สุนัขทุกตัวกรูออกมาพร้อมกัน ภาพนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักแม้แต่เฝิงไฉ่เวยยังหน้าถอดสี ถอยกรูดไปหลายก้าวจนเกือบล้ม ดีที่มีซิ่วอี๋อยู่ข้างกายคอยประคองนางไว้ทัน ซิ่วอี๋เอ่ยถามเสียงต่ำ “คุณหนู พวกเราจะทำอย่างไรดี?”หัวใจของเฝิงไฉ่เวยเต้นระส่ำ นางเองก็ตกใจจนงุนงง แต่เมื่อเห็นสุนัขมากมายเช่นนี้ก็อดขนลุกวาบไม่ได้เถียนเป่าซื่อมันบ้าจริง ๆ!เขาไฉนจึงบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้! เลี้ยงสุนัขก็เลี้ยงไปเถิด แต่นี่เขากลับเลี้ยงไว้มากมายเพียงนี้!ยิ่งไปกว่านั้น พอแข่งแพ้ ยังไม่สนว่ามีผู้คนอยู่มากเพียงใด กลับปล่อยสุนัขทั้งหมดออกมาในทันที!คนบ้าผู้นี้ ทั้งที่ผู้คนมากมายอยู่ตรงนี้ ยังมีคุณชายจากตระกูลใหญ่ เขาไม่กลัวหรือว่าหากมีผู้ใดถูกกัดตายแล้วเรื่องจะลุกลามใหญ่โต?!เซียวจิ่งจาวทนไม่ไหวอีกต่อไป คว้ามือเฝิงไฉ่เวยแน่น “เจ้ามันสมควรตาย!”ว่าจบก็สะบัดนางออก แล้วตะโกนบอกเถียนเป่าซื่อเสียงกร้าว “เถียนเป่าซื่อ สั่งสุนัขของเจ้าให้กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้!”อย่างไรเสียเขาก็เป็นจวิ้นอ๋อง แม้เขาออกมาแบบปิดบังฐานะ แต่ก็ยังมีองครักษ์ติดตามมาด้วยนับสิบกว่าคนยามนี้องครักษ์เหล่านั้นก็ได้แสดงฝีมือ กรูกันขึ้นหน้าไป
ชีเจิ้นรู้สึกสบายอกสบายใจ จนแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ดี!สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของเขาเขารู้อยู่แล้วว่าชีหยวนไม่มีวันปล่อยให้ศัตรูได้อยู่สุขเถียนเป่าซื่อเดือดดาลจนแทบคลั่ง เงื้อไม้ในมือจะฟาดใส่ชีหยวนอย่างแรง “ข้าจะฆ่าเจ้า!”สีหน้าของชีหยวนยังคงเรียบนิ่ง ปลายเท้าแค่เขี่ยเบา ๆ ก้อนหินก้อนหนึ่งก็พุ่งตรงไปยังเถียนเป่าซื่อ ตรงเข้ากระแทกศีรษะเขาเต็มแรง เขาส่งเสียงร้องโดยหวนล้มลงไปนอนกองกับพื้น กระแทกอย่างแรงจนกลิ้งไปหนึ่งตลบฝีมือของชีหยวนรวดเร็ว อีกทั้งเตะหินจากด้านหลังสุนัข จึงแทบไม่มีผู้ใดเห็นว่าก้อนหินนั้นพุ่งออกมาอย่างไร เห็นเพียงเถียนเป่าซื่อที่ร้องขู่จะฆ่าคน ทว่าท้ายที่สุดกลับล้มกระแทกพื้นเองจังหวะนั้น ในที่สุดสุนัขลายจุดก็ปล่อยแม่ทัพ ก่อนหันไปมองเถียนเป่าซื่อที่ล้มกองอยู่กับพื้น แล้วพุ่งตรงเข้าใส่เขาทันทีทุกคนต่างตกตะลึงงันไป ก่อนจะพากันร้องอุทานขึ้นพร้อมกันบรรดาเพื่อนเสเพลของเถียนเป่าซื่อต่างพากันหน้าถอดสี ภาพเมื่อครู่ที่สุนัขตัวนั้นกัดแม่ทัพยังชัดเจนในใจ พวกเขาล้วนรู้ดีถึงความร้ายกาจของมันสวรรค์ หากมันกัดเถียนเป่าซื่อสักครั้ง อาจจะ อาจจะเจ็บหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้เล
