ทิชชูชิ้นดังกล่าวถูกจับยัดเอามาในปากเล็กโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะตามมาด้วยประโยคสั้น ๆ ทว่ากลับสามารถทำลายบรรยากาศดี ๆ ให้ย่อยยับลงได้ในพริบตาเดียว
“ยัยเด็กไม่เต็มบาท!”
ภาพในจินตนาการพังทลายลงจนแตกละเอียดยิบไม่มีชิ้นดีทันที!
จากที่วาดฝันไว้ว่าชายหนุ่มจะใช้ทิชชูเช็ดปากให้อย่างอ่อนโยน คนทั้งคู่จะตกอยู่ในภวังค์แห่งรักของกันและกัน แล้วเขาก็จะค่อย ๆ รั้งตัวเธอเข้าไปใกล้เพื่อมอบจุมพิตอันแสนหวานให้ ตามฉากในซีรี่ส์เกาหลีที่เธอชอบดู
แต่ไหงกลับกลายเป็นไอ้ทิชชูชิ้นนั้นดันถูกยัดเข้ามาในปากของเธอ แทนที่จะเป็นปากหนาหยักได้รูปที่ดูแล้วน่าจะมีสัมผัสนุ่ม ๆ นั่นล่ะ ทำไม!?
ฟ้าใสรีบคายกระดาษทิชชูที่ยับยู่ยี่และเปียกชื้นลงบนถาดทันทีที่ได้สติ เธอตวัดสายตาขุ่นเคืองใส่รุ่นพี่ก่อนจะหยิบทิชชูสะอาดอีกแผ่นมาเช็ดคราบน้ำลายผสมฟองนมที่เปรอะตามรอบขอบปากออกอย่างลวก ๆ
“พี่นัท! ทำอะไรของพี่เนี้ย!?”
“พี่แค่จะทิ้งขยะ”
“ทิ้งขยะก็เอาไปทิ้งตรงนู้นสิ! เอามาทิ้งอะไรในปากฟ้าใส!”
“อ้าว ไม่ได้เหรอ?”
“นี่จะหลอกด่าว่าปากฟ้าใสเหมือนถังขยะเหรอคะ?”
“พี่ยังไม่ได้พูดซะหน่อย หึหึ”
ฟ้าใสพ่นลมหายใจออกแรง ๆ พลางกลอกตามองบนใส่รุ่นพี่อย่างเหลืออด ทำไมกับเพื่อนของเธอนี่พูดจาไพเราะมีหางเสียงที่ลงท้ายด้วยครับ ๆ ทุกคำ แต่ดูคำที่ใช้พูดจากับเธอสิ จะมีคำว่าครับก็ต่อเมื่อประชดประชันหรือหลอกด่าเธอเท่านั้นแหละ
“สองมาตรฐาน!”
ฟ้าใสชำเลืองมองพลางทำปากขมุบขมิบก่นด่าเสียงแผ่วเบา ฮึ้ย! ที่เธอเคยชม ๆ ไปนั้นว่าหล่อว่าดี เธอขอถอนคำพูด!
นัทมองท่าทีเกรี้ยวกราดของหมอสาวแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ นึกเอ็นดูคนงอน ก่อนจะผลักแก้วกระดาษที่บรรจุน้ำเปล่าอยู่ด้านในให้เธอได้ดื่มเพื่อล้างปาก
มือเล็กรีบหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มอึกอึก เพื่อไล่เศษไยของทิชชูบางส่วนที่ติดตามปลายลิ้นให้ลื่นไหลลงคอไปด้วยกัน จะให้เธอมานั่งขูดลิ้นต่อหน้าผู้ชายที่หมายปองก็ยังไงอยู่ เพราะถ้าเป็นผู้ชายมึน ๆ แบบพี่เกมส์ก็ว่าไปอย่าง
“แล้วนี่มาทำอะไรที่โรงพยาบาล?”
“ฟ้าใสมาหาพี่นะ ...”
เสียงหวานหลุบหายไปในลำคอทันทีหลังเกือบหลุดปากพูดจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา เธอสบเข้าสายตาคำถามของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องเธอตาเขม็งแล้วออกอาการเลิ่กลั่กเล็กน้อย
“เอ่อ...พี่.... พี่เกมส์ ใช่ค่ะ! ฟ้าใสมาหาพี่เกมส์ค่ะ!”
