รุ่งสางจวนผู้รักษาการแทน ณ เมืองหยินกวง เสียงดังโหวกเหวกจากด้านหน้าเรือน ทำให้สวี่เทียนรีบก้าวออกมาดูทันที ก่อนจะหรี่ตามองไปยังกลุ่มทหาร ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เว้นแค่ชุดที่ทุกคนสวม รวมถึงชุดคลุมที่ชายผู้ก้าวตรงมาที่เขาสวม มันเหมือนกับที่อดีตภรรยา เคยลงมือปักด้วยตนเอง “เจ้าเป็นใคร! กล้าบุกรุกจวนของข้า รู้หรือไม่ว่าโทษนี้ถึงตาย” สวี่เทียนชี้นิ้วตรงไปยังคนที่ก้าวตรงมาที่เขา ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ พวกมันเป็นใครกันช่างกล้าเกินไปแล้ว! “แค่กาฝากชั้นต่ำ จะเอาอันใดมาแตะต้องตัวข้า” เอ่ยจบดาบคม ได้วางพาดบนลำคอหนาของสวี่เทียน เขารับรู้ได้ถึงความชิงชัง ที่แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่ม สายตาเย็นชามองมาที่เขา ราวกับเป็นสิ่งไร้ค่าก็มิปาน “บังอาจ! ปล่อยสามีข้าเดี๋ยวนี้” อนุชินรีบวิ่งเข้ามาสั่งการ ให้คนแปลกหน้าปล่อยสามีของนาง แต่ก็ไม่อาจหาญเข้าใกล้อีกฝ่ายมากนัก “ชายหญิงต่ำช้า สมสู่กันในบ้านเมืองของสกุลข้า ช่างมิรู้อายฟ้าดิน หากวันนี้ข้าไม่ได้พบหลานชาย พวกเจ้าสองผัวเมีย ก็อย่าได้หวังจะได้ตายดีเลย” “หลานชาย!” สวี่เทียน
“ได้ข่าวท่านประมุขน้อยหรือยัง” ชายหนุ่มถามผู้ดูแลโรงเตี๊ยม ที่ก้าวเข้ามายืนไม่ห่างอย่างพินอบพิเทา แค่เสี้ยวหน้าของท่านอวี๋จ้านเกอ ก็ทำให้ขาของเขาสั่นเทาจนยากจะควบคุม เพราะงานที่ได้รับคำสั่งให้ทำ มันยังไม่ลุล่วง “เรียนท่านจ้านเกอ เราทราบเพียงมีสตรีกับเด็กคนหนึ่ง และผู้ติดตามของนาง ช่วยเหลือท่านประมุขน้อยเอาไว้ขอรับ ทั้งหมดยังซ่อนตัวอยู่ ส่วนที่คนของสวี่เทียนกำลังติดตามหา คือหญิงสาวคนนั้น เพราะบุตรชายหญิงของเขา ตกไปอยู่ในมือของนางขอรับ” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมรีบรายงาน เท่าที่เขาส่งคนไปแทรกซึมอยู่ในจวน และจากคนที่ยังภักดีต่อท่านประมุขน้อย ที่ส่งข่าวมาให้ทราบ แต่งานของเขาคือการหาตัวของท่านประมุขน้อยให้เจอ ยังคงไม่สำเร็จ เพราะผู้รักษาการแทน ประกาศไปเพียงว่าประมุขน้อยสร้างปัญหาจึงหลบหนีไปพักใจ แม้ทุกคนจะไม่เชื่อ แต่ก็ยากจะทำอะไรโจ่งแจ้งได้ “คนต่างถิ่นสินะ!”ชายหนุ่มแค่อยากให้แน่ใจ ว่าเขาคิดไม่ผิดเรื่องผู้ที่ช่วยเหลือหลานชาย ว่ามิใช่คนในหุบเขา “ขอรับ เห็นว่านางหลบหนีการตามล่าเข้ามาในหุบเขา แต่จากที่ข้าน้อยสืบข่าวมา นางเหมือนรู้จักทุกซอกมุมของหุบเขาเป็นอ
“แคลงใจแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ต่อให้นางอยากตัดหัวเขาเพื่อลูก แต่นางก็ยังไม่ยอมให้เสียโอกาส สำหรับอำนาจที่สวี่เทียนครอบครอง หากเขาตายเจ้าคือตัวจริงตามฐานะ แล้วนางกับลูกจะอยู่อย่างไร นางย่อมต้องรักตัวเองมากกว่า จะเลือกพาสวะไร้ค่ากลับมาเป็นตัวถ่วงชีวิต แต่แบบนี้ดีแล้วมันเข้าตามแผนที่ข้าวางไว้” ช่างเป็นความคิดที่เลือดเย็นนัก หากเป็นเช่นคำพูดของเจียงอี้หลิง อวี๋มู่หลงรู้สึกรักและคิดถึงมารดาขึ้นมาในฉับพลัน ท่านแม่ของเขายอมสละทุกอย่าง เพียงเพื่อให้เขามีลมหายใจอยู่ต่อ แม้แต่เสี่ยวไป๋ที่แก่ชราแล้ว ยังอดทนเฝ้ารอให้เขาเติบโต เพื่อสักวันที่มันจะหลับใหลแบบหมดห่วง อวี๋มู่หลง แอบยกชายเสื้อขึ้นซับหางตา เขาจะอ่อนไหวเสมอ เมื่อนึกว่าถ้าวันหนึ่งเสี่ยวไป๋ จากเขาไปเช่นมารดา และเหล่าผู้อาวุโส ที่ถูกกำจัดไปจากชีวิตเขาจนสิ้น การที่บิดาของเขายังไว้ชีวิตมัน เพราะคนผู้นั้นมั่นใจยิ่งนัก ว่าเสี่ยวไป๋รู้ที่ซ่อนของตราประทับ “เจ้าเป็นอะไรไป” เจียงอี้หลิงกระซิบถามคนข้างกาย ก่อนที่อวี๋มู่หลงจะรู้สึกตัว ว่าตนเองกำลังฝังความคิดอยู่กับเรื่องราว ที่มิอาจย้อนคืนได้แล้ว ชายหนุ่มรั้งร่างของหญิงสา
หวี๊ด!! เจียงอี้หยางหันหาที่มาของเสียง นี่คือสัญญาณจากท่านลุงอู๋ เด็กชายใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว ด้วยอีกฝ่ายเหมือนจะใช้กำลังสู้ไม่ได้ จึงเลือกใช้ยาพิษ เขามั่นใจว่าในไม่ช้า คนจากหนานจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง ถึงเขากับพี่ม่อเหลียวจะไม่เป็นอะไร ด้วยร่างกายนั้นทดลองยาพิษมามาก จนเรียกได้ว่าร้อยพิษมิกล้ำกลาย แต่ใช่ว่าพี่ม่อเหลียวจะรับมือเพียงลำพัง กับคนที่มีฝีมือระดับเดียวกัน ในจำนวนที่มากกว่าได้ ต่อให้สู้ไหวใช่ว่าจะมิบาดเจ็บเล่ห์เหลี่ยมแพราพราวเหลือเกิน ชายที่ถูกเรียกว่าชายชูถาน เพราะเสื้อผ้าของคนพวกนี้ ล้วนอาบไปด้วยผงพิษ ทุกการเคลื่อนไหว มันจะคละคลุ้งจนเขาได้กลิ่น ทว่ามันไร้สีสันให้เห็น “พวกเขาวางยาพิษ ระวังด้วย!” เมื่อมีคนมาเพิ่ม เจียงอี้หยางจึงตัดสินใจตะโกนออกไป พร้อมกับลุกขึ้น พุ่งตัววิ่งตรงไปยังหน้าประตู ตามสัญญาณที่ได้รับจากท่านลุงอู๋ ชานชูถาน รีบเปลี่ยนเป้าหมาย จากนายน้อยแห่งหนาน เป็นไล่ตามเด็กชายไปอย่างกระชั้นชิด เขาจะปล่อยให้ตัวล่อเผ้าหมายหลุดมือไปไม่ได้ ปึก! ตุบ! ทว่าร่างของเขากลับต้องลอยละลิ่ว จากแรงกระแทกเข้าที่กลางแผ่นอกกว้าง แผ่นหลังของเขาเห
ตู้ฮั่นเอ่ยถามอดีตสหาย ด้วยน้ำเสียงกึ่งเยาะหยัน เมื่อเห็นแววตาที่แตกตื่นของอีกฝ่าย แม้มันจะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ แต่ก็หาได้รอดพ้นจากสายตาของเขาไปได้ “เหอะ! เจ้ามันช่างมากเล่ห์กลนัก แต่อย่างไรเสียวันนี้ ข้าต้องได้ตัวเขาไป เจ้าอย่าได้คิดมาขัดขวางเสียให้ยาก” ชานชูถาน ตอบโต้ตู้ฮั่นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ เขาหรือจะไม่มีแผนสำรอง ในการทำภารกิจ เมื่อไม่ได้ด้วยกำลังก็ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยม “หากนายน้อยไม่เต็มใจก้าวไปที่ใด ใครหน้าไหนก็แตะนายของข้าไม่ได้เป็นอันขาด!” ตู้ฮั่น ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกร้าวกระด้างไม่แพ้กัน ต่อให้ใครจะยังแคลงใจ ว่าคุณชายม่อเหลียวมิใช่นายน้อย