หลังจากองครักษ์ทั้งแปดนำสิ่งของต่าง ๆ ที่หลินฉิงอันสั่งคนจัดเตรียมเอาไว้ขึ้นเกวียนครบแล้ว พวกเขาก็ใช้ม้าหกตัวในการลากเกวียน ส่วนม้าอีกสองตัวนั้นวิ่งขนาบข้างคอยคุ้มกันสิ่งของบนเกวียนใหญ่
ก่อนที่ขบวนขององครักษ์จิงหยานจะออกเดินทาง เหิงอันโหวได้ฝากจดหมายให้พวกเขานำไปส่งหลานชายด้วย หลินฉิงอันเองก็ฝากจดหมายไปเช่นกัน นางยังแนบแบบเกือกม้าและอานทั้งหมดให้ไปด้วย เพราะนางเห็นว่าสิ่งของพวกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับกองทัพของเหิงจิ้งกั๋ว
“พวกเจ้าออกเดินทางได้แล้ว ประเดี๋ยวหิมะจะตกลงมาเสียก่อน”
“ขอรับนายท่านผู้เฒ่า” องครักษ์ทั้งแปดรีบรับคำเหิงอันโหว
“ขอให้พวกพี่ชายเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ อย่าลืมว่าถ้าหิมะตกให้เปลี่ยนล้อเป็นแบบลากเลื่อนด้วยนะเจ้าคะ จะได้เดินทางสะดวก”
“ขอรับคุณหนูหลิน ขอบคุณสำหรับเสบียงระหว่างเดินทางด้วยขอรับ”
เหิงอันโหวกลัวว่าพวกเขาจะออกเดินทางสายไปมากกว่
ก่อนเที่ยงวัน หวังไห่ หลี่หมิง เหมยลี่และอิงฮวาก็เดินทางมาถึงเรือนหลัก พวกเขารีบเข้าไปคารวะเหล่านายท่านที่กำลังรออยู่“คาราวะนายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ”“พวกเจ้าตามสบายเถอะ ก่อนมาที่นี่ พวกเจ้าปิดร้านกันดีแล้วหรือยัง”“เรียบร้อยดีขอรับคุณหนูใหญ่ นี่เป็นสมุดบัญชีทั้งสองเล่ม ข้าน้อยนำมาให้ท่านตรวจสอบด้วยขอรับ”หลินฉิงอันยื่นมือไปรับสมุดบัญชีทั้งสองเล่มมาวางเอาไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ก่อนจะบอกให้พวกเขานำสัมภาระไปเก็บที่เรือนพักในที่ดินอีกฝั่งหนึ่ง เพราะที่นั่นยังมีเรือนพักว่างอีกมากนักหวังไห่กับคนอื่น ๆ ขอตัวลาเหล่านายท่านก่อนจะออกไปขับรถม้าไปยังที่ดินอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของที่นำมาด้วย โดยมีโจวซานทำหน้าที่พ่อบ้านเดินตามรถม้าของพวกเขาไปยังเรือนพักตั้งแต่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว บ้านหลินก็หยุดการรับซื้อผลไม้ทั้งหมดและให้บ่าวช่วยกันแช่อิ่มผลไม้ที่เหลื
งานเลี้ยงปีใหม่ผ่านไปอย่างสนุกสนาน ยิ่งกับการกินหมูกระทะในครั้งนี้นั้นทำให้ทุกคนต่างติดอกติดใจ หลินฉิงอันจึงมอบเตาและกระทะให้กับบ่าวและครอบครัวท่านลุงของนางเป็นของขวัญด้วยก่อนงานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง หลินฉิงอันก็นำหยกพกมอบให้กับบ่าวทั้งหมดรวมทั้งคนในครอบครัวของนางเอง ส่วนของบ้านท่านลุงนั้นนางไม่ได้ทำให้ เพราะนางอยากให้พวกเขาออกแบบลวดลายบนหยกด้วยตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเงินให้ครอบครัวท่านลุง 500 ตำลึงเพื่อนำไปทำหยกพกเช่นกัน คราแรกท่านลุงของนางไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ แต่ด้วยเหตุผลและการคะยั้นคะยอของคนในครอบครัวทำให้เขาต้องยิ้มรับมาอย่างจนใจ เขายังสัญญากับครอบครัวน้องสาวด้วยว่าจะนำเงินนี้ไปใช้จ่ายตามที่หลานสาวของเขาต้องการเหิงอันโหวกับคนในจวนโหวที่มาต่างยอมรับนับถือในความใจกว้างของครอบครัวหลินฉิงอัน น้อยนักที่พวกเขาจะเห็นครอบครัวชาวบ้านยอมจ่ายเงินจำนวนมากออกไปอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ ยิ่งพ่อบ้านคนสนิทของเหิงอันโหวที่มาเพราะอยากเห็นหน้าว่าที่หลานสะใภ้ของท่านโหวด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งยอมรับในความมีน้ำใจของครอบครัวว่าที่นายหญิ
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
สองสัปดาห์ต่อมา เหิงจิ้งกั๋วที่จัดการงานของตนเองและวางกำลังพลดูแลชายแดนเรียบร้อยแล้ว เขาเดินทางมายังหมู่บ้านต้าไห่หลังจากวันปีใหม่ เพราะต้องรอเกือกม้า อานและโกลนที่นายช่างในค่ายทหารผลิตขึ้นมา จึงทำให้เขาต้องออกมาจากค่ายล่าช้าเช่นนี้ ส่วนชุดกันหนาวของม้านั้นก็ได้ชาวบ้านช่วยกันตัดโดยเขาเป็นคนจ่ายค่าจ้างให้ในราคาดี ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเขามาถึงหมู่บ้านต้าไห่ได้ในเวลาเพียงสามสัปดาห์หลังปีใหม่เสียงเกือกม้าดังใกล้เข้าไปทางบ้านตระกูลหลินมากขึ้นเรื่อย ๆ องครักษ์ของเหิงอันโหวที่คอยดูแลความปลอดภัยอยู่เห็นว่าเป็นท่านแม่ทัพมาถึงแล้ว เขารีบเข้าไปรายงานเหิงอันโหวทันที“เจ้ารีบไปตามฉิงอันกับพ่อแม่ของนางมาที ข้าจะออกไปรับเจ้าลูกเต่านั่นก่อน”“ขอรับท่านโหว”องครักษ์หยุนหลงไม่รอช้า เขาใช้วิชาตัวเบาเดินทางไปยังโรงเรือนที่ตอนนี้คุณหนูหลินกับพ่อแม่ไปช่วยกันดูแลพืชผักร่วมกับบ่าวไพร่อยู่ทันที
มื้อเย็นวันนี้ที่มีเหิงจิ้งกั๋วเข้าร่วมด้วยทำให้บรรยากาศในห้องอาหารเป็นไปอย่างชื่นมื่น ยิ่งอาหารวันนี้ที่เหิงจิ้งกั๋วเคยกินครั้งแรกแล้ว เขาก็ยิ่งติดใจมากกว่าหม้อไฟที่เคยกินเมื่อปีก่อนเสียอีกหลินฉิงอันที่ถูกให้นั่งข้างคู่หมั้นของตนเองก็ได้แต่กินเนื้อย่างที่เหิงจิ้งกั๋วคอยย่างแล้วเอามาวางในถ้วยนางจนเขาแทบจะไม่ได้กิน“พี่ชายเหิง ท่านกินบ้างสิเจ้าคะ ท่านเล่นเอามาวางให้ข้าจนแทบจะล้นถ้วยแล้ว ข้ากินไม่ทันหรอกนะเจ้าคะ”“อ่า… พี่ขอโทษ เช่นนั้นหากเจ้าต้องการเนื้อเพิ่มก็บอกพี่นะ ประเดี๋ยวพี่จะย่างให้เจ้าเอง แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจพี่ด้วยเล่า ตอนนี้เราเป็นคู่หมั้นกันแล้ว”“ข้ารู้เจ้าค่ะ ขอบคุณพี่ชายเหิงที่คอยดูแลข้าเจ้าค่ะ”คนอื่น ๆ ในโต๊ะเงี่ยหูฟังสองหนุ่มสาวคุยกันเบา ๆ ก็พออกพอใจที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูดีไม่น้อย นับว่าการหมั้นกันก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่พวกเขาตัดสินใจได้ถูกต้องจริง ๆ
