เมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลา สมองพรรคดีแด่ท่านผู้นำ สองมือเพื่อชาติ ถือปืนและอำนาจ แต่หัวใจเพื่อเธอ
View Moreเมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลา
สมองพรรคดีแด่ท่านผู้นำ สองมือเพื่อชาติ ถือปืนและอำนาจ แต่หัวใจเพื่อเธอ
นิยายเรื่องนี้ เป็นภาคต่อจากนิยายเรื่อง ชายาของท่านโหวสิ้นใจแล้ว
บทนำ
เมื่อโชคชะตาไม่เพียงส่งต่อชีวิต… แต่ส่งต่อความลับของกาลเวลา
ในค่ำคืนที่ฝนโปรยปราย ลมหนาวพัดพาระลอกคลื่นกระทบผิวน้ำของบ่อน้ำเก่าแก่ เสียงฟ้าร้องดังลั่นเหนือยอดไม้สูง เงาร่างบางในชุดคลุมยาวสีอ่อนยืนนิ่งอยู่ริมบ่อ ราวกับรอฟังคำกระซิบจากอดีตที่ยังไม่ถูกลืมเลือน
หลินซือเหยาผู้เป็นมารดา เคยบอกกับนางเสมอว่า
“อย่ารักใครมากกว่าตัวเอง จงจำไว้ว่ารักแท้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด และหากวันหนึ่งฟ้าพาเจ้าไปไกล จงอย่ากลัว… เพราะเจ้าเกิดมาเพื่อพบบางสิ่งที่พิเศษกว่านั้น”
ในยามที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่าน เด็กสาวธรรมดาผู้หนึ่งก้าวเข้าสู่มิติใหม่โดยไม่คาดคิด จากบุตรสาวที่เติบโตในยุคโบราณอยู่กับครอบครัวที่เรียบง่ายสงบสุข ต้องตื่นขึ้นท่ามกลางความสับสนของยุค 80 ช่วงเวลาที่ความล้าหลังกับการเริ่มต้นของการพัฒนาเดินเคียงข้างกัน
แม้ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร
แม้ผู้คนจะมองเธอด้วยสายตาแปลกแยก
แต่โชคชะตากลับนำพาให้เธอพบกับ “เขา”
ผู้บัญชาการหนุ่มแห่งฐานบัญชาการหนุ่ม ผู้ไม่เชื่อในปาฏิหาริย์แต่กลับถูกหญิงสาวจากยุคอดีตสั่นคลอนหัวใจ
เรื่องราวของการเดินทางย้อนเวลา ความรักที่ก่อตัวท่ามกลางสงสัย
และความลับที่เกี่ยวพันระหว่างสองยุคสมัย กำลังจะเริ่มต้น…
ที่นั่น เธอไม่ใช่แค่คนแปลกหน้า
แต่คือ คำตอบของอดีตบางอย่าง
คือผู้สืบทอดเลือดเนื้อของคนที่ครั้งหนึ่งเคยเปลี่ยนแปลงชะตาแคว้นให้พลิกผันตอนที่นางปรากฏตัวนำพาบุรุษหนึ่งนำพาแคว้นขึ้นสู่ยุคใหม่ และตกต่ำตอนที่นายตายจาก
และเป็นผู้ถือกุญแจไขความลับของบ่อน้ำที่ไม่มีใครกล้าพูดถึง
เธอคือบุตรสาวของซือเหยา
บทที่ 1
ไป๋ซีเยว่นั่งลงข้างเตียงของผู้ป่วยอีกคน หลังจากที่จัดการกับบาดแผลของหยวนเฉิงแล้ว นางก็ต้องรีบตรวจดูอาการของทหารที่ยังนอนซมกันอยู่อีกหลายคน แม้เมื่อคืนจะช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ แต่หากไม่มียาบำรุงหรือสมุนไพรช่วยฟื้นฟูร่างกาย คนเหล่านี้อาจอาการทรุดลงได้
หญิงสาวถอนหายใจ พลางมองรอบ ๆ กระโจมพยาบาลชั่วคราวแห่งนี้ สิ่งของที่มีอยู่จำกัดเหลือเกิน อุปกรณ์ดูคุ้นตาแต่ก็ใหม่กว่าเครื่องมือแพทย์โบราณที่บิดามารดาของนางเคยใช้ หากไม่มีสมุนไพร นางก็คงต้องหาทางใช้สิ่งที่มีอยู่แทน
ซีเยว่ขยับตัวลุกขึ้น จังหวะเดียวกับที่หยวนเฉิงเดินเข้ามาพร้อมกับทหารคนหนึ่ง
“ท่านหมอ ท่านต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม สีหน้าเขาดีขึ้นมาก แต่ยังคงมีร่องรอยของความอ่อนล้า
“ข้าต้องการสมุนไพรสำหรับบำรุงร่างกาย แต่คนของเจ้าบอกว่าไม่สามารถลงจากเขาไปเก็บมาได้” ซีเยว่กล่าว พลางจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า
หยวนเฉิงนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งทหารข้างกาย “นำแผนที่มา”
ไม่นานนัก กระดาษแผ่นใหญ่ก็ถูกกางออกตรงหน้า ซีเยว่มองดูเส้นทางต่าง ๆ ที่ถูกขีดเอาไว้ รอบ ๆ ค่ายทหารแห่งนี้เป็นป่าภูเขา มีเส้นทางลับที่สามารถเดินทางได้โดยไม่ถูกศัตรูจับตามอง
“ถ้าเป็นบริเวณนี้” หยวนเฉิงชี้ไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ “ข้าจำได้ว่ามีต้นไม้สมุนไพรขึ้นอยู่จำนวนมาก แต่พวกเราห่างหายจากการออกลาดตระเวนไปนาน ข้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันยังปลอดภัยอยู่หรือไม่”
ซีเยว่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “หากมีสมุนไพร ข้าต้องไปดูด้วยตาตนเอง”
หยวนเฉิงขมวดคิ้ว “มันอันตรายเกินไป ข้าจะให้คนของข้าไปแทน”
หญิงสาวส่ายหน้า “เจ้าไม่เข้าใจ สมุนไพรบางชนิดมีลักษณะคล้ายกัน หากเก็บผิดต้น ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผล แต่ยังอาจทำให้คนเจ็บอาการแย่ลง ข้าต้องไปเอง”
หยวนเฉิงถอนหายใจยาว “เช่นนั้นข้าจะไปด้วย”
“เจ้าเพิ่งฟื้นตัว ยังเดินไหวหรือ”
“ข้าแข็งแรงพอ” หยวนเฉิงตอบเสียงหนักแน่น “และข้าไม่มีทางปล่อยให้ท่านหมอออกไปคนเดียวแน่”
ซีเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แม้จะรู้ว่าเขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่นางก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ หยวนเฉิงเป็นคนแรกที่ดูแลและใส่ใจนางขนาดนี้
สุดท้าย นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“ตกลง พรุ่งนี้เช้าเราออกเดินทาง”
รุ่งเช้า
ซีเยว่เตรียมอุปกรณ์พื้นฐานใส่ย่ามเล็ก ๆ ของตน นางเลือกมีดเล็กสำหรับตัดสมุนไพรและผ้าห่อเพื่อเก็บรักษาใบไม้และรากที่อาจพบเจอ
หยวนเฉิงมาพร้อมกับทหารสองคนที่เขาคัดเลือกมาเป็นพิเศษ “เราจะไปกันสี่คน พอถึงบริเวณนั้นข้าจะให้พวกเขาเฝ้าระวังโดยรอบ ส่วนท่านหมอก็เก็บสมุนไพรให้เร็วที่สุด”
ซีเยว่พยักหน้า ทั้งสี่คนออกเดินทางไปยังเส้นทางลับ ท่ามกลางอากาศเย็นยามเช้า
ระหว่างทาง หญิงสาวสังเกตเห็นว่าพื้นที่โดยรอบยังคงเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ แม้จะมีร่องรอยของสงครามบ้าง แต่ธรรมชาติก็ยังไม่ถูกทำลายเสียทีเดียว
“ข้าไม่เข้าใจ” นางเอ่ยขึ้นพลางเดินไปข้าง ๆ หยวนเฉิง “เหตุใดเจ้าถึงบอกว่านี่คือสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”
หยวนเฉิงหันมามองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านหมอมาจากที่ใดกันแน่”
ซีเยว่เม้มริมฝีปากแน่น นางเองก็ไม่แน่ใจว่าควรอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี
“ข้า…มาจากที่ไกลมาก” นางตอบเพียงเท่านั้น
หยวนเฉิงมองนางอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
ในที่สุด ทั้งสี่คนก็มาถึงพื้นที่เป้าหมาย
ซีเยว่รีบเดินไปสำรวจต้นไม้และพืชที่ขึ้นอยู่บริเวณนั้น นางเห็นสมุนไพรหลายชนิดที่คุ้นตา รวมถึงพืชบางอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนในแคว้นหยาง
ขณะที่กำลังเก็บสมุนไพรอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นจากระยะไกล
ปัง!
