“ไม่ใส่ใบโหระพาเหรอ”
เวนิสาไม่ตอบ เธอยิ้มนิดๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทำผัดพริกแกง เริ่มต้นด้วยผัดพริกแกงกับกะทิพอหอม ตามด้วยหมูสามชั้น หมูสุกก็ใส่ถั่วฝักยาว ปรุงรสด้วยน้ำตาลน้ำปลาแล้วโปรยใบกะเพราใส่เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เธอตักผัดแยกใส่อีกกล่อง กลายเป็นอาหารกล่องสองชุด บรรจุลงในถุงผ้าแบบเก็บความร้อน
“อืม...หอมจัง”
“แน่นอน...ฝีมือเชฟนี่คะ” หันมายิ้มมาดมั่น แต่ศศินส่งสายตาเจ้าเล่ห์ตอบกลับมา
“ฉันหมายถึงเธอน่ะ หอม..”
จุ๊บ...
จุมพิตเบาๆ ที่ข้างแก้มเนียนแต่กลับสั่นสะเทือนไปทั่วหัวใจของเวนิสา ดวงตาคู่งามเบิกโต มองเขาอย่างอึ้งๆ
“แค่นี้ก็อึ้ง ไหนบอกว่าอยากสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงไม่ใช่เหรอ นี่ไง จุ๊บเบาๆ เราจะได้คุ้นเคยกันยังไงล่ะ” บอกแล้วดึงเอาถุงข้าวกล่องมาถือไว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องครัว ปล่อยเวนิสาให้ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองประตูทั้งที่ศศินเดินออกไปแล้ว อะไรของเขากัน คิดจะหว่านเสน่ห์ใส่เธอหรือ ไม่ต้องหว่านก็แทบคลั่งแล้ว แค่กระดิกนิ้วเรียกก็พอ น้อ
มือบางตบเบาๆ บนอกอุ่น ตบไปตบมาก็ผล็อยหลับไปในท่าที่มือยังวางบนอกเขา ศศินยังไม่ได้หลับแต่อย่างใด เขาขยับเข้าหาไออุ่นจากคนที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้านวม และก่อนที่จะหลับไปจริงๆ เสื้อคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่ก็ถูกถอดทิ้ง สองแขนโอบเอาร่างเปลือยของเวนิสามากอด ขยับใบหน้าเข้าหาใบหน้าน้อย แล้วจู่ๆ ท่ามกลางความมืดมิดไร้แสงสว่าง ริมฝีปากเขาก็ชนเข้ากับริมฝีปากของหล่อน ร่างทั้งร่างไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงริมฝีปากที่ขยับน้อยๆ เพื่องับเอาริมฝีปากนุ่มอุ่นของเวนิสามาขบเม้มเบาๆ จุมพิตสะกิดทรวงจึงบังเกิดขึ้นในนาทีนั้น ในนาทีที่เวนิสายังหลับใหล ในนาทีที่ศศินไม่รู้ว่าแอบขโมยจุมพิตแม่สาวขี้เซาไปได้อย่างไร“อา...อะไรกันนี่ ทำไมฉันต้องจูบเธอด้วยนะ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกผิดที่แอบจูบด้วยล่ะ เฮ้อ...เธอทำอะไรกับฉันกันนะแม่ตัวดี”_____________หนึ่งเดือนผ่านไปสถานการณ์โดยรวมระหว่างศศินกับเวนิสายังปกติดี ยังมีเรื่องอีโรติกเกิดขึ้นบ้างอาทิตย์ละสองสามหน แม้พยายามหักห้ามใจแต่ทั้งสองเหมือนน้ำมันกับไฟที่เข้าใกล้กันทีไรเป็นได้เผากันจนมอดไหม้ทุกที ในความสัมพันธ์อั
