“จิ่วโม่หราน” เดินออกมาและเปิดเผยใบหน้าให้นางเห็น อวิ๋นซีมีแววตาตกใจไปเล็กน้อยก่อนจะคำนับให้คนตรงหน้าอีกครั้ง มือของนางยังคงสั่นเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาด้วยตัวเอง“คารวะท่านเจ้าหอ”“หลิ่ว…อวิ๋น…ซี เดิมทีข้ามิได้อยากจะมาด้วยตัวเอง แค่ใคร่อยากจะรู้นักว่าเหตุใดเจ้าจึงขาดการติดต่อกับหอฟงหรูไปนานถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้า... จะมัวแต่มาร่วมสนุกกับงานงี่เง่านี่!”“ขออภัยท่านเจ้าหอ แต่ภารกิจครั้งนี้จะประมาทมิได้ รอบกายของหลิงอ๋องมีทั้งยอดฝีมือ อีกทั้งตอนนี้เขาก็เรียกน้องชายทั้งสามมาอยู่ข้างกาย การจะลงมือฆ่าเขามิใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย อีกอย่างการจะล่อลวงเขา…”“พอได้แล้ว ข้าต้องการรู้เพียงแค่ว่าบัดนี้ ภูตมรณะเพียงคนเดียวของหอฟงหรูเช่นเจ้า เปลี่ยนไปสวามิภักดิ์อีกฝ่ายหรือยังมีใจปฏิพัทธ์ต่อข้าอยู่ ก็เท่านั้นเอง เจ้าคงไม่ลืมความแค้นของเจ้าหรอกนะ”“ข้าย่อมไม่ลืมแต่หากว่าฆ่าหลิงอ๋องแล้ว ท่านจะยอมบอกข้าได้หรือไม่ ว่าแท้จริงแล้วบิดาของข้าตายเพราะถูกผู้ใดสังหารกันแน่”“เจ้าดูตัวเจ้าในตอนนี้สิ สายตานั่นคืออะไรกัน แม้แต่ข้าเจ้าก็ยังสงสัยงั้นหรือ เห็นทีเช่นนี้คงจะใช้งานเจ้าทำภารกิจนี้ไม่ได้แล้ว”“ไม่นะ!
สายตาของอวิ๋นซีตวัดไปมองท่านอ๋องทั้งสาม ฟ่านหรงกำลังจะน้าวสายธนู แต่ท่านอ๋องกลับยกมือห้ามเอาไว้ เฟิ่งเซียวจึงได้ใช้พัดบังธนูของเขาเอาไว้“น้องแปด ช้าก่อน”“แต่ว่าท่านก็เห็นว่านางจงใจจะฆ่าพี่สาม!”อวิ๋นซีหันมาสบตากับเฉินตงหรานที่ถูกดาบแทงอยู่ เสียงหัวเราะแห่งชัยชนะของจิ่วโม่หรานดังขึ้นทันทีด้วยความสะใจ“ยอดเยี่ยมไปเลย เอาล่ะอวิ๋นซีเรากลับได้แล้ว เพื่อให้แน่ใจเจ้าก็ควรจะใช้… เข็มพิษวารีปลิดชีพเข้าเสียตอนนี้เลย”“หลิ่วอวิ๋นซีหากว่าเจ้ากล้าทำร้ายพี่สาม พบกันอีกครั้งข้าจะฆ่าเจ้า”“ฉึก!”“หลิ่วอวิ๋นซี!”เฉินรั่วเฟิงโกรธจนแทบอยากจะเข้าไปฆ่านาง เมื่ออวิ๋นซีซัดเข็มพิษวารีไปที่หน้าอกของท่านอ๋องอีกครั้ง“ดาบนี้เป็นของท่าน ข้าจะไม่เอากลับไปด้วย ขอคืนให้ท่านตอนนี้เลยก็แล้วกัน”“ซีเอ๋อร์….”“อวิ๋นซีไปกันเถอะ”นางหันหลังกลับทันที ดาบในมือถูกดึงออกมาและทิ้งเอาไว้ข้างกายท่านอ๋อง จิ่วอี้เซินโยนควันพิษออกมาเพื่อพรางกายหลบหนีออกจากป่าเชิงเขาหลิงซาน เมื่อทั้งหมดหายไปแล้ว ท่านอ๋องทั้งสามจึงวิ่งเข้ามาหาตงหรานที่พึ่งถูกดาบแทงและถูกพิษเข็มวารีซัดเข้าไปซ้ำอีก“ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปได้แน่นอน” / เฉินรั่วเฟิง“อย
