“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ
ในที่สุดก็ไล่ตามอวี๋ตันเฟิ่งและโหยวจิ้งเฉิงทันบริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันนั้นมีลมพายุในป่าพัดกระหน่ำ แม้แต่ใบไม้ที่ปลิวขึ้นมาก็สามารถฆ่าคนได้ ลั่วชิงยวนทำได้เพียงพาคนอื่น ๆ ไปหลบอยู่หลังก้อนหินในป่าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มองมิเห็นเงาร่างของอวี๋ตันเฟิ่งและโหยวจิ้งเฉิง ทำได้เพียงรับรู้ถึงพลังชั่วร้ายสองสายที่กำลังปะทะกันลั่วชิงยวนตั้งใจจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกอวี๋ตันเฟิ่งห้ามไว้ “เจ้าอย่าเพิ่งลงมือ รอข้าจับเขาได้ก่อน!”ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงทำได้เพียงรอรอจนกระทั่งอวี๋ตันเฟิ่งสามารถกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้ได้สำเร็จในป่าก็ค่อย ๆ กลับสู่ความสงบลั่วชิงยวนจึงเดินเข้าไป จึงได้เห็นสตรีชุดแดงกำลังบีบคอของโหยวจิ้งเฉิงไว้แน่นในดวงตาของอวี๋ตันเฟิ่งเต็มไปด้วยความแค้นจนแทบจะกลายเป็นเลือดเพราะนางมิอาจบีบคอโหยวจิ้งเฉิงจนตายได้!“ลงมือเถิด ทำให้เขาตายไปเสีย”ลั่วชิงยวนหยิบกระดาษยันต์ออกมาในทันทีนางมองไปที่อวี๋ตันเฟิ่ง แล้วกล่าวว่า “เมื่อข้าขว้างไป เจ้าจงรีบหลบเสีย!”อวี๋ตันเฟิ่งพยักหน้าแต่เมื่อลั่วชิงยวนขว้างยันต์ออกไป อวี๋ตันเฟิ่งกลับมิหลบหลีกแสงสีทองสาดส่องเข้าใส่ทั้งสองคนลั่วชิงยวน
โฉวสือชีตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นลั่วชิงยวนรีบเข้าไปดู เมื่อเห็นบัวถวายก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง“นี่คงเป็นของที่พวกนั้นบังเอิญทำตกไว้โดยมิได้ตั้งใจ”โฉวสือชีกล่าวพลางเปิดหน้าต่างก็เห็นว่ามีรอยเท้าอยู่บนขอบหน้าต่างจริง ๆ“โชคดีจริง ๆ ที่ยังหาเจออีกดอก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ดูเหมือนสวรรค์จะมิใจร้ายกับข้ามากนัก”ถึงแม้จะหาบัวถวายเจอเพียงดอกเดียวแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วก็สามารถช่วยชีวิตนางได้ และพอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสักระยะจากนั้นลั่วชิงยวนก็จัดยาให้คนใบ้นำกลับไปกิน เมื่อได้สมุนไพรครบถ้วนจากในคลังโอสถนี้จึงจัดยาได้หลายห่อหลังจากกินยาแล้วลุงเฉิงก็เข้ามา“ท่านเจ้าเมือง จัดการศพเรียบร้อยแล้วขอรับ มีสิ่งใดให้ข้าน้อยจัดการต่อหรือไม่?”ลั่วชิงยวนกล่าวว่า “ช่วยพาข้าไปดูห้องของต่งอวิ๋นซิ่วหน่อย”“ขอรับ”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มายังเรือนของต่งอวิ๋นซิ่ว ลุงเฉิงกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง ท่านโปรดดูว่าเครื่องเรือนในห้องนี้ต้องปรับเปลี่ยนสิ่งใดหรือไม่ ข้าน้อยจะได้จัดการให้ขอรับ”ลั่วชิงยวนมองดูห้องคร่าว ๆ จากนั้นก็ไปยังห้องตำรานางพบแผนที่การวางกำลังป้องกันซึ่งเป็นแผ่นเดียวกั
