ในคืนแต่งงานคนรักถูกสังหาร และนางถูกจับเป็นเชลยแขวนป้ายรับแขก ชีวิตนับจากนี้ของแพทย์หญิงซึ่งย้อนเวลามาอยู่ในร่างสตรีแสนอาภัพ ต้องหลบหนีให้พ้นเงื้อมมือทรราช ผู้เป็นทั้งบิดาเด็กในครรภ์ และพ่อสามี!
Узнайте больше“คณิกา...เสี่ยวเหลียน!” เขาเรียกนางเสียงดังเข้ม อีกนิดเดียวก็ใกล้เคียงกับการตวาด และยังไม่หยุดใช้อารมณ์ฉุนเฉียวต่อ “เปลื้องผ้าออกให้หมด แล้วคลานสี่ขาเยี่ยงสุนัขออกมารับใช้ข้าเดี๋ยวนี้”
ซ่างเป่าเหลียนนึกฉุนอีกฝ่าย และนางไม่ได้บ้าจี้คิดทำเรื่องไร้สาระอย่างที่เขาบอก มือเรียวสวยหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับร่างกายทรงเสน่ห์ เสื้อชั้นนอกและในตอนนี้ปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งนางจนมิด แล้วจึงก้าวออกไปด้านนอก ยามนั้นนางพบว่า ข้างแก้มเขาที่นางเคยฝากรอยแผลไว้เมื่อคืนก่อน ดูน่ากลัวกว่าเดิม ราวกับเขาไม่ได้สนใจทำความสะอาด หรือรักษาให้มันหาย ฝ่ายดวงตาเหยี่ยวจ้องนางกลับ และมุมปากบางยกยิ้มดูร้ายกาจเหลือใจ
“เจ้าทำบัดซบทิ้งแผลไว้บนใบหน้าข้า ความอัปลักษณ์นี้ สมควรเป็นสตรีแพศยาต้องชดใช้”
ฮึ ใบหน้าเขาอัปลักษณ์ก็ดี ต่อจากนี้คงเป็นร่างกายส่วนอื่นที่นางจะทำให้พิการทีละอย่าง และทรมานเขาให้หนัก คนแซ่ตงจะได้ไม่มีปัญญาไล่ตามรังควานสตรีผู้นี้ไปตลอดชีวิตของเขา
***************
รับแรงกระแทก
ค่ายทหารตระกูลตง ณ เมืองเหนี่ยว
หญิงสาวพยายามตั้งสติตนให้ได้เร็วที่สุด พร้อมรวบรวมพลังเพื่อปกป้องร่างกายใหม่จากคนพาล อีกฝ่ายส่งความใหญ่โตเข้ากระแทกกระทั้นส่วนบีบรัดอย่างรุนแรงราวกับจะทำให้ร่างกายบอบบางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
อ๊ะ...อื้อ... มะ ไม่...ไหว
เธอร้องประท้วง ทว่าเหตุใดเสียงถึงไม่ได้เล็ดลอดออกจากริมฝีปาก ราวกับหญิงสาวนั้นเป็นใบ้
คราแรกเธออยู่ในท่าคุกเข่าและหันหลังให้อีกฝ่าย ดูเหมือนเป็นสุนัขตัวเมียก็มิปาน ซึ่งคนผู้นั้นได้ซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง มือหนึ่งรวบผมยาวนางเป็นหางม้า แล้วดึงกระตุ้นให้เธอเคลื่อนไหวร่างกายไปมา
ส่วนอีกมือตบตีบั้นท้ายเธอเพื่อเป็นการออกคำสั่งให้เคลื่อนร่างกายเร็วขึ้น แรงขึ้น ตามความปรารถนาของเขา เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังเผียะๆ ๆ กึกก้องในหู
อนิจจาเธอเจ็บระบมไปหมด นั่นหมายความว่า อีกฝ่ายกระทำกับเธอราวกับเป็นเครื่องมือสนองตัณหา มิได้ใกล้คำว่าคนรัก หรือภรรยา อย่างที่เธอควรจะได้รับตำแหน่งนั้น