เหิงจิ้งกั๋วใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่หมู่บ้านต้าไห่หนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไปยังชายแดนเหนือเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเสบียงและผลไม้แช่อิ่มให้เขานำไปกินด้วยไม่น้อย นางรู้สึกว่าเวลาที่ใช้กับเหิงจิ้งกั๋วช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน เพราะทุกวันเขาจะพานางเดินเล่นพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนเข้านอนทุกวัน แต่หลินฉิงอันก็รู้ดีว่าเขาเองก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำ ไม่ต่างจากนางที่ยังคงนึกทบทวนความทรงจำในภพก่อนว่ามีเรื่องใดที่นางพอจะช่วยพัฒนาแคว้นได้อีกหลังจากเหิงจิ้งกั๋วจากไปแล้ว อีกเพียงแค่หนึ่งเดือนก็จะหมดหน้าหนาวของปีนี้ เหิงอันโหวยังคงสั่งสอนหลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางตามปกติ ตอนนี้เขามีตำราที่ให้พ่อบ้านใหญ่นำมาด้วยไม่น้อย เหิงอันโหวต้องการให้เด็กทั้งสองเรียนรู้และเข้าใจตำราอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะเข้าสอบจอหงวนในอีกครึ่งปีหลังจากนี้สามวันต่อมา เจ้าเมืองเติ้งกับฮูหยินมาเยี่ยมเหิงอันโหวพร้อมของขวัญปีใหม่ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดจะมานานแล้ว เพียงแต่รู้ข่าวว่าท่านแม่ทัพเหิงเดินทางมาเสียก่อน พวกเ
เหิงอันโหวมองหยกสลับกับหลินฉางหยูอยู่นานจนกระทั่งเขาต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อ“ข้ารู้จักคนที่หยกเช่นเจ้าอยู่คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าจะเชื่อใจข้าหรือไม่ ฉางหยู”หลินฉางหยูเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน เหตุใดเขาจึงไม่นำหยกมาให้ท่านผู้อาวุโสดูแต่แรก ไม่เช่นนั้นเขาคงได้มีเวลาออกตามหาครอบครัวของตนก่อนจะเดินทางพาลูก ๆ ไปสอบที่เมืองหลวงแล้ว“จริงหรือขอรับท่านผู้อาวุโส? ท่านรู้จักครอบครัวข้าจริงหรือขอรับ?”“แน่นอนว่าข้ารู้จักดีเสียด้วย พวกเราเคยร่วมรบกันมาในศึกชายแดนตะวันตกเมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยนั้นแคว้นของเราต่างถูกรุกรานจากแคว้นรอบข้างอยู่เนือง ๆ ข้ากับบุตรชายและลูกสะใภ้จำเป็นจะต้องออกศึกแยกกัน ข้าไปที่ด่านคุนหมิง ส่วนลูกชายกับลูกสะใภ้ของข้านั้นไปที่ด่านต้าหลี่ทางชายแดนใต้ ส่วนชายแดนเหนือในตอนนั้นเป็นฮ่องเต้ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานพาทหารไปต้านข้าศึกด้วยพระองค์เองในสมัยนั้น โดยมีไท่ฝูเป็นกุนซือให้กับฝ
หลินฉิงอันที่ไม่ได้คิดมากกับการเดินทางไกลครั้งแรกในภพนี้ของนาง นางปล่อยให้ซูเซียนเป็นคนเก็บเสื้อผ้า เครื่องประดับของนาง ส่วนตนเองนั้นกลับไปตรวจสอบดูสมุดจดที่นางเตรียมจะถวายฎีกาให้กับฮ่องเต้หลังจากไปถึงเมืองหลวงเท่านั้น หลินฉิงอันกลัวว่าจะหลงลืมเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติมที่นางอยากเสนอให้ฝ่าบาททรงพิจารณา เนื่องจากนางไม่รู้ว่าเมื่อใดที่จะเกิดภัยแล้ง ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่เคยเกิดภัยแล้งขึ้นก็ตาม แต่การป้องกันเอาไว้ก่อนย่อมดีกว่าเสมอ หลินฉิงอันจึงคิดจะเสนอเรื่องนี้ขึ้นไป