เกือบไปแล้วววว! ยังดีที่ยั้งปากทัน! จะบอกว่ามาหายัยนิลก็เดี๋ยวถูกสงสัยอีกว่าแล้วทำไมมานั่งกับพี่เกมส์ได้ งั้นเอารายนั้นมาเป็นข้ออ้างไปก่อนก็แล้วกัน
นัทหัวเราะดังขึ้นเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้รับ จะมาหาเพื่อนเขาได้อย่างไรในเมื่อเขาเห็นเธอเดินเตร็ดเตร่อยู่บนตึกผู้ป่วยศัลยกรรมชัด ๆ
“คิดถึงพี่เหรอ?”
“ค่ะ เฮ้ย! ไม่! ไม่ใช่!”
“หึหึ”
ยิ่งเห็นคนตรงหน้าออกอาการมากเท่าไหร่ นัทก็ยิ่งอยากจะไล่ต้อนคนชอบแถให้จนมุมมากขึ้น เพราะเขาเข้ามาในร้านไล่หลังกับเธอเพียงนิดเดียวเท่านั้น บทสนทนาต่าง ๆ จึงลอยเข้าหูเขาทั้งหมด
ในเรื่องความรู้สึกที่ฟ้าใสมีต่อเขานั้น ต่อให้เธอไม่พูดออกมา สีหน้าและแววตาเธอก็บอกอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เอ็นดูรุ่นน้องคนนี้ เพียงแต่เขานึกเอ็นดูในแบบพี่เอ็นดูน้องเท่านั้น
เพราะหน้าที่ของพวกเขาคือการดูแลรักษาและต่อชีวิตให้กับผู้อื่น แล้วไอ้ความซุ่มซ่ามป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ของเธอเนี้ย มันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียอยู่บ่อย ๆ จนต้องคอยมองเธอตลอดเวลาเมื่อครั้งได้รับหน้าที่ให้ช่วยดูแลนักศึกษาแพทย์ ผิดกับหญิงสาวอีกคนที่หัวไวและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มากกว่า
ฟ้าใสค้อนปะหลับปะเหลือกใส่คนสองมาตรฐานเสียใหญ่โต แล้วยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบระรัวหวังให้ความหวานละมุนของมันช่วยลดความเดือดดาลของเธอลงบ้าง
นัทมองใบหน้าหงิกงอของหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนลง พลางวางฝ่ามืออุ่นจัดทาบลงบนศีรษะเล็กแล้วโคลงไปมาเบา ๆ อย่างหยอกเย้า พูดเอ็ดคนโดดงานอย่างไม่จริงจังนัก
“กลับไปทำงานได้แล้ว ยัยเด็กไม่เต็มบาท!”
ฟ้าใสนิ่งงันไปชั่วขณะ ตกใจในความอ่อนโยนที่มาอย่างกะทันหันจนตั้งรับไม่ทัน ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณที่ถูกสัมผัสทำเอาใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะทะลุออกมากองด้านนอก
แล้วไหนจะเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดขึ้นมาเพื่อสร้างบรรยากาศนี่อีก มาได้จังหวะพอดีอย่างกับรู้ใจ!
ดวงตากลมโตสบประสานสายตากับอีกฝ่าย เหม่อมองเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ในแววตานิ่ง ๆ คู่นั้นราวกับตกอยู่ในภวังค์ พลันมือไม้ก็อ่อนแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
ตุ้บ! เพล้ง!
รอบนี้ไม่ใช่เสียงภาพจินตนาการที่แตกสลายแต่อย่างใด ทว่าเป็นแก้วเครื่องดื่มในมือของเธอเนี้ยแหละที่ร่วงหลุดมือลงบนตัก ก่อนจะกลิ้งหลุน ๆ ตกลงไปนอนพุงแตกอยู่บนพื้นร้าน ดึงดูดทุกสายตาของลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านให้หันมามองเธอเป็นตาเดียว
“อ๊ะ! แย่แล้ว ๆ”
ฟ้าใสทำตาโตด้วยความตกใจแล้วรีบผุดลุกขึ้น มือเล็กเอื้อมออกไปหมายจะคว้าเก็บเอาเศษแก้วมาไว้ในถาด แต่ก็ถูกใครบางคนยึดข้อมือแล้วบีบแน่นจนเธอนิ่วหน้า
หมับ!
“ยัยเอ๋อ คิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้?”