ที่น่าประหลาด เธอมั่นใจเรื่องราวเหล่านี้เป็นความฝัน ทว่ามันคือความฝันที่ยาวนานยิ่งนัก และดูคล้ายความจริงจนชวนให้หวาดกลัว อีกทั้งทุกความรู้สึกพร้อมสัมผัสแสนหยาบคาย ระคนความป่าเถื่อน ทำให้เธอสะอิดสะเอียด ทั้งมีความต่อต้านตลอดเวลา
กระทั่งเธอไม่อาจฝืนคุกเข่าในท่าทางคล้ายสุนัขได้อีกต่อไป ร่างกายหมดแรงลงจึงคิดนอนราบไปบนพื้น แต่เป็นเขาที่จับตัวพลิก แล้วจัดท่าทางให้นอนหงายหันหน้าเผชิญกัน
คนตัวโตแยกขาเรียวให้กว้างจนเผยให้เห็นทุกซอกทุกมุมอันบริสุทธิ์ คนผู้นี้พรากความสาวอันงดงามจากเจ้าของร่างที่วิญญาณของ เป่าเหลียน เข้ามาอาศัย
และเป็นเพราะเธอยังคงหลับตาปี๋ ด้วยไม่อาจสู้หน้าอีกฝ่ายได้ จึงไม่อาจล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครที่กำลังทำเรื่องอัปยศให้เธอต้องเสียขวัญ และอยู่ในสภาพน่าอับอาย
อย่างไรก็ถาม ยามนี้แม้จะรู้สึกซ่านสยิวเล็กๆ แต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ เธอถูกข่มเหง คำนี้คงกล่าวได้ถูกต้องที่สุด
กลิ่นเหงื่อจางๆ ผสมกลิ่นสุรา และเสียงสบถหยาบคาย รวมถึงการคำรามหลายหนติดต่อกันทำให้เป่าเหลียนนึกว่าตนจะต้องตายอีกหน ทว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เธอยังรองรับอารมณ์คนตัวโตที่สาดไอร้อน และแรงปรารถนาสู่ร่างกายงดงามไม่หยุด
จวบจนเขาหยุดเคลื่อนสะโพกเข้าออก และพินิจร่างที่ตนเองขึ้นคร่อมอยู่ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวจัด
“บัดซบ ใครส่งเจ้ามาหลอกลวงข้า ฮึ โง่เขลานัก ถูกป้อนน้ำแกงเพิ่มกำหนัดด้วยหรือ มิน่าถึงไร้อารมณ์ ข้าบอกให้ร้องคราง และหวีดเสียงเหมือนจะขาดใจตาย ทำไมเป็นรึไง!”
นี่คือคำหยาบคายที่เขาเอ่ยกับเธอ ก่อนโถมร่างสูงใหญ่เข้าใส่อย่างคนเถื่อน ไร้ความเมตตา
น้ำตาหญิงสาวไหลออกมาอีกระรอกใหญ่ ทั้งต้องกัดฟันอดทนต่อสิ่งที่เขากระทำซ้ำๆ ในการเคลื่อนไหวขาที่สามอันแข็งแกร่งของบุรุษ
“บัดซบ คณิกานางนี้ยังบริสุทธิ์ ข้าบอกแล้วใช่ไหม ให้เลือกคนที่เป็นงาน และไม่สำออยเข้ามารับใช้ แต่นางทั้งอ่อนแอ ไม่ได้เรื่อง หึๆ ๆ ข้าจะริบเงินเดือน และให้อดข้าว จากนั้นจับพวกผู้คุมที่ดูแลสตรีแขวนป้ายขังให้หมดทุกคน”
เขาต่อว่าลูกน้องจบ ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเธอให้หายใจได้สะดวกหรือพักผ่อนร่างกายที่บอบช้ำ
อึดใจเดียวกัน เขาใช้ปากบนยอดหน้าอกเธอ ทั้งดูด เม้ม แล้วขบ พอเธอตอบโต้ด้วยการข่วนร่างกายเขา การกัดรุนแรงก็เริ่มต้น ซึ่งก่อนหน้านี้หญิงสาวได้แสดงพฤติกรรมเยี่ยงสุนัขบ้า ด้วยขณะที่เขาต้องการจูบ เธออาศัยจังหวะนั้นลงเขี้ยวคมๆ ที่แก้มซ้ายเขา
แน่นอนมันเป็นเรื่องชวนสยองใจ เพราะทำให้ชายหนุ่มได้บาดแผลทันที ทว่าเขาไม่ได้รีบห้ามเลือด กลับทำเรื่องชวนท้อไส้ปั่นป่วน นิ้วยาวๆ ปาดที่แผลเหวอะหวะ แล้วชิมเลือดของตนเอง ก่อนใช้เลือดที่เหลือแต้มจุดกลางหน้าผากหญิงสาว
“เจ้าเป็นของข้า ถึงรับใช้จะไม่ได้เรื่อง ทั้งสมองทึบเบาปัญญา แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ไปทำเรื่องเสื่อมเสียดกับผู้อื่น เฮอะ...ริอยากแขวนป้ายรับใช้บุรุษ แต่มีสภาพไร้ชีวิตชีวามิต่างกับซากศพ บอกตามตรง หากเจ้าไม่งาม และมีเนื้อนุ่มนิ่ม กับส่วนหวานฉ่ำที่หอมหวานราวน้ำผึ้ง ป่านนี้ข้าถีบกระเด็นออกจากกระโจมแล้ว” ตงเยี่ยหรงสาดอารมณ์รุนแรงออกมาด้วยคำพูด และการกระทำ นั่นเป็นเพราะเขาเสี่ยเหลี่ยมให้ศัตรู ทหารเกือบหนึ่งพันชีวิตต้องสละชีพ เมืองเล็กๆ อีกสองเมืองถูกชาวเผ่ายึดไป
ทั้งหมดคือการอ่อนด้อยขององค์ชายสี่ หลี่หว่านอี้ เขาทำตัวไร้ประโยชน์เสมอ แต่จะปล่อยให้อีกฝ่ายสิ้นชีพในต่างแดนก็มิได้ เขาจึงต้องบุกเข้าไปชิงตัว สุดท้ายคือความล้มเหลว ที่ตงเยี่ยหรงรู้สึกเป็นทุกข์ จนดื่มสุราเมามาย
“ไม่ทันได้เข้าหอ แต่เสี่ยวเหยา ก็ช่วยข้าด้วยมือและปากของเจ้าได้” “ทะ ท่านเอาเปรียบข้า” “แล้วเสี่ยวเหยายอมหรือไม่”เขาถาม และเตรียมจะจูบอย่างจริงจังมากว่าเดิม “ข้าจะเป็นสตรีคนเดียวของท่าน และท่านก็จะเป็นสามีของข้า เป็นพ่อของลูก เช่นนี้ ยังต้องถามสิ่งใดอีก” ยามนี้คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ซ่างเป่าเหลียน หากเป็นสามีของนาง ซึ่งสลบไปหนที่สามแล้ว กระทั่งฟื้นคืนสติเขาก็คำรามเสียงดัง และให้คนไปถามหมอหลวง ทั้งหมอตำแยที่เตรียมการช่วยคลอดผู้เป็นภรรยา หูซีเกอเดินมาถึงหน้าของชายหนุ่ม ก็เข่าอ่อนลงไปนั่งบทพื้น “ท่านแม่ทัพคลอดแล้วขอรับ และฮูหยินฝากให้มาบอกท่านว่า หากไม่ดื่มหรือกินอะไรสักก่อน ห้ามเข้าไปดูหน้าลูกเด็ดขาด” “เหลียนเหลียนใจร้ายกับข้าเช่นนั้นหรือ” เขาว่า และใจอยากจะพุ่งเข้าไปประตูด้านในที่นางคลอดบุตร แต่ยามนี้มีทั้งเจี้ยนจาง และก็หวังตันขวางเอาไว้ “รักษาสุขภาพด้วยเถิดบิดา ไม่อย่างนั้นน้องชายข้า จะมีใครอุ้มและสอนเขาขี่ม้า และยิงธนูเล่า” “ไอ้ลูกเวร นั่นเจ้าแช่งข้าหรือ” ตงเยี่ยหรงพอมีแรงก็ชี้หน้าเจี้ยนจา
