อีกคนซ่อนพิษ อีกคนซ่อนความลับ จากคอยปกป้องกลายเป็นหวง จากหวงกลายเป็นอยากครอบครอง เมื่อนางเลือกจะแก้แค้นเขาก็พร้อมจะเคียงข้าง "อยู่ดีไม่ว่าดีเรียกข้ามาวางยาพิษถึงที่ ร้ายมาร้ายกลับสามเท่าไม่โกง" "หลางเย่หลิน" บุตรีเสนาบดีที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับบิดา นางอยู่บนเขาฉีซางดี ๆ แต่มีราชโองการเพื่อให้เข้าร่วมพิธีหาคู่ขององค์ชายทั้ง 10 ใน "ต้าเซี่ย" นางจึงต้องลงเขา ใครจะคิดว่าลงได้แค่ตีนเขาก็ถูกลอบโจมตีจนพบกับเขา.... "โม่จางหยวน" องครักษ์ลับที่รับคำสั่งจากอาจารย์ของนางให้มาปกป้องนางจนถึงเมืองหลวง "หลางเสี่ยวหง" และ "จางเยี่ยน" สองแม่ลูกที่ส่งคนตามฆ่าเพื่อมิให้หลางเย่หลินได้มาถึงเมืองหลวง นางไม่ต้องการให้มีคนมาแย่งตำแหน่ง "ชายาองค์รัชทายาท" แต่เมื่อมาถึงเมืองหลวงและพบกับบิดา "หลางฮุ่ย" เสนาบดีของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันซึ่งนางมาที่นี่ จุดประสงค์เดียวคือ "ตัดขาดกับสกุลหลางโดยเด็ดขาด" แต่ในเมื่อทำไม่สำเร็จ "หลางเย่หลิน" รอดมาได้จนถึงเมืองหลวง โดยมี "โม่จางหยวน" คอยปกป้อง "พวกเจ้าก็ระวังตัวให้ดี ๆ การแก้แค้นกำลังจะเริ่มต้น ณ บัดนี้"
view moreเขาฉีซาง แคว้นต้าเซี่ย
“คุณหนูเจ้าคะ อีกนานกว่าจะถึงในเมือง กินอะไรรองท้องเสียหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”
“เจ้ากินเถอะจี้ถง หนทางข้างหน้ายังยากคาดเดา เราจะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด”
“คุณหนูคิดว่า…จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ”
“ตั้งแต่ส่งตัวข้ามาอยู่อารามจวินซวนบนเขาร่วมห้าปี จู่ ๆ ท่านพ่อผู้สูงส่งกลับให้คนมาตามข้าลงจากเขา เจ้าคิดว่าจะมีเรื่องดีงั้นหรือ”
“บ่าว…บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะแต่ว่าคุณหนู..”
“ชู่ว….เงียบ ๆ ข้าได้ยินเสียงอื่นนอกจากล้อรถม้า”
สาวใช้เริ่มกำดาบในมือแน่น คุณหนูรองสกุลหลาง “หลางเย่หลิน” ที่ค่อย ๆ ขยับไปที่ด้านหน้าตรงประตูคนขับเพื่อส่งสัญญาณบางอย่างให้คนด้านนอก
“หย่าหลี เจ้ารีบไปตรวจดูรอบ ๆ นี้ไม่เกินห้าลี้ ข้าคิดว่าเราไม่ปลอดภัย”
“คุณหนู ดูแลตัวเองด้วย”
“อืม ข้าจะรอเจ้าที่ปากทางแยกเข้าเมืองข้างหน้า”
“เจ้าค่ะ”
นางหันกลับมามองหน้าสาวใช้อีกคนในรถม้า พร้อมกับพยักหน้าให้กันตามสัญญาณไม่นานรถม้าก็ถูกล้อมเอาไว้และถูกโจมตีทันที
“คันนี้แหละไม่ผิดแน่ ฆ่าให้หมด!!”
“คุณหนูระวัง!!”
“จี้ถงเจ้าก้มหลบไป!!”
