หลังจากล้มกระแทกพื้น สุนัขสองตัวต่างส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแต่แทบจะในทันที แม่ทัพก็ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งเถียนเป่าซื่อขมวดคิ้ว “แม่ทัพ! กัดมันให้ตาย! กัดมันให้ตาย!”แม่ทัพยันขาหน้า แผ่นหลังโก่งดั่งเสือดาวที่เตรียมตะปบเหยื่อทว่าสุนัขลายจุดกลับไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย ครั้นลุกขึ้นจากพื้น ก็หอนหนึ่งเสียงแล้วพุ่งตรงเข้าใส่แม่ทัพทันที อ้าปากงับเข้าที่หางของแม่ทัพอย่างแม่นยำแม่ทัพร้องโหยหวน ดิ้นพล่านเห่าไม่หยุด พยายามสะบัดตัวและหมุนกลับไปงับสุนัขลายจุดแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสุนัขลายจุดเลือกมุมได้ฉลาดยิ่ง แม้แม่ทัพจะโก่งเอวแล้วก็ยังไม่อาจงับถึงมัน มีเพียงขาหลังที่เตะสะเปะสะปะไม่หยุดแต่ถึงขาหลังของมันจะเตะใส่หัวและหน้าของสุนัขลายจุดไม่หยุด สุนัขลายจุดก็ยังกัดและกระชากมันอย่างแรง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยสุนัขลายจุดกัดกัดกระชากไม่หยุด พองับได้เนื้อได้ก็ไม่ยอมปล่อย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดมันก็กัดหางของแม่ทัพจนขาดสะบั้นแม่ทัพส่งเสียงโหยหวนประหลาดออกมาทันใดนั้น สุนัขลายจุดก็ฉวยจังหวะที่แม่ทัพพยายามจะหนี พุ่งงับเข้าที่ก้นมันอีกครั้งภาพตรงหน้าช่างนองเลือดนัก เลือดเนื้อพลั
แต่พวกเขาไม่อาจมองว่านี่เป็นเรื่องเล็กได้จริง ๆหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเล่า?ช่างน่ากังวลเสียจริงเฮ้อครั้นเห็นพวกคนทางฝั่งเถียนเป่าซื่อหัวเราะครึกครื้นอย่างสะใจ ในใจพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นหนักเข้าไปอีกเถียนเป่าซื่อกลับอารมณ์เบิกบาน เขาหันมองส่งสัญญาณให้บ่าวไพร่ บรรดาบ่าวไพร่ก็เริ่มผลักฝูงชนออกไป จากนั้นก็เปิดที่ให้กว้าง พอให้สุนัขทั้งสองตัวได้ประลองกันชีหยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย “เดี๋ยวก่อน”เถียนเป่าซื่อที่กำลังลูบหัวแม่ทัพไร้พ่ายของตนอยู่ก็ขมวดคิ้วทันที “อะไร หรือจะหนีเอาตอนนี้?”“คุณชายหกเถียนคิดมากไปแล้ว” ชีหยวนมองไปรอบ ๆ ฝูงชนที่เบียดแน่น “คนเยอะขนาดนี้ หากเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้นมา จะไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่นหรือ?”เถียนเป่าซื่อยิ้มเยาะทันที “เจ้ากังวลเกินไปแล้ว สุนัขที่เจ้าพามา ไม่พอให้แม่ทัพของข้ากัดด้วยซ้ำ อย่ามัวรีรอหาข้ออ้าง รีบประลองเถิด!”ชีหยวนสีหน้าเรียบนิ่ง หันไปมองเซี่ยงเจี้ยหนึ่งครั้ง “ท่านดูแลน้องหญิงหรงให้ดี”เซี่ยงเจี่ยตอบรับไปตามสัญชาตญาณ พอรู้สึกตัวก็คิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลชีหยวนหมายความว่าอย่างไรกัน?เวลานี้สุนัขของชีหยวนได้เข้ามายังลานประลองแล้ว
