Share

บันทึกในอดีต

Penulis: zuey
last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-25 06:27:37

พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปนานแล้วเฉียวลู่และเด็กๆ ก็กลับเข้าไปในกระท่อมน้อยของตนอีกครั้ง เตียงเล็กๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ปูด้วยฟูกเก่าๆ พอให้สามคนได้อาศัยนอน อากาศตอนกลางวันแม้จะเย็นสบายแต่เพราะหมู่บ้านอยู่ในหุบเขาทำให้ตอนกลางคืนนั้นหนาวมาก

 

เฉียวลู่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกหนาว นางดึงเด็กทั้งสองคนเข้ามาในอ้อมแขนเพื่อให้ไออุ่นแก่พวกเขา เฉียวลู่สัมผัสได้ถึงร่างเล็กที่เย็นเฉียบในอ้อมแขน นางได้แต่นึกสงสารพวกเขาจับใจถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันนางจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กสองคนนี้ต้องลำบากเช่นนี้แน่

เฉียวลู่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเรื่องมากมายที่ตนจะต้องทำในวันพรุ่งนี้ แต่แล้วนางก็รู้สึกได้ถึงแสงสว่างบางอย่างที่วาบขึ้นมาในห้อง เฉียวลู่มองไปที่มุมห้องที่มีกล่องไม้เก่าๆ ไม่ใหญ่มากวางอยู่ ถึงแม้กล่องไม้ใบนั้นจะยังปิดเอาไว้แต่แสงสว่างก็ยังสามารถลอดผ่านออกมาด้านนอกได้

เฉียวลู่มองกล่องใบนั้นอย่างระมัดระวัง จะมีอะไรที่น่าระทึกขวัญมากไปกว่าการที่ต้องตื่นมาแล้วมาอยู่ในยุคโบราณอีก เฉียวลู่ตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดกล่องใบนั้นดู เมื่อนางเปิดกล่องไม้เก่าใบนั้นออกด้านในกล่องใบนั้นที่มีแสงสว่างลอดออกมาคือหนังสือเก่าหนึ่งเล่มปกสีฟ้าที่เฉียวลู่รู้สึกคุ้นตาเป็นอย่างมาก

เมื่อเปิดหนังสือเล่มนั้นออกดู มีตัวอักษรเฉียวลู่เขียนเอาไว้ นางแน่ใจแล้วว่าตนเองคิดไม่ผิดมันคือหนังสือเล่มนั้นนั่นเองที่นางซื้อมาจากคุณยายที่ตลาดขายของเก่า แสงสว่างยังคงกระจายออกมาจากหนังสือเล่มนั้น เฉียวลู่เปิดกระดาษหน้าถัดไปมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ด้วยลายมือที่สวยงามคล้ายกับว่าเป็นบันทึกของใครคนหนึ่งหรือบางที นี่อาจเป็นบันทึกของผู้หญิงคนนี้ก็เป็นได้

เฉียวลู่ถือหนังสือเล่มนั้นเดินออกมาจากห้องนอนเพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นขึ้นมาเห็นแล้วตกใจ ก่อนออกจากห้องนางได้เดินไปห่มผ้าให้เด็กทั้งสองคนอีกครั้งอย่างเบามือ เมื่อเฉียวลู่นั่งลงที่ห้องครัวก็ได้เริ่มอ่านบันทึกเล่มนั้นทันที

ผ่านไปนานเท่าใดไม่สามารถรู้ได้แต่นางยังคงอึ้งกับเรื่องที่ตนได้รับรู้ผ่านทางบันทึกในหนังสือเล่มนั้น เฉียวลู่สามารถสรุปเรื่องราวในบันทึกได้ว่า

เฉียวลู่บุตรสาวเพียงคนเดียวของเฉียวซาน บัณฑิตซิ่วไฉแห่งเมืองโยวโจวที่ตั้งอยู่ชายแดนแคว้นเซียว มารดาของเฉียวลู่ตายจากไปเพราะคลอดยากตั้งแต่ที่เฉียวลู่อายุเพียวสามขวบ จากนั้นสองพ่อลูกก็ใช้ชีวิตกันสองคนตลอดมา เฉียวซิ่วไฉรักบุตรสาวของเขามากถึงแม้จะยากจนแต่เขาก็ไม่เคยให้บุตรสาวต้องทำงานลำบากอะไรเลย