ทั้งสามคนหันไปมองเฉินตงหราน ที่ยังคงนิ่งอยู่ระหว่างฟังข่างของหลันอ๋องที่พึ่งได้รับมา“งั้นหรือ แล้วพวกเราได้รับเทียบเชิญนี้หรือไม่”“พี่สาม! นี่ท่านบ้าไปแล้วงั้นหรือ เหตุใดจึงต้องอยากไปงานแต่งของนางด้วย หากบอกว่าจะตามไปฆ่านางล่ะก็ข้าจะไปด้วยคนหนึ่ง”“ข่าวไม่ผิดแน่หรือ”เฉินเฟิ่งเซียวหันมามองหน้าฟ่านหรง ที่ยืนพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ ทั้งสามหันไปมองหลิงอ๋องที่ยังมีท่าทางนิ่งสงบจนน่ากลัว หลังจากที่เขารอดมาจากเข็มพิษวารีของหลิ่วอวิ๋นซีมาได้ ก็กลับกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดและเดาใจยากอีกครั้ง“พี่สาม”ตงหรานยกมือขึ้นห้ามฟ่านหรงมิให้กล่าวสิ่งใดอีก ทั้งสามคนไม่สบายใจเอาเสียเลยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดออกไปดี หลังจากที่อวิ๋นซีจากไป เฉินตงหรานก็ราวถูกกระฉากหัวใจไปพร้อมกับนางด้วย ที่เหลือมีเพียงกายหยาบที่แทบไร้ความรู้สึก บางวันเขาพูดไม่ถึงสิบคำด้วยซ้ำไป แม้แต่โม่ชิงเซียนมาเข้าเฝ้าและร่วมดื่มชาด้วย เขาก็ยังนั่งนิ่ง ๆ ได้อยู่ราวครึ่งชั่วยามจนนางถอดใจยอมกลับไปเอง หรือแม้แต่องค์หญิงกับองค์ชายของม่อถานมาเยี่ยม เขาก็มีเพียงน้ำชาและของว่างมาต้อนรับ พูดคุยไม่กี่คำทั้งสองก็ขอลากลับ“พวกเจ้าเตรียมตัว อีกสิบวันเ
“ไร้ยางอาย! พวกท่านกล้ามาที่นี่ แล้วยังประกาศต่อหน้าข้าว่าจะชิงตัวเจ้าสาวงั้นหรือ นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรือท่านอ๋อง วันนี้อวิ๋นซีจะเป็นภรรยาของข้าแล้ว ท่านก็เป็นได้แค่สุนัขขี้แพ้”“เจ้านั่นแหละบังอาจ พูดมากเหม็นขี้ฟันกะอีกแค่ลูกสุนัขอาศัยบารมีพ่อตัวเองกร่างไปทั่วเป่ยหลาน ความสามารถก็ไม่มียังกล้ารับสตรีที่ดุร้ายเช่นพยัคฆ์ซ่อนเล็บผู้นั้นเป็นภรรยา ไม่โง่ก็บ้าแล้ว” / เฉินรั่วเฟิง“ท่าน!”“พอแล้ว! ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องทั้งถูกแทงด้วยดาบ และถูกซัดด้วยเข็มพิษวารีเข้าไป ยังสามารถรอดชีวิตมาได้… อ้อจริงสิ เหตุใดข้าจึงลืมไปเสียได้ ข้างกายท่านยังมีเสิ่นอ๋อง พยัคฆ์แห่งดินแดนทักษิณซึ่งเป็นแพทย์เทวะที่มีความสามารถ แต่การที่ท่านจะมาหยามพวกเราถึงที่นี่ มันไม่มากไปหน่อยหรือ!”องครักษ์และนักฆ่าของหอฟงหรูวิ่งเข้ามาโอบล้อมห้องโถง สี่พยัคฆ์ไม่แม้แต่จะสนใจแม้แต่น้อย แต่ผู้ที่ตกใจดูเหมือนจะเป็นแขกที่อยู่ในงานเสียมากกว่า“พระสนมเพคะ หลบเข้าไปในฉากด้านหลัง…”“ฉึก!”“ฮึก!”“เสด็จแม่เพคะ”“ฉึก!”“อึก!”เข็มเงินสองเล่มปักไปที่ต้นคอของพระสนมจิ่ว และองค์หญิงของแคว้นจ้าว ทั้งสองหยุดนิ่งในทันทีส่วนนางกำนัลคนอื่น ๆ ล้วนถ