ตอนพิเศษ 2ลูกแฝดของท่านแม่ทัพ ยามนี้ ซ่างเป่าเหลียนอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวโตกำลังว้าวุ่นใจหนัก ตั้งแต่มาอยู่เมืองหลวงที่จวนแม่ทัพ ตงเยี่ยหรง ก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับนาง พอรู้ว่าเด็กในท้องเป็นฝาแฝด (หญิงสาวใช้เครื่องตรวจจากหีบยาเทพธิดา) เขาก็เฝ้าโทษตัวเองว่า เป็นพวกมักมากไม่รู้จักหักห้ามใจ ด้วยชวนนางอุ่นเตียงแบบไม่มีวันพัก “เหลียนเหลียน... ข้าผิดต่อเจ้า และสองแฝดนัก หักโหมเช่นนี้ เด็กน้อยอาจได้รับการกระทำกระเทือน” “ผิดต่อข้า... และสองแฝด” เขาบอกแล้วก็ลงไปนั่งคุกเข่า และใช้หูแนบกับครรภ์ของนาง ตั้งใจฟังเสียงของลูกที่อยู่ข้างใน “อีกไม่นานพวกเขาก็คลอด หากพวกเขาไม่แข็งแรง นั่นย่อมหมายความว่า ฟ้าดินโทษข้าผู้แซ่ตงแล้ว” น้ำเสียงเขาฟังแล้วก็เศร้าสร้อย หัวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ยามนี้ตงเยี่ยหรงคงมีความเครียดมิน้อย หญิงสาวมองเขา ยิ่งใกล้ชิด ก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของบุรุษผู้นี้ เขาอบอุ่นพึ่งพาได้ ที่สำคัญรักนางมาก จนบางครั้งอาจมากเกินกว่าคนปกติไปสักหน่อย “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น หรงเกอชอบสิ่งใด ภรรยาท่านก็ปรารถนามีความสุขด้วย บางครั้งโลดโผนไปบ้าง นั่
เมื่อขึ้นมาจากน้ำได้ และถูกจับโยนขึ้นหลังม้า โดยที่ร่างสูงใหญ่ประกบด้านหลัง เสียงหายใจของคนตัวโตเป็นจังหวะที่มั่นคง ร่างกายเขาแผ่ไอสังหารออกมาเป็นระยะๆ ยามนั้นนางคิดว่าเขาคงอยากหักกระดูกนาง ไม่ก็จับไปเซ่นไหว้ภูตผี สำหรับทำสงคราม หากความคิดทุกอย่างจบลงที่ เขากล่าวเสียงเข้มๆ ข้างหู “เป็นเจ้าใช่ไหม ที่มากับแม่บ้านหวัง แล้วเหตุใดถึงตกอยู่ในพวกมือสังหาร หรือเป็นสายลับให้กับพวกกบฏ” เมื่อนางไม่ตอบ มือใหญ่จึงบีบลำคอระหง เขาออกแรงหนักอยู่สักหน่อย และนั่นจึงทำให้ซ่างเป่าเหลียนเกิดความกลัวจับใจ “มดปลวกยังมีค่ามากกว่าชีวิตเจ้า” เสียงเขา และการแสดงออกนั้น ทำให้หญิงสาว นิ่งค้างและหัวสมองว่างเปล่า โอ้ โชคดีเท่าใด ที่นางไม่ได้เข้าหอกับไคซีผู้เป็นเจ้าบ่าว หาไม่แล้วการมีพ่อสามีที่เผด็จการ ทั้งชอบใช้กำลัง ย่อมเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง “ผะ ผู้น้อย ไม่ทราบสิ่งใด หลังจากพลัดหลงกับครอบครัว ก็ถูกต้อนไปเป็นเชลย แล้วเมื่ออยู่ตลาดผ้า ก็หลงทาง จนถูกจับเป็นตัวประกัน” “หึๆ ๆ เจ้ามีประโยชน์อันใดแก่พวกนั้น มันถึงคิดจับตัวไว้ หรือว่าเป็นความงามรึ” น้