“หลางเย่หลิน” กำบางอย่างอยู่ในมือก่อนจะหลับตาลงและปล่อยบางอย่างพุ่งออกจากรถม้า สาวใช้ข้างกายปิดจมูกเอาไว้พร้อมกับเปิดหน้าต่างรถม้าให้นางอย่างรู้งานดอกไม้พิษถูกโยนออกจากรถม้าและพุ่งละอองออกไปถูกคนร้ายทั้งเจ็ดคน พวกมันถูกละอองพิษนั้นเข้าและเริ่มลงไปดิ้นอยู่ที่พื้นเพราะความแสบร้อน
“ขับต่อไปเร็วเข้า!!”
“ขอรับคุณหนูรอง!!”
คนขับรถม้าของสกุลหลางรีบคุมบังเหียนรถม้าเพื่อเร่งออกจากที่ตรงนั้นโดยเร็วจนออกมาห่างสักระยะหนึ่งรถม้าจึงหยุดลง หลางเย่หลินและสาวใช้จึงรีบเดินออกมา
“รีบกินยาแก้พิษนี่ก่อน พวกเจ้าด้วย”
“ขอบคุณขอรับคุณหนู”
“อย่าลืมว่าเรื่องในวันนี้....”
“พวกข้าน้อยรับรองว่าจะไม่พูดขอรับ คุณหนูไม่ต้องห่วงคุณชายใหญ่เป็นเจ้าชีวิตของข้า ข้าไม่มีทางหักหลังคุณชาย”
“ขอบใจเจ้ามาก”
“มิได้ขอรับ แต่ว่าคุณหนู เราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่….อึก!!”
ลูกศรพิษพุ่งมายิงถูกคนขับรถม้าทั้งสองของนาง ตาเขาเบิกค้างและล้มลง คนร้ายที่เหลือเริ่มล้อมนางไว้แต่จำนวนพวกมันน้อยกว่าเมื่อครู่แล้ว
“ดูท่าแล้วคงมีคนที่ไม่อยากให้ข้ากลับสกุลหลางอย่างปลอดภัยสินะ”
“คุณหนูระวังนะเจ้าคะ”
“จี้ถงเจ้าถอยไป”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“ข้าบอกให้ถอยไป ข้าจะคุยกับพวกมันเอง”
สตรีในชุดสีเขียวอ่อนเดินออกมาโดยมิได้เกรงกลัวต่อคนร้ายในชุดสีดำ สายตาที่เยือกเย็นนั้นมองไปที่แววตาของพวกมันอย่างไม่นึกเกรงกลัวต่ออันตรายข้างหน้า นางสวมผ้าปกปิดใบหน้า พวกมันจึงเห็นเพียงแค่ดวงตาเท่านั้น
“เจ้าคือหลางเย่หลิน พวกข้ารับคำสั่ง…”
“ของผู้ใดกันนะ ฮูหยินใหญ่ในเรือนหรือว่าน้องสาวต่างมารดาที่แสนดีของข้า”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ถาม”
“หึ ข้าจะตายอยู่แล้วเหตุใดแค่อยากทราบนามของผู้ที่ต้องการชีวิตของข้า ก็ไม่ได้งั้นหรือ แย่จริง ดูเหมือนว่าหากว่าข้ายังไม่รู้….ข้าก็ตายไม่ได้”
“ระวัง!! นางจะใช้พิษ!!”
