“ขะ...ข้า...กลัว” ฟ่านรั่วเจี๋ยหลุดเสียงนั้นไปแล้ว กลีบบุปผาของนางก็บีบรัดแท่งหยกร้อนจัด และมันส่งผลให้กายแกร่งกระตุกอยู่ด้านหลังหลายหน“เจ้าทำได้ดี...รั่วเจี๋ย” เขาว่าและโถมกระหน่ำความใหญ่โตแรงๆ อีกระลอกใหญ่ กระทั่งฟ่านรั่วเจี๋ยต้องตกใจเมื่อนางรับรู้ได้ว่าชายหนุ่มส่งของเหลวร้อนจัดเข้าสู่เรือนกายนาง“นะ...นั่น ทะ...ท่านทำสิ่งใด!”ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยและตั้งใจดิ้นหนีเขา แต่มือใหญ่จับร่างนางพลิกให้มาเผชิญหน้ากัน“ข้าให้เจ้าชิมของหวานก่อนแบบนี้ อย่าเพิ่งขัดเคืองใจเสียก่อนล่ะ”ยามนั้นหญิงสาวยังจับต้นชนปลายสิ่งใดไม่ถูก รู้แต่ว่าใบหน้าของเขาช่างมีเสน่ห์ และเรือนกายแกร่งก็ส่งความร้อนมาสู่นาง“ท่านอ๋อง ข้าอยากอาบน้ำ” นางเอ่ยกับเขาอย่างขอร้อง“ได้สิ เดี๋ยวข้าจะอาบให้เจ้าเอง จากนั้นก็กินของคาวอีกสักหน่อยเป็นอย่างไรเจี๋ยเจี๋ย” มู่ชิงซานเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ดวงตาคมกริบก็ทอแสงอ่อน มันเป็นแสงเดียวกับที่นางเคยสัมผัสได้ยามที่เขาเป็นเจ้าเป็ดน้อย“เจี๋ยเจี๋ยเยี่ยงนั้นหรือ....”“ใช่...ข้าปรารถนาเรียกเจ้าเช่นนี้ พึงใจหรือไม่” ฟ่านรั่วเจี๋ยมองเขาและพยักหน้าช้าๆ อย่างเขินอายรับคำของหมาป่าตัวโตด้ว
“ข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยา ก็เพื่อต้องการให้ปรนนิบัติเรื่องบนเตียง”“ทั้งหมดนี้ท่านบังคับข้าและกำลังจะขืนใจ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยเสียงสั่น“ฮ่าๆ เมื่อครู่ไม่ได้เรียกว่าขืนใจ เช่นนี้ต่างหากจึงจะใกล้เคียง!”เมื่อร่างใหญ่เคลื่อนมาขึ้นคร่อมนางไว้ มือทั้งสองข้างของฟ่านรั่วเจี๋ยจึงปัดป้องตนเอง พลอยให้ชายหนุ่มรู้สึกรำคาญ เขาเลยเอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว แล้วบีบข้อมือนางเอาไว้จนหญิงสาวน้ำตาเล็ด“อย่าให้ข้าหมดความอดทน” มู่ชิงซานขู่และยิงฟันขาววาววับ แสดงท่าทางประหนึ่งจะกัดนางให้จมเขี้ยว!“ท่านจะทำอะไรข้า”“ก็เหมือนครั้งที่เจ้าเคยให้ข้าชิมน้ำหวานในตัวอย่างไรเล่า”“หุบปาก! เป็นท่านที่ล่อลวงข้ามาโดยตลอด” ฟ่านรั่วเจี๋ยดิ้นปัดไปมานางกลัวเขา ระคนรู้สึกว่าตนกำลังถูกหยามเกียรติ“อย่าร้ายกับข้านักเลย คิดว่าชาตินี้เจ้าจะหนีข้าพ้นรึ”ฟ่านรั่วเจี๋ยขนลุกซู่ บุรุษผู้นี้คิดจะจองจำนางไว้เป็นของเขา ช่างชั่วช้าเสียจริง“ท่านไม่ใช่ลูกผู้ชาย!”“ฮึ...แต่ข้าก็ทำเจ้าท้องได้” มู่ชิงซานเอ่ยและมัดมือทั้งสองข้างของหญิงสาวด้วยผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว จากนั้นก็เริ่มสูดกลิ่นกายนางด้วยจมูกโด่งๆริมฝีปากบางนั้นพรมจูบไปทั่วทั้งลำคอ แ