กระสุนปืนพุ่งผ่านใบไม้ด้านบนศีรษะของพวกเขาไปเพียงเล็กน้อย!
ทหารที่มาด้วยกันรีบชักอาวุธออกมา หยวนเฉิงคว้าแขนของซีเยว่ ดึงตัวนางเข้าที่กำบังทันที
“ถูกซุ่มโจมตี!”
เสียงฝีเท้าของศัตรูใกล้เข้ามา
ซีเยว่กำมือแน่น ใจเต้นรัว นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องเผชิญหน้ากับอาวุธเช่นนี้
หยวนเฉิงหันมามองนาง “ฟังข้า! เจ้าอยู่ตรงนี้ อย่าออกไปเด็ดขาด!”
เสียงกระสุนยังดังต่อเนื่องไม่หยุด หยวนเฉิงกดตัวของไป๋ซีเยว่ให้ต่ำลงพลางชักปืนพกของตนออกมา ทหารที่มาด้วยกันพยายามยิงตอบโต้ แต่ศัตรูยังคงลอบยิงจากเงามืดของป่า
ซีเยว่นิ่งงัน นางไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ในยุคของนาง การศึกใช้ดาบ หอก และธนู แต่ที่นี่กลับเป็นอาวุธที่ยิงได้จากระยะไกลและรวดเร็ว
นางควรจะกลัวแต่น่าแปลกที่หัวใจของนางสงบกว่าที่คิด
“ข้าเห็นเงาคนขยับทางซ้าย!” ทหารนายหนึ่งตะโกน หยวนเฉิงพยักหน้าเป็นสัญญาณ ก่อนจะกระซิบกับซีเยว่ว่า
“เจ้าต้องอยู่ตรงนี้ ข้าจะล่อพวกมันออกไป”
“แต่”
“ไม่มีแต่ เจ้าเป็นหมอ คนเจ็บที่ค่ายยังต้องการเจ้า” เสียงของเขาเด็ดขาดจนซีเยว่เม้มริมฝีปากแน่น
หยวนเฉิงเคลื่อนตัวออกไปทันที ไม่นานนักเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกระลอก พร้อมกับเสียงโห่ร้องของศัตรู ทหารของเขายิงโต้กลับ และดูเหมือนศัตรูจะเริ่มล่าถอย
“พวกมันไปแล้ว” ทหารนายหนึ่งกล่าวหลังจากเงียบไปชั่วครู่
ซีเยว่ถอนหายใจโล่งอก แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับ หยวนเฉิงก็เดินกลับมาหานาง เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ดวงตาคมลึกของเขายังคงจับจ้องที่หญิงสาวตรงหน้า
“เจ้ากลัวหรือไม่”
ซีเยว่มองสบตาเขา นางควรจะตอบว่า กลัว แต่นางกลับเลือกพูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่เท่าไร”
หยวนเฉิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าแปลกนัก”
หญิงสาวประหลาด นี่ไม่ใช่คำแรกที่มีคนเคยใช้เรียกนาง
แต่สิ่งที่ทำให้หยวนเฉิงสงสัยมากกว่านั้นคือดวงตาของนาง ดวงตาคู่นั้นลึกซึ้งและสงบนิ่งราวกับผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน มันดึงดูดสายตาของเขาอย่างประหลาด
“ข้ามาจากที่ไกลมาก” ซีเยว่กล่าวเสียงแผ่วเบา
“ที่ไกล… เจ้าหมายถึงที่ใดกันแน่”
ซีเยว่ไม่ตอบ นางเพียงหลุบตาลงเล็กน้อย รู้ดีว่าหากพูดความจริงออกไป ชายผู้นี้คงไม่มีทางเชื่อ
หยวนเฉิงไม่ได้คาดคั้นต่อ เขามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะพยักหน้าให้ทหาร
“เรากลับกันเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
เมื่อกลับมาถึงค่าย ไป๋ซีเยว่ก็รีบไปดูอาการของคนเจ็บต่อ แม้ว่านางจะเหนื่อยล้า แต่นางก็รู้ดีว่าผู้คนที่นี่ต้องพึ่งพานาง
หยวนเฉิงมองดูนางจากระยะไกล ขณะที่นางตั้งใจรักษาผู้ป่วย ดวงตาของนางส่องประกายบางอย่างที่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสนใจ
“ผู้บัญชาการ สนใจท่านหมอหรือ” ทหารคนหนึ่งแซวเบา ๆ
หยวนเฉิงหันไปมองอีกฝ่าย แววตาเรียบนิ่งดังเดิม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า…หญิงสาวผู้นี้กำลังดึงดูดความสนใจของเขาเข้าไปทุกที
บทที่ 31“ตั้งแต่เด็กผมเคยถามพ่อตลอดว่าผมทำดีหรือยัง แต่พ่อไม่เคยบอกว่ามันดี ตอนนี้ผมไม่สนใจอีกแล้วว่าพ่อจะคิดอย่างไร ในเมื่อทำแค่ไหนก็ไม่ดีสำหรับพ่ออยู่ดี ผมก็จะทำในแบบของผมเอง” “ลูกพูดกับพ่ออย่างนี้ได้อย่างไรหยวนเฉิง...” กู้หยวนเฉิงหันมองแม่ตัวเอง “ทำไมผมจะพูดไม่ได้ แม่เคยเห็นใจผมบ้างไหม ตั้งแต่เด็กมาผมเคยใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นไหม มีแต่แม่อยากให้เป็นอะไร พ่อชอบให้ผมทำอะไร หากแม่อยากเอาใจพ่อ แม่ก็ทำเองสิครับ จะมาใช้ผมเป็นเครื่องมือทำไม แม่เห็นใจผมบ้างไหมหรือแค่ทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของแม่เท่านั้น” “พูดจาไม่สมกับเป็นคนตระกูลกู้” กู้หยวนเฉิงหัวเราะเย้ยหยันตัวเองและคนตรงหน้า “พ่อเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมอยากเป็นไหม เป็นคนตระกูลกู้ต้องเป็นอย่างไรเหรอครับ พ่อเคยทำให้ปู่พอใจได้ไหม ผมมั่นใจเลยว่าไม่ได้ ความต้องการของคนตระกูลกู้ช่างสูงส่งจริง ๆ แต่ผมคงเป็นไม่ไหว ผมแค่อยากมีครอบครัวของผมแค่นั้น เป็นคนธรรมดาที่ช่วยเหลือคนอื่น...” กู้หยวนเฉิงชี้ไปที่ซีเยว่“พ่อกับแม่รู้ไหมว่าเธอ...ไม่สิ อธิบายบอกไปก็คงไม่ทำให้พ่อแม่เข้าใจหรอก ครั้งนี้ผมจะออกไปจากบ้านหลังนี้อีกครั้ง แต่มันไม่ใช่การหนี ผ
บทที่ 30“ไปข้างบนเถอะ” กู้หยวนเฉิงที่เดินออกมารีบประคองภรรยาของเขาขึ้นไปบนบ้าน แต่เพียงแค่เดินผ่านแม่ของเขา เสียงของแม่เขาก็ดังตามมา“เดินไปทั่วราวกับเห็นที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ก็เพราะลูกชายของฉันยืนกรานจะรับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีที่ยืนในตระกูลกู้หรอกนะ” แม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่ไป๋ซีเยว่กลับคิดอะไรอยู่มากมายในหัวของเธอในตอนนี้“คำพูดของพ่อคุณหมายความว่าอย่างไร” ไป๋ซีเยว่ไม่อยากคิดมากไปเอง เธอท้อง...นี่เป็นความจริงที่เธอยังไม่ได้บอกสามี เธอรู้ตั้งแต่ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่แค่อยากแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร จึงคิดว่าจะบอกเขาตอนที่ทุกอย่างมันดีกว่านี้ แต่คำที่ได้ยินเมื่อครู่“พ่อไม่คิดถึงอะไรนอกจากตระกูลหรอก หลานจากฉันก็คือทายาทของเขา เธอไม่ต้องกังวลหรอก ปัญหายังมาไม่ถึง เอาแค่วันพรุ่งนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ไหวไหมดีกว่า”ไป๋ซีเยว่เงียบไป เธอรู้สึกไม่มั่นใจกับการรับมือกับปัญหาครอบครัวของคนตรงหน้าเลยสักนิด กู้หยวนเฉิงที่วางแผนรบได้ แต่กลับจัดการพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้“พรุ่งนี้เราย้ายไปหาบ้านเช่ากันไหม แล้วค่อยทำอย่างเธอบอก หนีไปอยู่มณฑลไกล ๆ”“แล้วต้องหนีไปไกลแค่ไ