ส่วนพื้นที่ชายทะเลที่ท่านปู่บอกจะพานางอ้อมไปดูนั้นก็นับเป็นเรื่องที่ดี นางได้ยินท่านปู่บอกมาว่าที่นั่นมีเรือของต่างชาติมาจอดบ่อยๆ บางทีนางอาจจะได้เมล็ดพันธุ์พืชที่ปลูกง่ายและให้ผลผลิตสูงสำหรับชาวบ้านก็เป็นได้ หลินฉิงอันได้แต่หวังว่าการเดินทางครั้งนี้นางจะสามารถพัฒนาการเกษตรให้กับชาวบ้านระหว่างทางได้บ้างไม่มากก็น้อยหลังอาหารเช้าวันต่อมา ตอนนี้ขบวนรถม้าทั้งหมด 10 คัน ต่างจอดรอให้นายท่านทั้งหลายขึ้นรถได้แล้ว โดยเหิงอันโหวจะเป็นคนนั่งในรถม้าคันแรก ส่วนรถม้าคั
หลังจากผ่านพ้นหน้าหนาว ตอนนี้บ้านหลินรับซื้อผลไม้อีกครั้งจากหมู่บ้านอื่นและชาวบ้านในหมู่บ้านต้าไห่ ถึงแม้พวกเขาจะมีผลไม้แช่อิ่มเก็บอยู่ในโกดังจำนวนมาก แต่หลินฉิงอันคิดว่าต้องรีบเก็บเอาไว้ก่อนที่จะหมดช่วงฤดูผลไม้ที่ปีนี้นางคาดว่าผลไม้จะออกผลไม้ทันการผลิตเป็นแน่ เพราะปีที่แล้วนางรับซื้อมาทำผลไม้แช่อิ่มเป็นจำนวนมาก หากการขายพันธุ์ผลไม้ของนางเสร็จสิ้นในอีกสองปีข้างหน้า หลินฉิงอันก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการกักตุนผลไม้อีกต่อไปหวังไห่กับคนอื่น ๆ ที่ต้องกลับไปเปิดร้านต่างนำสัมภาระกลับไปพร้อมกับผลไม้แช่อิ่มอีกนับ 50 กระสอบ ถึงแม้ที่ร้านจะยังมีผลไม้แช่อิ่มเหลืออยู่ก็ตาม แต่พวกเขาไม่อยากให้ที่หมู่บ้านต้องเสียเวลาเดินทางนำเข้าไปส่งในเมือง หวังไห่จึงขนกลับไปกันเอง โชคดีที่รถม้าคันนี้ใหญ่พอที่จะบรรทุกของได้ทั้งหมด ถึงแม้หวังไห่กับหลี่หมิงจะต้องนั่งด้านหน้ารถม้าก็ตามทีหลินเจี้ยนที่กลับมาจากขายปลาและถั่วงอกมาช่วยแม่เฒ่าซูกับฮูหยินของเขาที่โรงงานผลิตผลไม้แช่อิ่ม หลินฉิงอันเข้าไปพูดคุยกับท่านลุงของนางถึงแผนการเดินทางไปเมืองห
เหิงจิ้งกั๋วใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่หมู่บ้านต้าไห่หนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไปยังชายแดนเหนือเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง หลินฉิงอันยังมอบเสบียงและผลไม้แช่อิ่มให้เขานำไปกินด้วยไม่น้อย นางรู้สึกว่าเวลาที่ใช้กับเหิงจิ้งกั๋วช่างผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน เพราะทุกวันเขาจะพานางเดินเล่นพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนเข้านอนทุกวัน แต่หลินฉิงอันก็รู้ดีว่าเขาเองก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำ ไม่ต่างจากนางที่ยังคงนึกทบทวนความทรงจำในภพก่อนว่ามีเรื่องใดที่นางพอจะช่วยพัฒนาแคว้นได้อีกหลังจากเหิงจิ้งกั๋วจากไปแล้ว อีกเพียงแค่หนึ่งเดือนก็จะหมดหน้าหนาวของปีนี้ เหิงอันโหวยังคงสั่งสอนหลินฉิงเฉิงกับหลินฉิงหยางตามปกติ ตอนนี้เขามีตำราที่ให้พ่อบ้านใหญ่นำมาด้วยไม่น้อย เหิงอันโหวต้องการให้เด็กทั้งสองเรียนรู้และเข้าใจตำราอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะเข้าสอบจอหงวนในอีกครึ่งปีหลังจากนี้สามวันต่อมา เจ้าเมืองเติ้งกับฮูหยินมาเยี่ยมเหิงอันโหวพร้อมของขวัญปีใหม่ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดจะมานานแล้ว เพียงแต่รู้ข่าวว่าท่านแม่ทัพเหิงเดินทางมาเสียก่อน พวกเ
