“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน” หยางชินอวี้พูดน้ำเสียงแข็งทวีความหมายให้หนักหน่วงขึ้น“หนี่ฮวาร้ายกาจ แม้แต่พี่สาวของนาง นางก็ไม่ช่วยเหลือ คิดกำจัดให้สิ้นซาก...”คำพูดของหยางชินอวี้ทำให้ต๋วนลี่อิ๋งหันไปมองด้วยความสงสัยแต่ก็ยังคงเงียบ“แม้แต่กุ้ยเฟยชวีหยาก็ถูกวางยาพิษเกือบตาย...แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เพราะฝ่าบาทรักนางจนตาบอดไปหมดแล้ว” หยางชินอวี้พูดต่อ เสียงของนางแฝงไปด้วยความขุ่นเคืองที่เก็บไว้ลึกๆ“นางจึงได้ใจ คิดกำจัดพวกเราทุกคนทันที”คำพูดนี้ทำให้ต๋วนลี่อิ๋งเบิกตากว้างขึ้น หยางชินอวี้มองไปที่ต๋วนลี่อิ๋ง รอยยิ้มเย็นๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของนาง“นางย่อมไม่ยอมให้เรามีที่ยืนในวังนี้ นางต้องการขจัดทุกคนที่ขัดขวางทางนาง นางไม่คิดแบ่งปันอะไรกับใครตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ข้าเคยเป็นเพื่อนนางย่อมรู้ตจักดี ขนาดในวันนั้นเป็นเพียงนางในห้องเครื่องฝึกหัดยังจองหองขนาดนั้น วันนี้ไม่ต้องพูดถึง” หยางชินอวี้พูดอีกครั้ง จี้เหวินที่ยืนอยู่ข้างหลังยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดเสริม“ข้าน้อยเป็นพี่น้องกับนางมานาน นิสัยนางข้าน้อยทราบดี การที่ฝ่าบาทรักเสี่ยวหนี่มากเกินไปทำให้ความจริงที่นางทำไว้ถูกปิดบังเอาไว้ แต่มันเป็นอันตราย
ในครัวของตำหนักใหม่ที่หยางลี่สร้างขึ้นเพื่อเสี่ยวหนี่ บรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสดใส เสี่ยวหนี่ยืนอยู่ที่โต๊ะเตรียมอาหารพร้อมกับเสี่ยวอี้และตงเจี้ยนที่ยืนข้างๆ ด้วยท่าทางยิ้มขำเพราะทุกคนต่างรู้ว่าเสี่ยวหนี่กำลังทำอาหารที่มีความหมายพิเศษของมันเอง“ฝ่าบาทน่าจะชอบแบบนี้น้า…” เสี่ยวหนี่พูดไปพร้อมกับการจัดการเครื่องปรุงต่างๆ ที่มีกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้อง“เจ้าหมายถึงอาหารบำรุงร่างกายงั้นเหรอ หรือว่าหมายถึงการที่เจ้าทำอาหารบำรุงร่างกายให้ฝ่าบาทด้วยตัวเอง” ตงเจี้ยนพูดแล้วมองไปที่เสี่ยวหนี่“อย่างแรกสิ ข้ากลัวว่าห่างหายไปนานแล้วฝ่าบาทจะไม่ชอบรสมือข้าแล้ว แต่ข้าว่าอาหารนี้เหมาะสำหรับฝ่าบาทในช่วงนี้พอดี” เสี่ยวหนี่ตอบพลางยิ้มให้กับตงเจี้ยนเสี่ยวหนี่หยิบกระเทียม กระเพราและขิงสดขึ้นมาพร้อมกับเตรียมเครื่องเทศต่างๆ เช่น น้ำตาลกรวดและพริกไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่กลมกล่อมแต่ยังช่วยบำรุงพลังชายในช่วงหลังแต่งงาน ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและเสริมสร้างพลังชีวิตอีกด้วย"ข้าจะทำอาหารที่ชื่อว่า…ซุปปลา ชื่ออาจจะดูธรรมดาแต่เดี๋ยวข้าจะใส่ส่วนผสมบำรุงเข้าไป ซึ่งมีปลา
