เมรีผู้จัดการสาวในวัย 30 ปีได้ตายแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูใหญ่ตระกูลอวี้ ความฝันที่อยากใช้ชีวิตสุขสบายต้องจบลง เมื่อมีราชโองการสมรสพระราชทานให้แต่งงานกับองค์ชายสาม บุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมเสเพล!
View Moreบทที่ 1
เกิดใหม่ในร่างใหม่
หญิงสาวนางหนึ่งได้นอนสลบไหลอยู่บนเตียงหลังใหญ่ด้วยสภาพที่ร่างกายเปียกโชกไปทั้งตัว ร่างกายของนางหนาวเย็นราวกับตกอยู่ในฤดูหนาว ลมหายใจรวยรินจนคล้ายว่าจะปลิดปลิวออกไปได้ทุกเมื่อ ใบหน้าของนางที่เคยมีเลือดฝาดกลับซีดเผือดลงราวกับหิมะต้นฤดู ทางด้านข้างของนางนั้นเอง หญิงสาวอีกคนหนึ่งกำลังเร่งมือปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำออกจากร่างกายของเจ้านายสาว นางรีบหยิบเอาผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายของผู้เป็นนายเอาไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
หญิงสาวนางนี้ได้หันไปมองทางประตูเป็นระยะ ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความวิตกกังวล ปากของนางก็พร่ำเรียกชื่อหญิงสาวที่นอนหลับใหลให้ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
"คุณหนูใหญ่ คุณหนูเจ้าคะ รีบฟื้นขึ้นมาเถิดเจ้าค่ะ บ่าวใจคอไม่ดีเลย เป็นความผิดของบ่าวเอง ฮือ ๆ"
นางเอื้อมมือไปกอบกุมมือของเจ้านายที่เย็นเฉียบด้วยความกังวลใจ เมื่อไหร่หนอที่ท่านหมอประจำตระกูลจะมาถึงเสียที นี่เวลาก็ผ่านไปราวสองเค่อแล้ว ในขณะที่นางกำลังหันไปมองประตูอยู่นั้น หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงพลันลุกพรวดขึ้นมาด้วยตกใจ
เฮือก!!
เมรีกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองรอบกายด้วยความประหลาดใจ สถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้ ราวกับเธอได้หลุดเข้ามาอยู่ในยุคของจีนโบราณที่เหมือนในซีรีส์ที่เธอชอบดูมาก ยิ่งหันซ้ายหันขวาไปพบกับหญิงสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มมองอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งทำให้เมรีปวดหัวจี๊ดราวกับจะระเบิด หัวสมองของเธอยังประมวลความคิดออกมาไม่ได้ ภาพในหัวกลับแล่นเข้ามาจู่โจมเธอราวกับโกรธเกลียดกันมาเป็นสิบชาติ
"โอ๊ย! เจ็บ!!"
"คุณหนู! เป็นอะไรไปเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ"
ยังไม่ทันที่เมรีจะเอ่ยห้าม หญิงสาวผู้นั้นก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที ในเวลานี้เองที่เมรีได้หยุดคิดในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า เธอกำลังพยายามลำดับความคิดที่สะเปะสะปะให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง
"ฉันตายไปแล้วนี่น่า แล้วนี่มันที่ไหนกันเล่า โอ๊ย! ปวดหัวชะมัดเลย"
เมรีหลับตาลงแล้วพยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ เมื่อนั้นเธอก็ลืมตาโพลงด้วยความตกตะลึง
"ฉิบหายแล้วไหมล่ะยัยเมรีเอ๊ย นี่ฉันมาเกิดใหม่ในร่างของคุณหนูคนนี้เหรอเนี่ย ตายแล้วแทนที่จะได้ไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกเพื่อชดใช้กรรม กลับต้องเข้ามาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้เสียได้ เฮ้อ...แล้วฉันจะเอาตัวรอดในยุคโบราณนี้ได้ไหมล่ะเนี่ย มิติก็ไม่มี ของวิเศษก็ไม่มี เทพเซียนที่จะมาให้พรก็ไม่มีอีก ฉันได้ตายอย่างเขียดแน่ ๆ ยัยเมรีเอ๊ย!!"