สิ่งที่เฉียวลู่ทำได้มีเพียงร่ำเรียนเขียนอ่านอยู่ที่เรือนเท่านั้น เฉียวซานใช้ชีวิตโดยการสอนหนังสือในสำนักศึกษาเล็กๆ ต่อมาสองพ่อลูกได้ช่วยเหลือชายร่างใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสผู้หนึ่งเอาไว้ แต่แล้วเมื่อเขาฟื้นขึ้นมากลับไม่สามารถจำเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ แม้กระทั่งชื่อของตนเองหรือเขาเป็นใครมาจากไหนเขาก็จำไม่ได้เลย

บุรุษผู้นั้นหลังจากที่รักษาอาการบาดเจ็บของตนเองจนหายดีแต่กลับไม่รู้ว่าตนเองจะต้องไปที่ไหน อีกอย่างเพราะเรื่องที่เขาบาดเจ็บอาจเป็นเพราะกำลังถูกคนอื่นปองร้ายอยู่ ถ้าหากออกไปเดินข้างนอกโดยที่ไร้ความทรงจำเช่นนี้อาจถูกทำร้ายอีกครั้งก็ได้

เฉียวซานจึงอนุญาตให้เขาได้อาศัยอยู่ที่นั่นต่อและได้ตั้งชื่อให้บุรุษผู้นั้นว่าเยี่ยน เพียงคำเดียวแต่เฉียวลู่เป็นคนเติมคำว่าหมิงที่แปลว่าสดใสด้านหน้าชื่อเยี่ยนของเขาเพราะเขาดูพูดน้อยเย็นชาและทึมทื่อทำให้นางนึกอยากกลั่นแกล้งขึ้นมา เฉียวลู่นึกไม่ถึงว่าชื่อที่นางตั้งขึ้นมาล้อเลียนเขาจะกลายเป็นชื่อจริงๆ ของตัวเขาเอง

ทั้งสามคนอาศัยอยู่ด้วยกันจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งปีหมิงเยี่ยนก็ยังไม่สามารถฟื้นความทรงจำที่หายไปของตนเองกลับมาได้ และตอนนั้นเฉียวลู่ก็อายุสิบเจ็ดปีแล้วเฉียวซานเห็นว่าหมิงเยี่ยนถึงแม้จะเป็นคนพูดน้อยแต่ก็เอาการเอางานไม่เคยเกียจคร้านและยังดูเป็นสุภาพบุรุษ

ถึงจะไม่รู้ที่มาที่ไปของเขาแต่เฉียวซานกลับรู้สึกไว้วางใจที่จะฝากบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขาเอาไว้กับบุรุษลึกลับผู้นี้ เขาจึงได้ถามความสมัครใจของทั้งสองคน เฉียวลู่นั้นรู้สึกชอบพอหมิงเยี่ยนตั้งแต่ที่ได้พบเขาครั้งแรกแล้ว ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะบาดเจ็บสาหัสแต่บุรุษร่างใหญ่ผู้นี้กลับมีใบหน้าที่หล่อเหล่าโดดเด่นแบบที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน พูดได้ว่าทั้งโยวโจวไม่มีใครหน้าตาดีเท่าเขาอีกแล้ว

ด้านหมิงเยี่ยนที่ได้สองพ่อลูกช่วยเหลือเอาไว้นั้นตอนนี้เขาก็ยังคงไร้ความทรงจำจึงไม่มีที่ไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้รู้สึกรักใคร่ชอบพอต่อบุตรสาวของเฉียวซานแต่เพราะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตนเองจึงมิได้ปฏิเสธ และคิดว่าแค่ดูแลสตรีเพียงคนเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขานักถือว่าเขาได้ตอบแทนที่สองพ่อลูกช่วยชีวิตเขาเอาไว้

หลังจากที่เฉียวลู่และหมิงเยี่ยนแต่งงานกันไม่นานที่ชายแดนเมืองโยวโจวก็ได้เกิดสงครามขึ้น ชาวเมืองบางส่วนอพยพออกจากโยวโจวเพื่อหนีภัยสงครามครอบครัวเฉียวลู่ก็เช่นกัน ระหว่างทางได้เกิดการจลาจลขึ้นทำให้พวกเขาพลัดหลงกัน