ลั่วชิงยวนเข้าใจ นางจึงอธิบายว่า “บนตราประทับทาสส่วนใหญ่มียันต์ผนึกวิญญาณอยู่ ข้าสามารถช่วยท่านเอายันต์ผนึกวิญญาณออกได้”เมื่อได้ยินดังนั้น ลุงเฉิงก็ตกใจ“เอาออกได้หรือขอรับ? นี่มัน…”นี่คือยันต์ผนึกวิญญาณของสำนักนักบวชเชียวนะ!นอกจากคนในสำนักนักบวชแล้ว ใครกันจะแก้ได้!ในเวลานั้นเอง โฉวสือชีก็เดินเข้ามาแล้วหัวเราะก่อนกล่าวว่า “บนตัวข้าก็มียันต์ผนึกวิญญาณ นางเป็นคนแก้ให้ข้าเอง เชื่อใจนางเถิด ลุงเฉิง”เมื่อได้ยินดังนั้น ลุงเฉิงก็ตกใจมากเขารีบถอดเสื้อออกลั่วชิงยวนรีบแก้ยันต์ผนึกวิญญาณออกไป ลวดลายสีทองบนรอยแผลเป็นนั้นหายไป เหลือเพียงรอยแผลเป็นธรรมดาลุงเฉิงหยิบคันฉ่องทองเหลืองมาส่องดู เมื่อเห็นว่ายันต์ผนึกวิญญาณบนหลังของตนหายไปจริง ๆ ก็ดีใจจนเนื้อเต้นเขาทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าลั่วชิงยวน “นับจากนี้ไป เฉิงติ่งผู้นี้ขออุทิศชีวิตบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านเจ้าเมือง โดยมิลังเลเลยขอรับ!”ลั่วชิงยวนคลี่ยิ้มจาง “ลุกขึ้นเถิด”“ไปรวบรวมสมบัติทั้งหมดบนเขามาให้ข้าดู แล้วทำบัญชีมาให้ข้าด้วย”“ขอรับ!”เฉิงติ่งรีบจากไปด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าและมีความสุขยิ่งโฉวสือชีมองท่าทางก้าวเดินอย่างมีควา
ลั่วชิงยวนตกใจ เฉินชีมาได้อย่างไร?“ข้าไปดูเอง”ลั่วชิงยวนรีบลงจากเขาทันใดเมื่อนางลงจากเขาก็เห็นเฉินชีกำลังจะจุดไฟเผาภูเขาเมื่อเห็นผู้คนลงมาจากบนเขา เขาก็ขู่ตะคอกเสียงดัง “ปล่อยลั่วชิงยวนออกมาเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะเผาภูเขาเฮงซวยของพวกเจ้า!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เขามาได้จังหวะดีจริง ๆ“เฉินชี หยุดนะ!”เมื่อได้ยินเสียงของนาง เฉินชีก็ตกใจพลันรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นนางเขาก็ตื่นเต้นอย่างมาก“เจ้ามิเป็นอะไรใช่หรือไม่?”เขากล่าวพลางคว้าแขนของนางไว้แล้วดึงไปอยู่ข้างหลังตน มองลุงเฉิงและคนอื่น ๆ ด้วยความระแวดระวัง “พวกนั้นทำกระไรเจ้า!”ลั่วชิงยวนผลักเขาออก “ข้ามิเป็นอะไร เจ้าบอกให้คนของเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! รีบไปดับไฟเสีย!”นางเคยดูแผนที่การวางกำลังป้องกันของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้แล้ว บนเขามีคูคลองมากมายและยังมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ด้วย เมื่อไฟลุกโชนขึ้นก็สามารถดับไฟได้นางมิกลัวว่าเขาจะเผาภูเขาแต่ก็มิอยากใช้กลไกของแหล่งน้ำเหล่านี้โดยพลการเฉินชีโบกมือทันใด คนอื่น ๆ จึงรีบดับไฟเฉินชีดึงนางไปด้านข้าง แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “อาเหลา เจ้ามายังเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้โดยมิบอกกล่าวข้าสักคำ เจ