หลังจากล้มกระแทกพื้น สุนัขสองตัวต่างส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแต่แทบจะในทันที แม่ทัพก็ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งเถียนเป่าซื่อขมวดคิ้ว “แม่ทัพ! กัดมันให้ตาย! กัดมันให้ตาย!”แม่ทัพยันขาหน้า แผ่นหลังโก่งดั่งเสือดาวที่เตรียมตะปบเหยื่อทว่าสุนัขลายจุดกลับไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย ครั้นลุกขึ้นจากพื้น ก็หอนหนึ่งเสียงแล้วพุ่งตรงเข้าใส่แม่ทัพทันที อ้าปากงับเข้าที่หางของแม่ทัพอย่างแม่นยำแม่ทัพร้องโหยหวน ดิ้นพล่านเห่าไม่หยุด พยายามสะบัดตัวและหมุนกลับไปงับสุนัขลายจุดแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสุนัขลายจุดเลือกมุมได้ฉลาดยิ่ง แม้แม่ทัพจะโก่งเอวแล้วก็ยังไม่อาจงับถึงมัน มีเพียงขาหลังที่เตะสะเปะสะปะไม่หยุดแต่ถึงขาหลังของมันจะเตะใส่หัวและหน้าของสุนัขลายจุดไม่หยุด สุนัขลายจุดก็ยังกัดและกระชากมันอย่างแรง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยสุนัขลายจุดกัดกัดกระชากไม่หยุด พองับได้เนื้อได้ก็ไม่ยอมปล่อย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดมันก็กัดหางของแม่ทัพจนขาดสะบั้นแม่ทัพส่งเสียงโหยหวนประหลาดออกมาทันใดนั้น สุนัขลายจุดก็ฉวยจังหวะที่แม่ทัพพยายามจะหนี พุ่งงับเข้าที่ก้นมันอีกครั้งภาพตรงหน้าช่างนองเลือดนัก เลือดเนื้อพลั
แต่พวกเขาไม่อาจมองว่านี่เป็นเรื่องเล็กได้จริง ๆหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเล่า?ช่างน่ากังวลเสียจริงเฮ้อครั้นเห็นพวกคนทางฝั่งเถียนเป่าซื่อหัวเราะครึกครื้นอย่างสะใจ ในใจพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นหนักเข้าไปอีกเถียนเป่าซื่อกลับอารมณ์เบิกบาน เขาหันมองส่งสัญญาณให้บ่าวไพร่ บรรดาบ่าวไพร่ก็เริ่มผลักฝูงชนออกไป จากนั้นก็เปิดที่ให้กว้าง พอให้สุนัขทั้งสองตัวได้ประลองกันชีหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย “เดี๋ยวก่อน”เถียนเป่าซื่อที่กำลังลูบหัวแม่ทัพไร้พ่ายของตนอยู่ก็ขมวดคิ้วทันที “อะไร หรือจะหนีเอาตอนนี้?”“คุณชายหกเถียนคิดมากไปแล้ว” ชีหยวนมองไปรอบ ๆ ฝูงชนที่เบียดแน่น “คนเยอะขนาดนี้ หากเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้นมา จะไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่นหรือ?”เถียนเป่าซื่อยิ้มเยาะทันที “เจ้ากังวลเกินไปแล้ว สุนัขที่เจ้าพามา ไม่พอให้แม่ทัพของข้ากัดด้วยซ้ำ อย่ามัวรีรอหาข้ออ้าง รีบประลองเถิด!”ชีหยวนสีหน้าเรียบนิ่ง หันไปมองเซี่ยงเจี้ยหนึ่งครั้ง “ท่านดูแลน้องหญิงหรงให้ดี”เซี่ยงเจี่ยตอบรับไปตามสัญชาตญาณ พอรู้สึกตัวก็คิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลชีหยวนหมายความว่าอย่างไรกัน?เวลานี้สุนัขของชีหยวนได้เข้ามายังลานประลองแล้ว