ขุนนางแต่ละคนให้ห้องต่างเบิกตากว้าง มิใช่ว่าทุกคนถูกสกัดจุด แต่เพราะความตกใจกับข่าวที่พึ่งได้รับ เจิ้นอวี้โหวหันมาถามท่านอ๋องด้วยความสุภาพอีกครั้ง“ขออภัยท่านอ๋อง กระหม่อมขอบังอาจถาม”“ท่านก็คือขุนพลแห่งเป่ยหลาน เจิ้นอวิ้นโหว เชิญถามมาได้เลย”“กระหม่อมเคยได้ยินว่าองค์หญิงรองของแคว้นจ้าวตายไปหลังจากที่องค์จักรพรรดิองค์เก่าสิ้นพระชนม์ นางถูกลอบสังหารและถูกพบอยู่นอกเมืองหลวงของแคว้นจ้าวมิใช่หรือ”“นั่นคือสิ่งที่พวกท่านทราบ แต่เพราะต้องการทราบสาเหตุการตายของพระราชบิดา นางจึงยอมสละฐานันดรและขอออกจากวังพร้อมกับอาจารย์ของนางซึ่งเป็นพระสหายของฝ่าบาท “ไป๋ลู่ตง” ซึ่งก็สงสัยการสิ้นพระชนม์ของฝ่าบาทเช่นกัน”“เช่นนั้นแสดงว่า… พวกท่านก็รู้มาก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องหันมามองหน้าอวิ๋นซี นางพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงอนุญาต แต่ผู้ที่เดินออกมาเล่ากลับเป็นเฉินเฟิ่งเซียว เสิ่นอ๋องแห่งเฉินซานแทน“ข้าขอบังอาจเล่าแทนหลิงอ๋อง”ย้อนกลับไป / ก่อนการแข่งขันผู้กล้า / หอตำรา “หลิ่วอวิ๋นซี เจ้านัดข้ามาที่นี่ลับหลังพระเชษฐาของตัวเอง มีสิ่งใดจะพูดกับข้างั้นหรือ”“ข้ารู้ว่าท่านไม่เคยไว้ใจข้าเลย”“เหตุใดจู่ ๆ จึงพูดเช่น
“คิดว่าพวกเจ้าเข้ามาแล้วจะสามารถออกไปได้ง่าย ๆ งั้นหรือ ไม่มีทางหรอก หอฟงหรูของข้ามีทางเข้าออกทางเดียว ต่อให้พวกเจ้าเป็นพยัคฆ์ติดปีกก็หนีออกไปไม่ได้”เฉินเฟิ่งเซียวเดินออกมาและย่นจมูกเล็กน้อย เมื่อหันไปมองจิ่วโม่หราน“เรื่องนี้มันก็ไม่แน่หรอกนะจิ่วโม่หราน”“ตู้ม ตู้ม!”เกิดเสียงระเบิดกำปนาทขึ้นต่อเนื่องจนห้องโถงทำพิธีสั่นสะเทือน แขกในงานเริ่มวิ่งหนีเอาตัวรอด พระสนมถูกสาวใช้ของท่านอ๋องคุมตัวอยู่“นังตัวดี! เจ้ากล้าทำร้ายข้างั้นหรือ”“พูดมากเสียจริง หากมิใช่เพราะเจ้านำข่าวออกมาให้พี่ชายโสโครกของเจ้า เสด็จพ่อก็คงไม่ตาย”“หากไม่ฆ่าบิดาของเจ้า ข้าจะได้เป็นใหญ่…”“ฉึก! ฉึก! ฉึก!”“เสด็จแม่! เจ้าทำอะไรน่ะกงซุนอวิ๋นซีเจ้ามันโหดเหี้ยมนัก เสด็จแม่ ท่านลุง!”"เจ้าจัดการไป ข้าขวางเขาให้เอง"ตงหรานหันไปบอกให้อวิ๋นซีเดินเข้าไปจัดการพระสนม เข็มพิษวารีทิ่มเข้าไปยังดวงตาทั้งสองของพระสนม และอีกจุดคือที่กลางลำคอ ซึ่งตอนนี้แม้แต่จะลืมตาก็ทำไม่ได้“เสด็จพ่อต้องตายเพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้า แม้แต่เจ้าก็ไม่ควรใช้แซ่กงซุนด้วยซ้ำ”“เจ้าพูดอะไรข้าเป็นถึงองค์หญิงของแคว้น ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะจากไปก็ไม่ควรมาทวงต
“ข้าเหมือนคนเป็นบ้าขนาดนั้นเลยงั้นหรือ เหลวไหล!”เฟิ่งเซียวหันไปสบตากับรั่วเฟิงที่ลอบขำอยู่ข้าง ๆ และเปลี่ยนเป็นเสียงกระแอมในทันทีเมื่อท่านอ๋องหันมามองเขาแวบหนึ่ง และเดินเข้าไปหาอวิ๋นซี“ดูเขาสิปากบอกว่าไม่หึง ไม่คิดอะไรแต่กำหมัดกัดฟันแน่นราวกับกลัวถูกแย่งคนรัก คนอะไรปากแข็งเป็นบ้าเลย”“เอาล่ะ รีบเก็บกวาดเถอะจะได้รีบกลับ”“พี่ห้าท่านนี่ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ เก็บความลับเรื่องพี่สะใภ้มานานขนาดนั้นโดยไม่บอกพี่สามเลย”“หากว่าข้าบอกพี่สามไปว่า