มื้อเย็นวันนี้ที่มีเหิงจิ้งกั๋วเข้าร่วมด้วยทำให้บรรยากาศในห้องอาหารเป็นไปอย่างชื่นมื่น ยิ่งอาหารวันนี้ที่เหิงจิ้งกั๋วเคยกินครั้งแรกแล้ว เขาก็ยิ่งติดใจมากกว่าหม้อไฟที่เคยกินเมื่อปีก่อนเสียอีกหลินฉิงอันที่ถูกให้นั่งข้างคู่หมั้นของตนเองก็ได้แต่กินเนื้อย่างที่เหิงจิ้งกั๋วคอยย่างแล้วเอามาวางในถ้วยนางจนเขาแทบจะไม่ได้กิน“พี่ชายเหิง ท่านกินบ้างสิเจ้าคะ ท่านเล่นเอามาวางให้ข้าจนแทบจะล้นถ้วยแล้ว ข้ากินไม่ทันหรอกนะเจ้าคะ”“อ่า… พี่ขอโทษ เช่นนั้นหากเจ้าต้องการเนื้อเพิ่มก็บอกพี่นะ ประเดี๋ยวพี่จะย่างให้เจ้าเอง แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจพี่ด้วยเล่า ตอนนี้เราเป็นคู่หมั้นกันแล้ว”“ข้ารู้เจ้าค่ะ ขอบคุณพี่ชายเหิงที่คอยดูแลข้าเจ้าค่ะ”คนอื่น ๆ ในโต๊ะเงี่ยหูฟังสองหนุ่มสาวคุยกันเบา ๆ ก็พออกพอใจที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูดีไม่น้อย นับว่าการหมั้นกันก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่พวกเขาตัดสินใจได้ถูกต้องจริง ๆ
สองสัปดาห์ต่อมา เหิงจิ้งกั๋วที่จัดการงานของตนเองและวางกำลังพลดูแลชายแดนเรียบร้อยแล้ว เขาเดินทางมายังหมู่บ้านต้าไห่หลังจากวันปีใหม่ เพราะต้องรอเกือกม้า อานและโกลนที่นายช่างในค่ายทหารผลิตขึ้นมา จึงทำให้เขาต้องออกมาจากค่ายล่าช้าเช่นนี้ ส่วนชุดกันหนาวของม้านั้นก็ได้ชาวบ้านช่วยกันตัดโดยเขาเป็นคนจ่ายค่าจ้างให้ในราคาดี ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งเขามาถึงหมู่บ้านต้าไห่ได้ในเวลาเพียงสามสัปดาห์หลังปีใหม่เสียงเกือกม้าดังใกล้เข้าไปทางบ้านตระกูลหลินมากขึ้นเรื่อย ๆ องครักษ์ของเหิงอันโหวที่คอยดูแลความปลอดภัยอยู่เห็นว่าเป็นท่านแม่ทัพมาถึงแล้ว เขารีบเข้าไปรายงานเหิงอันโหวทันที“เจ้ารีบไปตามฉิงอันกับพ่อแม่ของนางมาที ข้าจะออกไปรับเจ้าลูกเต่านั่นก่อน”“ขอรับท่านโหว”องครักษ์หยุนหลงไม่รอช้า เขาใช้วิชาตัวเบาเดินทางไปยังโรงเรือนที่ตอนนี้คุณหนูหลินกับพ่อแม่ไปช่วยกันดูแลพืชผักร่วมกับบ่าวไพร่อยู่ทันที
หลังผ่านงานหมั้นของหลินฉิงอันไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เข้าไปในเมืองก็กระจายข่าวดีนี้ให้ญาติมิตรที่เข้ามาซื้อสิ่งของกันในช่วงหน้าหนาวฟังกัน กระทั่งข่าวแพร่ไปถึงเจ้าเมืองเติ้ง เขายังไม่ได้นำของขวัญไปอวยพรปีใหม่เหิงอันโหวเลย พอได้ยินข่าวว่าหลินฉิงอันขุนนางขั้นสี่ได้หมั้นหมายกับแม่ทัพเหิงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียวของเหิงอันโหวก็ยิ่งอยากไปเยี่ยมเยียนพวกเขาที่บ้านฮูหยินของเจ้าเมืองเติ้งเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับครอบครัวหลินเช่นกัน