เสียงนกแว่วเข้ามาให้ได้ยินก่อนจะมีเสียงมือถือที่ตั้งปลุกไว้ทำให้จำต้องพลิกตัวควานหาที่โต๊ะข้างหัวเตียง แม้แทบไม่อยากขยับตัวให้พ้นจากความอบอุ่นในเวลานี้ เมื่อปิดเสียงเรียบร้อยร่างบางก็พลิกกลับมาวาดแขนขาเกาะเกี่ยวสิ่งที่ให้ความอุ่นเมื่อครู่ ทว่าผิวสัมผัสแข็งแกร่งที่รู้สึกได้ทำให้นึกขึ้นมาได้มัทรีสะดุ้งลุกขึ้นนั่งในทันใด มองคนข้างกายตาโตกลัวว่าเขาจะรู้สึกตัวและรู้ว่าเธอเพิ่งทำอะไรลงไป แต่ชายหนุ่มยังนอนนิ่งจึงค่อยถอนหายใจโล่งอกเบาๆ เธอจ้องอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวางหลังมือลงเบาๆ บนหน้าผากกว้าง อยากรู้ว่าไข้ชายหนุ่มลดลงหรือยัง“ดีขึ้นเยอะเลยนี่”เธอพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อฐิติกรตัวไม่ร้อนจัดอีกแล้ว ร่างบางขยับห่างออกมาเบาๆ แล้วห่มผ้าให้อีกฝ่ายอย่างดีก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ ครูหนึ่งจึงกลับออกมาหลังล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย เห็นชายหนุ่มหลับอยู่เช่นเดิมก็คิดว่าปล่อยให้เขาหลับให้เต็มอิ่มไปดีกว่า ส่วนตนเองออกไปด้านนอกหน้าบ้านพักพระอาทิตย์กำลังเริ่มสาดแสงแรกของวันเบื้องหลังหมอกหนา แววระยิบระยับไล่จับบนปลายยอดใบชาที่มีน้ำค้างเกาะ ดูอบอุ่นผิดกับอากาศในยามเช้า มัทรียิ้มพอใจกับความงดงามเบื้องหน้
“คุณเอาผ้าห่มมาหน่อย ผมหนาว”ฐิติกรไม่ได้อธิบายเรื่องระหว่างตนเองกับซินดี้ต่อ แต่ออกคำสั่งจนมัทรีอดเคืองไม่ได้ ทว่าก็ยอมเดินกลับไปหยิบผ้าห่มที่ตนทำหล่นไว้หน้าประตูมาส่งให้เขา เมื่อชายหนุ่มเพียงแค่มองเฉยๆ ไม่แม้แต่จะขยับมือมารับเธอจึงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ทว่าก็ยอมห่มให้ร่างสูงใหญ่อย่างกระแทกกระทั้นเพราะเห็นชัดว่าเขาไม่สบายจริงๆ หากยังไม่วายบ่นเบาๆ ให้ชายหนุ่มได้ยิน“หนาวเป็นอยู่คนเดียวหรือไง”“หรือคุณจะมานอนห่มผ้าด้วยกันผมก็ไม่ว่าอะไรนะ”คนป่วยพูดเสียงพร่าทั้งที่หลับตาลงไปแล้วหญิงสาวชะโงกหน้าไปมองก่อนจะเม้มปาก ชูกำปั้นเหมือนจะทุบอีกฝ่ายด้วยความเคืองที่เขากวนโมโห แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆ ร่างบางกลับไปค้นหาเสื้อตัวหนาของตนมาใส่เพิ่ม พร้อมกับหายาที่ยังพอมีติดอยู่ด้วยมาให้ชายหนุ่ม“คุณกินยาไหม พอดีฉันติดมาด้วย”คนที่นอนบนเตียงส่ายหน้าโดยไม่ลืมตาด้วยซ้ำมัทรีเบะปาก หากก็ไม่ได้เซ้าซี้ ในเมื่อเขาโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ บังคับให้กินก็คงไม่ได้“ตามใจ”เธอเลือกวางยากับน้ำที่ไม่ได้แช่ตู้เย็นเพราะอากาศหนาว และเธอก็เพิ่งหายป่วยจึงคิดว่ากินน้ำธรรมดาดีกว่าไว้ที่โต๊ะหัวเตียง เผื่อชายหนุ่มจะนึกอยากกินขึ้นมา“ยาไ