“พิษผงบุปผา” ที่นางเก็บเอาไว้ถูกโปรยใส่ดวงตาของคนร้ายจนมันล้มลง พิษเริ่มกัดกินใบหน้าและเสื้อผ้าของคนร้ายจนเริ่มล้มลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนตรงหน้า คนร้ายที่เหลือจะพุ่งเข้ามานางจึงรีบตะโกนขู่เอาไว้
“อย่าเข้ามานะ!! หากว่าพวกเจ้ายังคิดจะมีชีวิตอยู่ก็อย่าได้คิดจะก้าวเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว”
สายตานางยังคงนิ่งเมื่อมองคนที่เหลือ พิษที่นางมีบัดนี้เหลือให้ใช้อีกแค่ครั้งเดียวแต่นางจะให้พวกมันรู้ไม่ได้
“คุณหนูรองหลาง ข้าว่าพวกเรามาคุยตกลงกันแต่โดยดีเถอะ ข้าไม่ได้ต้องการชีวิตเจ้าแต่คนที่ว่าจ้างต้องการแค่ทำลายรูปโฉมเจ้าเท่านั้น”
“ทำลายรูปโฉมข้างั้นหรือ….เพราะเหตุใดกัน”
“หึ ข้าจะไปรู้กับพวกเขางั้นหรือ ความคิดของพวกชนชั้นสูงมีหรือข้าจะคาดเดาได้ ไม่อิจฉาริษยากันเองก็คงเพราะต้องการทำเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง”
“เช่นนั้นก็เดาได้ไม่ยาก ผู้ที่ส่งพวกเจ้ามาคงไม่พ้นหลางเสี่ยวหง”
พวกมันสะดุดไปนิดหน่อยเมื่อนางพูดชื่อนี้ออกมา เป็นอันว่า “หลางเสี่ยวหง” น้องสาวต่างมารดาของนางเป็นผู้บงการเรื่องนี้จริง ๆ แต่เหตุใดต้องส่งให้คนมาทำลายใบหน้านางด้วย
“น่าเสียดาย เดิมทีข้าคิดจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เมื่อเจ้ารู้ความลับแล้ว คุณหนูรองขอโทษด้วยที่เก็บเจ้าเอาไว้ไม่ได้”
หลางเย่หลินค่อย ๆ ถอยกรูดและวิ่งหนีเข้าไปในป่า คนร้ายที่เหลือที่ตามนางไป สาวใช้นางกำลังสู้อยู่กับคนร้ายอีกสองคนตามหลังเมื่อนางวิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้งและกระจายพิษชุดสุดท้ายออกไป นางกำจัดได้เพียงสองคนเท่านั้น ยังเหลืออีกคนหนึ่งที่ตามนางมา นั่นคือคนที่คุยกับนาง
“เสียใจด้วยนะคุณหนูรองอย่าโทษข้าเลยที่ต้องทำเช่นนี้”
ปลายดาบพุ่งเข้ามาที่ตรงหน้านาง แสงสะท้อนกับตะวันในยามบ่ายของต้าเซี่ยเป็นสิ่งสุดท้ายที่นางทันเห็นและเสียงกระทบกันของดาบอีกด้ามก็ดังขึ้นแต่นางยังไม่ทันได้ลืมตา
“คุณหนู ท่านปลอดภัยหรือไม่”
“หย่าหลี!! เจ้าปัดดาบนั่นออกหรือ"
“ไม่ใช่ข้าเจ้าค่ะ แต่เป็นเขา!!”
หย่าลี่หันไปมององครักษ์ในชุดสีดำสามคนที่สู้กับคนที่เหลือ จี้ถงวิ่งมาสมทบกับพวกนางแล้ว นางไม่ได้บาดเจ็บเท่าไหร่
“คุณหนู โชคดีที่ท่านปลอดภัย พวกเขามาช่วยเราเอาไว้พอดี”
“พวกเขา…คือผู้ใดกัน”
ไม่นานนางก็ได้คำตอบเมื่อคนร้ายคนสุดท้ายถูกจับมัดและถูกพามาคุกเข่าตรงหน้านาง คนทั้งสามที่สวมชุดดำมีคนหนึ่งที่แต่งกายไม่เหมือนอีกสองคน เขาน่าจะเป็นหัวหน้าของคนทั้งสอง หลางเย่หลินมองใบหน้าของเขาที่สวมหน้ากากสีดำสนิทอยู่ครึ่งใบหน้าแต่ถึงเขาไม่ถอด เย่หลินก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นบุรุษที่รูปงามมากทีเดียว
“คุณหนูรองหลาง เจ้าปลอดภัยดีใช่หรือไม่”
“พวกท่านคือ….”