นางคิดว่าหากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันแล้ว สามีของนางคงได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย“ท่านพี่ หรือเราจะเตรียมของขวัญไปมอบให้ท่านโหวกับครอบครัวหลินดีเจ้าคะ”“ความคิดเจ้าไม่เลว เช่นนั้นก็สั่งพ่อบ้านหาสิ่งของมีค่าไปมอบให้พวกเขาวันพรุ่งนี้กันดีหรือไม่ เจ้าเองก็ช่วยสานสัมพันธ์กับฮูหยินหลินแทนข้าด้วยก็แล้วกันนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากรู้จักนางเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดลูก ๆ ของนางจึงต่างมีความสามารถกันมากตั้งแต่
ชาวบ้านที่ให้ผู้อาวุโสของตนมาทาบทามหลินฉิงอันเป็นต้องหน้าเสียไปตาม ๆ กัน เมื่อเหิงอันโหวเอ่ยปากขอหมั้นด้วยตัวเอง พวกเขามีหรือจะกล้าต่อกรกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ถึงแม้จะเสียดายการหมั้นหมายครั้งนี้มากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างที่เหิงอันโหวบอกก่อนหน้านี้ว่าหลินฉิงอันเป็นถึงขุนนางขั้นสี่ พวกเขาที่เป็นชาวบ้านคงไม่อาจเอื้อมหมายเด็ดดอกฟ้ากันได้อีกไม่นานนักรถม้าทั้งสิบคันของจวนโหวก็มาจอดเรียงรายกันที่ด้านข้างลานหน้าเรือนหลัก จากนั้นองครักษ์และบ่าวของจวนโหวทยอยยกหีบใบใหญ่หลายหีบลงมาจากรถม้า ชาวบ้านต่างมองหีบทั้งหลายตาโต พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าเหิงอันโหวจะเตรียมการเกี่ยวกับของหมั้นมามากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งละอายใจที่หาญกล้าไปขอหลินฉิงอันหมั้นหมายก่อนหน้านี้พ่อบ้านใหญ่เห็นพวกเขาวางหีบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ เขาก็สั่งให้คนเปิดหีบทีละใบเพื่ออ่านรายการของหมั้นที่ยาวเป็นหางว่าวเพราะมีหีบทั้งหมดถึงหนึ่งร้อยแปดใบตามเลขมงคลครอบครัวหลินตอนนี้อ้าปากค้างกันไปหมดเมื่
พ่อบ้านใหญ่เห็นว่าทุกคนเตรียมตัวพร้อมสำหรับเริ่มพิธีการปักปิ่นแล้ว เขาเริ่มเอ่ยลำดับขั้นตอนการทำพิธีตั้งแต่เริ่มต้นทันที“ขอเชิญขุนนางขั้นสี่หลินฉิงอัน เข้าประจำตำแหน่งเพื่อเริ่มพิธีการขอรับ”หลินฉิงอันพยักหน้ายิ้มรับคำพ่อบ้านใหญ่ ก่อนที่นางจะเดินไปยังตำแหน่งประธานของงานในวันนี้ซึ่งอยู่หน้าห้องโถงเรือนหลัก บรรดาชาวบ้านที่นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตรงลานหน้าบ้านล้วนมองเห็นพิธีการกันอย่างทั่วถึง“ขอเชิญท่านเหิงอันโหวสวมเสื้อคลุมให้คุณหนูหลินขอรับ”เมื่อประโยคนี้สิ้นสุดลง เหล่าชาวบ้านต่างฮือฮากันขึ้นมาทันที พวกเขาไม่รู้ว่าตำแหน่งโหวนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่จากเสื้อผ้าอาภรณ์ของเหิงอันโหวแล้ว พวกเขาก็คิดว่าจะต้องไม่ใช่ขุนนางธรรมดาเป็นแน่หลินฉางหยู หลินอ้าย หลินฉิงเฉิงและหลินฉิงหยางเองก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าอาจารย์ปู่จะเป็นถึงท่านโหวของแคว้นเลยทีเดียว ส่วนหลินฉิงอันนั้นนางเดาได้มานานแล้วว่าท่านปู่ผู้นี้จะต