‘เจ้านายสั่งว่า สองวันแล้ว เขายังสบายดี ให้คุณเตรียมตัวพรีเซนต์ทริปเที่ยวของคุณในวันพรุ่งนี้หลังอาหารเช้าที่ห้องสมุด’เป็นมาร์คที่มาบอกกับเธอในช่วงเย็น ขณะที่มัทรีเดินเล่นรอบๆ บ้านของฐิติกร ด้วยที่นี่ก็มีสวนดอกไม้สวยๆ ให้ดูเพื่อจรรโลงใจอยู่เช่นกันหญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับด้วยความท้อแท้ใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มยังอยู่ดีมีสุข ไม่เจ็บไข้เลยสักนิด‘คนอะไร แข็งแรงอย่างกับโคถึก’มัทรีแอบค่อนขอดในใจนับวันเธอก็ยิ่งไม่อยากมองหน้าของฐิติกรมากขึ้น ทุกอย่างล้วนเพราะการกระทำของเธอเองทั้งนั้น ได้แต่ต้องแบกหน้ายอมรับความอับอายเวลาต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และเช้าวันต่อมาหลังก้มหน้าก้มตาอ่านงานของตัวเองในไฟล์งานที่ยังเก็บเอาไว้ในโน้ตบุ๊กให้ฐิติกรฟังจนจบ มัทรีก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความเหวอระคนแปลกใจเพราะคำพูดของอีกฝ่าย“ไปแม่ฮ่องสอน ก่อนเที่ยงนี้”“หา??”“เก็บของของคุณเลยก็ได้ เราจะไปอยู่ที่นั่นสักพัก ยังไม่มีกำหนดกลับ”หญิงสาวอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องถามอะไรเขา“เดี๋ยวก่อนสิ ยังไม่ได้จองที่พัก ดูตั๋วเลย คุณจะไปพักท
“คุณมัทเป็นอะไรคะ”ป้าเอื้องที่เดินออกมารับเจ้านายหน้าห้องรับแขกถามอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าฐิติกรอุ้มสาวร่างเล็กเข้ามาในบ้าน“ไม่สบายน่ะ เดี๋ยวป้าให้คนตามขึ้นมาดูด้วยนะ”“ค่ะ”รับคำแล้วป้าเอื้องก็ไปเรียกบัวตองที่กำลังจัดโต๊ะอาหารกับน้ำอิงตามฐิติกรขึ้นไปยังห้องของมัทรี บัวตองรีบเดินตามมาจนทันและเปิดประตูห้องให้ชายหนุ่ม ทว่าพอจะตามเข้าไปเสียงทุ้มเข้มก็เอ่ยขึ้น“ไปบอกให้ป้าเอื้องเตรียมอาหารอ่อนๆ กับยาแก้แพ้มา เดี๋ยวฉันลงไปแล้วค่อยเอาขึ้นมา”“เจ้า”บัวตองทำได้เพียงรับคำแล้วกลับออกไปแม้จะห่วงมัทรีมากก็ตามร่างสูงใหญ่พาหญิงสาวไปจนถึงเตียงแล้ววางลง อีกฝ่ายรีบพลิกตัวให้ห่างจากเขาทำให้ฐิติกรมองด้วยสายตาดุพร้อมจับแขนเล็กเอาไว้“มีแรงขยับหนีได้ขนาดนี้ แกล้งล้มให้ผมอุ้มหรือเปล่า”“คิดได้ยังไงเนี่ย”“ใครจะไปรู้ ก่อนหน้านี้ยังแกล้งท้าทายให้ผมจูบคุณได้เลย”“ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณมาช่วยสักหน่อย ปล่อยให้ฉันล้มไปเลยก็ได้นี่”มัทรีสวนกลับอย่างไม่กลัว อาการป่วยทำให้เธอหงุดหงิดไม่สบายตัว ไม่ปกติจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้“ท้าทายผมอีกแล้วนะ ไม่กลัวผมส่งคุณกลับหรือไง”ชายหนุ่มขู่ด้วยน้ำเสียงดุ ตาคมวาว