ตงเจี้ยนที่ยืนอยู่ข้างประตู และแอบมองการแสดงออกของทั้งคู่ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเลศนัย “ดูท่าทางแบบนี้องค์ชายน้อยที่เราคาดหวังจะต้องมาแล้วล่ะฮ่าาาาา” เขาแกล้งแซวเสียงดังพอให้หยางลี่และเสี่ยวหนี่ได้ยินหยางลี่มองไปที่ตงเจี้ยน และถอนหายใจเสียงเบา พร้อมยิ้มให้กับความกล้าของเขา ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเสี่ยวหนี่ “ข้าไม่เคยสนใจใครมาก่อน แต่กับเจ้า...ข้าแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะได้พบเจ้าในทุกๆ วัน” น้ำเสียงของเขาทรงพลังและมั่นคง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เสี่ยวหนี่อย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เสี่ยวหนี่ที่ได้ยินแบบนั้น ยิ้มออกมาเบาๆ รู้สึกมีความสุขที่สุดในโลกที่ได้อยู่ข้างๆ หยางลี่“ขอบคุณเพคะฝ่าบาท ขอบคุณคำหวานและความรักที่มอบให้เสี่ยวหนี่” เสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งตงเจี้ยนยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมาดังๆ "ฮ่าๆๆ! ข้าเห็นแบบนี้แล้วไม่มีอะไรจะพูดแล้วเฮ้อในที่สุดวันนี้ก้มาถึงสินะ" เขายิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนจะยิ้มอย่างอบอุ่นและเดินออกไปจากห้องเสี่ยวหนี่และหยางลี่หันกลับไปมองกันในความเงียบสงบ ความรักที่อยู่ในอากาศทำให้ห้องนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความหวานในทุกๆ ม
เช้าวันใหม่ที่แสงแดดสาดส่องผ่านม่านบางๆ มายังห้องหอที่เงียบสงบ เสียงลมหายใจแผ่วเบาของเสี่ยวหนี่และหยางลี่ประสานกันในอ้อมกอดอุ่นๆ ของทั้งสองคน ร่างบางของเสี่ยวหนี่ที่นอนอยู่บนเตียงถูกหยางลี่โอบกอดอย่างแผ่วเบา มือหนาของเขายังคงกอดร่างบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เสี่ยวหนี่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย “หืออออมันดีขนาดนี้เลยหรือ……”เสี่ยวหนี่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่มาจากอ้อมกอดของหยางลี่ที่ยังคงโอบเธอไว้ไม่ปล่อย ความรู้สึกเหมือนทั้งโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยจากความรู้สึกอุ่นใจที่เต็มเปี่ยม หันไปมองหน้าหยางลี่ที่ยังหลับอยู่ ขนตาของเขาเรียงตัวสวยงาม ใบหน้าหล่อเหลาดูอ่อนเยาว์เหลือเกินและดูสงบสุขในขณะหลับทำให้หัวใจของเสี่ยวหนี่ เต้นโครมครามเมื่อคิดถึงเมื่อคืนที่ผ่านมาในอ้อมแขนของหยางลี่รู้สึกสบายและปลอดภัยในอ้อมกอดนี้ ถึงแม้จะยังรู้สึกเขินอายบ้าง แต่ความรู้สึกของการอยู่ในอ้อมกอดของหยางลี่ทำให้รู้สึกถึงความรักและการปกป้องที่เขามอบให้เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ตามมาด้วยเสียงของเสี่ยวอี้ที่เรียกเบาๆ "ฮ่องเฮาเพคะ เสี่ยวอี้ นำถาดน้ำสำหรับล้างหน้ามา