การเป็นอยู่ที่ค่ายเชลยลำบากไม่น้อย แต่ซ่างเป่าเหลียนที่แกล้งทำเป็นสติไม่ดี ทำให้นางไม่ถูกรังแกหรือข่มเหงจากผู้อื่น วันนี้นางออกมาด้านนอก หวังตันต้องการแรงงาน ช่วยขนของจากตลาด และสิ่งที่อีกฝ่ายจัดหาคือ เกลือ น้ำตาล แล้วก็เครื่องปรุงสำหรับทำอาหาร แล้วยังด้าย ผ้าต่างๆ นอกจากนั้นก็ของอื่นๆ ซึ่งทหารในค่ายฝากมาซื้ออีกหลายสิบรายการ ขณะที่ซ่างเป่าเหลียนรออยู่ที่ด้านข้างร้านขายของ ก็เป็นตอนนั้นที่ นางเห็นว่าตนพอจะมีโอกาสหลบหนี นางใช้ความคิดอยู่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น จึงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อตน ในนั้นนางซ่อนเข็มเงินเอาไว้ “เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งใด” คนที่ถามคือ สิงตู้เหยา ด้วยมั่นใจว่าซ่างเป่าเหลียนหยิบของบางออกมาจากแขนเสื้อ และกำลังซ่อนไว้ ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนไม่ตอบ นางใช้ความเร็วอย่างที่สุด แทงเข็มเงินเข้าที่ลำคอด้านข้างของสิงตู้เหยา ชั่วพริบตาเดียว ร่างของสิงตู้เหยาจึงโงนเงนไปมา ก่อนค่อยๆ ทรุดลงไปบนพื้น “จะ เจ้า... แกล้งความจำเสื่อม แล้วยังทำร้ายคนของแม่ทัพตง” สิงตู้เหยาพูดได้เท่านั้น นางก็สลบไป และนั่นคือโอกาสอันดีของซ่างเป่าเหลียน สองขานางรีบ
ตอนพิเศษ 1คำแนะนำก่อนอ่านเนื้อหาในตอนพิเศษนี้เล่าเรื่องซ่างเป่าเหลียนตามฉบับนิยายที่แพทย์หญิงห้องฉุกเฉิน(เป่าเหลียน)เคยอ่านผ่านตา เป็นตอนเสริมเพื่อเพิ่มความบันเทิง*** ดังนั้นบางส่วนจะไม่ต่อเนื่องกับนิยายเล่มหลัก ฉันจำได้ว่าอ่านนิยายที่มีแม่ทัพตงผู้เก่งกาจ กลายเป็นทรราชเมื่อนานมาแล้ว ทว่าช่วงนี้ได้ฝันต่อเนื่องถึงตัวละครที่ชอบบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่า อีกมุมหนึ่งเขามีความเผด็จการ ทั้งยังเข้าขั้นแบดบอย แบบฉบับที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน อีกอย่างทรราชแซ่ตง ช่างน่าค้นหากว่านิยายฉบับเดิมเสียอีก แน่นอนว่าในบางครั้งฉันอยากเป็นตัวละครอย่างซ่างเป่าเหลียน ที่ได้ท้าทายอำนาจเขา อีกอย่างสตรีผู้นี้ยังมีชื่อที่เหมือนฉันด้วย ซึ่งในขณะที่หลับๆ ตื่นๆ บนเตียงของผู้ป่วย ฉันได้เข้าไปโลดแล่นในเรื่องราวโลกคู่ขนาน มีตงเยี่ยหรงเป็นแม่ทัพใหญ่ และคือผู้พ่อสามีของซ่างเป่าเหลียนเรื่องราวในนิยาย หญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวเกิดความเครียดจัด เท่าที่นางรับรู้ ยามนี้เดินทางมาจวนจะถึงเรือนหอแล้ว ทว่ากับมีเรื่องชวนให้นางต้องประสบเหตุร้ายครั้งใหญ่ สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะนางรักคนที่ไม่ควรรัก หรือไม่คงเกิดจาก นาง