ผ่านไปสองเดือนสงครามระหว่างแคว้นเซียวและแคว้นฉียังคงระอุ สงครามที่โหมกระหน่ำระหว่างสองแคว้นสร้างความทุกข์ทรมานอย่างหนักให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้คนมากมายต้องพลัดถิ่นฐานกลายเป็นผู้ลี้ภัย สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ขาดแคลนทั้งอาหาร ยารักษาโรคและที่พักพิง ผู้คนจำนวนมากต้องอพยพหนีภัยสงคราม ไปยังพื้นที่ปลอดภัย

เฉียวลู่และบิดาก็ได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่โฉว อำเภอเป่ยจิงอยู่ห่างจากเมืองหลวงแคว้นเซียวประมาณหนึ่งร้อยลี้ ที่นี่ดูสงบสุขต่างจากโยวโจวที่มีสงครามบ่อยครั้งเหมือนอยู่คนละแคว้น หลังจากนั้นเฉียวซานและเฉียวลู่ได้ตัดสินใจลงหลักปักฐานสร้างกระท่อมเล็กๆ ที่เชิงเขาห่างจากหมู่บ้านไม่ไกลและตอนนั้นเองเฉียวลู่ก็ได้พบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์

เพราะลำบากจากการเดินทางรอนแรมมานานทำให้เฉียวซานล้มป่วยลงจากนั้นไม่นานเฉียวซานก็ตายจากไปเฉียวลู่จึงต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่กระท่อมน้อยหลังนี้ โชคดีที่ชาวบ้านหมู่บ้านมู่โฉวมีแต่คนดีพวกเขารู้สึกเวทนาในความอาภัพของเฉียวลู่ที่ต้องพลัดพรากจากสามีทั้งบิดายังพึ่งมาตายจากไปจึงช่วยเหลือนางในบางครั้งเท่าที่พวกเขาพอจะช่วยได้

เฉียวลู่ไม่เคยทำงานหนักไม่เคยทำไร่ทำนามีเพียงเขียนหนังสือเท่านั้นที่นางพอจะทำได้นางจึงหาเลี้ยงชีพโดยการคัดหนังสือไปส่งที่ร้านขายตำราในอำเภอเป่ยจิง จนกระทั่งเฉียวลู่ได้คลอดเด็กชายฝาแฝดออกมา และเรื่องราวในบันทึกยังเล่าอีกว่าเฉียวลู่ได้พบกับสามีของนางอีกครั้งโดยบังเอิญหลังจากที่สงครามสงบ แต่หมิงเยี่ยนกลับจำนางไม่ได้แต่หลังจากที่เขาเห็นเด็กชายฝาแฝดทั้งสองคนที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาเมื่อตอนเด็ก เขาก็ได้ยอมรับและพาเฉียวลู่แม่ลูกกลับไปแคว้นฉีกับเขาด้วย

เฉียวลู่ได้รู้หลังจากนั้นคือหมิงเยี่ยนคือชินอ๋องฉีหมิงเยี่ยนน้องชายคนเล็กของฮ่องเต้แห่งของแคว้นฉีที่ทำสงครามกับแคว้นเซียวก่อนหน้านี้

เฉียวลู่ได้เข้าไปอยู่ที่ตำหนักชินอ๋องอย่างไม่มีสถานะแต่บุตรชายทั้งสองของนางนั้นถูกมามาพาตัวไป โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าเด็กชายทั้งสองเป็นทายาทของชินอ๋องจะต้องถูกเลี้ยงดูสั่งสอนโดยอาจารย์ที่เก่งกาจและมามาผู้รู้ขนบธรรมเนียมของราชวงศ์ ตั้งแต่นั้นมาเฉียวลู่ก็ไม่ได้พบบุตรชายของตนอีกเลย นางไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือนหรือเดินไปที่ไหนนอกจากเรือนของนาง ถึงแม้ว่าเขาจะยังจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ก็ตาม แต่ฉีหมิงเยี่ยนได้ให้สาวใช้คอยดูแลนางหนึ่งคนเขาคิดว่านั่นถือเป็นความเมตตาจากเขาที่สุดแล้วเพราะนางได้คลอดบุตรชายให้เขาถึงสองคน