"เช่นนั้น... ข้าจะรอดูแผนการของพระสนม ถ้ามีอะไรให้ข้าช่วย บอกข้ามาเถอะ"หยางชินอวี้ยืนตรงและหันไปมองงานพิธีที่กำลังดำเนินไป ด้วยความหวังและความมุ่งมั่นที่ยังไม่สิ้นสุด แม้ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ก็ยังมีความปรารถนาในใจที่จะต่อสู้ต่อไป แม้ว่าในใจจะรู้ดีว่าเส้นทางนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยงและการสูญเสีย"ข้าจะไม่ยอมแพ้" หยางชินอวี้กล่าวเบาๆ แต่เสียงของนางกลับดังกังวานในใจของตัวเองบรรยากาศในตำหนักใหม่นาม เหยียนหลิง สดใสไปด้วยแสงไฟจากโคมไฟสีทองส่องแสงเป็นประกายในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยม่านผ้าทอสีแดงสดใสที่ปลิวไหวไปตามลม และดอกไม้หอมที่ปลูกไว้ในกระถางทองคำ ข้างในห้องแห่งนี้มีแท่นนอนขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ชั้นดี ตกแต่งด้วยผ้าปูที่นุ่มนวลสีขาวสะอาดตาและม่านพลิ้วไหวที่คลุมลงมาจนเกือบถึงพื้น ทำให้ห้องนี้ดูนุ่มนวลและอบอุ่นเสี่ยวหนี่ที่เดินมาถึงห้องหอในตำหนักใหม่เหยียนหลิงถูกพยุงเข้ามาโดย อันหรู และ เสี่ยวอี้ ข้างๆ มี เชียหยาที่พยุงอีกข้าง ก้าวไปทีละขั้นอย่างระมัดระวัง เสี่ยวหนี่ร่างบางแทบจะเซไปมาด้วยชุดฮองเฮาที่ประดับด้วยเพชรและลูกปัดระยิบระยับ ใบหน้าซีดเซียวจากความเหน็ดเหนื่อย ท่าทาง
งานแต่งตั้งฮองเฮาแห่งราชวงคืซุ่ยของเสี่ยวหนี่เต็มไปด้วยความหรูหราและยิ่งใหญ่ตำหนักใหญ่ของวังหลวงถูกตกแต่งด้วยโคมไฟสีทองที่ส่องแสงระยิบระยับ สายลมยามเย็นพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้และอาหารมาผสมกัน เสียงพิณและการขับร้องของนางในที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีงามช่วยเพิ่มบรรยากาศในงาน ให้มันดูงดงามและตระการตา บนโต๊ะอาหารมีอาหารหลากหลายชนิดที่ถูกจัดเตรียมมาอย่างประณีตและพิถีพิถัน อาหารแต่ละจานถูกประดับด้วยดอกไม้สดและเครื่องเทศหอมๆ ที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้องจ้าวหรานเจียวที่เป็นแม่งานด้านอาหาร ได้จัดสรรให้เฟิงหราน เซียหยา และหลิงเซียว ตามคำขอของเสี่ยวหนี่ให้ทั้งสามคนต่างก็รับผิดชอบดูแลเรื่องอาหารการกินในครั้งนี้ โดยเฉพาะเฟิงหรานที่ดูแลการจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเสิร์ฟในเวลาที่เหมาะสม ทั้งหมูกรอบ ทอดมันปลา รสชาติหวานๆ เค็มๆ และซุปสมุนไพรหอมกรุ่น ทำให้แขกทุกคนในงานต้องประทับใจไปกับรสชาติที่กลมกล่อมและจัดจ้าน“พร้อมหรือยังฮองเฮาของข้า” หยางลี่คว้าข้อมือบางของหยางลี่ไว้ในอุ้งมือเขางานพิธีเริ่มต้นขึ้นเมื่อเสี่ยวหนี่ในชุดฮองเฮาสีทองสดใสเดินเข้ามาพร้อมหยางลี่ ดวงตา