“ข้า….ข้าคือองครักษ์ลับที่แม่ชีอี้ซินสั่งให้มาปกป้องคุ้มครองเจ้านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
“อาจารย์งั้นหรือ แต่ว่าไม่เห็นนางจะบอกข้าก่อนหน้านี้”
บุรุษหนุ่มร่างกายกำยำดูองอาจเดินเข้ามาใกล้ ๆ นางพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ สายตาที่นิ่งดุจน้ำแข็งของหลางเย่หลินสั่นไหวไปเล็กน้อยเมื่อถูกเขาจ้องมองเข้ามา
“คุณหนู มิเช่นนั้นจะเรียกว่าองครักษ์ลับได้งั้นหรือ….พิษผงบุปผาของท่านน่าจะหมดแล้วสินะ กายเจ้าไม่มีกลิ่นถุงพิษแล้ว รีบออกจากที่นี่ดีกว่า”
“เดี๋ยวก่อน”
หลางเย่หลินรู้สึกหูอื้อตาลายไปพักหนึ่งกว่าจะตั้งสติกับหัวใจที่เต้นกระตุกรุนแรงนี้ นางไม่เคยคุยกับบุรุษหนุ่มใดในระยะใกล้ ๆ เช่นนี้มาก่อน แต่เขา….กลับทำให้นางรู้สึกราวกับถูก “พิษดอกไป๋ลี่” (พิษที่นางผสมขึ้นทำให้วิงเวียนมึนเมาไปชั่วขณะ)
“คุณหนู ท่านมีสิ่งใดจะกล่าวอีกงั้นหรือ”
“พวกท่านบอกว่า…พวกท่านคือองครักษ์ลับ เช่นนั้นก็จะปรากฏตัวเช่นนี้ได้งั้นหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ได้ ข้าจะให้….เป่ากง เจ้าไปขับรถม้าให้ที พวกเราจะส่งคุณหนูรองไปสกุลหลาง”
“หา….”
องครักษ์ผู้นั้นหันมามองหน้าองครักษ์คู่หูอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่พร้อมกับพยักพเยิดให้เขาไปที่รถม้าตามคำสั่ง
“เหตุใดกลายมาเป็นองครักษ์กับคนขับรถม้าไปได้เล่า” / เป่ากง
“หรือเจ้าอยากให้คุณชายสั่งไปเก็บขี้ม้าที่สกุลหลาง” / กังลี่ (องครักษ์คู่หู)
“เจ้า!!…ฝากไว้ก่อนเถอะ”
สิบสองปีผ่านไป / วังหลวง“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”กังลี่เที่ยวมองหาองค์ชายใหญ่ที่กำลังฝึกวิชาอยู่ในสวนแต่จู่ ๆ ก็หายไปจากสายตาของเขาหลังจากที่เขาถูกฝ่าบาทเรียกไปเพื่อสั่งงานบางอย่างก่อนที่พระองค์จะเสด็จเข้าไปที่ท้องพระโรงเพื่อประชุมราชสำนัก“ข้าอยู่นี่อาจารย์กังลี่”“องค์ชายเซียวหยาง ลงมาเถิดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทกำลังประชุมราชสำนักเช้าอยู่ หากว่าพบพระองค์อยู่ตรงนี้จะถูกลงโทษนะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าพึ่งถูกเสด็จแม่ไล่ออกมาจากตำหนักเพราะว่านางกำลังจะให้นมน้องของข้า มาปีนต้นไม้ก็ถูกท่านพบเข้าอีก เฮ้อ ชีวิตองค์ชายในวังนี่แสนลำบาก หรือว่าข้าควรจะขอเสด็จพ่อไปฝึกที่กองทัพบูรพาของท่านลุงเจิ้งหลิงดีเล่ากังลี่”“ลงมาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”“เป่ากง!!”“รีบลงมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีบางอย่างให้ทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”“สิ่งใดงั้นหรือ หากว่าเป็นหนังสือวิชายุทธ์เช่นวันเก่าข้าไม่เอาแล้วเพราะข้าอ่านหมดแล้ว”“หน้ากากที่พระององค์สั่งให้กระหม่อมไปทำให้เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไรนะ จริงหรือเป่ากงเสร็จแล้วงั้นหรือแล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า”“จ้าวเซียวหยาง” องค์ชายใหญ่ซึ่งเป็นพระโอรสของฮ่องเต้จ้าวซางหยวนและฮองเฮาเซี