บันทึกได้ถูกเขียนทุกวันสามีของนางได้แต่งพระชายาเอกเข้ามาและรับบุตรชายทั้งสองของนางเป็นบุตรของตน เฉียวลู่เมื่อได้ทราบเรื่องนางไม่ยินยอมจึงไปอาละวาดที่ตำหนักของฉีหมิงเยี่ยนและจากนั้นนางจึงถูกเขาขังเอาไว้ในห้องจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตนาง

“หากว่าข้าสามารถกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งข้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับท่านอีกฉีหมิงเยี่ยน ข้าจะไม่ยอมให้ท่านพรากบุตรชายทั้งสองของข้าไป ข้าขอสาบาน”

เฉียวลู่อ่านมาถึงหน้าสุดท้ายที่น่าจะเป็นบันทึกครั้งสุดท้ายของผู้หญิงคนนี้ที่มีชื่อเหมือนกับตน นางตรอมใจตายเพราะสิ่งที่สามีของนางกระทำกับนาง ถึงเขาจะจำนางไม่ได้แต่เขาทำอย่างนี้ได้ยังไงถ้าไม่ได้เฉียวลู่และบิดาของนางช่วยชีวิตเขาเอาไว้มีหรือเขาจะยังมีชีวิตรอดกลับมาเป็นชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างตอนนี้ น่าสงสารจริงๆ ไม่คิดว่าจะต้องมาอายุสั้นและทิ้งเด็กชายสองคนเอาไว้แบบนี้ เฉียวลู่ยกมือขึ้นพนมและอธิษฐานขึ้นว่า

“ขอให้ดวงวิญญาณของเจ้าไปสู่สุคติบุตรชายทั้งสองคนของเจ้าข้าจะดูแลให้เองเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้เจ้าได้อยู่กับท่านพ่อของเจ้าบนสวรรค์อย่างมีความสุข ส่วนเรื่องสามีของเจ้าข้าจะไม่ยินยอมให้เขามาพรากเด็กทั้งสองไปอย่างแน่นอนคนอย่างบุรุษเช่นเขาสมควรโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวไร้ผู้สืบสกุล ถ้าเขาอยากมีลูกก็ให้เขาไปมีกับพระชายาของเขาเอาเองเถอะ เมื่อเจ้าได้อยู่กับบิดาของเจ้าแล้วดังนั้นข้าก็อยากให้เจ้าลืมเขาเช่นกันไม่ต้องไปคิดถึงบุรุษผู้นั้นอีก”

เฉียวลู่พูดอย่างใส่อารมณ์เมื่อนึกถึงเรื่องของบุรุษที่ทำให้เจ้าของบันทึกต้องช้ำใจ และนางก็รู้สึกมีอารมณ์ร่วมคล้ายกับว่ามันเป็นเรื่องราวของนางเองเป็นนางเองที่สาบานเอาไว้ก่อนที่จะตาย

หลังจากเฉียวลู่พูดจบกระดาษหน้าถัดไปที่ตอนแรกไม่มีอะไรเขียนอยู่ก็ถูกเปิดออกและบนนั้นได้มีข้อความเขียนเอาไว้ว่า คำแนะนำการสั่งซื้อสินค้า เฉียวลู่ถึงกับตกใจนี่คงไม่ใช่ที่นางคิดใช่หรือไม่ไอเท็มช่วยชีวิต

“ขอบคุณสวรรค์”

เฉียวลู่พึมพำเบาๆ นางแทบอยากจะกรีดร้องและกระโดดตัวลอยแต่ติดตรงที่ว่าตอนนี้ดึกมากแล้วถ้าหากนางตะโกนออกมา เด็กสองคนตกใจตื่นจะแย่เอาได้ เฉียวลู่ยกมือปิดปากแล้วกรี๊ดในใจดังๆ

รอดแล้วเราจะไม่อดตายแล้ว!!!!! นางก้มลงอ่านข้อความบนกระดาษอีกครั้งดูเหมือนว่าจะมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้สามารถสั่งของจากในนี้ได้ แต่ว่านะนางไม่มีปากกาหรือพู่กันแล้วจะเขียนลงไปได้ยังไง เฉียวลู่กลับไปที่กล่องไม้ใบนั้นอีกครั้งด้านในมีแทนฝนหมึกและพู่กันอยู่ เฉียวลู่รู้สึกตื่นเต้นมากแต่ก็ยั้งใจเอาไว้รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยทดลองดูว่าจะสั่งของได้จริงหรือไม่