สายตาคมกริบของรุ่นพี่สะกดให้เธอค่อย ๆ เบนสายตากลับไปมองเศษแก้วที่แตกกระจายอีกครั้งแล้วกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ที่เธอมักโดนของมีคมบาดอยู่เป็นประจำ หวนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง
สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ที่นี่ เธอมักจะโดนรุ่นพี่ Intern ที่ดูแลดุอยู่เป็นประจำ เพราะเมื่อไหร่ที่เธอเผลอไปสบเข้ากับสายตานิ่ง ๆ คู่นั่นของเขา มันมักจะทำให้เธอเผลอลืมตัวแล้วมือไม้อ่อน ทำของพังจนได้บริจาคเลือดอยู่เป็นประจำ
แต่ไม่ว่าจะโดนดุจนเสียน้ำตาไปสักกี่รอบ นิสัยนี้มันก็ไม่หายไปเสียที แล้วเธอก็ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เอาเสียเลย
เธอรู้ดีว่ารุ่นพี่ชอบผู้หญิงแบบไหน เธอพยายามที่จะพัฒนา พยายามที่จะเก็บอาการของตัวเองแล้ว แต่ทว่าพอเขาขยับเข้ามาใกล้ เธอเป็นอันต้องเสียสติทุกที
“ไปล้างตัวแล้วกลับบ้านไปซะ ตรงนี้พี่จะจัดการเอง”
“แต่ว่า....”
“ไป ล้าง ตัว”
น้ำเสียงหนักแน่นบวกกับสายตาดุ ๆ ของรุ่นพี่ที่ส่งมา ทำให้เธอไม่กล้าต่อปากต่อคำหรืออิดออดอีกนานนัก
เธอรีบหันไปกล่าวขอโทษขอโพยกับพนักงานที่วิ่งเข้ามาพร้อมอุปกรณ์เก็บกวาดในมือ ก่อนจะพาร่างที่เปียกปอนและเหนียวเหนอะหนะตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด
“รับรองค่ะว่ามันจะไม่หวาดเสียวแบบเจ้าพวกนั้นหรอก”ฟ้าใสยืนยันเสียงหวานพลางกระชับมือที่เกาะกุมกันให้แนบแน่นขึ้น เข้าใจถึงความหวาดวิตกของคนข้างกายที่สีหน้าออกอาการอย่างชัดเจนว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเจ้าเครื่องเล่นพวกนี้อีกแล้วนัทก้าวเดินไปตามแรงฉุดของภรรยาอย่างว่าง่าย แม้ใจแกร่งจะยังสั่นไหวและหวาดหวั่นว่าจะถูกพาตัวไปทรมาน แต่พอได้เห็นรอยยิ้มหวานหยดของคนอารมณ์ดีที่มีความมุ่งมั่นเขาก็ใจอ่อนแล้วยอมใจเธอโดยไม่มีข้อแม้เดินลัดเลาะตามทางเดินไม่นานภรรยาก็หยุดฝีเท้าลงก่อนหันมาคลี่ยิ้ม นัทกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วขมวดคิ้วงุนงง เมื่อพบว่าเธอพามาต่อแถวเพื่อใช้บริการเจ้าจักรยานน้ำลายการ์ตูนหลากสีสันที่ทะเลสาบซึ่งตั้งอยู่บริเวณโซนหน้าของสวนสนุกแม้แสงแดด จะยังร้อนอยู่พอสมควรทว่ายังดีที่มีสายลมเย็นฉ่ำพัดผ่านนำเอาไอน้ำให้ลอยขึ้นมากระทบผิวกายบ้างเป็นระยะ ๆ บรรยากาศจึงไม่แย่นักกับการปั่นจักรยานน้ำในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวัน“ครั้งแรกที่ฟ้าใสได้มาปั่นจักรยานน้ำที่นี่ ก็คือตอนวันเกิดครบอายุเก้าขวบแหละ ตอนนั้นชอบมาก ๆ เลย ถึงขนาดอธิษฐานตอนเป่าเค้กเลยนะคะว่าขอให้พ่อกับแม่พาฟ้าใสมาอีกทุกปี แต่สุดท้ายมันก็เป็
กรี๊ดดดดเสียงกรี๊ดดังระงมไปทั่วบริเวณจนนัทนิ่วหน้า ยกนิ้วขึ้นมาอุดสองหูเพื่อปิดกั้นเสียงแหลม ๆ ของผู้คนที่กำลังถูกเครื่องเล่นเหวี่ยงสะบัดไปมาดวงตาคมกริบมองตามเครื่องเล่นตรงหน้าแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ มันที่มีลักษณะคล้ายเรือลำใหญ่ ทว่าเจ้าลำนี้กลับแล่นอยู่กลางอากาศแทนที่เป็นผืนน้ำ และมีผู้โดยสารเป็นหนุ่มสาววัยรุ่นร่วมยี่สิบชีวิตที่กำลังกรีดร้องขอชีวิตกันดังลั่น“อ่า ฟะ...