“หา!! เจ้าว่าอย่างไรนะ แล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า แล้วเหตุใดจึงเอาไปวางไว้ที่เดียวกับยาทาแผล”“โม่จางหยวน!! นี่ท่านแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ามิได้จงใจจะฆ่าหม่อมฉัน”“เย่หลินข้าเปล่านะ ข้าก็แค่….”“ออกไปเลย แล้วไปเรียกหย่าหลีมาให้หม่อมฉัน!!”เรือนใหญ่“เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้”“ดังนั้นในตอนนี้….”องค์รัชทายาทนั่งที่โต๊ะพร้อมกับเซี่ยเจิ้งหลิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อฟังเรื่องที่พระองค์เล่าให้ฟัง เซี่ยเย่หลินไล่องค์ชายออกมาเพราะว่าเขาทำนางบาดเจ็บและหยิบขวดยามาผิดนางจึงโกรธและไล่เขาออกมาจากห้อง“ตอนนี้…”“สาวใช้ของนางกำลังทำแผลให้นางอยู่ข้างใน เจ้าช่วยข้าหน่อยสิเจิ้งหลิง”“เฮ้อ องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็ไม่ได้ต่างจากพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ หากว่าหลินเอ๋อร์โกรธเข้าล่ะก็…”“แต่เจ้าเป็นพี่ชายนางนะ”“พระองค์เป็นถึงพระสวามียังถูกไล่ออกมาจากห้องเลยนะพ่ะย่ะค่ะ คิดว่านางจะ…”“เจ้าไปลองดูหน่อย ไปสิ เร็ว ๆ เข้า”“เอ่อ….องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามีวิธีที่ดีกว่านั้นนะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเช่นนี้พระองค์ควรจะ….”เซี่ยเจิ้งหลิงกระซิบบางอย่างกับองค์ชาย โม่จางหยวนเริ่มยิ้มออกมาและพยักหน้าอย่างรู้ทัน เขาหันมามองหน
เมืองหลวงหลังจากพิธีอภิเษกที่กองทัพบูรพาผ่านไปสิบวันองค์รัชทายาทก็ได้เสด็จกลับเมืองหลวงพร้อมกับพระชายาเซี่ยหลิงเย่ ขบวนนำเสด็จถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติเพราะในครั้งนี้กองทัพบูรพาที่ยิ่งใหญ่ของรองแม่ทัพเซี่ยเจิ้งหลิงจัดขบวนทัพเข้าเมืองหลวงด้วยตัวเอง เมื่อขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทเข้าสู่ประตูเมืองหลวงก็ได้รับการต้อนรับอย่างคับคั่งจากชาวบ้านในเมืองหลวงที่ทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว“ตื่นเต้นเหรอเย่หลิน”“คิดไม่ถึงว่าจะได้กลับมาอีกครั้งเพคะ หม่อมฉัน…”“ถึงอย่างไรเจ้าก็หนีวังหลวงไม่พ้นแล้วล่ะพระชายา ทางที่ดีทำใจและยอมรับเสียเถอะ”“หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงประทานแซ่เซี่ยให้หม่อมฉันและพี่ใหญ่เพคะ”“นั่นเป็นสิ่งที่เสด็จพ่อทรงประทานให้แม่ทัพเซี่ยผู้เฒ่ามิใช่ข้า สิ่งที่ข้าจะมอบให้เจิ้งหลิงกับเจ้าน่ะ คือสิ่งนั้นต่างหากเล่า”องค์รัชทายาทเปิดหน้าต่างรถม้าเพื่อให้นางเห็นบางอย่างที่อยู่ตรงหน้า จวนหลังใหญ่ที่ประดับตกแต่งแล้ว ประตูจวนนั้นเขียนด้วยป้ายพระราชทาน “ความดีงามคงอยู่ตลอดกาล” “ที่นี่คือ….."จวนสกุลเซี่ย" พระองค์…"“แน่นอนว่าจะต้องมีจวนเพื่อสกุลเซี่ยที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองสิใช่หรือไม่