เมรีทิ้งตัวลงนอนดั่งเดิม เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าชีวิตของเธอเกิดอะไรขึ้น เธอชื่อเมรีเป็นผู้จัดการมือทองของวงการมายา มีดารากว่าหลายสิบคนที่เธอปั้นให้เป็นซูเปอร์สตาร์ประดับวงการ แต่แล้วในวันที่เร่งรีบและฝนตกหนักนั้น ทำให้ทัศนียภาพในการมองเห็นไม่ดีนัก เธอจึงขับรถแหกโค้ง รถของเธอกลิ้งไปมากว่าสามตลบ ก่อนที่เธอจะแน่นิ่งไปเพราะเสียชีวิตคาที่ ในตอนที่วิญญาณออกจากร่างแล้วลอยเคว้งคว้างอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาล จากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองได้เข้ามาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้
จากการที่ความทรงจำของเจ้าของร่างประดังประเดเข้ามาในหัวไม่หยุดนั้น ทำให้เมรีได้รู้ว่าร่างที่เธอเข้ามาอยู่คือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลอวี้ บุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง นามของร่างนี้คือ 'อวี้หลัน' หญิงสาวที่น่าสงสารที่ต้องตายไปอย่างไม่ยุติธรรม แค่คิดเมรีพลันรู้สึกสงสารในชะตาชีวิตของเจ้าของร่างนี้
"หลับให้สบายนะอวี้หลัน น้องชายที่เธอเป็นห่วง ฉันจะคอยดูแลให้เอง เขาจะต้องได้เป็นประมุขตระกูลคนถัดไป และคนที่ทำร้ายเธอจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเธอเอาไว้ทั้งหมด ฉันสัญญา!"
สิ้นคำพูดของเมรี สายลมหอบหนึ่งก็ได้พัดผ่านใบหน้าของเธอไป โดยที่หน้าต่างไม่ได้ถูกเปิดทิ้งไว้เลย เสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่ดังขึ้นข้างหู ทำให้เมรีพลันยิ้มกว้างออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาเยือนที่นี่
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
เมรีหลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับการตัดสินใจอันแน่วแน่
เธอคืออวี้หลัน เมรีได้ตายจากไปแล้ว ต่อไปนี้จะมีแค่อวี้หลันเท่านั้น!!
'รั่วซี' สาวใช้ข้างกายของอวี้หลันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับท่านหมอประจำตระกูล ชายชราที่เพิ่งรู้ข่าวรีบตรงเข้ามาด้วยความรีบร้อน เขาตรงเข้ามาตรวจจับชีพจรของอวี้หลันอย่างเร่งรีบ เพียงไม่นานท่านหมอชราก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"ไอเย็นได้เข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่น่าเป็นกังวลแล้วขอรับ ขอเพียงพักผ่อนร่างกายให้มาก และทานยาที่ข้าน้อยจัดให้จนหมด คุณหนูใหญ่ก็จะหายดีเป็นปลิดทิ้งขอรับ"
"ขอบคุณท่านหมอมาก"
"แล้วอาการปวดหัวเมื่อครู่ของคุณหนูเล่าเจ้าคะ"
รั่วซีเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล เมื่อครู่นี้นางตกใจกับอาการของคุณหนูจริง ๆ
"อาจจะเกิดจากเพราะเพิ่งฟื้นไข้ เลยทำให้ปวดหัวได้ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยจะจัดเทียบยาอีกหนึ่งเทียบนะขอรับ"