ข้าแอบพบกับนางที่หอตำราของเขา คิดว่าตอนนี้ข้าจะได้ยืนหายใจอยู่ตรงนี้หรือไม่ เมื่อครู่เจ้าก็เห็นว่าขนาดพี่ชายแท้ ๆ ของนาง…”“เอ่อ… เอาเป็นว่าข้าเข้าใจ เข้าใจอย่างสุดซึ้งเลย แต่ก็นับว่านางมองคนได้ทะลุปรุโปร่งที่เลือกท่าน เพราะหนึ่งในสี่คนในพวกเราท่านเก็บความลับเก่งที่สุดแล้ว เหตุใดท่านจึงเงียบไปเล่า”“นี่มันอะไรกันนี่”เฉินเฟิ่งเซียวพึ่งจะเห็นความพินาศของหอฟงหรูที่แท้จริงก็ในตอนนี้เอง เพราะนอกจากส่วนที่เป็นโถงที่พวกเขาพึ่งจะออกมา ส่วนอื่น ๆ ที่นี่ล้วนถูกทำลายราบคาบจนไม่เหลืออะไรเลย“นี่น่ะหรือ ท่านจำแผนที่เล็ก ๆ ที่อวิ๋นซีใส่ไว้ในด้ามของดาบที่นางแทงพี่สาม
“ตงหราน ท่านช่างโง่เสียจริง”“หากจะบอกว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็จะยอมโง่เพื่อเจ้าดูสักครั้ง”“ขอโทษที่มิได้บอกท่าน แต่ข้าเห็นว่าเสิ่นอ๋องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”เฉินตงหรานค่อย ๆ คลายอ้อมกอดและใช้ฝ่ามือหนาประคองแก้มของนางขึ้นมา“เจ้าคิดว่าน้องห้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับข้าจริงหรือ เจ้าคิดจริงหรือว่าระหว่างพวกเราพี่น้องจะมีเรื่องปิดบังกัน อีกอย่างเขาคงไม่กล้าปิดบังเรื่องสำคัญขนาดนี้กับข้าหรอก เพราะเขารู้ดีว่าข้าหวงเจ้ามากเพียงใด”ย้อนกลับไปเมืองหลิงโจว / หลังงานแข่งขัน “หากข้าพบนางอีกครั้ง ข้าไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่!”“น้องแปดเจ้าใจเย็น ๆ เอาไว้ก่อน”“ใจเย็นงั้นหรือ พี่ห้าท่านไม่เห็นหรือว่าพี่สามบาดเจ็บเกือบตาย อีกอย่างนางถึงกับกล้าซัดเข็มพิษวารีใส่พี่สามเชียวนะ นี่มันหมายจะเอาชีวิตเขาชัด ๆ แล้วยังจะไปเป่ยหลานเพื่อช่วยนางงั้นหรือ”“นั่นสิพี่ห้า พวกท่านคิดอะไรอยู่ข้ายิ่งฟังท่านพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ”“ผู้ที่มอบยาถอนพิษเข็มวารีให้ข้า ก็คือนาง”""อะไรนะ"" ฟ่านหรงและรั่วเฟิงเมื่อได้ยินก็รู้สึกตกใจ หากเป็นผู้อื่นพูดพวกเขาคงจะไม่เชื่อ แต่คนที่พูดขึ้นมาคือเฟิ่งเซียว ซึ่งเป็นคนที่เคยสงสัยในตัวหลิ่วอวิ๋น
“ตงหราน ท่านช่างโง่เสียจริง”“หากจะบอกว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็จะยอมโง่เพื่อเจ้าดูสักครั้ง”“ขอโทษที่มิได้บอกท่าน แต่ข้าเห็นว่าเสิ่นอ๋องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด”เฉินตงหรานค่อย ๆ คลายอ้อมกอดและใช้ฝ่ามือหนาประคองแก้มของนางขึ้นมา“เจ้าคิดว่าน้องห้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับข้าจริงหรือ เจ้าคิดจริงหรือว่าระหว่างพวกเราพี่น้องจะมีเรื่องปิดบังกัน อีกอย่างเขาคงไม่กล้าปิดบังเรื่องสำคัญขนาดนี้กับข้าหรอก เพราะเขารู้ดีว่าข้าหวงเจ้ามากเพียงใด”ย้อนกลับไปเมืองหลิงโจว / หลังงานแข่งขัน “หากข้าพบนางอีกครั้ง ข้าไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่!”