ฝ่าเท้าของเถียนเป่าซื่อยังคงรู้สึกเจ็บอยู่ พอได้ยินคำพูดของชีหยวน สีหน้าก็มืดมนลงทันทีเขาจ้องมองสุนัขของชีหยวน แล้วก็ผิวปากหนึ่งทีราวกับได้ยินคำสั่งพิเศษ แม่ทัพที่กำลังง่วนอยู่กับการกินไก่ในกรงเมื่อครู่ก็เห่ากรรโชกขึ้นทันที ก่อนจะกระโจนเกาะกรงแล้วเห่าลั่นไม่หยุดผู้ที่อยู่ใกล้ ถึงกับได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงจากตัวมันโชยออกมามีหญิงสาวที่จิตไม่แข็งอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องขึ้นมา พอมองสุนัขที่น่ากลัวตัวนั้นก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปแม้แต่คนที่ใจกล้าขึ้นมาหน่อย ในตอนนี้ใบหน้าก็ยังซีดขาวสุนัขแบบนี้...พวกคุณชายเสเพลที่สนิทกับเถียนเป่าซื่อยังอดถามไม่ได้ “คุณชายหก พวกเราจะ จะดูการประลองกันตรงนี้เลยหรือ?”ปลอดภัยหรือเปล่าเนี่ย?หากเจ้าตูบสองตัวนี้สู้กันเอาเป็นเอาตาย ถึงตอนนั้นถ้าห้ามไม่ได้ แล้วมากัดโดนคนธรรมดาเข้าจะทำอย่างไร?เถียนเป่าซื่อกลับยิ่งลำพองใจสุนัขของเขา เขาย่อมรู้ดี แม่ทัพใช้เวลาไม่นานก็คงฆ่าสุนัขขี้เรื้อนของชีหยวนได้อีกอย่าง แม่ทัพฟังคำสั่งของเขา จะมีอันใดเป็นภัยแฝงได้เล่า?แน่นอนว่าต้องให้พวกมันสู้กันต่อหน้าผู้ชมถึงจะสนุกการดูประลองสุนัข หากไม่เห็นเลือดแล้วจะไปสนุกอะไร?
นางคิดจะเอาสุนัขชนิดใดมาสู้กับฝูงสุนัขสุดหวงแหนของเถียนเป่าซื่อกันนะ?สีหน้าของซิ่วอี๋แสดงความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด นางพูดเสียงเบา “คุณหนู คุณหนูใหญ่ชีไม่ได้ไปหาสุนัขมา”......การกระทำของเฝิงไฉ่เวยหยุดลงทันที ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย”ยังคิดว่าเรื่องทุกอย่างอยู่ในกำมือของตนงั้นหรือ?นางหัวเราะอีกครั้ง “ไปเถิด ไปดูเรื่องสนุกกัน”ความจริงแล้ว พอเฝิงไฉ่เวยมาถึง เรือนพักนอกเมืองของจวนเฉิงเอินกงก็มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่ไม่น้อยแล้วเมื่อวานเถียนเป่าซื่อพูดต่อหน้าผู้คนทั้งโรงเตี๊ยม ว่าใครอยากดูการประลองก็สามารถมาได้ ดังนั้นผู้ที่ได้ยินข่าวต่างก็ชวนสหายมาดูกันเต็มไปหมดเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ ใครจะไม่อยากดูเล่า?พอเห็นคนมามากมายเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นดีมาก คนยิ่งเยอะยิ่งดี นางอยากดูเรื่องสนุกครั้งนี้ใจแทบขาดแล้วตัวเอกของละครเรื่องนี้มาถึงแล้วหนึ่งคน เถียนเป่าซื่อจัดลานฝึกซ้อมด้านหลังให้เป็นลานประลองสุนัขเมื่อก่อนตอนที่เขาเล่นสนุกกับพวกเพื่อนหัวไม้ก็มักเล่นกันที่นี่ สำหรับเขาและสุนัขของเขา ที่นี่เป็นที่ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีตอนนี้เขาขว้