ท่านหมอชราตรวจอาการอีกครั้ง ก่อนจะได้ขอสรุปว่าคุณหนูใหญ่มีเพียงอาการไอเย็นเข้าแทรกเท่านั้น เมื่อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเขาก็ได้ขอตัวลากลับไป
ตอนพิเศษ 2ชุดนอนตัวใหม่ อวี้หลันเดินเข้าไปยังห้องนอนบุตรสาวเพื่อสั่งความแม่นมกับรั่วซี หลีกงกงที่อยู่ด้วยก็รู้ความนัก เขายังเอ่ยกับอวี้หลันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกด้วย"พระชายาไม่ต้องเป็นห่วงท่านหญิงน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับรั่วซีจะช่วยดูแลท่านหญิงน้อยให้เอง พระชายาโปรดทรงวางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะ" หลีกงกงขยับเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อให้ได้ยินกันสองคน "ท่านหญิงน้อยคงจะเหงาน่าดูเลยนะพ่ะย่ะค่ะ ทางที่ดีพระชายาน่าจะประทานน้องให้กับท่านหญิงน้อยสักหลาย ๆ คนก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ""หลีกงกง! เจ้านี่นะ"อวี้หลันทั้งขำทั้งฉุน หลีกงกงผู้นี้ช่างเจ้ากี้เจ้าการยิ่งนัก"โปรดเห็นใจคนแก่ขี้เหงาเช่นกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะพระชายา""เฮ้อ...เรื่องนี้หลีกงกงคงต้องไปกราบทูลองค์ชายสามแล้วล่ะว่าเขาจะมีความสามารถหรือไม่ ข้ามิอาจตอบได้หรอกนะ"อวี้หลันแสร้งถอนหายใจ ทั้งที่ใจจริงนางนั้นกำลังวางแผนเช่นกันว่าอยากจะมีบุตรอีกสัก 2 คนเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นกัน"เช่นนั้นข้าคงต้องออกแรงมากหน่อยเสียแล้วใช่หรือไม่"น้ำเสียงห้วนดุที่
ตอนพิเศษ 1เจิ้งลี่จิน เวลาล่วงเลยผ่านไปไวยิ่งนักในความรู้สึกของอวี้หลัน นับตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ก็ร่วม 1 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ชีวิตของนางเปลี่ยนแปลงไปจนนางไม่นึกฝันเลย บัดนี้นางได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว บุตรสาวตัวน้อยผู้เป็นความสุขทั้งมวลให้กับนางกับเจิ้งจื่อห้าว เด็กน้อยที่น่าเอ็นดูนักในสายตาของผู้เป็นพ่อเป็นแม่'เจิ้งลี่จิน' บุตรสาวตัวน้อยที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักของคนทั้งสอง เจ้าก้อนแป้งน้อยตัวขาวอวบอ้วน นางมีดวงตากลมโตสุกสกาวดั่งเช่นมารดา แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากนั้นถอดแบบบิดามิมีผิดเพี้ยน ไม่ว่าผู้ใดต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเจิ้งลี่จินช่างมีใบหน้าเหมือนกับบิดายิ่งนักคำพูดนี้เองที่ทำให้เจิ้งจื่อห้าวถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ ตัวเขาเองก็รู้สึกดียิ่งนักที่บุตรสาวมีใบหน้าเหมือนกันกับเขา และยิ่งนางมีดวงตาเหมือนกับอวี้หลันเขายิ่งรู้สึกดีเพิ่มขึ้นไปอีกอวี้หลันจดจำความยากลำบากของการคลอดเจิ้งลี่จินได้ดี วันเวลากว่าจะผ่านมาได้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก แต่เมื่อคิดว่านี่คือการเสียสละของมารดาเพื่อให้เจ