กระทั่งเจี้ยนจางกล่าวเข้ามา และบอกว่า “บิดามาถึงแล้ว ท่านแม่...” ซ่างเป่าเหลียนดีใจ ผิดแต่ครรภ์ของนางใหญ่ขึ้นมาก จะให้รีบขยับตัวแล้วออกไปพบชายหนุ่มอย่างที่ใจปรารถนานั้นก็หาทำได้อย่างรวดเร็วไม่ “แล้วเหตุใด แม่ทัพตงยังเป็นตาแก่อืดอาด ไม่มาให้ข้าเห็นหน้าเสียที” เสียงนางเขียวสักหน่อย และไม่นาน เขาก็อุ้มเด็กทารกหญิงมา ท่าทางเขาทะมัดทะแมงทีเดียว ไม่ได้มีทีท่าเหมือนคนไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน “ลูกของรั่วจิ้ง... นางขี้เหร่เสียจริง” คำพูดเขาทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหัวเราะร่วน และเห็นจะเป็นจริง เด็กทารกหญิงหน้าตาผิดจากมารดา แต่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ทั้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดังไม่เกรงกลัวใคร “ท่านไม่รังเกียจนาง หรือคิดทำร้าย ข้าก็เบาใจ” “เหลียนเหลียน นี่ภรรยาเห็นว่าข้าเป็นคนเช่นไร ถึงจะกินคนได้ และนี่เป็นเพียงตัวอ่อนเล็กๆ ข้าหาใช่คนอำมหิตสักหน่อย” เขาว่าจบก็ส่งทารกให้หูซีเกอรับไป จากนั้นก็เข้ามาหาผู้เป็นภรรยา คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้น ต่างรู้หน้าที่จึงค่อยๆ ถอยห่างออกไป “นอกจากยามนี้ ข้าได้ชัยชนะ ทั้งปราบกองกำลังของอี้อ๋องเรียบร้อย ยังมีข่
บอกรักลูกเมีย ไคซีไม่รู้ว่าเขาพลาดตรงไหน ทั้งที่หนีจากสกุลฟ่าน มาอยู่ในพื้นของตน และตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ สักระยะ ก่อนหาทางเดินทางไปให้ไกลจากอำนาจอี้อ๋อง หากสุดท้ายเขาก็ถูกแว้งกัดจนได้ ยามนี้พอกลับเข้าป้อมสกุลไค ก็ไม่มีเงาซ่างเป่าเหลียนแล้ว ส่วนรั่วจิ้งทั้งที่พึ่งคลอดลูก นางกับตัดช่องน้อยพอตัว คงเพราะกลัวมีภัยถึงตัวจึงชิงดื่มยาพิษตายตามพี่ชายไป ไคซีคลุ้มคลั่งหนัก เขาพาคนของตนที่ยังรอดชีวิต ออกตามหาซ่างเป่าเหลียน ใช้เวลาเข้าวันที่สาม คนของเขานั้นเหลือไม่ถึงยี่สิบชีวิต บ้างก็หลบหนีไป บ้างบาดเจ็บหนักจนทนพิษไม่ไหว ยามนี้ สิ่งที่เขาคาดไม่ถึง คณะของซ่างเป่าเหลียนเดินทางเข้าใกล้เมืองหลวงทุกที ซึ่งแทนที่จะถูกคนของอี้อ๋องเข้าสกัดแล้วจับกุม กลับกลายเป็นว่ารถม้าของนางผ่านทุกด่านได้อย่างไม่ติดขัด ความรู้สึกของชายหนุ่มยามนี้ เต็มไปด้วยความกลัว หรือเป็นไปได้ว่า แผ่นดินนี้สิ้นอี้อ๋องแล้ว ทั้งที่อีกฝ่ายพึ่งก้าวขึ้นบัลลังก์ได้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ ไคซีมองไปยังรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ และเขาก็เร่งฝีเท้าม้า ควบทะยานมันอย่างเอาเป็นเอาตายหวังสกัดไม่ให้ซ