“ข้าว่าตอนนี้นางคงดีใจมาก เพราะคิดว่าข้าต้องตายอยู่ในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้แล้ว”อวี๋โหรวมองนางอย่างตั้งใจ “เจ้าคิดจะทำกระไร?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวช้า ๆ “เฉินชีมาคราวนี้มีข่าวมาบอกว่า ช่วงนี้ตระกูลซีก็โดนคนของสำนักเทียนฉยงเล่นงานอยู่เช่นกัน ถึงคราวที่เวินซินถงจะต้องแสดงฝีมืออีกแล้ว”“ข้าก็ต้องส่งของกำนัลชิ้นใหญ่ไปให้เวินซินถงสักหน่อย ถึงจะสมกับที่นางส่งของกำนัลมาให้ข้า”อวี๋โหรวถามว่า “แล้วพวกเราจะกลับไปเมื่อใด?”ลั่วชิงยวนกล่าวเสียงหนักแน่น “ยังมีที่ที่ข้าอยากไปอีกครั้ง หลังจากไปที่นั่นแล้วค่อยลงเขากัน”อวี๋โหรวพยักหน้าท้องฟ้ายังมิทันมืด หลังจากที่อวี๋โหรวจากไปแล้วลั่วชิงยวนก็ออกจากห้องไปยังหน้าห้องของคนใบ้เมื่อปิดประตูห้องแล้ว ลั่วชิงยวนก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “อีกมิกี่วันพวกเราก็ต้องลงจากเขาแล้ว”คนใบ้พยักหน้า“ข้ายังกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของเจ้าอยู่บ้าง ข้าขอตรวจดูอีกครั้งนะ”หลังจากลงจากเขาไปแล้วนางกับเขาอาจจะมิได้เจอกันอีก เกรงว่าจะไม่มีโอกาสรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาได้อีกคนใบ้ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถอดเสื้อออกเมื่อได้เห็นบาดแผลทั่วร่างของคนใบ้อีกครั้ง ลั่
จดหมายเหล่านั้นเขียนถึงครอบครัวของนางดูเหมือนว่าจะถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันลั่วชิงยวนมิได้เปิดอ่านนี่คงเป็นจดหมายที่อวี๋ตันเฟิ่งเขียนหลังจากที่นางแยกทางกับครอบครัว เป็นคำพูดในใจที่อยากจะกล่าวแต่ก็มิอาจกล่าวได้คิดดูแล้วหลังจากที่นางถูกโหยวจิ้งเฉิงฆ่า นางคงรู้สึกเสียใจที่มิได้ส่งจดหมายเหล่านี้ออกไปอย่างน้อยก็คงพอจะบอกข่าวคราวให้คนในครอบครัวได้ทราบบ้าง จะได้มิเงียบหายไปนานถึงเพียงนี้ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าตอนนี้จะยังสามารถหาบิดามารดาและพี่น้องของอวี๋ตันเฟิ่งได้หรือไม่ แต่นางจะนำจดหมายเหล่านี้ลงจากเขาไปด้วย เพราะนี่เป็นหลักฐานว่านางเคยพบกับอวี๋ตันเฟิ่งเมื่อได้สิ่งของครบถ้วนแล้ว พวกนางก็เตรียมตัวลงจากเขาเนื่องจากคนใบ้มิยอมเดินทางไปกับพวกนางด้วย ลั่วชิงยวนจึงกำชับลุงเฉิงให้จัดคนไปส่งคนใบ้ลงจากเขาในขณะที่กำลังออกกันไป ฟู่เฉินหวนที่ยืนอยู่บนยอดเขากำลังทอดสายตามองลงมาเงียบเชียบ ต้นไม้ในป่าหนาทึบ เขามองมิเห็นเงาร่างของลั่วชิงยวนเลยเวลาผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ รู้สึกว่ายังไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ก็ต้องจากกันอีกแล้ว“ชิงยวน หวังว่าคราวหน้าที่จะได้พบกันคงจะมิใช่ในสถานก
คราวนี้ที่มาเมืองแห่งภูตผี ใช้พละกำลังไปมากกว่าเดิม ตอนนี้ยังมิได้ทำอะไรแต่ก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก นั่งอยู่ในรถม้าก็ยังง่วงตลอดเวลาอวี๋โหรวเองก็เป็นกังวลมาก นางกล่าวว่า “ประเดี๋ยวถึงเมือง พวกเราหยุดพักกันก่อนเถิด”“ข้าจะจุดธูปหอมที่ช่วยให้สงบแก่เจ้า จะได้นอนหลับสบายขึ้น”“พักผ่อนให้เพียงพอแล้วค่อยเดินทางกันต่อ”ลั่วชิงยวนพยักหน้าเฉินชีก็เห็นด้วยกับการจะไปพักผ่อนที่เมือง