[8]ปวดใจ_________จุมพิตอ่อนหวานกำลังทะยานสู่ความเร่าร้อน ริมฝีปากนุ่มอุ่นประกบกันแนบแน่น ดื่มด่ำในรสจุมพิตอย่างดูดดื่ม ปลายเท้าของสองร่างเริ่มขยับเข้ามาภายในห้องโดยอัตโนมัติ ประตูกระจกบานหนาถูกศศินเลื่อนปิดเพียงกึ่งเดียว ลมเย็นจากภายนอกพัดเข้ามาไม่ขาด ชุดสวยของเวนิสาเลื่อนหลุดจากร่างพร้อมกับเสื้อเชิ้ตของศศิน ต่างฝ่ายต่างช่วยกันปลดเปลื้องอาภรณ์อันแสนเกะกะ ดวงตาสองคู่สานสบอย่างรู้ใจ กายเนื้อแนบชิดอย่างสนิทเสน่หา ก่อนที่ร่างอรชรจะถูกดันให้นอนหงายบนเตียงกว้าง โดยที่ศศินคร่อมทับอยู่เบื้องบนเสียงหายใจเพิ่มระดับความรุนแรง กายแกร่งแห่งชายเติบใหญ่ขึ้นพร้อมกับความอุ่นร้อน“นี่เป็น...วิธีการปลอบของพี่...หรือคะ”“อืม...”“จะดีเหรอ”“ต้องลองดู ถึงจะรู้...”“ถอนตัวทันไหมคะ”“ทัน...แต่ฉันไม่ยอมหรอก เราสองคนมาไกลเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว”แล้วศศินก็ซุกใบหน้าเข้าหาซอกคอขาวผ่อง สูดดมและพรมจูบบนผิวเนื้อนาง ทุ
หนึ่งชั่วโมงให้หลังสองศรีพี่น้องจากไปเมื่อมื้อค่ำผ่านพ้น ศศินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกจากเก้าอี้มานั่งยองๆ ลงข้างโต๊ะ เขาเปิดผ้าคลุมโต๊ะขึ้นช้าๆ เวนิสานั่งอยู่ข้างใน สีหน้าหล่อนไม่ได้รื่นรมย์นัก อาจเพราะเมื่อยที่ต้องนั่งแบบนั้นอยู่เป็นชั่วโมง หรือไม่ก็...อาจเพราะคำพูดของปานรพี“ออกมาไหม หรือจะอยู่ในนั้น”คนถูกถามหันมามอง มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่ข้อเท้า มันถูกเหน็บกินจนชา กระดิกไม่ได้ แต่ที่อาการหนักกว่าคือหัวใจ มันเจ็บยิ่งกว่าการเป็นเหน็บเสียอีก“วีนัส...”“ขอ...ห้านาที เหน็บกินเท้าน่ะ” บอกเขาแล้วยิ้มเนือยๆ ทว่าศศินไม่ให้ตามที่เธอร้องขอ เขาลุกยืนแล้วดึงโต๊ะออกไป เกิดเสียงขาโต๊ะครูดพื้นเรียกสายตาคนมอง แต่เขาไม่สน ก่อนจะย่อกายอุ้มเธอขึ้นสู่วงแขน ไม่แคร์สายตาผู้คนรอบข้าง ดวงตาเขามีแววเอื้ออาทรที่เธอโหยหา ความเย็นชาของเขากำลังละลายหรือ มันถูกทำให้จางหายด้วยไออุ่นจากความเอื้ออาทรใช่ไหม“ทำอะไรคะ ไม่อายหรือไง”“ให้เธอต้องนั่งอยู่ใต้โต๊ะต่างหาก ที่ฉันควรต้องอาย”เหมือนมีไออุ่นพร่า
“หนาวมากค่ะ แต่อยากสวยต้องอดทน”“เฮอะ...บ้าบอ” ปากบอกว่าบ้าบอแต่ถอดสูทที่สวมอยู่ไปคลุมร่างให้สาวเจ้า“เอ๊ะพี่!”“อยู่เฉยๆ เถอะน่า คนมองใหญ่แล้ว”“ก็ฉันสวย!”“เธอโป๊ต่างหาก!”เวนิสาทำหน้าเบื่อโลก อุตส่าห์แต่งสวยมาโชว์ อดเลย...