เฉียวลู่วางหนังสือเล่มนั้นกลับลงไปในกล่องไม้อีกครั้งอย่างทะนุถนอม นางกลับขึ้นไปนอนบนเตียงกอดเด็กชายทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขนและหลับไปด้วยใจที่เป็นสุข

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   บทส่งท้าย กลับไปเริ่มต้นใหม่

    ฉีหมิงเยี่ยนกลับมาพร้อมชัยชนะหลังจากนั้นหนึ่งเดือน คนตระกูลเสิ่นและผู้ที่เข้าร่วมก่อการกบฏต่างก็ถูกตัดหัวแขวนประจานเอาไว้ทุกหัวเมืองที่ถูกยึดคืนกลับมาได้ แต่ชัยชนะครั้งนี้กลับไม่ได้มีการเฉลิมฉลองเพราะฉีอ๋องต้องสูญเสียพระชายาอันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน เขาขังตัวเองเอาไว้ในห้องที่มีโลงใส่ศพของนาง อาจารย์ของเฉียวลู่เองก็ไม่คิดว่าตนเองจะต้องสูญเสียลูกศิษย์ของตนไปถึงสองคนพร้อมกัน เขาได้ใช้น้ำแข็งพันปีมรดกตกทอดของเจ้าสำนักเซียนแพทย์แช่ร่างของเฉียวลู่เอาไว้รอสามีของนางกลับมา“อาลู่เจ้าลืมตาขึ้นมาเถิด เจ้าอย่าได้ล้อข้าเล่นเช่นนี้เลย สามีของเจ้าตกใจรู้หรือไม่”ฉีหมิงเยี่ยนร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจ ปากก็พร่ำเพ้อหานางไม่หยุด ร่างบางที่เหมือนนอนหลับอยู่ภายในโลกไม้ที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตไม่ขยับไหวติงแม้เพียงนิดเขาทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน เขาอุตส่าห์เปลี่ยนแปลงอนาคตทุกอย่างแล้ว คนตระกูลเสิ่นที่เป็นสาเหตุการตายของนางเขาก็สังหารจนสิ้น แต่แล้วเหตุใดนางถึงยังจากเขาไปอีกเล่า สวรรค์ท่านช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านคิดที่จะทำลายหัวใจของข้าอีกกี่ครั้งกันท่านถึงจะพอใจเสียงร้องโหยหวนดั่งสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   แก้แค้นแทนพี่สาว

    ไม่นานหลังจากนั้น ทหารจากค่ายวิหคทมิฬพบสองพี่น้องที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ พวกเขาตามรอยของกั๋วจื่อชางเข้าไปในป่า แต่ต้องคลาดกันเพราะมีน้ำป่าไหลทะลักบนภูเขา จึงต้องย้อนกลับมาที่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากร่องรอยสุดท้ายที่หาเจอ เพราะเหตุนั้นจึงได้พบนายน้อยของตำหนักชินอ๋องทั้งสองคนเกือบครึ่งเดือนที่พวกเขาถูกจับตัวไป เพราะไม่ค่อยได้ทานอาหารสองพี่น้องจึงดูซูบผอมไปเล็กน้อย เฉียวลู่ที่ได้ข่าวจากคนของค่ายวิหคทมิฬนางเร่งเดินทางมาที่หมู่บ้านโดยเร็ว“ลูกแม่!!”นางกอดร่างเล็กทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขน พลางลูบหลังพวกเขาอย่างปลอบโยน อวี้หลงและอวี้ชิงที่เคยฝึกอยู่ในค่ายวิหคทมิฬอย่างหนักไม่เคยแม่แต่จะหลั่งน้ำตาสักหยด แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของมารดา เสียงร้องไห้เล็กๆ สองเสียงก็ดังประสานขึ้นก้องกังวานทั่วหมู่บ้านเหล่าทหารจากค่ายวิหคทมิฬที่รู้จักเด็กชายทั้งสองมองพวกเขาด้วยความแปลกใจ นึกว่าบุตรชายของมัจจุราชฉีจะกลายเป็นเหล็กกล้าเหมือนดั่งบิดาเสียอีก ไม่นึกว่าจะยังมีมุมน่ารักดั่งเด็กน้อยเมื่อยามที่อยู่กับมารดาเฉียวลู่ที่ถูกพรากบุตรชายจากอกไปหลายวัน นางเองก็ขวัญเสียไม่แพ้กัน สองแม่ลูกก

