เซียวหลินเทียนร้อนใจกล่าวว่า “เจ้ามิกลัวหรือว่าเป็นยาพิษ! ของสิ่งใดก็มิรู้ ยังกล้าเอาเข้าปาก!”หลิงอวี๋ลิ้มรสพลางกล่าวว่า “ท่านวางใจเถิด มิใช่ยาพิษหรอก!”นางเคี้ยวสองสามครั้ง ใบหน้างดงามฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย “เซียวหลินเทียน สมุนไพรนี้มีถึงห้ารสชาติ หม่อมฉันคล้ายเคยเห็นในบันทึกที่เย่ซงเฉิงมอบให้ท่านอาจารย์ของหม่อมฉัน!”หลิงอวี๋หยิบบันทึกของเย่ซงเฉิงออกมาจากห้วงมิติ แล้วใช้ความทรงจำเปิดไปยังหน้าที่บันทึกเรื่องราวของสมุนไพรชนิดนี้“หญ้าห้ารส!”“โดยทั่วไปมักเติบโตในที่รกร้าง ริมลำธาร และที่อับชื้น มีรสเผ็ดเล็กน้อยและหวาน มีพิษอ่อน สรรพคุณช่วยห้ามเลือดสร้างเนื้อเยื่อสมานแผล ขับร้อนถอนพิษ เป็นวัตถุดิบจำเป็นสำหรับปรุงยาถอนพิษขั้นสูง!”ทว่าหลิงอวี๋พลิกดูบันทึกของเย่ซงเฉิงจนทั่วแล้ว ก็ยังมิพบบันทึกเกี่ยวกับสมุนไพรอีกหลายชนิดที่เหลือ“นี่คืออะไรหรือ?”สายตาของเซียวหลินเทียนเหลือบไปเห็นผลไม้แห้งเหี่ยวผลหนึ่งอยู่ใต้กล่อง แม้จะแห้งจนแบน แต่เปลือกนอกสีแดงสดของมันยังคงเด่นชัดหลิงอวี๋เองก็มิเคยเห็นเช่นกัน จึงรับมาดูด้วยความใคร่รู้แม้จะเรียกว่าผลไม้ แต่ความจริงแล้วมันแห้งเหี่ยวจนมิต่างจาก
หลิงอวี๋กำลังจดจ่ออยู่กับการทดลองจนมิได้รับรู้ถึงการผันผ่านของวันเวลาภายนอก นางรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ก็ได้ยินเสียงของหลิงหว่านดังมาจากด้านนอก“พี่หญิง ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ พี่เขยรอท่านร่วมมื้อเช้าอยู่!”หลิงอวี๋นำโลหิตหยดลงในภาชนะเพาะเชื้อ แล้วจึงออกจากมิติไปหลิงหว่านแต่งกายเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นนางตื่นขึ้นมา จึงออกไปตระเตรียมน้ำให้ล้างหน้า“พี่หญิง เจ้าตำหนักหยวนป๋อแห่งตำหนักเสวียนเทียนส่งของกำนัลล้ำค่ามาเพื่อขอบคุณท่าน ตอนนี้พี่เขยกำลังต้อนรับเขาอยู่ เสร็จแล้วให้ท่านตามไปเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋นึกว่าพวกหยวนป๋อจากไปแล้วเสียอีก มิคาดคิดว่าจะยังอยู่“หยวนซือหลิงมาด้วยหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถาม“มิได้มาเจ้าค่ะ! นางยังมีหน้ามาได้อีกหรือ… เมื่อวานก็แสร้งเป็นลมหนีการขอขมาไปแล้ว หากข้าเป็นนาง ก็มีแต่จะรีบหลบหน้าท่านให้ไกล!”หลิงหว่านยิ้มกล่าวหลิงอวี๋เองก็มิอยากพบหน้าคุณหนูผู้เอาแต่ใจนางนั้น เมื่อชำระล้างร่างกายเสร็จแล้วจึงเดินตามหลิงหว่านไปเมื่อก้าวเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงของหยวนป๋อพอดี “นายท่านอู่ หากพวกท่านจะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพ เราสามารถร่วมทางกันไปได้! พวกเราเตรี