“น้องแปดเจ้าใจเย็น ๆ เอาไว้ก่อน”“ใจเย็นงั้นหรือ พี่ห้าท่านไม่เห็นหรือว่าพี่สามบาดเจ็บเกือบตาย อีกอย่างนางถึงกับกล้าซัดเข็มพิษวารีใส่พี่สามเชียวนะ นี่มันหมายจะเอาชีวิตเขาชัด ๆ แล้วยังจะไปเป่ยหลานเพื่อช่วยนางงั้นหรือ”“นั่นสิพี่ห้า พวกท่านคิดอะไรอยู่ข้ายิ่งฟังท่านพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ”“ผู้ที่มอบยาถอนพิษเข็มวารีให้ข้า ก็คือนาง”""อะไรนะ"" ฟ่านหรงและรั่วเฟิงเมื่อได้ยินก็รู้สึกตกใจ หากเป็นผู้อื่นพูดพวกเขาคงจะไม่เชื่อ แต่คนที่พูดขึ้นมาคือเฟิ่งเซียว ซึ่งเป็นคนที่เคยสงสัยในตัวหลิ่วอวิ๋น
“ข้าเหมือนคนเป็นบ้าขนาดนั้นเลยงั้นหรือ เหลวไหล!”เฟิ่งเซียวหันไปสบตากับรั่วเฟิงที่ลอบขำอยู่ข้าง ๆ และเปลี่ยนเป็นเสียงกระแอมในทันทีเมื่อท่านอ๋องหันมามองเขาแวบหนึ่ง และเดินเข้าไปหาอวิ๋นซี“ดูเขาสิปากบอกว่าไม่หึง ไม่คิดอะไรแต่กำหมัดกัดฟันแน่นราวกับกลัวถูกแย่งคนรัก คนอะไรปากแข็งเป็นบ้าเลย”“เอาล่ะ รีบเก็บกวาดเถอะจะได้รีบกลับ”“พี่ห้าท่านนี่ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ เก็บความลับเรื่องพี่สะใภ้มานานขนาดนั้นโดยไม่บอกพี่สามเลย”“หากว่าข้าบอกพี่สามไปว่า ข้าแอบพบกับนางที่หอตำราของเขา คิดว่าตอนนี้ข้าจะได้ยืนหายใจอยู่ตรงนี้หรือไม่ เมื่อครู่เจ้าก็เห็นว่าขนาดพี่ชายแท้ ๆ ของนาง…”“เอ่อ… เอาเป็นว่าข้าเข้าใจ เข้าใจอย่างสุดซึ้งเลย แต่ก็นับว่านางมองคนได้ทะลุปรุโปร่งที่เลือกท่าน เพราะหนึ่งในสี่คนในพวกเราท่านเก็บความลับเก่งที่สุดแล้ว เหตุใดท่านจึงเงียบไปเล่า”“นี่มันอะไรกันนี่”เฉินเฟิ่งเซียวพึ่งจะเห็นความพินาศของหอฟงหรูที่แท้จริงก็ในตอนนี้เอง เพราะนอกจากส่วนที่เป็นโถงที่พวกเขาพึ่งจะออกมา ส่วนอื่น ๆ ที่นี่ล้วนถูกทำลายราบคาบจนไม่เหลืออะไรเลย“นี่น่ะหรือ ท่านจำแผนที่เล็ก ๆ ที่อวิ๋นซีใส่ไว้ในด้ามของดาบที่นางแทงพี่สาม
“คิดว่าพวกเจ้าเข้ามาแล้วจะสามารถออกไปได้ง่าย ๆ งั้นหรือ ไม่มีทางหรอก หอฟงหรูของข้ามีทางเข้าออกทางเดียว ต่อให้พวกเจ้าเป็นพยัคฆ์ติดปีกก็หนีออกไปไม่ได้”เฉินเฟิ่งเซียวเดินออกมาและย่นจมูกเล็กน้อย เมื่อหันไปมองจิ่วโม่หราน“เรื่องนี้มันก็ไม่แน่หรอกนะจิ่วโม่หราน”“ตู้ม ตู้ม!”เกิดเสียงระเบิดกำปนาทขึ้นต่อเนื่องจนห้องโถงทำพิธีสั่นสะเทือน แขกในงานเริ่มวิ่งหนีเอาตัวรอด พระสนมถูกสาวใช้ของท่านอ๋องคุมตัวอยู่“นังตัวดี! เจ้ากล้าทำร้ายข้างั้นหรือ”“พูดมากเสียจริง หากมิใช่เพราะเจ้านำข่าวออกมาให้พี่ชายโสโครกของเจ้า เสด็จพ่อก็คงไม่ตาย”“หากไม่ฆ่าบิดาของเจ้า ข้าจะได้เป็นใหญ่…”“ฉึก! ฉึก! ฉึก!”“เสด็จแม่! เจ้าทำอะไรน่ะกงซุนอวิ๋นซีเจ้ามันโหดเหี้ยมนัก เสด็จแม่ ท่านลุง!”"