เมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลา สมองพรรคดีแด่ท่านผู้นำ สองมือเพื่อชาติ ถือปืนและอำนาจ แต่หัวใจเพื่อเธอ
view moreเมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลา
สมองพรรคดีแด่ท่านผู้นำ สองมือเพื่อชาติ ถือปืนและอำนาจ แต่หัวใจเพื่อเธอ
นิยายเรื่องนี้ เป็นภาคต่อจากนิยายเรื่อง ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว
บทนำ
เมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลา
ในค่ำคืนที่ฝนโปรยปราย ลมหนาวพัดพาระลอกคลื่นกระทบผิวน้ำของบ่อน้ำเก่าแก่ เสียงฟ้าร้องดังลั่นเหนือยอดไม้สูง เงาร่างบางในชุดคลุมยาวสีอ่อนยืนนิ่งอยู่ริมบ่อ ราวกับรอฟังคำกระซิบจากอดีตที่ยังไม่ถูกลืมเลือน
หลินซือเหยาผู้เป็นมารดา เคยบอกกับนางเสมอว่า
“อย่ารักใครมากกว่าตัวเอง จงจำไว้ว่ารักแท้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด และหากวันหนึ่งฟ้าพาเจ้าไปไกล จงอย่ากลัว… เพราะเจ้าเกิดมาเพื่อพบบางสิ่งที่พิเศษกว่านั้น”
ในยามที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่าน เด็กสาวธรรมดาผู้หนึ่งก้าวเข้าสู่มิติใหม่โดยไม่คาดคิด จากบุตรสาวที่เติบโตในยุคโบราณอยู่กับครอบครัวที่เรียบง่ายสงบสุข ต้องตื่นขึ้นท่ามกลางความสับสนของยุค 80 ช่วงเวลาที่ความล้าหลังกับการเริ่มต้นของการพัฒนาเดินเคียงข้างกัน
แม้ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร
แม้ผู้คนจะมองเธอด้วยสายตาแปลกแยก
แต่โชคชะตากลับนำพาให้เธอพบกับ “เขา”
ผู้บัญชาการหนุ่มแห่งฐานบัญชาการหนุ่ม ผู้ไม่เชื่อในปาฏิหาริย์แต่กลับถูกหญิงสาวจากยุคอดีตสั่นคลอนหัวใจ
เรื่องราวของการเดินทางย้อนเวลา ความรักที่ก่อตัวท่ามกลางสงสัย
และความลับที่เกี่ยวพันระหว่างสองยุคสมัย กำลังจะเริ่มต้น…
ที่นั่น เธอไม่ใช่แค่คนแปลกหน้า
แต่คือ คำตอบของอดีตบางอย่าง
คือผู้สืบทอดเลือดเนื้อของคนที่ครั้งหนึ่งเคยเปลี่ยนแปลงชะตาแคว้นให้พลิกผันตอนที่นางปรากฏตัวนำพาบุรุษหนึ่งนำพาแคว้นขึ้นสู่ยุคใหม่ และตกต่ำตอนที่นายตายจาก
และเป็นผู้ถือกุญแจไขความลับของบ่อน้ำที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง
เธอคือบุตรสาวของซือเหยา
บทที่ 1
ไป๋ซีเยว่นั่งลงข้างเตียงของผู้ป่วยอีกคน หลังจากที่จัดการกับบาดแผลของหยวนเฉิงแล้ว นางก็ต้องรีบตรวจดูอาการของทหารที่ยังนอนซมกันอยู่อีกหลายคน แม้เมื่อคืนจะช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ แต่หากไม่มียาบำรุงหรือสมุนไพรช่วยฟื้นฟูร่างกาย คนเหล่านี้อาจอาการทรุดลงได้
หญิงสาวถอนหายใจ พลางมองรอบ ๆ กระโจมพยาบาลชั่วคราวแห่งนี้ สิ่งของที่มีอยู่จำกัดเหลือเกิน อุปกรณ์ดูคุ้นตาแต่ก็ใหม่กว่าเครื่องมือแพทย์โบราณที่บิดามารดาของนางเคยใช้ หากไม่มีสมุนไพร นางก็คงต้องหาทางใช้สิ่งที่มีอยู่แทน
ซีเยว่ขยับตัวลุกขึ้น จังหวะเดียวกับที่หยวนเฉิงเดินเข้ามาพร้อมกับทหารคนหนึ่ง
“ท่านหมอ ท่านต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม สีหน้าเขาดีขึ้นมาก แต่ยังคงมีร่องรอยของความอ่อนล้า
“ข้าต้องการสมุนไพรสำหรับบำรุงร่างกาย แต่คนของเจ้าบอกว่าไม่สามารถลงจากเขาไปเก็บมาได้” ซีเยว่กล่าว พลางจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า
หยวนเฉิงนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งทหารข้างกาย “นำแผนที่มา”
ไม่นานนัก กระดาษแผ่นใหญ่ก็ถูกกางออกตรงหน้า ซีเยว่มองดูเส้นทางต่าง ๆ ที่ถูกขีดเอาไว้ รอบ ๆ ค่ายทหารแห่งนี้เป็นป่าภูเขา มีเส้นทางลับที่สามารถเดินทางได้โดยไม่ถูกศัตรูจับตามอง
“ถ้าเป็นบริเวณนี้” หยวนเฉิงชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ “ข้าจำได้ว่ามีต้นไม้สมุนไพรขึ้นอยู่จำนวนมาก แต่พวกเราห่างหายจากการออกลาดตระเวนไปนาน ข้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันยังปลอดภัยอยู่หรือไม่”
ซีเยว่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “หากมีสมุนไพร ข้าต้องไปดูด้วยตาตนเอง”
หยวนเฉิงขมวดคิ้ว “มันอันตรายเกินไป ข้าจะให้คนของข้าไปแทน”
หญิงสาวส่ายหน้า “เจ้าไม่เข้าใจ สมุนไพรบางชนิดมีลักษณะคล้ายกัน หากเก็บผิดต้น ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผล แต่ยังอาจทำให้คนเจ็บอาการแย่ลง ข้าต้องไปเอง”
หยวนเฉิงถอนหายใจยาว “เช่นนั้นข้าจะไปด้วย”
“เจ้าเพิ่งฟื้นตัว ยังเดินไหวหรือ”
“ข้าแข็งแรงพอ” หยวนเฉิงตอบเสียงหนักแน่น “และข้าไม่มีทางปล่อยให้ท่านหมอออกไปคนเดียวแน่”
ซีเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แม้จะรู้ว่าเขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่นางก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ หยวนเฉิงเป็นคนแรกที่ดูแลและใส่ใจนางขนาดนี้
สุดท้าย นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“ตกลง พรุ่งนี้เช้าเราออกเดินทาง”
รุ่งเช้า
ซีเยว่เตรียมอุปกรณ์พื้นฐานใส่ย่ามเล็ก ๆ ของตน นางเลือกมีดเล็กสำหรับตัดสมุนไพรและผ้าห่อเพื่อเก็บรักษาใบไม้และรากที่อาจพบเจอ
หยวนเฉิงมาพร้อมกับทหารสองคนที่เขาคัดเลือกมาเป็นพิเศษ “เราจะไปกันสี่คน พอถึงบริเวณนั้นข้าจะให้พวกเขาเฝ้าระวังโดยรอบ ส่วนท่านหมอก็เก็บสมุนไพรให้เร็วที่สุด”
ซีเยว่พยักหน้า ทั้งสี่คนออกเดินทางไปยังเส้นทางลับ ท่ามกลางอากาศเย็นยามเช้า
ระหว่างทาง หญิงสาวสังเกตเห็นว่าพื้นที่โดยรอบยังคงเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ แม้จะมีร่องรอยของสงครามบ้าง แต่ธรรมชาติก็ยังไม่ถูกทำลายเสียทีเดียว
“ข้าไม่เข้าใจ” นางเอ่ยขึ้นพลางเดินไปข้าง ๆ หยวนเฉิง “เหตุใดเจ้าถึงบอกว่านี่คือสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”
หยวนเฉิงหันมามองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านหมอมาจากที่ใดกันแน่”
ซีเยว่เม้มริมฝีปากแน่น นางเองก็ไม่แน่ใจว่าควรอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี
“ข้า…มาจากที่ไกลมาก” นางตอบเพียงเท่านั้น
หยวนเฉิงมองนางอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
ในที่สุด ทั้งสี่คนก็มาถึงพื้นที่เป้าหมาย
ซีเยว่รีบเดินไปสำรวจต้นไม้และพืชที่ขึ้นอยู่บริเวณนั้น นางเห็นสมุนไพรหลายชนิดที่คุ้นตา รวมถึงพืชบางอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนในแคว้นหยาง
ขณะที่กำลังเก็บสมุนไพรอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นจากระยะไกล
ปัง!