แต่ขบวนของพวกเขาใหญ่โตเกินไป เมื่อไปถึงเมืองจึงทำให้ผู้คนมากมายปิดประตูบ้านเรือน มิกล้าออกมาค้าขายโชคดีที่พบโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งก่อนฟ้ามืด ก่อนเข้านอน ลั่วชิงยวนดื่มน้ำมนตร์เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายจากนั้นอวี๋โหรวจุดธูปหอมช่วยให้สงบ ลั่วชิงยวนจึงหลับไปในตอนแรกลั่วชิงยวนหลับสนิทดี แต่เมื่อถึงยามดึกนางก็ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆลั่วชิงยวนรู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งนัก พยายามอย่างหนักที่จะตื่นขึ้น นางพยายามลืมตาแต่ก็ลืมตามิขึ้นราวกับว่าร่างกายยังคงหลับใหล แต่จิตสำนึกตื่นขึ้นมาแล้วเสียงลากเก้าอี้นั้นเหมือนมาหยุดอยู่ข้างเตียงของนางจากนั้นนางก็รู้สึกราวกับมีกระดาษแผ่นหนึ่งแปะลงบนหน้า
นางลุกขึ้นลงจากเตียงแล้วเดินเข้าไปตรวจดูดวงตาของโฉวสือชีก็มิพบไอชั่วร้ายเมื่อจับชีพจรดูก็ปกติทุกอย่าง นางจึงปลุกโฉวสือชีให้ตื่นเมื่อโฉวสือชีตื่นขึ้นมาก็ยังงุนงง “ข้า… ข้ามาอยู่ในห้องของเจ้าได้อย่างไร? ข้ามิได้อยู่ที่หน้าห้องหรอกรึ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “เจ้าจำมิได้เลยหรือว่าเกิดกระไรขึ้น? จำสิ่งใดมิได้เลยจริงหรือ?”โฉวสือชีส่ายหน้า จำมิได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อมองไปยังกระบี่ที่อยู่ในข้างมือ โฉวสือชีก็ตื่นตระหนกขึ้นมา “ข้า… ข้ามิได้ทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนเท้าแขนมองเขาอย่างจนปัญญา “เมื่อครู่นี้เจ้าเกือบจะปาดคอข้าเข้าแล้ว”โฉวสือชีตกใจจนพูดมิออก “กระไรนะ?”“ข้า… ข้าจำอะไรมิได้เลย”โฉวสือชีรู้สึกหนาวเยือกไปถึงสันหลัง ก่อนถามว่า “ข้าโดนสิ่งใดเข้าสิงหรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “โหยวจิ้งเฉิงน่ะสิ”“ถึงเขาจะสลายไปแล้ว แต่รัศมีอาฆาตบางส่วนของเขาเข้ามาในร่างข้า แต่ข้าคาดมิถึงว่าเจ้าจะได้รับผลกระทบไปด้วย”เมื่อได้ยินดังนั้น โฉวสือชีก็ประหลาดใจ “แล้วจะทำอย่างไร?”ลั่วชิงยวนปรุงยาชุดหนึ่งส่งให้โฉวสือชีกินเมื่อดูแล้วว่าในร่างของโฉวสือชีไม่มีรัศมีอาฆาตหลงเหลืออยู่ นางก็โล่งใ
คราวนี้ที่มาเมืองแห่งภูตผี ใช้พละกำลังไปมากกว่าเดิม ตอนนี้ยังมิได้ทำอะไรแต่ก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก นั่งอยู่ในรถม้าก็ยังง่วงตลอดเวลาอวี๋โหรวเองก็เป็นกังวลมาก นางกล่าวว่า “ประเดี๋ยวถึงเมือง พวกเราหยุดพักกันก่อนเถิด”“ข้าจะจุดธูปหอมที่ช่วยให้สงบแก่เจ้า จะได้นอนหลับสบายขึ้น”“พักผ่อนให้เพียงพอแล้วค่อยเดินทางกันต่อ”ลั่วชิงยวนพยักหน้าเฉินชีก็เห็นด้วยกับการจะไปพักผ่อนที่เมือง แต่ขบวนของพวกเขาใหญ่โตเกินไป เมื่อไปถึงเมืองจึงทำให้ผู้คนมากมายปิดประตูบ้านเรือน มิกล้าออกมาค้าขายโชคดีที่พบโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งก่อนฟ้ามืด ก่อนเข้านอน ลั่วชิงยวนดื่มน้ำมนตร์เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายจากนั้นอวี๋โหรวจุดธูปหอมช่วยให้สงบ ลั่วชิงยวนจึงหลับไปในตอนแรกลั่วชิงยวนหลับสนิทดี แต่เมื่อถึงยามดึกนางก็ได้ยินเสียงลากเก้าอี้ เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆลั่วชิงยวนรู้สึกกระวนกระวายใจยิ่งนัก พยายามอย่างหนักที่จะตื่นขึ้น นางพยายามลืมตาแต่ก็ลืมตามิขึ้นราวกับว่าร่างกายยังคงหลับใหล แต่จิตสำนึกตื่นขึ้นมาแล้วเสียงลากเก้าอี้นั้นเหมือนมาหยุดอยู่ข้างเตียงของนางจากนั้นนางก็รู้สึกราวกับมีกระดาษแผ่นหนึ่งแปะลงบนหน้า
จดหมายเหล่านั้นเขียนถึงครอบครัวของนางดูเหมือนว่าจะถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันลั่วชิงยวนมิได้เปิดอ่านนี่คงเป็นจดหมายที่อวี๋ตันเฟิ่งเขียนหลังจากที่นางแยกทางกับครอบครัว เป็นคำพูดในใจที่อยากจะกล่าวแต่ก็มิอาจกล่าวได้คิดดูแล้วหลังจากที่นางถูกโหยวจิ้งเฉิงฆ่า นางคงรู้สึกเสียใจที่มิได้ส่งจดหมายเหล่านี้ออกไปอย่างน้อยก็คงพอจะบอกข่าวคราวให้คนในครอบครัวได้ทราบบ้าง จะได้มิเงียบหายไปนานถึงเพียงนี้ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าตอนนี้จะยังสามารถหาบิดามารดาและพี่น้องของอวี๋ตันเฟิ่งได้หรือไม่ แต่นางจะนำจดหมายเหล่านี้ลงจากเขาไปด้วย เพราะนี่เป็นหลักฐานว่านางเคยพบกับอวี๋ตันเฟิ่งเมื่อได้สิ่งของครบถ้วนแล้ว พวกนางก็เตรียมตัวลงจากเขาเนื่องจากคนใบ้มิยอมเดินทางไปกับพวกนางด้วย ลั่วชิงยวนจึงกำชับลุงเฉิงให้จัดคนไปส่งคนใบ้ลงจากเขาในขณะที่กำลังออกกันไป ฟู่เฉินหวนที่ยืนอยู่บนยอดเขากำลังทอดสายตามองลงมาเงียบเชียบ ต้นไม้ในป่าหนาทึบ เขามองมิเห็นเงาร่างของลั่วชิงยวนเลยเวลาผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ รู้สึกว่ายังไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ก็ต้องจากกันอีกแล้ว“ชิงยวน หวังว่าคราวหน้าที่จะได้พบกันคงจะมิใช่ในสถานก
“ข้าว่าตอนนี้นางคงดีใจมาก เพราะคิดว่าข้าต้องตายอยู่ในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้แล้ว”อวี๋โหรวมองนางอย่างตั้งใจ “เจ้าคิดจะทำกระไร?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวช้า ๆ “เฉินชีมาคราวนี้มีข่าวมาบอกว่า ช่วงนี้ตระกูลซีก็โดนคนของสำนักเทียนฉยงเล่นงานอยู่เช่นกัน ถึงคราวที่เวินซินถงจะต้องแสดงฝีมืออีกแล้ว”“ข้าก็ต้องส่งของกำนัลชิ้นใหญ่ไปให้เวินซินถงสักหน่อย ถึงจะสมกับที่นางส่งของกำนัลมาให้ข้า”อวี๋โหรวถามว่า “แล้วพวกเราจะกลับไปเมื่อใด?”ลั่วชิงยวนกล่าวเสียงหนักแน่น “ยังมีที่ที่ข้าอยากไปอีกครั้ง หลังจากไปที่นั่นแล้วค่อยลงเขากัน”อวี๋โหรวพยักหน้าท้องฟ้ายังมิทันมืด หลังจากที่อวี๋โหรวจากไปแล้วลั่วชิงยวนก็ออกจากห้องไปยังหน้าห้องของคนใบ้เมื่อปิดประตูห้องแล้ว ลั่วชิงยวนก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “อีกมิกี่วันพวกเราก็ต้องลงจากเขาแล้ว”คนใบ้พยักหน้า“ข้ายังกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของเจ้าอยู่บ้าง ข้าขอตรวจดูอีกครั้งนะ”หลังจากลงจากเขาไปแล้วนางกับเขาอาจจะมิได้เจอกันอีก เกรงว่าจะไม่มีโอกาสรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาได้อีกคนใบ้ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถอดเสื้อออกเมื่อได้เห็นบาดแผลทั่วร่างของคนใบ้อีกครั้ง ลั่