หนอนกู่ของฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ได้พ่นพิษออกมาหลายวันแล้ว มันหลบอยู่ในร่างกายนี้ มู่ชิงซานมีวิธีกำราบมันด้วยเรือนกายอุ่นๆ ของเขา รวมถึงหินที่ฟ่านรั่วเจี๋ยนำมาด้วย นางแช่ไว้ในอ่างอุ่นเพื่อทำให้เกิดความสดชื่น และเป็นอีกส่วนที่ทำให้นางไม่ต้องเป็นสตรีที่มีจมูกสุกรเมื่อจมูกโด่งของชายหนุ่มแตะปลายจมูกกลมมน ก็เหมือนสิ่งที่ขาดหายไปของฟ่านรั่วเจี๋ยได้รับกลับคืน โดยมีมู่ชิงซานเป็นคนเติมเต็มยามนั้นหัวใจหญิงสาวเต้นแรงกว่าเดิม นางวาดภาพไปต่างๆ นานาโดยเฉพาะท่วงท่าระหว่างชายหญิง เป็นภาพใต้หีบสินเจ้าสาว ซึ่งระหว่างสมองสร้างภาพมากมาย มู่ชิงซานก็ประทับริมฝีปากบางอุ่นๆ ลงมาความอุ่นซ่านทำให้ร่างกายนางร้อนผ่าว มู่ชิงซานละเลียดริมฝีปากบางชื้นบนริมฝีปากอวบอิ่ม แต่เมื่อนางไม่ยอมให้เขาใช้ลิ้นล่วงผ่านเข้าไปด้านใน เขาก็เปลี่ยนเป็นการขบเม้มปลายคางนางแทน พร้อมกันนั้นมือใหญ่ที่ค่อนข้างหยาบกร้านก็แตะสะโพก แล้วลูบไล้เพื่อให้นางตอบรับความเร่าร้อนจากเขาความอุ่นจากร่างกายชายหญิงบนเตียงทวีอุณหภูมิสูง พอเขาเลื่อนริมฝีปากมาที่ไหปลาร้า นางจึงสะดุ้งเฮือก“ทะ...ท่านอ๋อง...”ฟ่านรั่วเจี๋ยเรียกเขาเสียงหวาน แม้ตื่นกลัว สับสน แต่ก็
“ถ้าหากหนทางข้างหน้าต้องอันตรายเช่นนั้น สู้ข้ากลับไปอยู่ที่ตำหนักเย็นจะไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อยก็ไม่ต้องทำให้ท่านอ๋องรำคาญใจ”“ฮ่าๆ เจ้ามันช่างไม่รู้ความ การที่มีเจ้าอยู่ข้างกายมันช่วยทำให้ข้ารู้สึกสำราญใจ และความอัปลักษณ์บนใบหน้าก็เตือนสติว่าข้ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มันคือสัจจะที่ข้ามิอาจบิดพลิ้ว!”หลังจากฟ่านรั่วเจี๋ยถูกอุ้มออกจากกระโจมอย่างเป็นปริศนา มู่ชิงซานก็หาทหารมาเฝ้าเพิ่มที่หน้ากระโจม เขาได้สอบสวนเรื่องนั้นอย่างละเอียดจางฉีกับจางหมิ่นต่างโดนโบยไปหลายไม้ พวกนางจึงต้องรักษาตัวไม่ได้มารับใช้ฟ่านรั่วเจี๋ยและเท่าที่หญิงสาวทราบจากหยวนซาง ทำให้รู้ว่าผู้ที่บุกเข้ามาในกระโจมของฟ่านรั่วเจี๋ยเป็นพวกสิบสองเผ่าคนเถื่อนซึ่งลอบแฝงตัวเข้ามาอยู่ในค่ายต้าหลาง มู่ชิงซานได้สังหารทุกคน เขาสั่งให้ทหารนำศีรษะคนเหล่านั้นไปเสียบประจานไว้เพื่อไม่ให้ผู้ใดเอาเยี่ยงอย่างเรื่องดังกล่าวสร้างความหวาดหวั่นให้แก่ฟ่านรั่วเจี๋ย แต่นางก็รู้ว่านี่คือการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้นอีกมันคงไม่ใช่แค่ชีวิตของนาง แต่รวมถึงความปลอดภัยของมู่ชิงซานด้วย ซึ่งเขาเป็นกำลังสำคัญของแคว้นต้าหลาง จะให้ใครมาลูบคม