ฝ่าเท้าของเถียนเป่าซื่อยังคงรู้สึกเจ็บอยู่ พอได้ยินคำพูดของชีหยวน สีหน้าก็มืดมนลงทันทีเขาจ้องมองสุนัขของชีหยวน แล้วก็ผิวปากหนึ่งทีราวกับได้ยินคำสั่งพิเศษ แม่ทัพที่กำลังง่วนอยู่กับการกินไก่ในกรงเมื่อครู่ก็เห่ากรรโชกขึ้นทันที ก่อนจะกระโจนเกาะกรงแล้วเห่าลั่นไม่หยุดผู้ที่อยู่ใกล้ ถึงกับได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรงจากตัวมันโชยออกมามีหญิงสาวที่จิตไม่แข็งอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องขึ้นมา พอมองสุนัขที่น่ากลัวตัวนั้นก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปแม้แต่คนที่ใจกล้าขึ้นมาหน่อย ในตอนนี้ใบหน้าก็ยังซีดขาวสุนัขแบบนี้...พวกคุณชายเสเพลที่สนิทกับเถียนเป่าซื่อยังอดถามไม่ได้ “คุณชายหก พวกเราจะ จะดูการประลองกันตรงนี้เลยหรือ?”ปลอดภัยหรือเปล่าเนี่ย?หากเจ้าตูบสองตัวนี้สู้กันเอาเป็นเอาตาย ถึงตอนนั้นถ้าห้ามไม่ได้ แล้วมากัดโดนคนธรรมดาเข้าจะทำอย่างไร?เถียนเป่าซื่อกลับยิ่งลำพองใจสุนัขของเขา เขาย่อมรู้ดี แม่ทัพใช้เวลาไม่นานก็คงฆ่าสุนัขขี้เรื้อนของชีหยวนได้อีกอย่าง แม่ทัพฟังคำสั่งของเขา จะมีอันใดเป็นภัยแฝงได้เล่า?แน่นอนว่าต้องให้พวกมันสู้กันต่อหน้าผู้ชมถึงจะสนุกการดูประลองสุนัข หากไม่เห็นเลือดแล้วจะไปสนุกอะไร?
นางคิดจะเอาสุนัขชนิดใดมาสู้กับฝูงสุนัขสุดหวงแหนของเถียนเป่าซื่อกันนะ?สีหน้าของซิ่วอี๋แสดงความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด นางพูดเสียงเบา “คุณหนู คุณหนูใหญ่ชีไม่ได้ไปหาสุนัขมา”......การกระทำของเฝิงไฉ่เวยหยุดลงทันที ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ไม่รู้จักเจียมตัวเสียเลย”ยังคิดว่าเรื่องทุกอย่างอยู่ในกำมือของตนงั้นหรือ?นางหัวเราะอีกครั้ง “ไปเถิด ไปดูเรื่องสนุกกัน”ความจริงแล้ว พอเฝิงไฉ่เวยมาถึง เรือนพักนอกเมืองของจวนเฉิงเอินกงก็มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่ไม่น้อยแล้วเมื่อวานเถียนเป่าซื่อพูดต่อหน้าผู้คนทั้งโรงเตี๊ยม ว่าใครอยากดูการประลองก็สามารถมาได้ ดังนั้นผู้ที่ได้ยินข่าวต่างก็ชวนสหายมาดูกันเต็มไปหมดเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ ใครจะไม่อยากดูเล่า?พอเห็นคนมามากมายเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นดีมาก คนยิ่งเยอะยิ่งดี นางอยากดูเรื่องสนุกครั้งนี้ใจแทบขาดแล้วตัวเอกของละครเรื่องนี้มาถึงแล้วหนึ่งคน เถียนเป่าซื่อจัดลานฝึกซ้อมด้านหลังให้เป็นลานประลองสุนัขเมื่อก่อนตอนที่เขาเล่นสนุกกับพวกเพื่อนหัวไม้ก็มักเล่นกันที่นี่ สำหรับเขาและสุนัขของเขา ที่นี่เป็นที่ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีตอนนี้เขาขว้