ลั่วชิงยวนตกใจ เฉินชีมาได้อย่างไร?“ข้าไปดูเอง”ลั่วชิงยวนรีบลงจากเขาทันใดเมื่อนางลงจากเขาก็เห็นเฉินชีกำลังจะจุดไฟเผาภูเขาเมื่อเห็นผู้คนลงมาจากบนเขา เขาก็ขู่ตะคอกเสียงดัง “ปล่อยลั่วชิงยวนออกมาเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะเผาภูเขาเฮงซวยของพวกเจ้า!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เขามาได้จังหวะดีจริง ๆ“เฉินชี หยุดนะ!”เมื่อได้ยินเสียงของนาง เฉินชีก็ตกใจพลันรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นนางเขาก็ตื่นเต้นอย่างมาก“เจ้ามิเป็นอะไรใช่หรือไม่?”เขากล่าวพลางคว้าแขนของนางไว้แล้วดึงไปอยู่ข้างหลังตน มองลุงเฉิงและคนอื่น ๆ ด้วยความระแวดระวัง “พวกนั้นทำกระไรเจ้า!”ลั่วชิงยวนผลักเขาออก “ข้ามิเป็นอะไร เจ้าบอกให้คนของเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! รีบไปดับไฟเสีย!”นางเคยดูแผนที่การวางกำลังป้องกันของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้แล้ว บนเขามีคูคลองมากมายและยังมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ด้วย เมื่อไฟลุกโชนขึ้นก็สามารถดับไฟได้นางมิกลัวว่าเขาจะเผาภูเขาแต่ก็มิอยากใช้กลไกของแหล่งน้ำเหล่านี้โดยพลการเฉินชีโบกมือทันใด คนอื่น ๆ จึงรีบดับไฟเฉินชีดึงนางไปด้านข้าง แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “อาเหลา เจ้ามายังเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้โดยมิบอกกล่าวข้าสักคำ เจ
ลั่วชิงยวนเข้าใจ นางจึงอธิบายว่า “บนตราประทับทาสส่วนใหญ่มียันต์ผนึกวิญญาณอยู่ ข้าสามารถช่วยท่านเอายันต์ผนึกวิญญาณออกได้”เมื่อได้ยินดังนั้น ลุงเฉิงก็ตกใจ“เอาออกได้หรือขอรับ? นี่มัน…”นี่คือยันต์ผนึกวิญญาณของสำนักนักบวชเชียวนะ!นอกจากคนในสำนักนักบวชแล้ว ใครกันจะแก้ได้!ในเวลานั้นเอง โฉวสือชีก็เดินเข้ามาแล้วหัวเราะก่อนกล่าวว่า “บนตัวข้าก็มียันต์ผนึกวิญญาณ นางเป็นคนแก้ให้ข้าเอง เชื่อใจนางเถิด ลุงเฉิง”เมื่อได้ยินดังนั้น ลุงเฉิงก็ตกใจมากเขารีบถอดเสื้อออกลั่วชิงยวนรีบแก้ยันต์ผนึกวิญญาณออกไป ลวดลายสีทองบนรอยแผลเป็นนั้นหายไป เหลือเพียงรอยแผลเป็นธรรมดาลุงเฉิงหยิบคันฉ่องทองเหลืองมาส่องดู เมื่อเห็นว่ายันต์ผนึกวิญญาณบนหลังของตนหายไปจริง ๆ ก็ดีใจจนเนื้อเต้นเขาทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าลั่วชิงยวน “นับจากนี้ไป เฉิงติ่งผู้นี้ขออุทิศชีวิตบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านเจ้าเมือง โดยมิลังเลเลยขอรับ!”ลั่วชิงยวนคลี่ยิ้มจาง “ลุกขึ้นเถิด”“ไปรวบรวมสมบัติทั้งหมดบนเขามาให้ข้าดู แล้วทำบัญชีมาให้ข้าด้วย”“ขอรับ!”เฉิงติ่งรีบจากไปด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าและมีความสุขยิ่งโฉวสือชีมองท่าทางก้าวเดินอย่างมีควา
โฉวสือชีตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นลั่วชิงยวนรีบเข้าไปดู เมื่อเห็นบัวถวายก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง“นี่คงเป็นของที่พวกนั้นบังเอิญทำตกไว้โดยมิได้ตั้งใจ”โฉวสือชีกล่าวพลางเปิดหน้าต่างก็เห็นว่ามีรอยเท้าอยู่บนขอบหน้าต่างจริง ๆ“โชคดีจริง ๆ ที่ยังหาเจออีกดอก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ดูเหมือนสวรรค์จะมิใจร้ายกับข้ามากนัก”ถึงแม้จะหาบัวถวายเจอเพียงดอกเดียวแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วก็สามารถช่วยชีวิตนางได้ และพอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสักระยะจากนั้นลั่วชิงยวนก็จัดยาให้คนใบ้นำกลับไปกิน เมื่อได้สมุนไพรครบถ้วนจากในคลังโอสถนี้จึงจัดยาได้หลายห่อหลังจากกินยาแล้วลุงเฉิงก็เข้ามา“ท่านเจ้าเมือง จัดการศพเรียบร้อยแล้วขอรับ มีสิ่งใดให้ข้าน้อยจัดการต่อหรือไม่?”ลั่วชิงยวนกล่าวว่า “ช่วยพาข้าไปดูห้องของต่งอวิ๋นซิ่วหน่อย”“ขอรับ”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มายังเรือนของต่งอวิ๋นซิ่ว ลุงเฉิงกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง ท่านโปรดดูว่าเครื่องเรือนในห้องนี้ต้องปรับเปลี่ยนสิ่งใดหรือไม่ ข้าน้อยจะได้จัดการให้ขอรับ”ลั่วชิงยวนมองดูห้องคร่าว ๆ จากนั้นก็ไปยังห้องตำรานางพบแผนที่การวางกำลังป้องกันซึ่งเป็นแผ่นเดียวกั
ในที่สุดก็ไล่ตามอวี๋ตันเฟิ่งและโหยวจิ้งเฉิงทันบริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กันนั้นมีลมพายุในป่าพัดกระหน่ำ แม้แต่ใบไม้ที่ปลิวขึ้นมาก็สามารถฆ่าคนได้ ลั่วชิงยวนทำได้เพียงพาคนอื่น ๆ ไปหลบอยู่หลังก้อนหินในป่าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มองมิเห็นเงาร่างของอวี๋ตันเฟิ่งและโหยวจิ้งเฉิง ทำได้เพียงรับรู้ถึงพลังชั่วร้ายสองสายที่กำลังปะทะกันลั่วชิงยวนตั้งใจจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกอวี๋ตันเฟิ่งห้ามไว้ “เจ้าอย่าเพิ่งลงมือ รอข้าจับเขาได้ก่อน!”ดังนั้นลั่วชิงยวนจึงทำได้เพียงรอรอจนกระทั่งอวี๋ตันเฟิ่งสามารถกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้ได้สำเร็จในป่าก็ค่อย ๆ กลับสู่ความสงบลั่วชิงยวนจึงเดินเข้าไป จึงได้เห็นสตรีชุดแดงกำลังบีบคอของโหยวจิ้งเฉิงไว้แน่นในดวงตาของอวี๋ตันเฟิ่งเต็มไปด้วยความแค้นจนแทบจะกลายเป็นเลือดเพราะนางมิอาจบีบคอโหยวจิ้งเฉิงจนตายได้!“ลงมือเถิด ทำให้เขาตายไปเสีย”ลั่วชิงยวนหยิบกระดาษยันต์ออกมาในทันทีนางมองไปที่อวี๋ตันเฟิ่ง แล้วกล่าวว่า “เมื่อข้าขว้างไป เจ้าจงรีบหลบเสีย!”อวี๋ตันเฟิ่งพยักหน้าแต่เมื่อลั่วชิงยวนขว้างยันต์ออกไป อวี๋ตันเฟิ่งกลับมิหลบหลีกแสงสีทองสาดส่องเข้าใส่ทั้งสองคนลั่วชิงยวน
“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