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ขอบคุณนะ

    “อยู่ให้ห่างจากน้องชายของข้านะ”อวี้หลงวิ่งเข้าไปคิดที่จะทำร้ายนาง แต่หญิงใบ้กลับหลบได้อย่างง่ายดาย เขาวิ่งมาขวางนางอีกครั้งแต่ถูกหญิงใบ้จับโยนจนร่างเล็กลอยละลิ่วไปไกล นางใช้มือคลำไปที่ใบหน้าและลำคอของอวี้ชิงเบาๆ จากนั้นจึงหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อแล้วยัดเข้าไปในปากของเขา นางบีบจมูกของอวี้ชิงเพื่อให้เขากลืนยาลูกกลอนลงไป อวี้หลงคิดว่านางวางพิษน้องชายตนเอง เขากรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด“อ๊ากกกก!!!ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”เด็กชายที่สูงเพียงอกของนางพยายามต่อสู้กับหญิงใบ้สุดกำลัง ดวงตาเฉยเมยมองเด็กน้อยที่กำลังวิ่งเข้าหานาง เขาแกว่งหมัดไปที่หลายทีแต่นางก็ไม่ได้สู้กลับ นางทำเพียงพลิกเท้าหลบไปมาเหมือนกำลังเย้าแหย่สัตว์ตัวเล็กๆเด็กตัวเล็กที่พยายามต่อสู้กับผู้ใหญ่ผ่านไปนานสุดท้ายก็ยังไร้ผล อวี้หลงหอบหายใจแรงเพราะเรี่ยวแรงของเขาหมดไปจากการที่เขาแบกน้องชายเดินเป็นเวลานาน“พะ...พี่ชาย”เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจของเขา อวี้หลงเลิกสนใจหญิงใบ้รีบวิ่งไปดูน้องชายของตนทันที“ชิงเอ๋อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”อวี้หลงแตะไปที่หน้าผากของเขา ตัวที่ร้อนดังไฟตอนนี้ได้เย็นลงเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำ

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   หนี

    อวี้หลงและอวี้ชิงฟื้นขึ้นมาหลังจากที่ถูกลักพาตัวโดยชายชุดดำหลายสิบคน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาถูกจับตัวมา ท่านแม่และท่านพ่อจะต้องเป็นห่วงพวกเขามากแน่ๆตลอดทางที่รถม้าวิ่งพวกเขาถูกจับกรอกยาบางอย่างทำให้ไร้เรี่ยวแรงและหลับไป ทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันรถม้ากลับขึ้นมาดูพวกเขาเป็นระยะ สองพี่น้องฝาแฝดแสร้งหลับเพื่อไม่ให้ถูกกรอกยาอีกอวี้หลงใช้เท้าสะกิดน้องชายเบาๆ อวี้ชิงหรี่ตามองพี่ชายเล็กน้อย ทั้งสองพยักหน้าให้กันเป็นการสื่อสารที่เหมือนจะมีแค่พวกเขาที่เข้าใจ“เป็นอย่างไรบ้างพวกเขาตื่นขึ้นมาบ้างหรือไม่”เสียงหวานที่คุ้นหูทำให้นึกถึงสตรีผู้หนึ่งที่ท่านแม่แนะนำว่านางคือสหาย นางกล้าหักหลังท่านแม่แล้วจับตัวพวกเขามาหรือ ช่างน่าตายนัก“หลายวันมานี้พวกเขาฟื้นขึ้นมาไม่กี่ครั้งขอรับ ตอนนี้ยังคงหลับอยู่เพราะข้ากรอกยาสลายพลังไปแล้ว”ซูหลีพยักหน้า จากนั้นจึงเดินกลับขึ้นรถม้าคันที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับกั๋วจื่อชาง ไม่มีใครเอะใจเรื่องนี้เลยว่าพวกเขาจะแสร้งหลับเพราะคิดว่าเป็นเพียงเด็กหกขวบที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมเท่านั้น หลังจากที่ดื่มยาสลายพลังไปสองสามครั้งดูเหมือนฤทธิ์ยาจะค่อยๆ ไร้ผลและไม่สามารถทำอันใด