บทที่ 29แม้จะรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบ และพ่อสามีก็ยังคงคิดเหมือนกัน แต่ในเมื่อตั้งใจจะทำให้ถึงที่สุดแล้ว ซีเยว่จึงตัดสินใจลงมาช่วยคนงานในครัวจัดอาหารเย็น“คุณไม่ต้องมาช่วยก็ได้ค่ะ ปกติคุณนายก็ไม่ทำ” ซีเยว่ยิ้มเมื่อเธอเดินเข้ามาในครัวแล้วทุกคนตกใจและแปลกใจมากกว่าไม่ต้อนรับ“ฉันแค่อยากทำอาหารที่บำรุงร่างกายให้พวกท่านได้ลองน่ะค่ะ” คนงานในครัวเข้าใจ หญิงสาวคงอยากจะทำตัวให้แม่สามีรัก แต่คงจะยากสักหน่อยเพราะเหมือนอคติจะอยู่ในใจไปแล้วไป๋ซีเยว่อยู่ในครัวเกือบสองชั่วโมงเพื่อทำอาหารที่ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถหากินได้ หลังจากทำเสร็จเธอรีบกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็จำเป็นต้องเดินผ่านแม่สามีที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงก่อนขึ้นบันได“แต่งตัวให้ดีอย่างไรก็ไล่กลิ่นสาบบ้านนอกออกไปไม่ได้สินะ” สายตาเหยียด ๆ ถูกส่งมาให้ ไป๋ซีเยว่ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินหนีไป ไม่แม้แต่จะต่อความยาวกับคนอายุมากกว่า “ผู้ใหญ่พูดด้วยไม่ได้ยินหรืออย่างไร” แม้แม่สามีของเธอจะลุกขึ้นมายืนต่อว่าซีเยว่ก็ทำเพียงแค่หันมองแล้วก้มหัวให้ก่อนจะเดินหนีมาเท่านั้นเธอไม่คิดว่าการพูดจาจะมีประโยชน์อะไร ที่จริงตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าที่นี่ไม่น่าอยู่ โ
บทที่ 28ไป๋ซีเยว่มองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า เธอรู้แค่ว่ามันใหญ่แค่นั้นไม่ได้ตื่นเต้นหรือคิดว่ามันแตกต่างอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่ากู้หยวนเฉิงมีตระกูลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่เมื่อหันไปมองคนข้าง ๆ กู้หยวนเฉิงมองประตูคฤหาสน์ของตนด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์นัก เขาไม่ได้รู้สึกดีกับมันสักเท่าไร ถ้าหากเลือกเกิดได้เขาอยากเป็นแค่คนธรรมดา ๆ แบบป๋ออี้หรันมากกว่า แต่มันคงทำไม่ได้“คุณชายกลับมาแล้วเหรอครับ” หยวนเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ส่งของของเขาและของซีเยว่ไปให้กับลุงคนทำสวนเท่านั้น“เอาไปไว้ที่ห้องผม” “ไม่ต้องเอาไปไหนทั้งนั้นนั่นแหละ กลับมาได้แล้วเหรอ นึกว่าลืมไปแล้วว่ามีบ้านอยู่ตรงนี้” คุณนายกู้มองลูกสะใภ้ของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ...” ซีเยว่ยังไม่ทันตอบอีกฝ่ายก็พูดต่อ “ถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัว อายุเท่านี้ก็แต่งงานแล้ว หนังสือคงไม่รู้เลยล่ะมั้ง” ใบหน้าเหยียด ๆ นั่นทำให้ซีเยว่ไม่ค่อยพอใจนัก เธอเริ่มเข้าใจคำของกู้หยวนเฉิงแล้วที่ไม่อยากกลับบ้าน ขนาดลูกชายอยู่ตรงนี้ อีกฝ่ายยังไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด“ผมแค่กลับมาเยี่ยมก่อนจะเข้าไปรายงานตัวครับ ถ้าแม่ไม่พอใจผมเลยไปนอนที่กรมเลยก็ได้”