แต่เขามองไม่พลาดอย่างแน่นอน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป นายน้อยจึงอาจยังไม่ทันตั้งรับต่อสถานะที่แท้จริงก็เป็นได้ อีกทั้งความรอบคอบของนายน้อยแล้ว ย่อมไม่มีวันที่จะโอนอ่อนต่ออำนาจ ที่มิรู้ที่มาอย่างง่ายดายแน่นอน “ข้าแค่ทำตามคำสั่ง เชิญนายน้อยกลับหนาน เจ้าคิดว่าไม่ดีหรือ เราก็กลับไปเสียพร้อมกันเลย” ชานชูถาน มองเลยไปยังด้านหน้าประตู เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดมาเพิ่มเติม นอกเหนือจากตู้ฮั
หลังจากทุกคนก้าวเข้ามาภายในห้อง ซึ่งดูจะกว้างขวางสมกับราคาที่จ่ายไป ฟึ่บ! ตะเกียงถูกจุดขึ้นในทันที เพื่อเพิ่มความส่องสว่างให้สะดวกต่อการมองหาเป้าหมาย “ตัวแค่นี้นอนกรนเสียด้วย” หนึ่งในชายที่เข้ามาภายในห้อง พูดถึงเด็กชายด้วยน้ำเสียงปนขำขัน ก่อนที่ทุกสายตา จะเลื่อนไปหยุดอยู่ที่ร่างของคน ที่นอนอยู่บนพื้นซึ่งใบหน้านั้น ทำให้ทุกคนถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ หากจะบอกว่าคนเกิดมามีโอกาสหน้าคล้าย หรือเหมือนกันนั้น ก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่กับชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ มันคือวงหน้าของชายหญิงคู่หนึ่ง ผสมผสานกันอย่างลงตัวในคน...คนเดียวนี้ “เขาจะใช่นายน้อยแห่งหนานหรือไม่ขอรับ” ชายคนเดิมเอ่ยถามหัวหน้าของตนเอง “ตู้ฮั่นมั่นใจว่าใช่ ก็ย่อมต้องไม่ผิดตัว” ชายผู้ถูกเรียกว่าหัวหน้า ตอบด้วยน้ำเสียงติดกระดากเล็กน้อย เมื่อต้องเอ่ยชื่อของใครอีกคนออกมา “เราจะทำอย่างไร ให้ช่วงเดินทางกลับหนาน เขาไม่ขัดขืนเล่าขอรับ” ยังคงเป็นคำถามเยี่ยงคนเขลา ของผู้ติดตามคนเดิม ซึ่งมันทำให้ผู้เป็นหัวหน้า รู้สึกหงุดหงิดใจนัก แต่เขาก็ไม่ทำลายคำว่าผู้นำที่ดี ด้วยการใช้อ
“จะ...เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ”ลู่เยี่ยถิง พยายามเก็บงำคงามหวาดกลัวเอาไว้ เรื่องที่เขาทำแน่นอนว่าครอบครัว ย่อมไม่มีใครรู้เห็น หากทุกคนรู้ว่าเขาคือต้นเหตุของการล่มสลายของสกุลลู่ ต่อให้ตายเป็นผี เขาก็คงไม่ได้รับการให้อภัยอย่างแน่นอน“หน้าข้าเหมือนคนแบบนั้นหรือ”“อ๊าก!!!”สิ้นคำของต้วนอี้หลาง ลู่อ๋องส่งเสียงร้อง ยิ่งกว่ากระบือถูกเฉือด เพราะขาข้างหนึ่ง ตั้งแต่เข่าลงไป บัดนี้มันขาดสะบั้นออกจากกันแล้ว โดยที่ตอนนี้คนลงมือ ได้เคลื่อนกายออกห่างเขาไปพอสมควร เพื่อไม่ให้เลือดที่ฉีดพุ่งออกจากบาดแผล เปรอะเปื้อนอาภรณ์ลู่เยี่ยถิง ที่ถูกปล่อยให้ร่วงลงกับพื้น รีบใช้มือสองข้างกุมบาดแผลเพื่อห้ามเลือด ทว่ามันกลับไม่เป็นผลเลย เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนบ้านนอกนั่น จะมากด้วยฝีมือ ใครกันที่บอกว่าต้วนอี้หลาง ไร้สามารถสหายรอบกายมักบอกว่าฝีมือของเขา ล้ำเลิศกว่าผู้ในสหายรุ่นเดียวกัน แต่ทำไมตอนนี้เขากลับกลายเป็นเพียงคนพิการ และอาจจะตายในอีกไม่ช้า หากเลือดที่กำลังไหลออกมาประหนึ่งห่าฝน ยังไม่หยุดทว่าเสียงร้องโอดครวญของลู่เยี่ยถิง ไม่ได้ทำให้ต้วนอี้หลาง ที่หมุนกายเดินกลับไปหาภรรยา คิดจะแยแสต่อคนเขลาที่อวดฉลาด ชายหนุ่มย่อก