บทส่งท้าย วังเจียวจินอวี้หลันนอนอยู่บนเตียงด้วยความเบื่อหน่าย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่นางถูกลอบสังหาร ตอนนี้นางได้หาเป็นอะไรมากที่บอกว่าตกใจก็เสแสร้งทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าเจิ้งจื่อห้าวนั้นตื่นตระหนกเกินไป เขาเป็นกังวลมากจนนางนึกเสียใจที่ใช้แผนการนี้ขึ้นมา สุดท้ายแล้วนางก็ต้องนอนอยู่นิ่ง ๆ บนเตียง โดยที่ไม่สามารถย่างกรายออกไปจากห้องได้เลย"ฮ่ะฮ่าเป็นอย่างไรบ้างเล่า ข้าล่ะนึกชอบใจนักที่องค์ชายสามทรงสั่งห้ามเจ้าลุกออกจากเตียงเช่นนี้ สมแล้วที่เจ้าใช้แผนการนี้หลอกล่อให้ฮองเฮาติดกับ ทั้งยังหลอกใช้ข้าอีกด้วย"กู้เฟยหนี่ว์ที่มาเยี่ยมอวี้หลันเอ่ยบ่นอีกฝ่าย นางยังคงรู้สึกไม่พอใจกับแผนการของอวี้หลันนัก แม้ผลลัพธ์จะดีที่สามารถกำจัดอำนาจของฮองเฮาไปได้ ทำให้องค์รัชทายาทรู้จักตัวตนอีกด้านหนึ่งของพระมารดาแต่มันก็เสี่ยงเกินไป"เจ้าไม่ต้องมาหัวเราะข้าเลย เจ้าเองก็ชอบไม่ใช่หรือที่ได้สังหารคน หึ!""ข้าชอบที่ได้ออกแรงก็จริง ข้อนี้ข้าไม่ปฏิเสธแต่ข้าไม่
"เสด็จพี่คงได้ยินทั้งหมดแล้ว ข้าคิดว่าท่านคงรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่ ฮองเฮาอาจจะทรงรักและหวังดีต่อเสด็จพี่ด้วยใจจริง แต่กลับผู้อื่นนั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้ใดก็ตามที่มาขวางทางอำนาจหรือหมดประโยชน์แล้ว ฮองเฮาก็สามารถกำจัดได้ทุกคนโดยไม่สนวิธีการ แม้มันจะโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตาม ข้าหวังว่าเสด็จพี่จะไม่ช่วยคนผิดนะพ่ะย่ะค่ะ"เจิ้งจื่อห้าวเอ่ยทิ้งท้ายแล้วจึงได้เดินจากไป... หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้ไปที่เสนาบดีโจว ปิ่นทองคำที่อยู่ในมือหัวหน้ามือสังหารก็คือของขวัญที่ฮองเฮาทรงได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ เพราะเหตุนี้เองโจวซูหลิ่งจึงไม่อาจหลีกหนีเอาตัวรอดไปได้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็มีความผิด"หม่อมฉันถูกคนใส่ความเพคะฝ่าบาท นี่ต้อง...ต้องเป็นฝีมือของบ่าวทรยศเป็นแน่ มันผู้นั้นต้องแอบขโมยปิ่นของหม่อมฉันไปเพื่อเป็นหลักฐานมามัดตัวหม่อมฉันเพคะ นี่คือการใส่ความเพคะฝ่าบาท"โจวซูหลิ่งร่ำร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเอง หากนางไม่ยอมรับจะทำอะไรนางได้ หลักฐานเพียงแค่นี้มิอาจจะเอาผิดนางได้หรอก"เจ้ายอมรับความผิดซะเถิดฮองเฮา เห็นแก่องค์รัชทายาทอย่าให้ชื่อเสีย
