ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อวานซืนฟู่อี้ชวนบอกว่าเขาจ้างทีมทนายความมาทั้งทีม ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แถมยังเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้เธอปลดหลี่หยวนออกจากบัญชีดำแล้วโทรออกไป เมื่อปลายสายรับโทรศัพท์ เธอก็พูดว่า“ขอบคุณที่บอกนะ เดี๋ยวอีกสองสามวันฉันจะหาทนายมารับมือ”ฝั่งหลี่หยวนตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรครับ ประธานฟู่เตรียมตัวมาอย่างดี แถมยังประกาศกร้าวว่าต้องชนะให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำลายป้ายสำนักงานของทนายพวกนั้นทิ้ง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาลงอีกหลายส่วนหลี่หยวนแอบส่งข่าวให้เธอ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ช่วยของฟู่อี้ชวน จึงขอให้เธอเก็บเป็นความลับ ซึ่งซูมั่วเข้าใจดี“นายวางใจได้เลย ฉันไม่ปล่อยให้เรื่องของคุณรั่วไหลออกไปแน่ ส่วนทางคุณปู่ฟู่ฉันก็ยังจะไม่บอกตอนนี้เหมือนกัน รอให้ศาลรับฟ้องก่อนแล้วฉันค่อยแจ้งท่าน” ซูมั่วกล่าว“เมื่อคืนที่นายโทรมาก็เพื่อจะบอกเรื่องนี้ใช่ไหม? ขอโทษด้วยนะ พอดีตอนนั้นฉันไม่ได้รับสาย” เธอกล่าวเสริม“อ๋อ เมื่อคืนไม่ได้จะพูดเรื่องนี้ครับ แต่เป็นเรื่องที่ประธานฟู่ไปที่คอนโดของคุณแล้วถูก รปภ.แจ้งตำรวจ ผมตั้งใจจะโทรมาขอให้คุณช่วยพูดไกล่เกลี่ยให้หน
วันรุ่งขึ้นสถานการณ์กระจ่างแล้ว และยังสืบพบเรื่องอื่นเพิ่มอีกด้วย“คุณท่าน อดีตคุณนายตอนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง คุณชายได้ประชุมและกำหนดแผนการเข้าซื้อกิจการเรียบร้อยแล้วครับ” พ่อบ้านกล่าว“ผมได้โทรศัพท์ติดต่อกับเจ้าของบริษัทฝ่ายตรงข้าม เขายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง และตอนนี้กำลังต่อต้านอยู่”คุณปู่ฟู่ได้ยินดังนั้นถึงกับหน้าตาเคร่งเครียด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าฟู่อี้ชวนจะยังตามตื้อไม่เลิกขนาดนี้ ถึงขั้นพยายามจะเข้าซื้อบริษัทของโจวจิ่งอันด้วย“เรื่องที่ทะเลาะกับคุณหนูหลีค่อนข้างซับซ้อน และเป็นอย่างที่คุณท่านคิดเลยครับ เมื่อคืนคุณชายไปก่อเรื่องอื่นมา” พ่อบ้านเล่าอย่างละเอียดเมื่อได้ยินว่าฟู่อี้ชวนถึงขั้นไปรบกวนซู่มั่วจนถึงหน้าประตูบ้าน และยังพยายามบุกเข้าไป จนถูกตำรวจควบคุมตัวไป เขาถึงกับโกรธจนไอออกมา“ไป ไปที่บริษัท ให้ยุติโครงการเข้าซื้อกิจการทั้งหมด” คุณปู่ฟู่พูดด้วยอาการหายใจไม่ค่อยออก“แล้วก็ส่งคนไปเพิ่ม ถ้าเขากล้าไปหาเรื่องซู่มั่วอีก ก็ทำให้หักขาเขาได้เลย!”คำสั่งออกไปแล้ว พ่อบ้านก็ไปปฏิบัติตาม คุณปู่ฟู่ใช้มือข้างหนึ่งจับที่พนักเก้าอี้ ด้วยความเหนื่อยล้าอย่างที่สุดสิบโ