บทที่ 27กู้หยวนเฉิงและไป๋ซีเยว่เดินผ่านคนมากมายเข้าไปที่ลานกว้างหน้าหอระฆัง พวกเขาเห็นป๋ออี้หรันยืนรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองโบกมือให้กันทันทีที่เห็น “ในที่สุดก็มาสักที นึกว่าจะต้องไปตามแล้ว” ป๋ออี้หรันอย่างไรก็ยังเป็นคนพูดมากอยู่ดี “กลัวไหม” กู้หยวนเฉิงถามไป๋ซีเยว่ คนที่เมืองหลวงเดินไม่ค่อยดูคน และบรรดาคนที่ขายของก็มักจะถึงเนื้อถึงตัว“ชุดนี้เหมาะกับแม่หนูมากเลยนะ สนใจไหม” ไป่ซีเยว่มองแล้วก็พยักหน้า ที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับตลาดชายแดนเมื่อก่อน คนเยอะมากมาย“ชุดนี้เหมาะกับเธอดี เอาไหมฉันซื้อให้” ซีเยว่ส่ายหน้า “ให้ฉันได้ใช้เงินบ้างเถอะ”“ฉันเองก็ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกันนะ” “จะเถียงกันทำไม แม่หนูก็เอาไปสองชุด ซื้อเองด้วย ให้สามีของหนูซื้อให้ด้วยดีไหม” สุดท้ายแวะร้านแรกก็ได้ชุดมาตั้งสองชุด “พูดเยอะจนแม่ค้าล้อเลย” ป๋ออี้หรันที่เดินตามมาก็อดหัวเราะขำไม่ได้ แม้สองคนนี้จะแต่งกันมานาน แต่ก็ยังมีท่าทางเกร็ง ๆ ต่อกันอยู่ดี“อุ๊ย น่ารักจัง” ไป๋ซีเยว่เห็นกิ๊บติดผมแล้วก็หยุดยืนดู คงเป็นเพราะคนที่นี่ไม่ค่อยประดับผมเท่าไร แต่เธอชอบมาก แม้จะไม่เหมือนกับการปักปิ่นแบบนั้นแต่มันก็ดูสวยดี“สวยทั
บทที่ 26รถไฟเที่ยวพิเศษสำหรับเหล่าทหารที่กลับไปยังเมืองหลวงและมณฑลต่าง ๆ จอดนิ่งอยู่ที่ชานชาลา เสียงหวีดเบา ๆ ของหัวรถจักรทำให้ไป๋ซีเยว่ที่เพิ่งเคยเห็นรถไฟครั้งแรกออกจะตื่นเต้นแต่ก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้“เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรกใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงกระซิบเบา ๆ ข้างหูภรรยาของเขา ซีเยว่พยักหน้า “ใช่ เหมือนที่ท่านแม่เคยเล่า แต่ว่ามันมีเร็วกว่านี้ด้วยนะ” “รู้ได้อย่างไรว่าเร็วกว่า” “ท่านแม่บอกว่ามันมีหลายแบบ อันนี้มีไอน้ำน่าจะเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำใช่ไหม” กู้หยวนเฉิงพยักหน้า “ใช่ ขึ้นไปกันเถอะ” ไม่ว่าอะไรในชีวิตของไป๋ซีเยว่ก็ดูจะใหม่ทั้งหมดเมื่อได้มาอยู่ข้างกายของกู้หยวนเฉิง แม้หลายสิ่งจะแตกต่างจากที่เคยได้ยินแม่ของเธอเล่าแต่มันก็ดูคลับคล้ายพอไปถึงที่นั่งซีเยว่ก็จะเอาของขึ้นเก็บด้านบนหัวที่เป็นที่เก็บของ แต่กู้หยวนเฉิงก็จัดการให้ “อะไรจะหวานกันขนาดนั้น นั่งไปสองคนเลยฉันนั่งตรงนี้คนเดียวก็ได้” ป๋ออี้หรันแกล้งชนกู้หยวนเฉิงก่อนจะเดินไปนั่้งฝั่งตรงข้าม“ว่าแต่รถไฟมันโยกเยก ร้อยโทไป๋ก็นั่งดี ๆ นะครับ หรือจะให้เพื่อนของผมประคองเอาไว้ก็ได้” “ปากนายนี่ ไปนั่งที่อื่นเลย”“เห็นฉันเป็นส่วนเกิน
Comments