บทที่ 32ล้มทั้งกระดาน "พระชายา พระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ"ฉีหมิงที่เพิ่งจัดการมือสังหารเสร็จรีบตรงเข้ามาถามไถ่อวี้หลันด้วยความเป็นห่วงทันที เขายังคงตกใจไม่หายที่ได้เห็นท่วงท่าการสังหารคนของคุณหนูกู้ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณหนูกู้จะมีวรยุทธ์ที่ล้ำเลิศเช่นนี้ เพลงกระบี่ที่ใช้เมื่อครู่ก็งดงามอ่อนช้อยแต่เต็มไปด้วยความดุดัน คุณหนูกู้วาดกระบี่ไปทิศทางใดล้วนต้องได้อาบโลหิตทุกครั้งไป นอกจากองค์ชายสามผู้เป็นนายแล้วก็มีคุณหนูกู้นี่แหละที่เขานับถือเรื่องวรยุทธ์ด้วยใจจริง"ข้าไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง"น้ำเสียงอ่อนแรงที่ดังออกมาจากรถม้ายิ่งทำให้ฉีหมิงรู้สึกผิด กู้เฟยหนี่ว์ชำเลืองตามองมารยาของสหายแล้วเบะปากด้วยความหมั่นไส้'นางหรือที่ตกใจ ต้องเป็นข้าเสียมากกว่าที่ควรตกใจกับแผนการนี้ของนาง'"พระชายาทรงรู้สึกเจ็บท้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ให้ท่านหมอมาดูอาการก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ในขบวนรถม้านี้ได้มีท่านหมอมาด้วย
"อาอันน้องพี่" สองพี่น้องต่างเดินเข้าไปสวมกอดกันด้วยความคิดถึง สายใยระหว่างพี่น้องเรียงร้อยถักทอเข้าด้วยกัน "ข้าคิดถึงท่านพี่มากเลยขอรับ แล้วนี่..." อวี้เวยอันหันไปมองบุรุษข้างกายของพี่สาว หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นสามีของพี่สาวของเขากัน "นี่คือองค์ชายสามเจิ้งจื่อห้าว พระสวามีของพี่เอง" "คารวะองค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเสียมารยาทแล้ว ขอองค์ชายสามได้โปรดอย่าได้ถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรีบทำความเคารพเจิ้งจื่อห้าวทันที เพราะเขาดีใจที่ได้เจออวี้หลันมากเกินไปจึงได้เสียมารยาทกับองค์ชายสาม "ไม่ต้องมากพิธีรีตองหรอก เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" เขาเอ่ยอย่างใจดี เรียกรอยยิ้มหวานจากคนข้างกายที่กำลังนึกหวั่นว่าเขาอาจจะเข้ากับน้องชายของนางไม่ได้ แต่เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็หมดห่วง "ขอบคุณองค์ชายสามที่เมตตาพ่ะย่ะค่ะ" อวี้เวยอันรู้สึกถูกชะตาพี่เขยผู้นี้ยิ่งนัก สายตาของเขาพลันมองไปเห็นหน้าท้องที่นูนเด่นของพี่สาว "ท่านพี่อ้วนขึ้นหรือขอรับ" แม้จะพยายามพูดเส
สองบุรุษยืนส่งสตรีอันเป็นที่รักด้วยหัวใจที่วูบโหวงแปลกประหลาด พวกเขารู้สึกว่าการจากลาเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ นี้ช่างยาวนานเสียเหลือก่อนเจิ้งจื่อห้าวสะบัดศีรษะไล่ความคิดออกไป ก่อนจะรีบกลับไปสะสางงานให้เสร็จ เขาอยากจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ภายใต้แสงจันทร์ที่บ่อน้ำพุร้อน ณ ตำหนักฤดูร้อนเสียแล้ว ที่นั่นขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของธรรมชาติที่ถูกช่างฝีมือดีรังสรรค์เอาไว้ ยิ่งถ้าได้อยู่กับสตรีอันเป็นที่รัก ใช้ร่างกายอันแข็งแรงของตนโอบกอดนางตลอดทั้งคืนคงเป็นเรื่องที่ดีมาก"ข้าขอตัวก่อนนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่""อืม ข้าเองก็จะไปหาเสด็จแม่ที่ตำหนักเสียหน่อย ช่วงนี้เสด็จแม่ทรงฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งนัก""ข้าขอฝากแสดงความห่วงใยต่อฮองเฮาด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ หากเสร็จงานเมื่อใดข้าจะไปเยี่ยมฮองเฮาด้วยตนเอง แล้วจึงจะไปตำหนักฤดูร้อนต่อไป""เข้าใจแล้ว เจ้ารีบไปเถิด"สองพี่น้องส่งยิ้มให้แก่กัน แล้วจึงได้เดินแยกทางกันไปทำหน้าที่ของตน... รถม้าเคลื่อนออกมาจากนอกเมืองหลวงราวหนึ่งชั่วยามแล้ว หนทางข้างหน้าสะดวกสบายไม่ได้ลำบากอะไรนัก เนื่องจากเส้นทางนี้