เจ้าสาวหันไปมองแม่สื่อที่กระซิบบางอย่างกับนาง ไม่นานมือของนางก็โผล่ออกมาจากม่านสีแดงเพื่อเป็นการยืนยันว่านางคือเจ้าสาวที่แท้จริง เสียงโห่ร้องกึกก้องด้วยความยินดีที่องค์รัชทายาทสามารถเลือกเจ้าสาวถูกต้องได้ตั้งแต่ด่านแรกซึ่งมีน้อยคนนักที่จะทำได้ แม่สื่อดึงม่านแดงออก เจ้าสาวอีกสองคนที่เหลือคือสาวใช้ของนางทั้งสองคนนั่นเอง พวกนางเดินไปหาเป่ากงและกังลี่พร้อม ๆ กัน“ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ พิธีการซ่อนเจ้าสาวผ่านพ้นไปแล้ว จากนี้จะเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินพ่ะย่ะค่ะ”ท่านแม่ทัพได้รับเกียรติให้เป็นผู้เอ่ยนำพิธีมหามงคลนี้ เมื่อพวกเจาจุดธูปแดงมงคลเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และจึงได้เดินเหยียบพรมแดงที่มีเด็ก ๆ โปรยดอกไม้สีแดงไปตลอดทางจนถึงบริเวณหน้าพิธีเพื่อทำการกราบไหว้ฟ้าดิน“คำนับที่หนึ่ง คำนับฟ้าและดิน”บ่าวสาวค่อย ๆ ทำการคำนับและค่อย ๆ ลุกขึ้นมาองค์รัชทายาทหันไปพยุงเย่หลินให้นางลุกขึ้นมา“คำนับที่สอง คำนับบุพการีและผู้ให้กำเนิด”“คำนับที่สาม บ่าวสาวคำนับซึ่งกันและกัน”เมื่อพวกเขาคำนับเสร็จแล้ว หย่าหลีจึงนำไม้หอมผูกดอกไม้มงคลมามอบให้องค์ชายเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“องค์รัชทายาท เปิดหน้าเจ้าสาวไ
“แต่นั่น…จะไม่เป็นการหักหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรอกหรือเพคะ”“บัลลังก์เป็นของข้า ใต้หล้านี้ข้าก็เป็นผู้ดูแล เหตุใดต้องอาศัยอำนาจของพวกขุนนางละโมบที่คอยจดจ้องส่งบุตรสาวเข้ามาในวังหลังให้วุ่นวายด้วย ขอเพียงมีเจ้าที่อยู่ร่วมเคียงเป็นหงส์คู่มังกร ข้าไม่ต้องการผู้อื่นอีก”นางหลับไปพร้อมกับคำมั่นนั้นของเขา แม้จะดีใจที่องค์ชายตรัสออกมาด้วยพระองค์เองแต่เส้นทางของนางยังไม่ได้เริ่มต้น ยังคงต้องดูอีกนานหลังจากที่พวกเขาเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองวันถัดมาค่ายบูรพากลายเป็นสีแดงมงคลที่ถูกประดับไปด้วยผ้ามงคลสีแดงซึ่งเหล่าทหารและชาวบ้านในละแวกนั้นล้วนอยากจะมีส่วนร่วมในพิธีการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เพราะนาน ๆ ทีจะมีงานมงคล นั่นหมายถึงการที่จะได้ล้มวัวและสัตว์ใหญ่ที่หาในป่ามาเพื่อร่วมฉลองทั้งวันทั้งคืน“ตื่นเต้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าอยากเห็นเจ้าสาวของข้าแล้ว”“ขอทรงโปรดพระทัยเย็นพ่ะย่ะค่ะ ทางชายแดนแห่งนี้มีกฎอยู่อย่างหนึ่งคือพิธีซ่อนเจ้าสาว”“อะไรนะ เดี๋ยวก่อนเจิ้งหลิงเจ้าไม่ได้บอกข้าก่อนเลยนะว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วยน่ะ”“องค์รัชทายาทโปรดอภัย หากว่ากระหม่อมแจ้งเรื่องนี้กับพระองค์ก่อน เกรงว่าพระองค์กับหลินเอ๋อร์