เฝิงไฉ่เวยชมละครมาทั้งวัน จิตใจเบิกบานยิ่งนักระหว่างทางกลับบ้าน นางเห็นเซียวจิ่งจาวเงียบขรึมไม่เอ่ยคำ นางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ “อย่างไรหรือเจ้าคะ? ท่าทางของท่านอ๋องดูจะไม่พอใจนัก?”ใบหน้าเซียวจิ่งจาวนั้นแน่นอนว่าดูไม่ดีนักเขาแสยะยิ้มเย็นเยียบพลางมองเฝิงไฉ่เวย “เจ้าสมใจแล้วสินะ”เฝิงไฉ่เวยทนดูไม่ไหวกับท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเซียวจิ่งจาว ทว่านางก็ไม่คิดใส่ใจผู้ใดจะสุขหรือทุกข์ นางล้วนไม่สน ขอเพียงนางบรรลุเป้าหมายก็พอนางถึงกับเตือนเซียวจิงจาวเป็นพิเศษว่า “วันพรุ่งนี้หากท่านอ๋องจะไปชมเรื่องสนุก ขออย่าลืมพาข้าไปด้วยนะเจ้าคะ”นางใคร่เห็นกับตาตนเองนักว่า พรุ่งนี้เรื่องจะวุ่นวายถึงเพียงใดเซียวจิ่งจาวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วค่อยกล่าวออกมา “เจ้ามิกลัวว่าชีหยวนจะชนะอีกหรือ?”เขาเองก็ไม่อ้อมค้อม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขาขุ่นเคืองใจไม่น้อยเขาต้องการครอบครองใต้หล้า ดังนั้นเรื่องราวในใต้หล้าก็คือเรื่องของเขาหากทุกคนล้วนประพฤติแบบเดียวกับเถียนเป่าซื่อ เกียรติแห่งราชสกุลก็จักพังพินาศเขาพูดอย่างเย็นชา “คุณหนูใหญ่ตระกูลชีผู้นี้นับว่ามีฝีมือ หากนางชนะเถียน
ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคืองฮูหยินผู้เฒ่าชีฮึดฮัด “หูของอวิ๋นจื่อถูกตีจนบวม ปากก็มีเลือดซิบออกมา เวลานี้ทั้งหน้าก็ยังไม่หายบวม ส่วนเจียหล่างก็ถูกข่มขวัญจนหวาดกลัวมิใช่น้อย!”นางโกรธจนแทบควบคุมไม่อยู่ ครั้นได้ยินข่าววันนี้ โมโหจนปวดท้องไม่หยุดครั้นพบหน้าท่านโหวผู้เฒ่าชี นางก็สุดจะอดกลั้นกล่าวขึ้นว่า “บ้านเราก็เป็นถึงจวนโหวนะ เป็นขุนนางชั้นเดียวกัน สองตระกูลก็เจอกันอยู่บ่อย ๆ แล้วนี่มันอะไรกัน เหตุใดเจ้าเถียนเป่าซื่อมันหมายความว่ายังไง? เขาคิดว่าตระกูลเราเป็นอะไร?!”แค่เพราะหมาตัวเดียว กลับไม่เห็นหลานของบ้านพวกเขาเป็นคนเลยหรือ!ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็โกรธจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่เช่นกัน เดินไปดูอาการเสิ่นเจียหล่าง แล้วจึงถามฮูหยินผู้เฒ่าชีว่า “แม่หนูหยวนอยู่ที่ใด?”ชีเจิ้นก็เข้ามาดูอาการเด็กเช่นกัน พอถอยกลับมายังข้างฮูหยินผู้เฒ่าชีก็มิอาจปิดซ่อโทสะเช่นกัน “เรื่องนี้จะให้จบง่าย ๆ เห็นทีจะไม่ได้ หากจำเป็น ก็ยินดีให้เรื่องถึงหน้าพระพักตร์เลย!”จวนหย่งผิงโหวของพวกเขา ในเมืองหลวงนี้หาใช่ตระกูลที่ไม่มีชื่อเสียง เถียนเป่าซื่อกระทำเช่นนี้ คิดว่าตระกูลชีนั้นเป็นอะไรหรือ?ฮูห