“ช่วงทบทวนก่อนหย่าของอี้ชวนกับมั่วมั่วยังไม่ผ่านไปเลย แกก็รีบพูดเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลหลีขึ้นมา คิดว่าอี้ชวนจะซาบซึ้งใจแกงั้นเหรอ? แกจะบอกว่าทำเพื่อลูก? ฉันดูก็รู้ว่าแกก็อยากได้ผลประโยชน์เหมือนกัน”ถูกพ่อแท้ๆ ด่าชุดใหญ่ สีหน้าของฟู่ปั๋วหมิงประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว กำโทรศัพท์แน่น โต้แย้งอย่างไม่พอใจ“แล้วหลานชายของพ่อจะรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของพ่อหรือไง? พ่อก็บังคับมันให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้ชอบเหมือนกับบังคับผมในตอนนั้นไม่ใช่เหรอ?”“ต่างกันก็ตรงที่ภรรยาเก่าของผมอย่างน้อยก็มาจากตระกูลผู้ดี ฐานะเหมาะสมกัน แต่พ่อกลับให้มันแต่งกับคนเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ไม่มีภูมิหลังตระกูล”“ระวังสุดท้ายถ้ามันต่อต้านขึ้นมา มันจะเกลียดจนไม่ยอมเผาผี!”“แก...ไอ้ลูกสารเลว!” คุณท่านฟู่โมโหจนตัวสั่น ยังอยากจะด่าต่อ แต่อีกฝ่ายวางสายไปแล้วพ่อบ้านที่ฟังอยู่ด้านข้างกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมา ได้แต่มองคุณท่านปาโทรศัพท์“ลูกสารเลวจริงๆ! กล้าพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!!” คุณท่านฟู่ตะคอกเสียงกร้าว“บอกว่าอี้ชวนจะไม่เผาผีฉัน มันยังกตัญญูกว่าพ่อมันด้วยซ้ำ!”“เส้นทางที่ฉันวางไว้ให้
ในตอนนั้นที่ตระกูลหลีอยากเกี่ยวดอง แต่เพิ่งได้รู้อย่างลับๆ ว่าฟู่อี้ชวนแต่งงานแล้ว พอมาตอนนี้ ทางด้านฟู่ปั๋วหมิงจากตระกูลฟู่ก็ได้พูดเรื่องแต่งงานนี้ขึ้นมาอีกครั้ง บอกว่าหย่ากันแล้วตอนแรกเธอยังคิดว่าทำไมสองปีก่อนถึงไม่เปิดเผย ตระกูลสูงศักดิ์อย่างตระกูลฟู่ต้องเลือกคู่ครองที่เหมาะสมกัน การแต่งงานแบบไม่เปิดเผยแบบนี้ทางบ้านของฝ่ายหญิงยอมได้ยังไง?ตอนนี้ได้รู้ฐานะของภรรยาเก่าของฟู่อี้ชวนแล้ว เธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง คงเพราะผู้ใหญ่ในตระกูลฟู่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน จึงไม่จัดพิธี ผ่านไปแค่สองปีก็หย่ากันแล้ว“ยังไงฟู่อี้ชวนก็ไม่ใช่คนดี น้องเล็กยังบอกอีกว่าเขาชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัว ตบตีภรรยาเก่าจนเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการกระดูกร้าว” หลีเชินพูดต่ออีก“แล้วก่อนหน้านี้ฟู่อี้ชวนยังไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นจนวุ่นวายกันไปทั่ว เพื่อบีบให้ภรรยาเก่าขอหย่า จนเกือบทำคนตายเพราะถูกรมแก๊ซจนเป็นพิษ”พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หลีโย่วบอกเขา ถึงแม้ตัวเองจะเอามาเล่าต่อ แต่ฟังแล้วก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ในหัวผุดภาพของซูมั่ว ที่ซูบผอมจนน่าสงสาร ทางประตูฟังลูกชายเล่าความร้ายกาจของฟู่อี้ชวนแล้ว คุณแม่หลีเบิกต