วาจาของหลิงอวี๋ ยิ่งทำให้แม่ทัพต่งประจักษ์ในคุณธรรมอันสูงส่งของนางหากเป็นหมอคนอื่นถูกไป๋เฉี่ยวและไป๋อวี้เหยียดหยามถึงเพียงนั้น มิคิดแค้นเคืองก็ดีถมไปแล้ว ไหนเลยจะเอ่ยปากตักเตือนด้วยความหวังดีอีก!เมื่อดื่มสุรากันเสร็จสิ้น แม่ทัพต่งจึงพาต่งหลิ่วและเกิ่งสื่อขอตัวลาจากไปหลิงหว่านเก็บกวาดจนเรียบร้อย ก่อนจะกลับไปพักผ่อนยังกระโจมที่เกิ่งสื่อเตรียมไว้ให้นางเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋นั่งลง“อาอวี๋ หากเป็นดังที่เจ้าว่า เมื่อใดที่อาการของหยางรั่วหลานกำเริบขึ้นมา นางก็จะเหลือเวลาอีกมิกี่วันใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว “เช่นนั้นพวกเราจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อนดีหรือไม่?”หลิงอวี๋พยักหน้า “หม่อมฉันก็กำลังจะบอกท่านเรื่องนี้เช่นกันว่าเราควรอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันเพคะ!”“อาการป่วยของหยางรั่วหลานทำให้หม่อมฉันใคร่รู้ยิ่งนัก หม่อมฉันอยากอยู่เพื่อศึกษาดูอาการ เผื่อในภายหน้าหากพบเจออาการป่วยเช่นนี้อีก จะได้มีวิธีรับมือเพคะ!”“อีกอย่าง อ๋องซู่และข้าหลวงหยางกำลังวางแผนการลับอันใดอยู่ หม่อมฉันก็อยากจะสืบให้กระจ่างเช่นกัน!”“หากอ๋องซู่ทำเพื่อราษฎรอย่างแท้จริง ต
เซียวหลินเทียนยกจอกสุราขึ้น แล้วยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อข้าได้รับบัญชาจากท่านแม่ทัพจี้ให้มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงแดนเทพเพื่อขอความช่วยเหลือ ก็ย่อมมิอาจล้มเลิกกลางคันได้!”“น้ำใจของแม่ทัพต่ง ข้าคงต้องขอรับไว้ในใจเท่านั้น!”“มาเถิด ดื่มสุรากัน อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องบ้านเมืองเลย!”แม่ทัพต่งย่อมรู้ว่านี่คือการปฏิเสธการชักชวนของตน เขาจึงยกจอกสุราขึ้น “ดื่มสุรา ดื่มสุรา!”แม่ทัพต่งรู้ดีว่า คนอย่างเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋นั้นมิใช่จะเกลี้ยกล่อมได้โดยง่าย!ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ฮูหยินอู่ยังถูกสาวใช้ของหยางรั่วหลานหยามเกียรติ ซึ่งขณะนั้นอ๋องซู่ก็อยู่ด้วย แต่กลับปล่อยให้ไป๋เฉี่ยวดูหมิ่นฮูหยินอู่อย่าว่าแต่ฮูหยินอู่ที่ทนกล้ำกลืนฝืนทนความคับแค้นนี้มิได้ แม้เป็นตนเอง ก็คงมิยอมรับใช้อ๋องซู่เช่นกันอ๋องซู่พลาดบุคคลผู้มีความสามารถเช่นนี้ไป จะต้องเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน!หลังจากร่ำสุรากันได้สามจอก หลิงอวี๋จึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพต่ง วันนี้ที่มิอาจช่วยวินิจฉัยอาการป่วยของคุณหนูรั่วหลานได้ ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว!”“แต่ข้าเป็นหมอ เมื่อพบเจอกับอาการป่วยที่มิเคยเห็นมาก่อน ก็ย่อมรู้สึกใคร่รู้ยิ่งน
