน ร่างเล็กหนาวสะท้านประหนึ่งตกลงไปในทะเลสาบช่วงฤดูเหมันต์ เสี้ยวลมหายใจต่อมา ทั่วทั้งร่างของหวังลี่ถิงถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งอย่างไร้ที่มาที่ไป ทั้งที่ช่วงนี้เป็นฤดูคิมหันต์ หลังผ่านไปราวสองเค่อ น้ำแข็งที่ห่อหุ้มร่างค่อยๆ ปริแตกสลายไป ขุมความร้อนจัดในช่องท้องพลันเข้ามาแทนที่ ผิวกายขาวผ่องของร่างเล็ก เปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเปลวเพลิง หวังลี่ถิงกรีดร้องจากความทรมานสุดแสน คิดว่าตนคงกำลังจะลาลับ น้ำตาเม็ดโตราวไข่มุกหลั่งรินเป็นสาย เด็กหญิงหวาดกลัวสุดหัวใจ สะอื้นไห้ร้องหามารดา “ท่านแม่ ฮึก ท่านแม่ช่วยถิงเอ๋อร์ด้วย ฮึก ท่านแม่เจ้าขา ถิงเอ๋อร์เจ็บบบ ฮืออ” ร่างเล็กอ่อนแรงลงช้าๆ ดวงตาดอกท้อเริ่มพร่าเลือนสติสัมปชัญญะดับวูบลง… ในขณะที่หวังลี่ถิงนอนหมดสติ ร่างกายที่เคยร้อนผ่าวราวเพลิงผลาญ บัดนี้กลับมาเป็นปกติ ของเสียมากมายถูกขับออกมาทางผิวหนัง เกิดเป็นคราบสีดำเปรอะเปื้อนทั่วตัว ทั้งยังส่งกลิ่นไม่น่าพิศมัยคละคลุ้ง ปานสีชาดขนาดใหญ่บนหน้าจางหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ รอบกายร่างเล็กโอบล้อมด้วยปราณสีเงินบริสุทธิ์ ประดุจแสงแห่งรัชนีกรในคืนเต็มดวง สลับไปมากับปราณสีทองอบอุ่นประหนึ่งแสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล
ความคิดเห็น