“สั่งอาหารสิ รีบกินรีบกลับ” เขาแนะเสียงห้วนแล้วเรียกบริกรมารับออเดอร์หญิงสาวสั่งอาหารแบบขอไปที ไม่ทันได้เลือกจานที่อยากกินเพราะอีกฝ่ายรีบสั่งให้เสร็จๆ ในระหว่างที่รออาหาร เวนิสาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องอาหารแสนโรแมนติก ดวงไฟเหนือหัวส่องแสงสีนวลอบอุ่น เสริมบรรยากาศให้แสนหวานด้วยเชิงเทียนบนโต๊ะที่กำลังส่องสว่าง ร้านหรูเชียว มีเชิงเทียนและอาหารแพงๆ มันสมบูรณ์แบบละนะ หากไม่มีมารมาผจญ“เฮ้ย! สองพี่น้องมหาภัย!” เวนิสาตาแทบถลนเมื่อมองไปเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินเข้าประตูมา เธอแลหาที่หลบในขณะที่ศศินทำอะไรไม่ถูก“เธอลุกไปสิ เดี๋ยวสองคนนั้นก็รู้หรอกว่าเรามาด้วยกัน” เขาว่า“แล้วจะให้
“ไม่ใส่ใบโหระพาเหรอ”เวนิสาไม่ตอบ เธอยิ้มนิดๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทำผัดพริกแกง เริ่มต้นด้วยผัดพริกแกงกับกะทิพอหอม ตามด้วยหมูสามชั้น หมูสุกก็ใส่ถั่วฝักยาว ปรุงรสด้วยน้ำตาลน้ำปลาแล้วโปรยใบกะเพราใส่เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เธอตักผัดแยกใส่อีกกล่อง กลายเป็นอาหารกล่องสองชุด บรรจุลงในถุงผ้าแบบเก็บความร้อน“อืม...หอมจัง”“แน่นอน...ฝีมือเชฟนี่คะ” หันมายิ้มมาดมั่น แต่ศศินส่งสายตาเจ้าเล่ห์ตอบกลับมา“ฉันหมายถึงเธอน่ะ หอม..”จุ๊บ...จุมพิตเบาๆ ที่ข้างแก้มเนียนแต่กลับสั่นสะเทือนไปทั่วหัวใจของเวนิสา ดวงตาคู่งามเบิกโต มองเขาอย่างอึ้งๆ“แค่นี้ก็อึ้ง ไหนบอกว่าอยากสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงไม่ใช่เหรอ นี่ไง จุ๊บเบาๆ เราจะได้คุ้นเคยกันยังไงล่ะ” บอกแล้วดึงเอาถุงข้าวกล่องมาถือไว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องครัว ปล่อยเวนิสาให้ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองประตูทั้งที่ศศินเดินออกไปแล้ว อะไรของเขากัน คิดจะหว่านเสน่ห์ใส่เธอหรือ ไม่ต้องหว่านก็แทบคลั่งแล้ว แค่กระดิกนิ้วเรียกก็พอ น้อ
[7]คนในความลับ...ช่างขมขื่น____________หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จในเวลาต่อมา นึกขอบคุณชุดที่เขาเลือกให้ มันช่วยปกปิดรอยคิสมาร์กได้มากทีเดียว ป่านนี้ศศินคงไปทำงานแล้วสินะครืด...เวนิสาดันประตูกระจกของห้องแต่งตัวให้เลื่อนออก แล้วก็ได้ประหลาดใจ ศศินยังไม่ได้ไปทำงาน เขายืนอยู่ข้างเตียง กำลังสั่งสาวใช้สองนางให้ทำบางอย่างกับผ้าปูและฟูกนอน“ผ้าปูนี่ไม่ต้องซัก ทิ้งไปได้เลย ให้คนรถมาช่วยยกฟูกออกไปทิ้งด้วย ฉันโทรสั่งฟูกใหม่ไปแล้ว บ่ายๆ คงมาส่ง”สาวใช้สองนางพยักหน้ารับคำ เวนิสาอยากจะบ้าตาย ผ้าปูที่นอนที่สาวใช้ถืออยู่มีรอยแดงของโลหิตเปรอะอยู่ทั่ว พอมองไปที่ฟูกนอนก็ยิ่งสะเทือนใจ ต้องรีบใช้สองมือปิดหน้าด้วยความอับอาย“ลงไปได้แล้ว” เขาสั่งสาวใช้สาวใช้สองนางหันมองกันแล้วอมยิ้ม ก่อนจะรีบลงไปด้านล่างเมื่อหมดหน้าที่บนนี้“เธอจะไปทำงานไหม”คนถูกถามเอามือออกจากใบหน้า “ไปค่ะ”“ไหวแน่นะ ต้องยืนสอนไม่ใช่เหรอ”