แม่ทัพต่งเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “รับใช้ข้าหลวงหยางหรืออ๋องซู่ก็เหมือนกัน สองท่านอาจยังมิทราบว่าอ๋องซู่และรั่วหลานบุตรีของข้าหลวงหยางได้หมั้นหมายกันแล้ว!”กล่าวถึงตรงนี้ แม่ทัพต่งก็ลุกขึ้นยืนแล้วประสานมือคารวะหลิงอวี๋ “ฮูหยิน ขออภัยด้วย ก่อนหน้านี้ข้าน้อยต่งโป้ปด!”“คุณหนูรั่วหลานเป็นบุตรีของข้าหลวงหยาง มิใช่บุตรีของข้า!”“เพียงแต่เรื่องราวมีที่มาที่ไป ข้าน้อยต่งจึงจำต้องกล่าวความเท็จ! ข้าน้อยต่งต้องขออภัยที่ปิดบังฮูหยิน!”หลิงอวี๋โบกมือพลางกล่าว “แม่ทัพต่งทำไปก็เพื่อปกป้องรั่วหลาน นับเป็นเหตุผลที่พอจะเข้าใจได้ ข้ามิถือโทษท่านหรอก!”“เชิญแม่ทัพต่งนั่งลงก่อนเถิด!”เซียวหลินเทียนแย้มยิ้มกล่าวว่า “ดูจากท่าทีของอ๋องซู่ที่มีต่อภรรยาข้าในวันนี้แล้ว ข้ามิคิดว่าการรับใช้อ๋องซู่จะเป็นทางเลือกที่ฉลาดนัก!”แม่ทัพต่งยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีว่าเซียวหลินเทียนยังคงขุ่นเคืองใจที่หลิงอวี๋ถูกหยามเกียรติในวันนี้เขาจึงฝืนยิ้มกล่าวว่า “นายท่านอู่ อ๋องซู่เพียงแต่ยังมิเคยประจักษ์ในฝีมือการรักษาของฮูหยิน จึงได้เกิดความคลางแคลงใจ หากเขาทราบเรื่องราวความเป็นมา ย่อมต้องใช้งานพวกท่านอย่างแน่นอน!”หลิงอ
แม้ว่าในหมู่บ้านยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูและขาดแคลนเสบียงอยู่บ้างแต่เมื่อถึงยามค่ำ เกิ่งสือก็ยังตระเตรียมอาหารเจ็ดแปดอย่างจัดเป็นโต๊ะเลี้ยงส่งมาให้จากนั้นแม่ทัพต่งก็อุ้มสุราสองไหเข้ามาพร้อมกับผู้คุ้มกันหนุ่มอีกคนที่อุ้มสุราสองไหตามมา“ฮูหยินอู่ นายท่านอู่ ข้าขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือบุตรชายของข้า ต่งหลิ่ว พอเจ้าหนุ่มนี่ได้ยินว่าข้าจะมาดื่มสุราก็รบเร้าจะติดตามมาด้วย รบกวนแล้ว!”แม่ทัพต่งกล่าวอย่างอารมณ์ดีต่งหลิ่ววางไหสุราลง และประสานมือคารวะหลิงอวี๋ “ฮูหยินอู่ ต่งหลิ่วมิได้รับเชิญแต่กลับมาเยือน ต้องรบกวนแล้ว!”หลิงอวี๋มองต่งหลิ่วแล้วคาดว่าอายุคงราวสิบห้าสิบหกปี ใบหน้าหล่อเหลาหมดจด คิ้วกระบี่นัยน์ตาดำขลับ ยามเอ่ยวาจาก็เผยให้เห็นลักยิ้มข้างแก้มรูปกายสะท้อนจิตใจ ต่งหลิ่วผู้นี้คงเป็นคนซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยม“แขกผู้มาเยือนไหนเลยจะเรียกว่ารบกวนได้! รีบนั่งเถิด!”เซียวหลินเทียนพบปะผู้คนมามาก เพียงมองรูปลักษณ์ของต่งหลิ่วก็มิอาจรู้สึกชิงชังได้ จึงรีบเชื้อเชิญให้พวกเขานั่งลง“นายกองเกิ่งก็นั่งลงด้วยกันเถิด! วันนี้พวกเราสองสามีภรรยามาเยือน นายกองเกิ่งก็วิ่งวุ่นจัดการธุระให้มิได้หยุดหย่อน นั่