“ท่านว่าอย่างไรนะ แต่งงานงั้นหรือ”“ใช่ ข้าไม่อยากรอพิธีการวุ่นวายในราชสำนัก ถึงอย่างไรข้าก็ใจร้อนอยากให้เจ้าเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า ตั้งแต่เจ้าหนีมาเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าไม่ต่างกับคนที่ตายไปแล้ว หากครั้งนี้เสียเจ้าไปอีก ข้าคงไม่อยากมีชีวิต….”นางเอานิ้วมือปิดปากเขาเอาไว้ ก่อนหน้านี้นางโกรธเขามากจริง ๆ แต่เมื่อได้รับรู้สิ่งที่เขาพบเจอตลอดทางที่เดินทางมาหานางจากปากของสองสาวใช้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากองครักษ์ของเขาทั้งสองคนบอกกล่าวถึงความลำบากที่เขาพบมานางก็เริ่มใจอ่อน อีกทั้งเขาตามตื๊อนางอยู่เกือบร่วมเดือนในค่ายนี้โดยไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ขององค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย นี่คือสิ่งที่ทำให้นางยอมยกโทษให้เขา“หากท่านยังพูดอีก ข้าจะไม่แต่งกับท่าน”“เย่หลิน ที่นี่มีพี่ชายของเจ้าอยู่ อย่างน้อยข้าควรให้เกียรติเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่ ข้าจึงได้ไปปรึกษาเขาเรื่องจัดงานแต่ง..ในอีกสองวันข้างหน้า”“สะ…สองวันงั้นหรือ เช่นนี้จะเตรียมตัวกันทันหรือเจ้าคะ”เขาดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่นพร้อมกับก้มลงไปหอมที่หน้าผากของนางอีกที“ขอเพียงมีแค่เจ้ากับข้าในพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและส่งตัวเข้าหอ เพียงเท่านี้ก็นับว่าครบพิ
“เย่หลิน…..ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่”เย่หลินค่อย ๆ ปลดมือเขาออกแต่ว่าเขากลับไม่ยอมปล่อย“ขออยู่แบบนี้สักครู่ เจ้าจะต่อว่าจะด่าหรือตีข้า ข้าก็ยอมทั้งนั้นแต่ขออยู่เช่นนี้สักประเดี๋ยวนะ”“เหตุใดต้องมาทนลำบากที่นี่ด้วย”“เจ้าอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่น ต่อให้ลำบากกว่านี้ข้าก็จะตามเจ้าไปทุกที่”“ท่านมิต้องทำหน้าที่องค์รัชทายาทงั้นหรือ”“ข้ากำลังทำอยู่นี่อย่างไร หาพระชายาให้ตัวเอง หากว่าข้าไม่มีพระชายาข้าก็คงไม่อยากเป็นรัชทายาทอีกแล้ว เย่หลินเจ้าเชื่อข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ ข้าไม่มีวันทรยศต่อเจ้าอีกข้าไม่กล้าแล้ว ครั้งนี้…ยกโทษให้ข้าเถอะนะ”“ท่านทำได้เช่นไรกัน ตอนที่ข้าเข้าวังในครั้งแรกข้าจำได้ว่าท่านยืนอยู่ด้านหลังข้า แล้วท่าน….”“คือว่า…ข้าสลับตัวกับกังลี่น่ะ เขามีรูปร่างท่าทางและน้ำเสียงใกล้เคียงกับข้าก็เลย…ให้เขาสลับตัว แล้วช่วงที่ข้าอ้างว่ากลับไปที่รถม้าเพื่อส่งหลางเสี่ยวหงกลับ ในตอนนั้นข้ากับกังลี่ก็สลับตัวกันอีกครั้งเพื่อกลับไปหาเจ้า”“เช่นนี้นี่เอง ครั้งที่พบกันที่ตำหนักบูรพา ท่านยอมเปิดหน้ากาก”“เพราะข้าต้องการบอกความจริงกับเจ้า เสียดายที่เจ้ายังลังเลสงสัยในตัวข้า วันนั้นก็เลยไม่ทันได้