บทที่ 31หมากตาสุดท้าย หลังจากที่เจิ้งไป๋ฮวากลับไป อวี้หลันก็หันมาเอ่ยถามรั่วซี"มีอะไร""จดหมายจากอารามเป่าซานเพคะ"อวี้หลันรับจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน นางอ่านทวนอีกรอบก่อนจะยกยิ้มด้วยความพอใจแล้วทำลายจดหมายฉบับนั้นทิ้งเสีย"ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลย เขาทำงานได้ดีสมกับที่ข้าคาดหวังจริง ๆ""เอ่อ...บ่าวขอถามได้หรือไม่เพคะว่าเพราะเหตุใดท่านเจ้าอาวาสถึงยอมช่วยเหลือพระชายาถึงเพียงนี้ บ่าวคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก"อวี้หลันอมยิ้มกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของสาวใช้ตัวน้อย"ท่านเจ้าอาวาสผู้นี้เคยเป็นโจรป่ามาก่อน เขาสังหารผู้คนราวกับผักปลาที่ไร้ค่า หลังจากที่ถูกทางการไล่ล่าจนแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ได้หนีไปบวช นานวันเข้าก็เกิดเลื่อมใสในรสพระธรรมขึ้นมาจึงได้เปลี่ยนตัวตนขึ้นมาใหม่ คราแรกก็เป็นเพียงนักบวชธรรมดาแต่เพราะมีความรอบรู้ในการคาดเดาธรรมชาติจึงทำให้ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธ
เจิ้งลู่เหอหัวเสียเป็นอย่างมากที่ในวังของเขามีคนฆ่ากันตาย เขาหาได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย กลับกันเขารู้สึกดีใจมากกว่าที่ได้หลุดพ้นจากสองพี่น้องที่แสนเอาแต่ใจคู่นี้ หลังจากนี้เขาคงต้องหาพระชายาคนใหม่ที่จะมาช่วยหนุนหลังเขาต่อไป แต่จะเป็นคนจากตระกูลใดดีนะที่เหมาะสมกับองค์ชายเช่นเขา"เสด็จพี่สี่อย่าได้เศร้าเสียใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งไป๋ฮวาเอ่ยปลอบใจผู้เป็นพี่ชายด้วยความเป็นห่วง"ขอบใจเจ้ามากนะฮวาเอ๋อร์ที่มาร่วมงานศพ พี่พอทำใจได้บ้างแล้วล่ะ" เจิ้งลู่เหอหลุดจากภวังค์ความคิดของตน เขามองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นคนที่ต้องการพบหน้าจึงเอ่ยถามเจิ้งไป๋ฮวา "พี่ไม่เห็นเสด็จพี่สามกับพี่สะใภ้เลย"หญิงสาวขยับกายเข้ามาใกล้แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน"เสด็จพี่สี่อย่าเพิ่งไปพูดกับใครนะเพคะ ตอนนี้พี่สะใภ้กำลังตั้งครรภ์ เสด็จพี่สามก็คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง งานศพที่เอ่อ...ไม่เป็นมงคลเช่นนี้จึงมิอาจมาร่วมงานได้ เสด็จพี่สี่อย่าได้น้อยใจไปเลยนะเพคะ"เจิ้งลู่เหอที่กำลังรู้สึกหัวเสียพลันดีใจที่ได้ยินข่าวที่น่ายินดีนี้ เขาคลี่ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกับเจิ้งไป๋ฮวาด้วยน้ำเ
Comments