จางเจี้ยนสวมรอยเป็นไคซีต่อไป แล้วพาขบวนเล็กๆ ของซ่างเป่าเหลียนออกไปด้านนอกป้อมลับด้วยทางใต้ดิน การเดินทางไม่ได้ยาก หรือน่าหวาดหวั่นเกินไป เพราะมีอุโมงค์ยาวพาออกไปนอกพื้นที่ กระทั่งหมดเตรียมขึ้นรถม้าไปให้ไกลพื้นที่การต่อสู้ ร่างเด็กชายก็ปรากฏพร้อมมือสังหารกลุ่มหนึ่ง “เสี่ยวหรานหรอกหรือ” สิงตู้เหยาคันไม้คันมือ นางชอบเด็ก แต่เด็กปีศาจก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ สมควรได้รับโทษ “หมอเหลียน ข้ารู้ว่าท่านอยู่ในรถม้า โปรดแสดงตัว และมอบน้องสาวให้ข้าเสียเถอะ” ฝ่ายสิงตู้เหยาเข้ามารายงานสถานการณ์ด้านนอกต่อนายหญิงที่รถม้า และขออนุญาต จัดการเด็กชาย “อย่าให้เกิดสิ่งใดรุนแรง เราต้องผ่านพื้นที่นี้ให้ได้ ลดการสูญเสีย เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง” ซ่างเป่าเหลียนบอกสิงตู้เหยา “บ่าวย่อมเชื่อฟังนายหญิง” พูดจบ สิงตู้เหยาจึงก้าวมาอยู่ตรงหน้าเด็กชาย “เสี่ยวหราน... น้องสาวเจ้านั้น นายหญิงส่งไปร่ำเรียนวิชาต่างๆ ที่สำนักนางชี บนเขาไป๋ซาน ไฉนยังมาตามที่นี่อีก และเท่าที่ข้าจำได้ เจ้าหายตัวไปพร้อมทำเรื่องผิดต่อนายหญิง” “เจี่ย
ทั้งใต้หล้านี้ ข้ากลัวคนผู้เดียว หลายวันผ่านไปกระทั่งถึงช่วงเวลาที่รั่วจิ้งคลอด ความโกลาหลต่างๆ ก็เกิดขึ้น ภายนอกป้อมลับ มีกองกำลังจะบุกเข้ามา คือกลุ่มคนที่เครียดแค้นต่อไคซี และฟ่านเทียนโหว หากยังนับว่าดีที่ มีมือสังหารช่วยตึงกำลังไว้ ยามนั้นโจวซ่งได้ส่งสัญญาณขอหน่วยเสริม พร้อมจัดเตรียมรถม้าสำหรับการหลบหนีของซ่างเป่าเหลียน “ฮูหยิน นับแต่ก้าวจากค่ายทหารของแม่ทัพตงครั้งนั้น ไม่หน้าเชื่อว่า อยู่ที่ใดก็ต้องเดินทางเสมอ” ซ่างเป่าเหลียนหันมาทางหวังตันแล้วตอบว่า “ฟ้าลิขิตไว้เช่นนี้ จำที่ข้าบอกไว้ได้หรือไม่ เมื่อกลับเมืองหลวงเมื่อใด ที่นั่นทุกคนจะอยู่อย่างสงบ และไม่ต้องลำบากหลบหนีศัตรูแน่นอน” “ฮูหยินมั่นใจเช่นนั้น ว่าเราจะได้ไปเมืองหลวง ข้าก็ตั้งตารอจริงๆ ทว่ายามนี้ แคว้นเจียงหนานมีอี้อ๋องเป็นใหญ่ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หรือ” “ได้สิ แม่ทัพตงจะเป็นคนพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี เขาไม่ลืมคำพูดที่ให้ไว้กับข้าแน่นอน” หญิงสาวว่า แล้วมองไปยังรั่วจิ้ง อีกฝ่ายซึ่งมีอาหารเจ็บครรภ์ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนสงบลง อีกทั้งนางใกล้คลอดเต็มที “ข
Комментарии