ฟ้าใสครับ พี่ว่าเราไปเล่นอันอื่นที่มัน เอ่อ ดูปลอดภัยกว่านี้ไหมครับ”นัทสะกิดหัวไหล่มนของภรรยาที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าบนรถเพื่อให้เข้ากับสถานที่แล้วคัดค้านเสียงอ่อนเสียงหวาน หวังจะเอาตัวเองให้รอดจากการถูกเหวี่ยงไปมาซ้ำ ๆ บนไอ้เครื่องนั้น แต่คนตรงหน้าก็ยังตั้งมั่นที่จะเล่นมันให้ได้“ลองอันนี้แหละค่ะ ดูจากแถวแล้วหนูว่ามันต้องสนุกแน่ ๆ เลย”“สนุกหรือสยองกันแน่วะ”นัทบ่นพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะรีบฉีกยิ้มกว้างแล้วส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร เมื่อภรรยาตวัดสายตามามองด้วยความสงสัย อย่าหาว่าเขาป้อดเลยนะ แต่ภาพของผู้โดยสารเซตก่อนหน้าที่ถลาลงมายืนเกาะต้นไม้แล้วอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายยังคงติดตาเขาอยู่เลยมือใหญ่ยกขึ้นปาดเ
คนมือไวรีบดันบราเซียร์สีขาวสะอาดตาขึ้นไปกองอยู่ใต้คางแล้วอ้าปากลงไปตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างหนักหน่วง“อา พะ...พอ พอเลยค่ะ อื้อออ”ฟ้าใสร้องห้ามปรามเสียงขาดกระท่อนกระแท่น พยายามรวบรวมสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงแล้วผลักใบหน้าคมคายออกจากสองเต้าอย่างแรง ใบหน้านวลแดงก่ำ สองมือสาละวนกับการดึงเสื้อผ้าขึ้นมาปิดบังเนื้อตัวด้วยความเขินอาย หากเป็นแสงสลัวแบบเมื่อคืนเธอคงปล่อยผ่าน แต่ว่าตอนนี้มันสว่างโร่ด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาหลายกิโลจากการเร่งผลิตลูกน้อยคนที่สอง ส่งผลให้ร่างกายของเธอดูอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ซ้ำยังเต็มไปด้วยรอยแตกลายจนดูคล้ายแผนที่โลกเข้าไปทุกที“ฮืม ปิดทำไมละครับ”นัทเอ่ยถามเสียงนุ่มพลางดึงมือเล็กมาเกาะกุมแล้วยึดไว้แน่น คนส่ายหน้าไม่ยอมตอบแล้วรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เปิดช่องให้เขาก้มลงไปหอมแก้มนุ่มได้อย่างสบายใจ“ไม่ว่าหนูจะเป็นยังไง พี่ก็รักหนูเหมือนเดิมนะ”ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วใจดวงน้อยที่กำลังเต้นแรงระรัวทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างใบหู สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงแต่ก็แสร้งทำเป็นแง่งอนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย“ไม่ต้องมายกยอปอปั้นเลยค่ะ ห
แสงแดดสาดส่องเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่านสีทึบซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ ตกกระทบลงบนใบหน้าหวานเข้าพอดิบพอดี ปลุกให้ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่นขึ้นในในช่วงใกล้เที่ยงของวัน“อื้ออ”ความเมื่อยขบตรงเข้าโจมตีทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมาได้ เธอค่อย ๆ ประคองร่างขึ้นมานั่งที่ปลายเตียงพลางชะโงกหน้าไปมองเปลนอนของลูกน้อยซึ่งอยู่ในห้องถัดไป พลันคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นเข้าหากันแน่นเมื่อพบว่ามันว่างเปล่า“หายไปไหนทั้งพ่อทั้งลูกเนี้ย”ฟ้าใสพึมพำบ่นด้วยความไม่เข้าใจ ถึงแม้สามีจะตื่นก่อนเป็นปกติในทุกวัน ทว่าครั้งนี้มันแปลกไปตรงที่เขาไม่คิดแม้แต่จะปลุกเธอ มิหนำซ้ำยังหายตัวไปพร้อมกันทั้งพ่อและลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดมือเล็กเอื้อมไปหยิบชุดคลุมที่ชายหนุ่มวางเตรียมไว้ให้บนปลายเตียงมาคลุมร่างเปลือยเปล่าแล้วมุ่งหน้าเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเพื่อชำระล้างคราบแห้งกรังที่สามีฝากรักไว้ให้เมื่อคืนเท้าเล็กเปลือยเปล่าก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวก่อนหยุดชะงักลงที่หน้าตู้เสื้อผ้า ดวงตาเบิกกว้างฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบชุดเดรสสีครีมสุดละมุนจากแบรนด์ดังถูกแขวนไว้พร้อมกระดาษโน้ตใบเล็ก ชุดพิเศษ สำหรับคนพิเศษ ในวันพิเศษ
ใจดวงน้อยอ่อนยวบลงแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยออดอ้อนเว้าวอน แล้วไหนจะฝ่ามือที่กอบกุมแล้วเคล้นคลึงสองเต้าอย่างหนักหน่วงอีก “พี่นัท มะ...ไม่เอา อื้ออ”ฟ้าใสสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วร้ายสะกิดยอดถันผ่านเนื้อผ้าระรัว ร้องปรามได้ไม่กี่คำก็อ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ ปล่อยให้คนหื่นช้อนตัวขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้วพาตัวกลับมายังเตียงนุ่มในที่สุดทันทีที่แผ่นหลังแนบไปกับเตียงนุ่ม ชุดนอนตัวบางก็ถูกคนใจร้อนดึงทึ้งจนขาดวิ่นหลุดติดมือก่อนจะปลิวหายไปอยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้องอย่างน่าสงสารปากร้อนพรมจูบไปตามเนินเนื้ออวบอิ่มที่เพิ่มขยายขึ้นตามน้ำหนักตัวของผู้เป็นแม่ แล้วย้ายมาตะโบมดูดดึงยอดถันอย่างมูมมามจนเกิดเสียงลามกพร้อม ๆ กับเนื้ออ่อนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเถือก“พี่นัท บะ...เบาหน่อยค่ะ อ๊ะ จะ...เจ็บ”ฟ้าใสครางกระเส่าพลางบิดเร่าร่างกายไปมา สะดุ้งเฮือก ๆ ยามฟันคมขบกัด เกิดเป็นความเจ็บแปลบระคนเสียวซ่านที่แสนรัญจวนใจแตกต่างจากเวลาที่ลูกน้อยดูดดึงอย่างสิ้นเชิงเธอแอ่นกายเข้าหาสัมผัสวาบหวามพร้อมกับสอดมือเข้าใต้เรือนผมสีดำของสามีแล้วออกแรงกดให้ใบหน้าคมคายแนบไปกับเต้าอวบมากขึ้น ฟันคมขบกัดไปตามเนื้อนุ่ม
“อุแง แอะ แอ้!~”เสียงร้องไห้จ้าดังลั่นห้อง ทำเอาฟ้าใสที่เพิ่งผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเมื่อสิบนาทีก่อน ถึงกับสะดุ้งเฮือกสุดตัวด้วยความตกใจฟ้าใสลนลานหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ ก่อนพุ่งตัวไปยังห้องนอนเล็กที่ถูกสร้างประตูเชื่อมแล้วเปิดทิ้งไว้เพื่อความสะดวกแก่การดูแลเด็กตัวน้อย ขาเรียวชะงักแล้วหยุดยื่นอยู่ตรงกรอบประตู ทอดมองสามีที่ยืนตระกองกอดลูกสาวตัวน้อยวัยขวบเศษไว้ในอ้อมแขนแล้วเห่กล่อมอยู่ข้างเปลนอน ในขณะที่เนื้อตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่แล้วคลี่ยิ้มหวานออกมา“ชู่ววว ไม่เอาไม่ร้องน้า เอเอ๊~”“แอะ แอ้ มามาา”“จะหามาม๊าเหรอครับ มาม๊ายังหลับอยู่เลยครับ อยู่กับปะป๊าก่อนน้า”“แอะแอ้!”“หื้มม หนูเพิ่งจะขวบเดียวนะ ขี้นเสียงใส่ปะป๊าแล้วเหรอ”“มา หม่ำ!”นัทส่ายหน้ายิ้ม ๆ มองปากเล็กที่อ้า ๆ หุบ ๆ รอท่าอย่างน่ารักน่าชังแล้วรีบหันไปหยิบขวดนมซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เข้ามาเจอลูกสาววัยขวบเศษกำลังร้องไห้จ้ามายื่นให้ ส่งผลให้เสียงร้องงอแงเงียบลงทันควัน“ไม่รู้ไปได้นิสัยดื้อรั้นแล้วก็ชอบเถียงแบบนี้มาจากใครกันนะ หื้ม? ไอ้ตัวแสบ”นัทพึมพำบ่น ทอดมองเด็กโมโหหิวที่ตั้งหน้าต