เจ้าจัดการไป ข้าขวางเขาให้เอง"ตงหรานหันไปบอกให้อวิ๋นซีเดินเข้าไปจัดการพระสนม เข็มพิษวารีทิ่มเข้าไปยังดวงตาทั้งสองของพระสนม และอีกจุดคือที่กลางลำคอ ซึ่งตอนนี้แม้แต่จะลืมตาก็ทำไม่ได้“เสด็จพ่อต้องตายเพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้า แม้แต่เจ้าก็ไม่ควรใช้แซ่กงซุนด้วยซ้ำ”“เจ้าพูดอะไรข้าเป็นถึงองค์หญิงของแคว้น ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะจากไปก็ไม่ควรมาทวงต
ขุนนางแต่ละคนให้ห้องต่างเบิกตากว้าง มิใช่ว่าทุกคนถูกสกัดจุด แต่เพราะความตกใจกับข่าวที่พึ่งได้รับ เจิ้นอวี้โหวหันมาถามท่านอ๋องด้วยความสุภาพอีกครั้ง“ขออภัยท่านอ๋อง กระหม่อมขอบังอาจถาม”“ท่านก็คือขุนพลแห่งเป่ยหลาน เจิ้นอวิ้นโหว เชิญถามมาได้เลย”“กระหม่อมเคยได้ยินว่าองค์หญิงรองของแคว้นจ้าวตายไปหลังจากที่องค์จักรพรรดิองค์เก่าสิ้นพระชนม์ นางถูกลอบสังหารและถูกพบอยู่นอกเมืองหลวงของแคว้นจ้าวมิใช่หรือ”“นั่นคือสิ่งที่พวกท่านทราบ แต่เพราะต้องการทราบสาเหตุการตายของพระราชบิดา นางจึงยอมสละฐานันดรและขอออกจากวังพร้อมกับอาจารย์ของนางซึ่งเป็นพระสหายของฝ่าบาท “ไป๋ลู่ตง” ซึ่งก็สงสัยการสิ้นพระชนม์ของฝ่าบาทเช่นกัน”“เช่นนั้นแสดงว่า… พวกท่านก็รู้มาก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องหันมามองหน้าอวิ๋นซี นางพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงอนุญาต แต่ผู้ที่เดินออกมาเล่ากลับเป็นเฉินเฟิ่งเซียว เสิ่นอ๋องแห่งเฉินซานแทน“ข้าขอบังอาจเล่าแทนหลิงอ๋อง”ย้อนกลับไป / ก่อนการแข่งขันผู้กล้า / หอตำรา “หลิ่วอวิ๋นซี เจ้านัดข้ามาที่นี่ลับหลังพระเชษฐาของตัวเอง มีสิ่งใดจะพูดกับข้างั้นหรือ”“ข้ารู้ว่าท่านไม่เคยไว้ใจข้าเลย”“เหตุใดจู่ ๆ จึงพูดเช่น
“ไร้ยางอาย! พวกท่านกล้ามาที่นี่ แล้วยังประกาศต่อหน้าข้าว่าจะชิงตัวเจ้าสาวงั้นหรือ นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรือท่านอ๋อง วันนี้อวิ๋นซีจะเป็นภรรยาของข้าแล้ว ท่านก็เป็นได้แค่สุนัขขี้แพ้”“เจ้านั่นแหละบังอาจ พูดมากเหม็นขี้ฟันกะอีกแค่ลูกสุนัขอาศัยบารมีพ่อตัวเองกร่างไปทั่วเป่ยหลาน ความสามารถก็ไม่มียังกล้ารับสตรีที่ดุร้ายเช่นพยัคฆ์ซ่อนเล็บผู้นั้นเป็นภรรยา ไม่โง่ก็บ้าแล้ว” / เฉินรั่วเฟิง“ท่าน!”“พอแล้ว! ไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องทั้งถูกแทงด้วยดาบ และถูกซัดด้วยเข็มพิษวารีเข้าไป ยังสามารถรอดชีวิตมาได้… อ้อจริงสิ เหตุใดข้าจึงลืมไปเสียได้ ข้างกายท่านยังมีเสิ่นอ๋อง พยัคฆ์แห่งดินแดนทักษิณซึ่งเป็นแพทย์เทวะที่มีความสามารถ แต่การที่ท่านจะมาหยามพวกเราถึงที่นี่ มันไม่มากไปหน่อยหรือ!”องครักษ์และนักฆ่าของหอฟงหรูวิ่งเข้ามาโอบล้อมห้องโถง สี่พยัคฆ์ไม่แม้แต่จะสนใจแม้แต่น้อย แต่ผู้ที่ตกใจดูเหมือนจะเป็นแขกที่อยู่ในงานเสียมากกว่า“พระสนมเพคะ หลบเข้าไปในฉากด้านหลัง…”“ฉึก!”“ฮึก!”“เสด็จแม่เพคะ”“ฉึก!”“อึก!”เข็มเงินสองเล่มปักไปที่ต้นคอของพระสนมจิ่ว และองค์หญิงของแคว้นจ้าว ทั้งสองหยุดนิ่งในทันทีส่วนนางกำนัลคนอื่น ๆ ล้วนถ