กระสุนปืนพุ่งผ่านใบไม้ด้านบนศีรษะของพวกเขาไปเพียงเล็กน้อย!
ทหารที่มาด้วยกันรีบชักอาวุธออกมา หยวนเฉิงคว้าแขนของซีเยว่ ดึงตัวนางเข้าที่กำบังทันที
“ถูกซุ่มโจมตี!”
เสียงฝีเท้าของศัตรูใกล้เข้ามา
ซีเยว่กำมือแน่น ใจเต้นรัว นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องเผชิญหน้ากับอาวุธเช่นนี้
หยวนเฉิงหันมามองนาง “ฟังข้า! เจ้าอยู่ตรงนี้ อย่าออกไปเด็ดขาด!”
เสียงกระสุนยังดังต่อเนื่องไม่หยุด หยวนเฉิงกดตัวของไป๋ซีเยว่ให้ต่ำลงพลางชักปืนพกของตนออกมา ทหารที่มาด้วยกันพยายามยิงตอบโต้ แต่ศัตรูยังคงลอบยิงจากเงามืดของป่า
ซีเยว่นิ่งงัน นางไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ในยุคของนาง การศึกใช้ดาบ หอก และธนู แต่ที่นี่กลับเป็นอาวุธที่ยิงได้จากระยะไกลและรวดเร็ว
นางควรจะกลัวแต่น่าแปลกที่หัวใจของนางสงบกว่าที่คิด
“ข้าเห็นเงาคนขยับทางซ้าย!” ทหารนายหนึ่งตะโกน หยวนเฉิงพยักหน้าเป็นสัญญาณ ก่อนจะกระซิบกับซีเยว่ว่า
“เจ้าต้องอยู่ตรงนี้ ข้าจะล่อพวกมันออกไป”
“แต่”
“ไม่มีแต่ เจ้าเป็นหมอ คนเจ็บที่ค่ายยังต้องการเจ้า” เสียงของเขาเด็ดขาดจนซีเยว่เม้มริมฝีปากแน่น
หยวนเฉิงเคลื่อนตัวออกไปทันที ไม่นานนักเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกระลอก พร้อมกับเสียงโห่ร้องของศัตรู ทหารของเขายิงโต้กลับ และดูเหมือนศัตรูจะเริ่มล่าถอย
“พวกมันไปแล้ว” ทหารนายหนึ่งกล่าวหลังจากเงียบไปชั่วครู่
ซีเยว่ถอนหายใจโล่งอก แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับ หยวนเฉิงก็เดินกลับมาหานาง เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ดวงตาคมลึกของเขายังคงจับจ้องที่หญิงสาวตรงหน้า
“เจ้ากลัวหรือไม่”
ซีเยว่มองสบตาเขา นางควรจะตอบว่า กลัว แต่นางกลับเลือกพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่เท่าไร”
หยวนเฉิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าแปลกนัก”
หญิงสาวประหลาด นี่ไม่ใช่คำแรกที่มีคนเคยใช้เรียกนาง
แต่สิ่งที่ทำให้หยวนเฉิงสงสัยมากกว่านั้นคือดวงตาของนาง ดวงตาคู่นั้นลึกซึ้งและสงบนิ่งราวกับผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน มันดึงดูดสายตาของเขาอย่างประหลาด
“ข้ามาจากที่ไกลมาก” ซีเยว่กล่าวเสียงแผ่วเบา
“ที่ไกล… เจ้าหมายถึงที่ใดกันแน่”
ซีเยว่ไม่ตอบ นางเพียงหลุบตาลงเล็กน้อย รู้ดีว่าหากพูดความจริงออกไป ชายผู้นี้คงไม่มีทางเชื่อ
หยวนเฉิงไม่ได้คาดคั้นต่อ เขามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะพยักหน้าให้ทหาร
“เรากลับกันเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
เมื่อกลับมาถึงค่าย ไป๋ซีเยว่ก็รีบไปดูอาการของคนเจ็บต่อ แม้ว่านางจะเหนื่อยล้า แต่นางก็รู้ดีว่าผู้คนที่นี่ต้องพึ่งพานาง
หยวนเฉิงมองดูนางจากระยะไกล ขณะที่นางตั้งใจรักษาผู้ป่วย ดวงตาของนางส่องประกายบางอย่างที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจ
“ผู้บัญชาการ สนใจท่านหมอหรือ” ทหารคนหนึ่งแซวเบา ๆ
หยวนเฉิงหันไปมองอีกฝ่าย แววตาเรียบนิ่งดังเดิม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า…หญิงสาวผู้นี้กำลังดึงดูดความสนใจของเขาเข้าไปทุกที
บทที่ 5“เช่นนั้น ฉันชอบเธอ ไม่อยากให้เธอกลับไป” ไป๋ซีเยว่กระพริบตาปริบ ๆ”ทำตามที่เธอบอกแล้วได้ผลหรือไม่” “ไม่ ข้าไม่ใช่คนที่จะใจง่าย ชอบคนที่รู้จักกันไม่ถึงสิบวันหรอก” คำนั้นเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากที่มักจะนิ่งเฉย “เช่นนั้นรออยู่จนถึงสิบวันแล้วดูว่าเธอจะชอบฉันไหม” ไป๋ซีเยว่จะหันไปแย้ง แต่ก็ถูกกู้หยวนเฉิงตัดบท “หรือว่าไม่กล้า”“จะกล้าหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวหรอก ข้าไม่มีความจำเป็นจะต้องพิสูจน์อะไร” แม้ซีเยว่จะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของกู้หยวนเฉิงกลับยังดูเหนือกว่า และเริ่มพูดจาหว่านล้อมหญิงสาว "ไม่คิดบ้างหรือว่าการที่เธอได้มาที่นี่ มันต้องมีความหมายอะไรสักอย่าง เหมือนแม่ของเธอ...” เขาหยุดพูดเพื่อดูอาการของอีกฝ่าย “แม่ของเธอเองก็คงจะไปจากที่นี่เหมือนกัน” “ทำไมถึงพูดอย่างนั้น ท่านผู้บัญชาการพูดราวกับรู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของข้า” ไป๋ซีเยว่ถามอย่างสงสัย “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของเธอหรอก แต่ฉันจะบอกอะไรให้ ปักกิ่งนั้นก่อนหน้านี้ไม่มีชื่อเมืองนี้หรอก มีแต่เมืองที่ชื่อว่าเป่ย์ผิง ไม่ก็ตั๋งจิงถ้าเก่าแก่กว่านั้น” แววตาของซีเยว่เปลี่ยนไป เพราะหญิงสาวเคยเจอชื่อที่ว่านั่นแต่ไม่เคยเจอชื่อปักกิ่งจริง ๆ
บทที่ 4ไป๋ซีเยว่ที่มั่นใจในหนทางที่จะกลับบ้านได้แล้วเดินยิ้มออกมาจากตึก หญิงสาวมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำพุ และหยุดยืนอยู่ตรงนั้น หากนางคิดไม่ผิดนี่คือทางที่นางจะกลับไปที่ที่นางจากมาได้ แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่ยาที่ปลูกจากที่นี่ล้วนช่วยคนมาได้นับร้อยนับพัน