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   ลักพาตัว

    หลังงานเลี้ยงที่วังหลวง เหล่าราชทูตที่มาร่วมงานต่างทยอยเดินทางกลับแคว้นของตน องค์หญิงเซียวหมิ่นเองก็เช่นเดียวกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือ นางกลับไปที่แคว้นเซียวในครั้งนี้มีเว่ย หลี่หมิงตามนางกลับไปด้วย ส่วนทางด้านเว่ยอ๋องก็ต้องกลับไปเตรียม ของหมั้นและสินสอดเพื่อแต่งสะใภ้เข้าจวน“ข้าขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หากมีโอกาสข้าจะไปร่วมงานแต่งของท่านทั้งสอง”“ข้าไปก่อนนะพี่อาลู่ท่านอย่าลืมแวะมาหาข้าเล่า”เฉียวลู่ออกมาส่งขบวนราชทูตจากแคว้นเซียวและแคว้นเว่ยที่นอกเมือง องค์หญิงเซียวหมิ่นยังมีท่าทางอาลัยอาวรณ์ต่อนาง และไม่อยากกลับแคว้นเซียว“รีบออกเดินทางเถอะสายมากแล้ว”ทหารอารักขาให้สัญญาณ ขบวนรถม้าจากแคว้นเซียวจึงเริ่มเคลื่อนตัว“ข้าขอขอบคุณเว่ยอ๋องที่ช่วยเหลือและดูแลข้ามาถึงหนึ่งปี ในอนาคตหากท่านมีเรื่องเดือดร้อนใด ทั้งข้าและสำนักเซียนแพทย์จะเข้าช่วยเหลือท่านอย่างเต็มกำลัง”นางหันมาขอบคุณเว่ยอ๋องที่กำลังออกเดินทางเช่นเดียวกัน“ไม่เป็นไรมิได้ ที่ข้าช่วยพระชายาก็ถือว่าเราทั้งสองแคว้นมีวาสนาต่อกัน ในอนาคตหากข้ามีเรื่องเดือดร้อนข้าจะมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าแน่นอน”เว่ยอ๋องเอ่ยลาจากนั

  • ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่   กรรมตามสนอง

    นางกำนัลที่พาเฉียวลู่มาที่ห้องรับรองครั้งแรกย่องกลับมาดูสถานการณ์ เมื่อได้ยินเสียงน่าบัดสีดังขึ้นข้างในนางจึงรีบกลับไปที่งานเลี้ยงทันที ผ่านไปไม่นานนางกำนัลกลับมาพร้อมราชทูตและขุนนางมากมาย รวมทั้งชินอ๋องผู้ที่จะมาเป็นพยานสำคัญในเรื่องนี้เสียงครางกระเส่าของบุรุษยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงของสตรีนั้นร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวดช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกขัดกันยิ่งนัก“นี่มันเรื่องอันใดกัน ในงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฝ่าบาท ใครช่างใจกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้”ผู้ที่เอ่ยขึ้นคือราชครูเสิ่นบิดาของเสิ่นชิงหยุน ทุกคนที่ตามมาดูเรื่องสนุกต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย“ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นคือ....”นางกำนัลมองไปที่ฉีหมิงเยี่ยนก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความหวานกลัว“ผู้ใดกันเหตุใดถึงไม่ยอมพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด หากกระทำผิดย่อมต้องได้รับโทษเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือขุนนาง”ราชครูเสิ่นจ้องไปที่นางกำนัลอย่างไม่วางตา เพื่อกดดันให้นางเอ่ยชื่อผู้ที่กำลังแสดงฉากร่วมรักอยู่ภายในห้องออกมา“พระชายาชินอ๋องเจ้าค่ะ บ่าวทำหน้าที่นำทางพระชายาชินอ๋องให้มารอที่ห้องนี้ แต่ไม่คิดว่านางจะ...”ทุกคนต่างหันกลับมามองฉี

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status