ทั้งสามคนหันไปมองเฉินตงหราน ที่ยังคงนิ่งอยู่ระหว่างฟังข่างของหลันอ๋องที่พึ่งได้รับมา“งั้นหรือ แล้วพวกเราได้รับเทียบเชิญนี้หรือไม่”“พี่สาม! นี่ท่านบ้าไปแล้วงั้นหรือ เหตุใดจึงต้องอยากไปงานแต่งของนางด้วย หากบอกว่าจะตามไปฆ่านางล่ะก็ข้าจะไปด้วยคนหนึ่ง”“ข่าวไม่ผิดแน่หรือ”เฉินเฟิ่งเซียวหันมามองหน้าฟ่านหรง ที่ยืนพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ ทั้งสามหันไปมองหลิงอ๋องที่ยังมีท่าทางนิ่งสงบจนน่ากลัว หลังจากที่เขารอดมาจากเข็มพิษวารีของหลิ่วอวิ๋นซีมาได้ ก็กลับกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดและเดาใจยากอีกครั้ง“พี่สาม”ตงหรานยกมือขึ้นห้ามฟ่านหรงมิให้กล่าวสิ่งใดอีก ทั้งสามคนไม่สบายใจเอาเสียเลยแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดออกไปดี หลังจากที่อวิ๋นซีจากไป เฉินตงหรานก็ราวถูกกระฉากหัวใจไปพร้อมกับนางด้วย ที่เหลือมีเพียงกายหยาบที่แทบไร้ความรู้สึก บางวันเขาพูดไม่ถึงสิบคำด้วยซ้ำไป แม้แต่โม่ชิงเซียนมาเข้าเฝ้าและร่วมดื่มชาด้วย เขาก็ยังนั่งนิ่ง ๆ ได้อยู่ราวครึ่งชั่วยามจนนางถอดใจยอมกลับไปเอง หรือแม้แต่องค์หญิงกับองค์ชายของม่อถานมาเยี่ยม เขาก็มีเพียงน้ำชาและของว่างมาต้อนรับ พูดคุยไม่กี่คำทั้งสองก็ขอลากลับ“พวกเจ้าเตรียมตัว อีกสิบวันเ
สายตาของอวิ๋นซีตวัดไปมองท่านอ๋องทั้งสาม ฟ่านหรงกำลังจะน้าวสายธนู แต่ท่านอ๋องกลับยกมือห้ามเอาไว้ เฟิ่งเซียวจึงได้ใช้พัดบังธนูของเขาเอาไว้“น้องแปด ช้าก่อน”“แต่ว่าท่านก็เห็นว่านางจงใจจะฆ่าพี่สาม!”อวิ๋นซีหันมาสบตากับเฉินตงหรานที่ถูกดาบแทงอยู่ เสียงหัวเราะแห่งชัยชนะของจิ่วโม่หรานดังขึ้นทันทีด้วยความสะใจ“ยอดเยี่ยมไปเลย เอาล่ะอวิ๋นซีเรากลับได้แล้ว เพื่อให้แน่ใจเจ้าก็ควรจะใช้… เข็มพิษวารีปลิดชีพเข้าเสียตอนนี้เลย”“หลิ่วอวิ๋นซีหากว่าเจ้ากล้าทำร้ายพี่สาม พบกันอีกครั้งข้าจะฆ่าเจ้า”“ฉึก!”“หลิ่วอวิ๋นซี!”เฉินรั่วเฟิงโกรธจนแทบอยากจะเข้าไปฆ่านาง เมื่ออวิ๋นซีซัดเข็มพิษวารีไปที่หน้าอกของท่านอ๋องอีกครั้ง“ดาบนี้เป็นของท่าน ข้าจะไม่เอากลับไปด้วย ขอคืนให้ท่านตอนนี้เลยก็แล้วกัน”“ซีเอ๋อร์….”“อวิ๋นซีไปกันเถอะ”นางหันหลังกลับทันที ดาบในมือถูกดึงออกมาและทิ้งเอาไว้ข้างกายท่านอ๋อง จิ่วอี้เซินโยนควันพิษออกมาเพื่อพรางกายหลบหนีออกจากป่าเชิงเขาหลิงซาน เมื่อทั้งหมดหายไปแล้ว ท่านอ๋องทั้งสามจึงวิ่งเข้ามาหาตงหรานที่พึ่งถูกดาบแทงและถูกพิษเข็มวารีซัดเข้าไปซ้ำอีก“ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปได้แน่นอน” / เฉินรั่วเฟิง“อย