หากบ่อน้ำพุนี้จะมีความสามารถอื่นอีกก็คงไม่แปลกอะไร เท้าของไป๋ซีเยว่กำลังจะก้าวเข้าไปในบ่อน้ำพุ แต่กู้หยวนเฉิงที่ไม่อยากให้หญิงสาวกลับไปก็วิ่งมาทันซะก่อน มือแกร่งของกู้หยวนเฉิงรีบเอื้อมไปดึงมือของไป๋ซีเยว่ที่กำลังจะก้าวเข้าไปในบ่อน้ำพุ เขาทำทุกอย่างเพื่อรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ เพราะบางอย่างมันทำให้เขาคิดได้ ทั้งคำพูดแปลก ๆ และท่าทางที่ไม่เหมือนคนยุคนี้ แม้จะไม่น่าเชื่อ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงเชื่ออยู่ในใจลึก ๆ ว่าบางทีไป๋ซีเยว่อาจจะเป็นคนที่ข้ามมิติหรือเวลามาที่จริงวันนั้นตอนที่เขาเห็นอีกฝ่ายครั้งแรก เขาคิดว่าตัวเองคิดไปเอง แต่เธอปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าตรงหน้าบ่อน้ำพุ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นพวกศัตรูที่ตามมา แต่พอได้อีกฝ่ายช่วยเหลือเอาไว้จึงมั่นใจว่าไม่ใช่และเมื่อครู่พอได้ยินคำบอกลา อีกทั้งหญิงสาวยังวิ่งมาที่บ่อน้ำพุ มันทำให้เขามั่นใจเรื่องที
บทที่ 3แต่เมื่อจะเอ่ยปากเล่า ไป๋ซีเยว่ก็นิ่งไปนิด พลางคิดอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะบอกอีกฝ่ายไปดีหรือไม่... หากคนตรงหน้าเป็นศัตรูของแคว้นหยาง ตั้งใจทำเรื่องราวทั้งหมดนี่หลอกนางเล่า เพราะมารดาของหญิงสาวสอนให้ระแวดระวังและมองคนให้ออก ซีเยว่จึงหุบปากที่กำลังจะอ้าเล่าเรื่องราว แน่นอนว่าท่าทางลังเลนั้นอยู่ในายตาของกู้หยวนเฉิง“เธอไม่ต้องกังวลหรอก ฉันแค่อยากรู้...ว่าบ้านของเธอเป็นอย่างไร ไม่ได้คิดอะไรไม่ดี” หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่าย กู้หยวนเฉิงนั้นดูเป็นคนดี หากบอกเพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวกับเขาแห่งนี้ก็คงไม่เป็นอะไรกระมัง อย่างไรอีกฝ่ายรวมถึงคนของเขาก็ดูเหมือนจะรู้จักพื้นที่แถว ๆ นี้ดีอยู่แล้ว“แคว้นหยางเป็นเช่นไรนั้นข้าไม่รู้หรอก เพราะไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก ส่วนมากไกลที่สุดที่ไปก็ชายแดนแคว้นฉู่ที่อยู่ไม่ไกลนัก เพราะเป็นบ้านเกิดของพี่สะใภ้” “มีพี่ชายด้วย” น้ำเสียงที่ไม่แปลกใจนักดังขึ้นจากชายตรงหน้า ไป๋ซีเยว่พยักหน้า “ถึงได้คุ้นชินพูดคุยกับผู้ชายโดยไม่ติดขัด” กู้หยวนเฉิงพูดเบา ๆ เขาดูเหมือนจะพอใจที่เหตุผลในการสนิทกับคนง่ายของหญิงสาวเป็นเพราะคุ้นเคยกับการพูดคุยกับพี่ชายของตัวเองเขาไม่ได้คิดกังวลไป