แม้ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ฐิติกรก็นึกอยากจะมาเที่ยวตามที่จัดโปรแกรมให้ ทว่าหญิงสาวก็จัดการดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดี ตั้งแต่ติดต่อเรื่องซื้อตั๋ว เดินขึ้นไปยังพระตำหนักพร้อมทุกคนและกลับลงมา ถึงจะรู้สึกล้าอยู่บ้างแต่ก็พยายามไม่แสดงออก“คุณกับคนอื่นๆ จะขึ้นทรีท็อปวอล์กกันไหมคะ”เธอถามฐิติกรเมื่อเดินกลับมาที่สวนแม่ฟ้าหลวง“มาแล้วก็ขึ้นไปดีกว่า”“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปซื้อตั๋วให้พวกคุณสามคนแล้วเดินดูสวนข้างล่างรอก็แล้วกันนะคะ”“ทำไมล่ะ คุณก็เพิ่งเคยมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ ขึ้นไปเดินด้วยกันนี่แหละ ค่าใช้จ่ายผมรับผิดชอบอยู่แล้ว ลงมาแล้วค่อยเดินดูสวนก็ได้ เรามีเวลาเดินดูนั่นนี่ได้ทั้งวัน ไม่ต้องเร่งรีบอะไร ไม่ได้มาทัวร์สักหน่อย”ชายหนุ่มบอกพร้อมเปิดกระเป๋าหยิบแบงก์สีเทาออกมายื่นให้เธอเหมือนที่ซื้อตั๋วก่อนหน้านี้มัทรีมองเงินจากมืออีกฝ่ายก่อนจะถอนใจรับมาแล้วไปซื้อตั๋วและเลือกคิวโดยไม่ขัดชายหนุ่มซ้ำให้มากความ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอเรื่องมากหญิงสาวปีนป่ายต่อจากซินดี้โดยมีฐิติกรนำหน้าและมาร์คปิดท้ายด้วยความอ่อนล้ารู้สึกตัวร้อนวูบวาบไปหมด มัทรีค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พิษไข้กำลังกลับมาเล่นงานเธออย่างหนั
ทั้งที่พยายามไม่มองหุ่นสะท้านใจที่มีเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวของฐิติกรนัก ทว่ามัทรีก็ยังจดจำรูปร่างของชายหนุ่มได้จนติดตา แม้ในเวลาที่ต้องเผชิญหน้าเขาตอนอาหารเย็นในชุดเรียบร้อยก็ตาม และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ รอยจูบร้อยกาจนั่นก็ยังตราตรึงไม่จางหายราวกับติดแน่นอยู่บนปากเธออย่างไรอย่างนั้น ระหว่างมื้อมัทรีจึงเลี่ยงที่จะมองไปทางชายหนุ่มและตักอาหารแค่ตรงหน้าตนเองเพื่อจำกัดระยะสายตาเมื่อสิ้นสุดมื้ออาหารหญิงสาวก็ผลุนผลันตรงกลับไปยังห้องของตนในทันทีโดยไม่พูดไม่จากับใคร รู้สึกหนักหัว พร้อมกับร้อนๆ หนาวๆ ไปทั้งตัว ร่างกายอยากทิ้งตัวลงบนที่นอนเต็มแก่หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงห่มผ้าทันที รู้สึกหนังตาหนักอึ้งแทบปิด ปวดหัวอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกตาร้อนผ่าวแปลกๆ ลืมไปด้วยซ้ำว่าตนเองยังไม่ได้เปิดมือถือ เพราะเร่งรีบแต่งตัวเพื่อลงไปด้านล่างด้วยถึงเวลาทานอาหารหลังจากเธอออกจากห้องน้ำ ไม่นานก็หลับในที่สุดเช้าวันนี้มัทรีไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้ แม้จะรู้สึกตัวครู่ใหญ่แล้ว หญิงสาวพลิกตัวอย่างยากลำบากเพราะล้าไปทั้งร่าง ปวดเมื่อยไปหมดทั่วทั้งตัวรวมถึงเจ็บคอด้วย สงสัยเธอคงโดนหวัดเล่นงานเข้าให้เสียแล้ว“ทำไมกระหม่อมบา