ซูมั่วนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่เพื่อนสนิทใครกล้าด่าหลีโย่ว? หรือว่าจะเป็นพวกคุณหนูแวดวงไฮโซเหมือนกับเธอ?“อยากให้ฉันช่วยไหม?” ซูมั่วถาม“ไม่ต้องหรอก ถ้าเธอมาช่วยล่ะก็...” คำพูดของหลีโย่วชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันกลัวว่าเธอจะถูกดึงเข้ามาลำบากด้วย วางใจเถอะ ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”ถ้าซูมั่วเข้ามาร่วมวงด้วย สมมติว่าเธอกำลังจัดการไอ้หมาบ้าฟู่อี้ชวนอย่างไม่ยั้ง แต่พอเห็นว่าเป็นซูมั่วคงจะกลายเป็นหมาน้อยเข้าไปอ้อนทันทีภาพแบบนั้น เอ่อ ก็เหมือนกับว่าผักกาดขาวที่เธอปลูกไว้อย่างดีถูกทำให้แปดเปื้อนน่ะสิหลีโย่วทะเลาะตบตีกับหมาบ้าต่อ ในขณะเดียวกันก็กำลังปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงในกลุ่มแวดวงสังคม เพื่อต้องการช่วยให้คุณหนูไฮโซเหล่านั้นหลุดพ้นจากอันตราย เห็นธาตุแท้ของฟู่อี้ชวน ไม่ไปแต่งงานกับเดรัจฉานที่หน้าเนื้อใจเสือแบบนั้น คืนนั้น ภาพลักษณ์ของฟู่อี้ชวนย่อยยับไม่มีชิ้นดี ในแวดวงสังคมถือว่าเน่าเฟะสุดๆพวกเขาสองคนพากันด่าเละ ทะเลาะจนเป็นเรื่องใหญ่โต แน่นอนว่าตอนนี้ญาติของทั้งสองฝ่ายก็รับรู้แล้วเช่นกันพ่อแม่ของหลีโย่วสั่งให้เธอลบโพสต์และไปขอโทษฟู่อี้ชวน ส่วนพ่อของฟู่อี้ชวนก็โทรศัพท์มาด่าไม่หยุด อีก
ปฏิกิริยาเร็วกว่าสมองมาก รีบคว้าโทรศัพท์มา แล้วยิ้มแห้งๆ พูดว่า“อย่าโทรกลับเลย ไม่แน่อาจจะเป็น…”“เป็นหลี่หยวน” ซูมั่วพูดขึ้น “ผู้ช่วยของฟู่อี้ชวน”หลีโย่วก็ชะงักไปทันที สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีและพูดอย่างรู้ไม่สบายใจว่า“พวกเธอหย่ากันแล้วไม่ใช่เหรอ อย่ารับอย่าโทรกลับเลย น่าจะเป็นเพราะเธอบล็อกเบอร์ฟู่อี้ชวน เขาเลยใช้โทรศัพท์ของผู้ช่วยโทรมาหาเธอแทน”ซูมั่วเม้มริมฝีปากไม่ได้พูดอะไร เธอก็คาดเดาไว้แบบนั้นเหมือนกัน เลยไม่ได้คิดจะโทรกลับไปหลีโย่วจัดการอย่างรวดเร็ว ทั้งบล็อกเบอร์แล้วก็ลบประวัติการโทรออก ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้พลางพูดว่า“บล็อกเรียบร้อยแล้ว อย่าไปรับโทรศัพท์ของคนที่เกี่ยวข้องกับฟู่อี้ชวนอีกเลย”ซูมั่วพยักหน้า แล้วหันไปดูหนังต่อ ส่วนหลีโย่วก็เตรียมจะวางโทรศัพท์ลง แต่จู่ๆ ข้อความกลับเด้งเข้ามาไม่หยุด เสียงแจ้งเตือนนั้นราวกับเร่งเร้าจะเอาชีวิตไม่มีผิดคนส่งข้อความคือฟู่อี้ชวน และเนื้อหาข้อความ...ล้วนแต่เป็นคำด่าเธอทั้งนั้นเธอตั้งค่าการแจ้งเตือนข้อความให้เป็นโหมดห้ามรบกวน และมองดูอีกฝ่ายบ้าคลั่งไม่หยุดอย่างเงียบๆ โดยที่เธอไม่ตอบกลับแม้แต่คำเดียว ราว