บทที่ 2กู้หยวนเฉิงมองดูผู้หญิงท่าทางและคำพูดแปลกประหลาดที่เดินอยู่รอบ ๆ ตึกบัญชาการของเขา นี่เป็นเวลาสัปดาห์กว่าแล้วที่ไป๋ซีเยว่ปรากฏตัวขึ้น เธอบอกแค่ว่าตนเองชื่ออะไร และเคยอยู่ที่ไหนเท่านั้น แคว้นหยางเป็นสถานที่ที่อีกฝ่ายบอก แต่กู้หยวนเฉิงไม่เคยได้ยินมาก่อน“จะว่าไปท่านผู้บัญชาการ หลังจากที่คุณหมอบอกว่าตนเองมาจากแคว้นหยาง ฉันก็ลองไปดูหนังสือประวัติศาสตร์มา สถานที่แถวนี้เมื่อก่อนถูกเรียกว่าแคว้นหยางนะ แต่นั่นก็หลายร้อยปีมาแล้ว” กู้หยวนเฉิงขมวดคิ้ว“ไว้ถ้าเสร็จจากตรงนี้เอาหนังสือที่ว่านั่นมาให้ฉันดูหน่อย”“ได้ได้ ฉันไปเอามาให้ดูเลยก็ได้นะ” “ยังไม่ต้อง ช่วยฉันดูตรงนี้ก่อน เผื่อเธอต้องการอะไรอีก” ป๋ออี้หรันมองหัวหน้าของตนที่เป็นทั้งเพื่อนและหัวหน้า คนที่มักไม่สนใจอะไร แต่ตอนนี้ ดวงตาคมที่แทบจะไม่ละสายตาไปจากคุณหมอหญิง“แม้ว่าคุณหมอจะแปลกไปหน่อย แต่ก็สวยดีนะ ว่าไหมท่านผู้บัญชาการ” คำพูดราวกับหยอกล้อทำให้สายตาคมของกู้หยวนเฉิงหันมองคนในการดูแลของตน “มันใช่เรื่องที่ควรจะพูดไหม” “ขอโทษครับ” ไม่พูดเปล่าป๋ออี้หรันยังยืนตรงและยกมือขึ้นตะเบ๊ะท่าทางแบบนั้นทำให้ไป๋ซีเยว่ที่กำลังดูแลคนป่วยหันมอง
เมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลาสมองพรรคดีแด่ท่านผู้นำ สองมือเพื่อชาติ ถือปืนและอำนาจ แต่หัวใจเพื่อเธอนิยายเรื่องนี้ เป็นภาคต่อจากนิยายเรื่อง ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว บทนำเมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลาในค่ำคืนที่ฝนโปรยปราย ลมหนาวพัดพาระลอกคลื่นกระทบผิวน้ำของบ่อน้ำเก่าแก่ เสียงฟ้าร้องดังลั่นเหนือยอดไม้สูง เงาร่างบางในชุดคลุมยาวสีอ่อนยืนนิ่งอยู่ริมบ่อ ราวกับรอฟังคำกระซิบจากอดีตที่ยังไม่ถูกลืมเลือนหลินซือเหยาผู้เป็นมารดา เคยบอกกับนางเสมอว่า“อย่ารักใครมากกว่าตัวเอง จงจำไว้ว่ารักแท้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด และหากวันหนึ่งฟ้าพาเจ้าไปไกล จงอย่ากลัว… เพราะเจ้าเกิดมาเพื่อพบบางสิ่งที่พิเศษกว่านั้น”ในยามที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่าน เด็กสาวธรรมดาผู้หนึ่งก้าวเข้าสู่มิติใหม่โดยไม่คาดคิด จากบุตรสาวที่เติบโตในยุคโบราณอยู่กับครอบครัวที่เรียบง่ายสงบสุข ต้องตื่นขึ้นท่ามกลางความสับสนของยุค 80 ช่วงเวลาที่ความล้าหลังกับการเริ่มต้นของการพัฒนาเดินเคียงข้างกันแม้ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครแม้ผู้คนจะมองเธอด้วยสายตาแปลกแยกแต่โชคชะตากลับนำพาให้เ
Mga Comments