“จิ่วโม่หราน” เดินออกมาและเปิดเผยใบหน้าให้นางเห็น อวิ๋นซีมีแววตาตกใจไปเล็กน้อยก่อนจะคำนับให้คนตรงหน้าอีกครั้ง มือของนางยังคงสั่นเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาด้วยตัวเอง“คารวะท่านเจ้าหอ”“หลิ่ว…อวิ๋น…ซี เดิมทีข้ามิได้อยากจะมาด้วยตัวเอง แค่ใคร่อยากจะรู้นักว่าเหตุใดเจ้าจึงขาดการติดต่อกับหอฟงหรูไปนานถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้า... จะมัวแต่มาร่วมสนุกกับงานงี่เง่านี่!”“ขออภัยท่านเจ้าหอ แต่ภารกิจครั้งนี้จะประมาทมิได้ รอบกายของหลิงอ๋องมีทั้งยอดฝีมือ อีกทั้งตอนนี้เขาก็เรียกน้องชายทั้งสามมาอยู่ข้างกาย การจะลงมือฆ่าเขามิใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย อีกอย่างการจะล่อลวงเขา…”“พอได้แล้ว ข้าต้องการรู้เพียงแค่ว่าบัดนี้ ภูตมรณะเพียงคนเดียวของหอฟงหรูเช่นเจ้า เปลี่ยนไปสวามิภักดิ์อีกฝ่ายหรือยังมีใจปฏิพัทธ์ต่อข้าอยู่ ก็เท่านั้นเอง เจ้าคงไม่ลืมความแค้นของเจ้าหรอกนะ”“ข้าย่อมไม่ลืมแต่หากว่าฆ่าหลิงอ๋องแล้ว ท่านจะยอมบอกข้าได้หรือไม่ ว่าแท้จริงแล้วบิดาของข้าตายเพราะถูกผู้ใดสังหารกันแน่”“เจ้าดูตัวเจ้าในตอนนี้สิ สายตานั่นคืออะไรกัน แม้แต่ข้าเจ้าก็ยังสงสัยงั้นหรือ เห็นทีเช่นนี้คงจะใช้งานเจ้าทำภารกิจนี้ไม่ได้แล้ว”“ไม่นะ!
“เจ้า…เจ้า”แต่เมื่อโม่ชิงเซียนหันไปมององครักษ์สกุลโม่ของนาง ซึ่งทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับหลิ่วอวิ๋นซี ตลอดทางนางทำได้แค่กรีดร้องและเรียกให้คนช่วยอารักขา ทั้ง ๆ ที่ไร้ความสามารถแต่กลับอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ คุณชายโม่เองก็เตือนนางแล้ว แต่ก็ยังดื้อดึงจะเข้าร่วม“คุณหนู ทางข้างหน้าเหมือนจะยังมีกลไกอยู่…”“พวกท่านหลบไปก่อน พอข้าให้สัญญาณก็ใช้ตัวแนบเข้าไปกับต้นไม้ให้ชิดที่สุด เข็มของข้าจะเข้าไปทำลายกลไกของเกาทัณฑ์นั่น”""ขอรับ""น่าแปลกที่คนของสกุลโม่เชื่อใจนางทั้ง ๆ ที่พึ่งได้พบกัน คงเป็นเพราะชื่อเสียงของหลิ่วอวิ๋นซี ซึ่งเป็นองครักษ์ข้างกายของหลิงอ๋องแห่งหลิงโจวนั่นเอง โม่หยางรู้สึกทั้งเลื่อมใสและยิ่งชื่นชมนางมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ได้พบและสัมผัสกับความจริงใจนี้ด้วยตาของตัวเอง“ซ้ายสี่… ขวา สี่… ไม่สิ ยังมีตรงนั้น เป็นห้า ทั้งหมดเก้า”“พวกท่านอย่าขยับ หากเดินอีกก้าวเดียวกลไกจะทำงานทันที”ทั้งหมดหยุดนิ่งอยู่กับที่ตามที่นางบอก อวิ๋นซีนิ่งและหลับตาเพื่อฟังเสียงพร้อมกับเริ่มนับ“สาม….”“สอง…”ทั้งหมดกำหมัดแน่นเพื่อรอสัญญาณ แม้แต่โม่ชิงเซียนก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย นางหันไปมองยังพุ่มไม้ข