“เย่หลิน เจ้า….ไม่ต้องการข้าแล้วจริง ๆ น่ะหรือ”เย่หลินไม่อยากจะใจอ่อนกับเขาอีก นางรีบเดินออกมาด้านนอกและหันไปมององครักษ์ทั้งสองที่ยืนอยู่หน้ากระโจม ตอนนี้เองที่นางพอจะรู้แล้วว่าพวกเขาคือผู้ใด“กังลี่ เป่ากง พวกท่านเองสินะ ไม่ต้องหลอกข้าแล้วข้ารู้เรื่องหมดแล้ว”องครักษ์ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะคำนับให้นาง“คุณหนูเซี่ย ข้าน้อยสองคนไม่ได้ตั้งใจแต่ว่าองค์รัชทายาทลำบากพระวรกายมากกว่าจะมาพบท่านถึงที่นี่ได้ หนทางที่มาช่างลำบากแต่ว่าพระองค์ก็ไม่ได้หยุดพัก หวังว่าท่าน….”“พวกท่านรีบเตรียมตัวพาเขากลับเมืองหลวงไปเถอะ ที่นี่มิได้สบายเฉกเช่นเมืองหลวงที่เขาจากมา เกรงว่าจะรักษาบาดแผลของเขาได้ไม่หายขาด”“แต่โรคของพระองค์คือโรคทางใจ หากจากไปก็คงรักษายากแล้ว”เย่หลินเดินออกจากกระโจมทันทีเพื่อจะไม่ต้องคุยกับพวกเขาอีก นางไม่อยากฟังเรื่องของพวกเขาแม้แต่น้อยไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็คือคนโกหกสำหรับนาง เรื่องที่เขาทำที่เมืองหลวงเป็นสิ่งที่นางยังทำใจยกโทษให้เขาไม่ได้กระโจมเย่หลิน“อะไรนะเจ้าคะ ท่านบอกว่าทหารองครักษ์นั่น…คือ”“ใช่แล้ว โม่จางหยวนหรือว่าองค์รัชทายาท เขาหลอกให้ข้ารักษาเขาจนหายโดยไม่บอก เขาโกหกข้าอีกแล
นางป้อนข้าวเขาจนเสร็จและค่อย ๆ ป้อนยาให้เขา เมื่อป้อนเสร็จไม่นานทหารด้านนอกก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงผ้าห่อใหญ่ เขาเอาวางบนโต๊ะและรีบเดินออกไปทันที“นั่นคืออะไรหรือ”“ให้เจ้า”“ท่านยอมพูดแล้วหรือ”“อืม…เจ้า…ไว้ใจได้”“แล้วมันคือสิ่งใดกัน”เขาทำเพียงแค่ชี้ไปที่ถุงนั้นแล้วไม่พูดอะไรอีก เย่หลินนำถามยามาวางและรินน้ำส่งให้เขาดื่มเพื่อดับความขมของยาและเดินกลับมาดูของที่อยู่ในห่อ เมล็ดเซียงหย่าเต็มถุงทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นราวกับได้ทองสามร้อยตำลึง“นี่ท่าน….ให้คนไปเก็บมาทั้งหมดนี้เลยงั้นหรือ”“อืม”“ยอดไปเลยท่านองครักษ์ นี่มันจะช่วยทหารในค่ายนี้ ข้าจะสามารถทำยาแก้ไข้ แก้พิษของแมลงออกมาช่วยพวกเขา ขอบคุณพระคุณของพวกท่านในครั้งนี้ ข้าจะรีบนำมันไปอบก่อนท่านก็รีบพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาอีกครั้งและเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้”นางเดินออกไปแล้วพร้อมกับถุงขนาดใหญ่ที่บรรจุเมล็ดเซียงหย่าเต็มถุง ทหารหน้ากระโจมเป็นคนอาสาถือไปส่งให้นางที่กระโจมพักและเดินกลับเข้ามาหาเขาทันที“กระโจมข้างท่านรองแม่ทัพ มีเพียงสาวใช้สองคนอยู่ด้วยแต่พวกนางแยกกระโจมนอนช่วงกลางคืนพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก ขอบใจเจ้ามากเป่ากง เจ้า…คงไม่ได้ทำอะ
Mga Comments