ฉู่เมี่ยวเองก็ขยับถอยหลังไปเช่นกัน หญิงสาวหันหลังให้แก่การต่อสู้ พร้อมกับกระชับมีดคู่ใจเอาไว้แน่น ท่วงท่าในการยืนของนาง เสมือนนักรบที่คอยคุ้มภัย นางมีหน้าที่ระวังหลังให้แก่คนรักหญิงสาวกวาดสายตามองไปยังลานกว้าง ซึ่งมีแสงสว่างจากคบไฟ ที่จุดอยู่รายรอบ ทำให้เห็นได้ชัดว่าตอนนี้คนของคณะ มีบ้างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น แต่หากเทียบกับฝ่ายตรงข้าม นับว่าคณะของพวกนางเหนือกว่าอยู่มากแต่มันจะเป็นแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหน หากการโจมตียังเกินขึ้นระหว่างทาง ในแบบมิเว้นวันเช่นนี้ แล้วยิ่งตอนนี้พี่สะใภ้ก็ได้รับบาดเจ็บ หากมีการโจมตีจากฝ่ายอื่นเข้ามาอีกระรอก เห็นทีคงต้องมีใครสักคนไปเฝ้ายมบาลเป็นแน่หญิงสาวข่มกลั้นทุกความเจ็บปวดเอาไว้ ก่อนจะล้วงเอาขวดยาเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าถุงหอมของนาง นี่คือยาที่ได้รับจากนายหญิงใหญ่ หากไม่จำเป็น นางไม่ควรที่จะใช้มันเลย ฉู่เมี่ยวเทยาเม็ดเล็กเข้าปากไปเพียงหนึ่งเม็ด ก่อนจะกลืนลงคอไป“คนอื่นยังทนได้ ไหนเลยจ้าจะทำไม่ได้”หญิงสาวพึมพำกับตนเองเบาๆ ก่อนจะยืดตัวตรง พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้ง เพื่อระวังหลังให้แก่คนรักทางด้านต้วนอี้หลาง เขาได้ลุกขึ้นยืน เพื่อเผชิญหน้ากับชายห
แต่นางมั่นใจว่าสืบมาดีแล้ว โอรสที่จะสืบทอดราชบัลลังก์มีเพียงคนเดียว ที่เหมาะสมที่สุด แต่เขาตายไปแล้ว ฮ่องเต้ไม่มีทายาทที่ล้ำลึกและมีกลิ่นอายแห่งผู้นำคนอื่นอีกเลยชายผู้นั้นหรือจะมีทายาทแท้จริงของตัวเอง สนมนางในหลายคน รวมถึงหลิวกุ้ยเฟยที่มีอำนาจสูงสุดในวังหลัง ยังมีชู้รักและตั้งครรภ์กับชายอื่น แล้วนำมาสวมรอยเป็นโอรสสวรรค์ แม้สุดท้ายหลิวกุ้ยเฟยและบุตรชายจะตายไปแล้ว แต่แล้วอย่างไรเล่า...ในเมื่อสายเลือดแท้จริง ที่ยังเหลืออยู่ล้วนไร้ค่าทั้งสิ้น“ใช่หรือไม่ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องมาสาธยายให้ผู้ใดฟัง แต่ข้ารู้แน่ชัดว่าคำพูดของเจ้าล้วนเป็นเรื่องจริง ที่ว่าเจ้าไม่อาจหาญร่วมแซ่ราชวงศ์ เพราะแท้จริงย่าของเจ้าก็เป็นหญิงคบชู้”ทุกคำพูดที่ถ่ายทอดออกมา มิใช่การปรักปรำ แต่เพราะมันชัดเจนต่อสายตาของคนในราชวงศ์ หากตอนนั้นโอรสของพระสนมในอดีตฮ่องเต้ มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับมารดามากว่า จะไม่มีผู้ใดทันสังเกตว่าโอรสองค์นั้น มิใช่สายพระโลหิตแต่เพราะอดีตเต้เห็นแก่สกุลของสนมรัก ที่ทำงานรับใช้แผ่นดินมายาวนาน จึงทำเพียงลดฐานะขององค์ชายนอกสายเลือด ให้เป็นเพียงสามัญชน และขับออกจากเมืองหลวง ไปใช้ชีวิตอยู่เมืองอันแร้นแค้น