เจ้าสาวอัปลักษณ์ก่อนเข้าพิธีวิวาห์กับมู่ชิงซาน เกิดเรื่องที่หวิดทำให้ฟ่านรั่วเจี๋ยต้องถูกหยามเกียรติ เพราะมู่หรูซื่อกลับกลายเป็นคนพยายามเข้ามาตีสนิทนางในช่วงนั้นมู่ชิงซานมีภาระต้องไปประชุมกับรองแม่ทัพที่ค่ายในเมืองอื่นซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ราวๆ สามร้อยลี้ “พี่รองคงไม่ได้สนใจเจ้าดีพอ ข้าจึงพานางรับใช้มามอบให้ อย่างไรช่วงนี้เจ้าต้องดูแลหลายสิ่ง การเป็นสตรีข้างกายชินอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย”ฟ่านรั่วเจี๋ยมองไปยังนางรับใช้สองคนที่ท่าทางเหมือนสตรีชาวบ้านทั่วไป ทั้งคู่เป็นฝาแฝดอายุราวๆ สิบเจ็ดปีเห็นจะได้“รบกวนจวิ้นอ๋องหรูซื่อมากเกินไปแล้ว”“เล็กน้อย เพราะข้าเห็นว่าเจ้าปฏิเสธคนของแคว้นหมิง เลยให้บ่าวสองคนนี้มาช่วยงานแทน”ในครานั้นที่นางปฏิเสธองค์หญิงเล็ก ไม่รับสาวใช้เอาไว้ เพราะฟ่าน-รั่วเจี๋ยไม่รู้ว่าชะตากรรมของตนจะเป็นเช่นไร การให้คนที่อยู่ในแคว้นหมิงมาติดตามก็รังแต่จะสร้างภาระมากกว่าคอยรับใช้ สองฝาแฝดหน้าตาไม่ได้เหมือนกัน ทั้งคู่เป็นคนในแคว้นต้าหลางติดตามกองทัพมาตั้งแต่เล็กเพื่อช่วยงานในครัว คนพี่ชื่อจางฉี มีไฝที่มุมปากด้านซ้าย คนน้องชื่อจางหมิ่น ดวงตาโตและชอบยิ้มอยู่เสมอ“เอาละ ธุระข้ามีเพ
“รั่วเจี๋ย ข้าสั่งเจ้าได้ยินหรือไม่”นางส่ายหน้าปฏิเสธ ความกลัวครอบคลุมจิตใจอย่างเร็ว นางจึงถอยหลังหนีเขา แต่ร่างสูงกระโดดออกจากอ่างน้ำและคว้าตัวนางไปกอดรัดในอึดใจต่อมา“ทะ...ท่านอ๋อง อย่าได้ข่มเหงน้ำใจข้าจนเกินไป”“ข่มเหงเจ้า ฮ่าๆ เหลวไหล ทั้งหมดที่ทำ ข้าต้องการช่วยเจ้าต่างหากรั่วเจี๋ย” เขาเอ่ยแล้วก็ค่อยๆ ดึงผ้าที่ปิดใบหน้าครึ่งล่างของนางออก หญิงสาวสะเทือนใจต่อการกระทำนั้น ขอบตาแดงระเรื่อ น้ำตาเอ่อคลอหน่วย“ใครอยากเห็นน้ำตาของเจ้า หยุดร้อง ไม่อย่างนั้นข้าจะกัดจมูกเจ้าเสีย” เขาเอ่ย พอเห็นว่านางเริ่มสะอื้นจึงใช้นิ้วยาวๆ บีบจมูกของฟ่านรั่วเจี๋ยซึ่งเป็นตอนนั้นที่นางต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงจะรู้ว่าตนเองมีสมุนไพรปรุงเอาไว้เพื่อช่วยรักษาความอัปลักษณ์และหินจากบ่อน้ำพุในตำหนักเย็นแต่ยามนี้ได้เกิดความมหัศจรรย์ขึ้น เมื่อไออุ่นจากเรือนกายของมู่ชิงซานมอบความรู้สึกซาบซ่านแก่นาง ซึ่งนอกจากทำให้กายสาวสั่นสะท้าน มันยังช่วยรักษาความน่าเกลียดของฟ่านรั่วเจี๋ยด้วย“คราวนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าความอัปลักษณ์ที่ติดตัวเจ้านี้ เหตุใดจึงต้องมีข้าคอยดูแล!”ฟ่านรั่วเจี๋ยยังคงปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุมเช่นเดิม แม้จ